สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาขอเล่าให้อ่านกันกับประสบการณ์ถึกบันเทิงครั้งนี้
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา จะเล่าให้สั้นคงไม่ได้เพราะเรื่องมันเยอะจริง ๆ
บางครั้งใช้คำเพี้ยน ๆ หยาบ ๆ เพื่ออรรถรสความนัวในการอ่านนะคะ
ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ก็ค่อนข้างพิลึกอยู่ เพราะเป็นการเดินทางร่วมกันครั้งแรกของทุกคน
ฮาาา แถมสิ่งที่เจอตามรายทางยังครบทุกความบันเทิงตั้งแต่ตังค์หายไปยันขอแต่งงาน
วิ้วววว <3 เริ่มดีกว่า
1. เราเที่ยว 12 วัน 13 เมือง 8 ประเทศ รูทตามนี้ค่ะ
BKK -> Macau ->
HK – Vienna (Transit) ->
Prauge (Chezch) -> Munich (Germany)
->
Hallstat (Austria) ->
Plitvice jezera (Croatia) ->
Dubrovnik (Croatia)
->
Zadar (Croatia) ->
Bled (Slovenia) -> Munich (Germany) ->
Luzern (Switzerland)
->
Interlaken (Switzerland) -> Zurich (Switzerland) -> Frankfurt (Transit) – BKK
เมืองไหนที่ขีดเส้นใต้คือชื่อเมืองที่พักค้างคืนนะคะ มิวนิคมีซ้ำเพราะต้องไปเอารถกับคืนรถค่ะ
2. ตั๋วเครื่องบิน เราจองกับ expedia ได้ราคามาที่ 16,xxx บาทกับน้องอีกสองคน
ส่วนคนอื่นในทริปได้มาที่ราคาประมาณ 13,xxx บาทกับ 15,xxx
แต่มันออกจาก HK เพราะงั้นเราเลยต้องจอง Air asia จากไทยไปลง Macau เพิ่มด้วย
ทำไมลงมาเก๊า ? ตอนนั้นตั๋วมาเก๊าถูกกว่าอ่ะ แต่พอรวมค่าเรือข้ามฝากก็พอ ๆ กัน
แต่สำหรับคนไม่เคยเที่ยวมาเก๊า ฮ่องกงอย่างเรา ถือว่าคุ้มเพราะได้เที่ยวทั้ง HK , MC
3. เชงเก้นตอนนั้นเราทำก่อนเดินทางประมาณ 90 วัน
ระหว่างนั้นก็นั่งปั้นบัญชีให้ดูสวยงามไปด้วย ความจริงเราว่าเชงเก้นผ่านไม่ยาก
แค่มีหลักฐานที่บอกว่าเราจะไม่ไปโรบินฮู้ดที่บ้านเค้าก็พอ
4. ทริปนี้มี 9 คน เจ็ดคนแรกไปจากไทย อีกสองคนตามมาสบทบที่สวิตจากอังกฤษ
เพราะงั้นการเดินทางในยุโรปหลัก ๆ กรุ๊ปเราเลยใช้การเช่ารถขับเที่ยวเอา
ตอนแรกเช่าจาก Euro Cars แต่พอใกล้วันดันเมล์มาบอกว่าไม่คอนเฟิร์มว่าจะมีรถไหม
เพราะตรงกับช่วงอีสเตอร์ .. งงกับมัน จองไปแล้วนะเห้ยย เลยเปลี่ยนเป็น Hertz ซึ่งโคตรดี
ได้รถที่มี GPS ติดมาด้วย รถที่เช่าครั้งนี้ เช่า Benz Veto ค่ะ นั่งได้เก้าคน
ช่วงแรกนั่งเจ็ด ก็เลยเหลือสบาย ๆ วางกระเป๋าชิว ๆ ไป
Day 1 : Macau - HK [ ซ้อมเที่ยวก่อนเอาจริง .. ไอ้เรื่องแบบนี้มันซ้อมได้ด้วยเรอะ !? ]
ทริปเราเริ่มเต้นที่ DMK การเดินทางจากBKK-Macau ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
นั่งชิว ๆ แบบเดียวก็เจอหน้า ตม แล้ว แต่ ตม.ไม่มีปั้มตราแต่มีกระดาษมาให้ ห้ามทำหายนะจ้ะ
เงินฮ่องกงใช้ที่มาเก๊าได้ แต่เงินที่มาเก๊าใช้ที่ฮ่องกงไม่ได้ เพราะงั้นแลกเงินฮ่องกงอย่างเดียวก็พอแล้ว
กรุ๊ปเราฝากกระเป๋าที่ venetian ตอนนี้เสียค่าฝากใบละสิบเหรียญ
ก่อนหน้านี้หัวหน้าทัวร์บอกว่าฝากฟรี แต่ตอนนี้มันไม่ฟรีแล้วนะสิเทอออ
Venetian เป็นคาสิโนที่ใหญ่มาก และก็มีท้องฟ้าที่เค้าชอบไปถ่ายรูปกัน
มีโชว์พายเรือกอนโดล่า พอพายเสร็จคนพายจะปรบมือเอง
เพราะไม่ค่อยมีใครปรบมือให้นาง ถ้าแวะไปเที่ยว เจอก็ช่วยให้กำลังใจกันด้วยนะ
จุดหมายปลายทางของกรุ๊ปเราคือแลนด์มาร์คของ Macau นั้นคือ st.paul
ระหว่างทางไปโบสถ์เซนต์พอลจะผ่านถนนเส้นหนึ่ง
ซึ่งจะมีร้านขายลูกชิ้นในน้ำซุปที่เป็นแบบแกงกระหรี่เรียงรายกัน
ซึ่งอร่อยมากกกกกกกกกกก ให้ลองชิม แนะนำอย่ากินเต้าหู้ทอด
เพราะมันอมน้ำซุปแกงกระหรี่ กินแล้วลวกปาก
แนะนำชีส และไข่กุ้ง นัวมากกกกกกกกกกก
พอพ้นถนนลูกชิ้นจะเจอร้านขายหมูหวาน ขายขนม อารมณ์ประมาณเซมเบ
แล้วเค้าจะมีคนมายืนยื่นขนม ยื่นหมูหวานให้เราชิมเพราะแจกใบปลิว
ถ้าหิว ๆ ให้เดินมาเส้นนี้ เดิน ๆ ไปอาจอิ่มโดยไม่ต้องเสียตังสักกะเหรียญ 555
มาถึงแลนด์มาร์คแล้วต้องเอาซะหน่อย
แวะเช็คอินเรียบร้อย เราก็ต้องรีบกลับมาเอากระเป๋าที่คาสิโน เพื่อไปขึ้นเรือข้ามฝากไป HK
พอได้ตั๋ว Ferry มาแล้วแนะนำให้รีบเอากระเป๋าไปโหลด กรุ๊ปเราไปช้าสามนาที
เจ้าหน้าที่ไม่ให้โหลดจ้า ต้องเสียค่าธรรมเนียม T.T โดนไปเกือบสองร้อยเหรียญ
บันเทิงแรกมาแล้วจ้า มาแบบจิ๋วๆ พอเป็นน้ำจิ้มก่อน ฮาาา
เรือ Ferry ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ลงจากเรือมาก็เจอ ตม. หน้าเข้มก่อนเลย
ถ้าคุณเป็นผู้หญิงและ passport ขาวสะอาดไม่เคยมีการผ่านเข้า HK มาก่อน
อาจโดนเรียกเข้าห้องเย็นได้ ก็ไม่ต้องตกใจไป เราบริสุทธิ์ใจซะอย่างเนอะ ฮาา
ก็ถ้าเป็นไปได้ให้ปริ้นท์ตัว liternery เก็บไว้กับตัวสักชุดก็จะดี
เผื่อ ตม. เค้าถามว่าเราจะไปไหน ยังไง เมื่อไหร่ จะได้มีหลักฐานได้ว่าไม่ได้มาขายโว้ย
HK เป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงมากก หนมจีบเข่งละ 28 เหรียญ
เห็นราคาจะร้องไห้ ข้าวผัดเปล่า ๆ เลี่ยน ๆ จานละสองสามร้อย ..
กินไปน้ำตาไหลไป ขูดจนเม็ดสุดท้าย แต่เป็ดย่างอร่อยมากกกกกกก
ตอนกินร้อนๆนี่ฉ่ำมาก แต่พอเย็นแล้วมันล้วน ๆ เลยจ้า
กรุ๊ปเราพักที่โรงแรมแถว ๆ สถานี Jordan อารมณ์แบบอพาร์ทเมนต์มาทำโรงแรม
ซึ่งคนเฝ้า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และนางไม่รับบัตรเครดิต
แล้วทั้งกรุ๊ปมีตังรวมกันไม่พอค่าโรงแรม .... บันเทิงจ้าา ตอนนั้นคือสามทุ่ม
แล้วจะให้ไปหาแลกตังที่ไหนเนี่ยยย
สุดท้ายเลยต้องใช้วิธีไปเบิกเงินจาก ATM มาจ่าย รอดชีวิตไปจ้า
แต่บันเทิงสามตามมาติด ๆ … น้องในกรุ๊ปทำเงินยูโรหายไปสี่ร้อยยูโร
มารู้ตัวก็ตอนดึกแล้วเลยตัดสินใจว่าเดี๋ยวไปลองถามที่สถานีตอนเช้า
ถ้าเจอคนดี อาจจะโชคดี แต่ก็แย่ที่โชคไม่เข้าข้างกรุ๊ปเราเอาซะเลย
นี่แค่วันแรก ก็โดนกันไปเกือบถ้วนหน้า ไม่รู้ว่าวันที่เหลือจะเป็นยังไงบ้างนะ ฮาา
เช้ามาเรานั่งรถบัสสาย A21 ไปสนามบิน ซึ่งบัสสายที่ขึ้นต้นด้วย A ไปสนามบินหมด
แต่ขึ้นให้ถูกฝั่งนะ ถ้าผิดฝั่งมันอาจจะพาเราเข้าเมืองแทนที่จะไปสนามบิน รถบัสดีมีฟรีไวไฟให้เล่น
เราออกจาก HK ไปลงปราก แต่ Transit ที่เวียนนาก่อน
ซึ่งเวลาในการ Transit 45 นาที เครื่องลงเกท F5 ไปต่อ Gate F30
ตอนนั้นคิดว่าคงจะใกล้ ๆ กัน แต่ว่า ...
อ้อมมมม อ้อมแบบอ้อมโลกกกกกก
เพราะต้องออกมาตรวจกระเป๋าอีกรอบแล้ววิ่งต่อ
แล้วคือพอวิ่งพ้นโค้งตรวจกระเป๋ามาเพื่อเจอว่าเกท F30 อยู่ท้ายเกือบสุดสายตา
โหยยย โคตรท้อแท้ 5555 แต่ก็ต้องวิ่ง วิ่งสุดชีวิต วิ่งเพซ 4 ได้ก็วิ่งอัดละจ้า
ดท้ายเครื่อง delay เพราะผู้โดยสาย transit เลทจาก flight เราเยอะมากกกก
ระยะเวลาจากเวียนนาถึงจุดหมายของเราใช้เวลาแปปเดียว 45 นาทีได้
พอถึงปรากปรากฏกระเป๋าของเพื่อนในกรุ๊ปล้อหักจ้า ต้องไปเคลม
แต่หัวหน้าทัวร์นัดให้คนขับรถให้มารับเพื่อไปส่งที่ Apartment ที่จองไว้
ซึ่งเค้าก็ดันมีนัดลูกค้าต่อ แล้วเค้าก็มาเร่งพวกเรา เรื่องกระเป๋าก็ต้องทำ รถก็จะตก
แต่เค้าก็ใจดีรอจนเพื่อนเราทำเรื่องกระเป๋าเสร็จ รีบวิ่งออกจากเกทสุดตัว
ขึ้นรถได้พี่แกก็ซิ่งสุด ๆ แปปเดียวเราก็ถูกดรอปแถวอะพาร์ทเมนต์ที่จองไว้
ตอนนั้น 5 ทุ่มแล้ว แต่หา apartment ไม่เจอ 5555 หลงถนนกัน
จนต้องเข้าไปถามในบาร์ บาร์เทนเดอร์ก็ใจดี (หล่อด้วย ฮาาา)
โทรหาเจ้าหน้าที่ apartment ให้ กว่าจะได้ห้องก็เที่ยงคืนได้
ห้องที่พักดีมากกกก สวยมากกกกก
มีห้องครัวแยกด้วย มาถึงเข้าห้องได้ก็เปิดกระเป๋า
ควักกับข้าวโรซ่าออกมากินกัน ตอนนั้นหิวกันมากกกกก เหนื่อยด้วยย
กว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง วันแรกก็บันเทิงไปหลายช๊อตแล้ว
Day 2 : Prague [ Romance & Classic City ]
หลังจากที่เมื่อคืนสลบเหมือดจากการเดินทาง เช้ามาเรามาเที่ยวปรากกัน
เน้นเที่ยวแลนด์มาร์คของที่นี่ Apartment ที่เราพักอยู่ใน old town เพราะงั้นมันเลยเดินเที่ยวได้
ตกลงกันว่าจะเริ่มกัน Dancing Hall ตึกรูปทรงประหลาดที่ดูเหมือนตัวตึกเองกำลังเต้นรำอยู่
พอแดดเริ่มมาเลยเดินวกเลียบแม่น้ำ บรรยากาศดีมากกกก
ปรากโคตรเป็นเมืองโรแมนติกจริง ๆ จูงมือแฟนเดินเล่นเลียบแม่น้ำ
โอ้ยยยย หวานไปอี๊กกกกกกก ลองดูสิ
เดินไปถ่ายรูปไปจนวกกลับมาถึง charles bridge แต่เรายังไม่ข้ามไป เราเลี้ยวขวา
เรามีนัดกับ clock astronomical tower ก่อน
หอนาฬิกาที่เจ๋งตรงที่มันสามารถบอกเวลา 24 ขั่วโมงได้ในหน้าปัดเดียว
บอกกลางวันกลางคืนได้ด้วย ประเด็นคือมันเป็นนาฬิกา manual ที่สร้างมานานถึงหกร้อยปี
แล้วถ้าครบชั่วโมงจะมี puppet ออกมาเต้นดุ๊กดิ๊ก ดุ๊กดิ๊กให้เราดูด้วย
ตรงลานแถว clock tower มีตลาดนัดด้วย มีขายอาหารพวก hotdog ไรเงี้ย อันบึ้มสุด
เจ็ดคนนี่ซื้อมากินสามอันก็อิ่มจุก แต่ว่าที่ปรากไม่ใช้ Euro นะ ต้องแลกเงิน
อย่า !! ไปแลกแถว clock tower เด็ดขาด กรุ๊ปเราได้เรทโคตรแย่
ตอนนั้นหน้ามืดมองเรทไม่เคลียร์เลยไปแลกมา เสียฟรี ๆ ไปเกือบแปดร้อยบาท
ระหว่างเดินย้อนกลับมาที่สะพาน charles bridge เราจะเจอขนมอันนี้ขายมันทุกหัวถนน
มันจะเป็นลักษณะเหมือน pretzel ที่ทำเป็นโคนแล้วก็ใส่พวกไอติม วิปครีมลงไป อื้มหื้มมมม
จัดไปสองค่ะ แต่แบ่งกินทั้งแก๊ง อร่อยดี โดยเฉพาะตัวไอติม เวลามันซึมเข้าแป้งนะ อร่อย ๆ เย็น ๆ
แล้วได้ความเค็มนิดๆ จากเนื้อแป้งตัดด้วย นัวเลยยยย
แล้วเราก็มาถึงสะพาน charles bridge เป็นสะพานที่ยาวมากก
เชื่อมไปฝั่ง prague castle บนเชิงสะพานจะมีรูปปั้นที่เค้าบอกว่า นี่คือต้นตระกูลชาร์ล
และที่เรียกชาร์ลบริดจ์ เพราะเค้ายืนบิดกัน (?) ขำม่ะ ? ไม่ขำอะดิ ฮาาาา
แต่เอาจริง ๆ เป็นสะพานที่มีความเป็นศิลปินสูงมากกก
ตลอดสะพานจะมีพวกศิลปินมานั่งขายของทำมือ
ซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกรูปวาด รูปวิว รูปเหมือน
ตอนบ่าย ๆ มีวงดนตรีมินิออเครสต้ามาเล่นด้วย
Prauge castle อยู่บนเขา ต้องเดินขึ้นไปผ่านบ้านเมืองเค้า เมืองน่ารักมากกกกกกกกก
จริง ๆ นะ มันโรแมนติกม๊ากกกกก สายเดินชมเมืองอย่างเรานี่เพลินค่ะ เดินพอเหงื่อซึม
ก็เจอปราสาทตั้งตรงหน้า หายเหนื่อยค่ะ สวยมากกกก
แล้วยิ่งวิวจากปราสาทมองลงไปสะพานชาร์ลยืนบิดนี่
อื้มหื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ฟินนนน
กว่าจะได้กลับจากปราสาทก็มืดแล้ว รีบเดินเข้า apartment ไปทำกับข้าวกินกัน
มื้อเย็นวันนี้เป็นมาม่าเฮียเต้ย ที่เครื่องหนักกว่ามาม่าเจ้โอ้วประมาณสิบเท่าได้ ชีสเป็นชีส
ใช้วิปปิ้งครีมแทนกะทิจ้า ไม่มันก็ไม่รู้พูดว่าไงแล้วว พอพุงกางแล้วก็ต้องรีบเก็บของ
เพราะคืนนี้เราจะต้องนั่ง flixbus จากปรากเข้า munich เพื่อไปเอารถและเริ่มทริปอย่างจริงจัง
Flixbus ต้องจองล่วงหน้า แล้วสายที่จองมันเป็นการแวะรับระหว่างทาง
แล้วที่ปรากบัสเทอร์มินัลมีสองฝั่ง ต้องขึ้นให้ถูกฝั่งด้วย
รถบัสที่นี่ตรงเวลามากก บอกห้าทุ่มสิบห้า รถก็มาห้าทุ่มสิบห้าจริง ๆ
สรุปคืนนี้เรานอนกันบนรถบัส ซึ่งนอนได้แบบสบาย ๆ ไม่ลำบากอะไร
ออกจะสบายกว่านอนบนเครื่องอีกซะอีก
[**หมดโควต้าแค่นี้ค่ะ ต่อในคอมเม้นท์นะคะ
**]
12 Day 13 Cities 8 Countries in Asia + Europe : ใต้จรดเหนือสากกะเบือยันเรือข้ามทะเลสาบ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเรา จะเล่าให้สั้นคงไม่ได้เพราะเรื่องมันเยอะจริง ๆ
บางครั้งใช้คำเพี้ยน ๆ หยาบ ๆ เพื่ออรรถรสความนัวในการอ่านนะคะ
ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ก็ค่อนข้างพิลึกอยู่ เพราะเป็นการเดินทางร่วมกันครั้งแรกของทุกคน
ฮาาา แถมสิ่งที่เจอตามรายทางยังครบทุกความบันเทิงตั้งแต่ตังค์หายไปยันขอแต่งงาน
วิ้วววว <3 เริ่มดีกว่า
1. เราเที่ยว 12 วัน 13 เมือง 8 ประเทศ รูทตามนี้ค่ะ
BKK -> Macau -> HK – Vienna (Transit) -> Prauge (Chezch) -> Munich (Germany)
-> Hallstat (Austria) -> Plitvice jezera (Croatia) -> Dubrovnik (Croatia)
-> Zadar (Croatia) -> Bled (Slovenia) -> Munich (Germany) -> Luzern (Switzerland)
-> Interlaken (Switzerland) -> Zurich (Switzerland) -> Frankfurt (Transit) – BKK
เมืองไหนที่ขีดเส้นใต้คือชื่อเมืองที่พักค้างคืนนะคะ มิวนิคมีซ้ำเพราะต้องไปเอารถกับคืนรถค่ะ
2. ตั๋วเครื่องบิน เราจองกับ expedia ได้ราคามาที่ 16,xxx บาทกับน้องอีกสองคน
ส่วนคนอื่นในทริปได้มาที่ราคาประมาณ 13,xxx บาทกับ 15,xxx
แต่มันออกจาก HK เพราะงั้นเราเลยต้องจอง Air asia จากไทยไปลง Macau เพิ่มด้วย
ทำไมลงมาเก๊า ? ตอนนั้นตั๋วมาเก๊าถูกกว่าอ่ะ แต่พอรวมค่าเรือข้ามฝากก็พอ ๆ กัน
แต่สำหรับคนไม่เคยเที่ยวมาเก๊า ฮ่องกงอย่างเรา ถือว่าคุ้มเพราะได้เที่ยวทั้ง HK , MC
3. เชงเก้นตอนนั้นเราทำก่อนเดินทางประมาณ 90 วัน
ระหว่างนั้นก็นั่งปั้นบัญชีให้ดูสวยงามไปด้วย ความจริงเราว่าเชงเก้นผ่านไม่ยาก
แค่มีหลักฐานที่บอกว่าเราจะไม่ไปโรบินฮู้ดที่บ้านเค้าก็พอ
4. ทริปนี้มี 9 คน เจ็ดคนแรกไปจากไทย อีกสองคนตามมาสบทบที่สวิตจากอังกฤษ
เพราะงั้นการเดินทางในยุโรปหลัก ๆ กรุ๊ปเราเลยใช้การเช่ารถขับเที่ยวเอา
ตอนแรกเช่าจาก Euro Cars แต่พอใกล้วันดันเมล์มาบอกว่าไม่คอนเฟิร์มว่าจะมีรถไหม
เพราะตรงกับช่วงอีสเตอร์ .. งงกับมัน จองไปแล้วนะเห้ยย เลยเปลี่ยนเป็น Hertz ซึ่งโคตรดี
ได้รถที่มี GPS ติดมาด้วย รถที่เช่าครั้งนี้ เช่า Benz Veto ค่ะ นั่งได้เก้าคน
ช่วงแรกนั่งเจ็ด ก็เลยเหลือสบาย ๆ วางกระเป๋าชิว ๆ ไป
Day 1 : Macau - HK [ ซ้อมเที่ยวก่อนเอาจริง .. ไอ้เรื่องแบบนี้มันซ้อมได้ด้วยเรอะ !? ]
ทริปเราเริ่มเต้นที่ DMK การเดินทางจากBKK-Macau ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้นเอง
นั่งชิว ๆ แบบเดียวก็เจอหน้า ตม แล้ว แต่ ตม.ไม่มีปั้มตราแต่มีกระดาษมาให้ ห้ามทำหายนะจ้ะ
เงินฮ่องกงใช้ที่มาเก๊าได้ แต่เงินที่มาเก๊าใช้ที่ฮ่องกงไม่ได้ เพราะงั้นแลกเงินฮ่องกงอย่างเดียวก็พอแล้ว
กรุ๊ปเราฝากกระเป๋าที่ venetian ตอนนี้เสียค่าฝากใบละสิบเหรียญ
ก่อนหน้านี้หัวหน้าทัวร์บอกว่าฝากฟรี แต่ตอนนี้มันไม่ฟรีแล้วนะสิเทอออ
Venetian เป็นคาสิโนที่ใหญ่มาก และก็มีท้องฟ้าที่เค้าชอบไปถ่ายรูปกัน
มีโชว์พายเรือกอนโดล่า พอพายเสร็จคนพายจะปรบมือเอง
เพราะไม่ค่อยมีใครปรบมือให้นาง ถ้าแวะไปเที่ยว เจอก็ช่วยให้กำลังใจกันด้วยนะ
จุดหมายปลายทางของกรุ๊ปเราคือแลนด์มาร์คของ Macau นั้นคือ st.paul
ระหว่างทางไปโบสถ์เซนต์พอลจะผ่านถนนเส้นหนึ่ง
ซึ่งจะมีร้านขายลูกชิ้นในน้ำซุปที่เป็นแบบแกงกระหรี่เรียงรายกัน
ซึ่งอร่อยมากกกกกกกกกกก ให้ลองชิม แนะนำอย่ากินเต้าหู้ทอด
เพราะมันอมน้ำซุปแกงกระหรี่ กินแล้วลวกปาก
แนะนำชีส และไข่กุ้ง นัวมากกกกกกกกกกก
พอพ้นถนนลูกชิ้นจะเจอร้านขายหมูหวาน ขายขนม อารมณ์ประมาณเซมเบ
แล้วเค้าจะมีคนมายืนยื่นขนม ยื่นหมูหวานให้เราชิมเพราะแจกใบปลิว
ถ้าหิว ๆ ให้เดินมาเส้นนี้ เดิน ๆ ไปอาจอิ่มโดยไม่ต้องเสียตังสักกะเหรียญ 555
มาถึงแลนด์มาร์คแล้วต้องเอาซะหน่อย
แวะเช็คอินเรียบร้อย เราก็ต้องรีบกลับมาเอากระเป๋าที่คาสิโน เพื่อไปขึ้นเรือข้ามฝากไป HK
พอได้ตั๋ว Ferry มาแล้วแนะนำให้รีบเอากระเป๋าไปโหลด กรุ๊ปเราไปช้าสามนาที
เจ้าหน้าที่ไม่ให้โหลดจ้า ต้องเสียค่าธรรมเนียม T.T โดนไปเกือบสองร้อยเหรียญ
บันเทิงแรกมาแล้วจ้า มาแบบจิ๋วๆ พอเป็นน้ำจิ้มก่อน ฮาาา
เรือ Ferry ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ลงจากเรือมาก็เจอ ตม. หน้าเข้มก่อนเลย
ถ้าคุณเป็นผู้หญิงและ passport ขาวสะอาดไม่เคยมีการผ่านเข้า HK มาก่อน
อาจโดนเรียกเข้าห้องเย็นได้ ก็ไม่ต้องตกใจไป เราบริสุทธิ์ใจซะอย่างเนอะ ฮาา
ก็ถ้าเป็นไปได้ให้ปริ้นท์ตัว liternery เก็บไว้กับตัวสักชุดก็จะดี
เผื่อ ตม. เค้าถามว่าเราจะไปไหน ยังไง เมื่อไหร่ จะได้มีหลักฐานได้ว่าไม่ได้มาขายโว้ย
HK เป็นเมืองที่ค่าครองชีพสูงมากก หนมจีบเข่งละ 28 เหรียญ
เห็นราคาจะร้องไห้ ข้าวผัดเปล่า ๆ เลี่ยน ๆ จานละสองสามร้อย ..
กินไปน้ำตาไหลไป ขูดจนเม็ดสุดท้าย แต่เป็ดย่างอร่อยมากกกกกกก
ตอนกินร้อนๆนี่ฉ่ำมาก แต่พอเย็นแล้วมันล้วน ๆ เลยจ้า
กรุ๊ปเราพักที่โรงแรมแถว ๆ สถานี Jordan อารมณ์แบบอพาร์ทเมนต์มาทำโรงแรม
ซึ่งคนเฝ้า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ และนางไม่รับบัตรเครดิต
แล้วทั้งกรุ๊ปมีตังรวมกันไม่พอค่าโรงแรม .... บันเทิงจ้าา ตอนนั้นคือสามทุ่ม
แล้วจะให้ไปหาแลกตังที่ไหนเนี่ยยย
สุดท้ายเลยต้องใช้วิธีไปเบิกเงินจาก ATM มาจ่าย รอดชีวิตไปจ้า
แต่บันเทิงสามตามมาติด ๆ … น้องในกรุ๊ปทำเงินยูโรหายไปสี่ร้อยยูโร
มารู้ตัวก็ตอนดึกแล้วเลยตัดสินใจว่าเดี๋ยวไปลองถามที่สถานีตอนเช้า
ถ้าเจอคนดี อาจจะโชคดี แต่ก็แย่ที่โชคไม่เข้าข้างกรุ๊ปเราเอาซะเลย
นี่แค่วันแรก ก็โดนกันไปเกือบถ้วนหน้า ไม่รู้ว่าวันที่เหลือจะเป็นยังไงบ้างนะ ฮาา
เช้ามาเรานั่งรถบัสสาย A21 ไปสนามบิน ซึ่งบัสสายที่ขึ้นต้นด้วย A ไปสนามบินหมด
แต่ขึ้นให้ถูกฝั่งนะ ถ้าผิดฝั่งมันอาจจะพาเราเข้าเมืองแทนที่จะไปสนามบิน รถบัสดีมีฟรีไวไฟให้เล่น
เราออกจาก HK ไปลงปราก แต่ Transit ที่เวียนนาก่อน
ซึ่งเวลาในการ Transit 45 นาที เครื่องลงเกท F5 ไปต่อ Gate F30
ตอนนั้นคิดว่าคงจะใกล้ ๆ กัน แต่ว่า ...
อ้อมมมม อ้อมแบบอ้อมโลกกกกกก
เพราะต้องออกมาตรวจกระเป๋าอีกรอบแล้ววิ่งต่อ
แล้วคือพอวิ่งพ้นโค้งตรวจกระเป๋ามาเพื่อเจอว่าเกท F30 อยู่ท้ายเกือบสุดสายตา
โหยยย โคตรท้อแท้ 5555 แต่ก็ต้องวิ่ง วิ่งสุดชีวิต วิ่งเพซ 4 ได้ก็วิ่งอัดละจ้า
ดท้ายเครื่อง delay เพราะผู้โดยสาย transit เลทจาก flight เราเยอะมากกกก
ระยะเวลาจากเวียนนาถึงจุดหมายของเราใช้เวลาแปปเดียว 45 นาทีได้
พอถึงปรากปรากฏกระเป๋าของเพื่อนในกรุ๊ปล้อหักจ้า ต้องไปเคลม
แต่หัวหน้าทัวร์นัดให้คนขับรถให้มารับเพื่อไปส่งที่ Apartment ที่จองไว้
ซึ่งเค้าก็ดันมีนัดลูกค้าต่อ แล้วเค้าก็มาเร่งพวกเรา เรื่องกระเป๋าก็ต้องทำ รถก็จะตก
แต่เค้าก็ใจดีรอจนเพื่อนเราทำเรื่องกระเป๋าเสร็จ รีบวิ่งออกจากเกทสุดตัว
ขึ้นรถได้พี่แกก็ซิ่งสุด ๆ แปปเดียวเราก็ถูกดรอปแถวอะพาร์ทเมนต์ที่จองไว้
ตอนนั้น 5 ทุ่มแล้ว แต่หา apartment ไม่เจอ 5555 หลงถนนกัน
จนต้องเข้าไปถามในบาร์ บาร์เทนเดอร์ก็ใจดี (หล่อด้วย ฮาาา)
โทรหาเจ้าหน้าที่ apartment ให้ กว่าจะได้ห้องก็เที่ยงคืนได้
ห้องที่พักดีมากกกก สวยมากกกกก
มีห้องครัวแยกด้วย มาถึงเข้าห้องได้ก็เปิดกระเป๋า
ควักกับข้าวโรซ่าออกมากินกัน ตอนนั้นหิวกันมากกกกก เหนื่อยด้วยย
กว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง วันแรกก็บันเทิงไปหลายช๊อตแล้ว
Day 2 : Prague [ Romance & Classic City ]
หลังจากที่เมื่อคืนสลบเหมือดจากการเดินทาง เช้ามาเรามาเที่ยวปรากกัน
เน้นเที่ยวแลนด์มาร์คของที่นี่ Apartment ที่เราพักอยู่ใน old town เพราะงั้นมันเลยเดินเที่ยวได้
ตกลงกันว่าจะเริ่มกัน Dancing Hall ตึกรูปทรงประหลาดที่ดูเหมือนตัวตึกเองกำลังเต้นรำอยู่
พอแดดเริ่มมาเลยเดินวกเลียบแม่น้ำ บรรยากาศดีมากกกก
ปรากโคตรเป็นเมืองโรแมนติกจริง ๆ จูงมือแฟนเดินเล่นเลียบแม่น้ำ
โอ้ยยยย หวานไปอี๊กกกกกกก ลองดูสิ
เดินไปถ่ายรูปไปจนวกกลับมาถึง charles bridge แต่เรายังไม่ข้ามไป เราเลี้ยวขวา
เรามีนัดกับ clock astronomical tower ก่อน
หอนาฬิกาที่เจ๋งตรงที่มันสามารถบอกเวลา 24 ขั่วโมงได้ในหน้าปัดเดียว
บอกกลางวันกลางคืนได้ด้วย ประเด็นคือมันเป็นนาฬิกา manual ที่สร้างมานานถึงหกร้อยปี
แล้วถ้าครบชั่วโมงจะมี puppet ออกมาเต้นดุ๊กดิ๊ก ดุ๊กดิ๊กให้เราดูด้วย
ตรงลานแถว clock tower มีตลาดนัดด้วย มีขายอาหารพวก hotdog ไรเงี้ย อันบึ้มสุด
เจ็ดคนนี่ซื้อมากินสามอันก็อิ่มจุก แต่ว่าที่ปรากไม่ใช้ Euro นะ ต้องแลกเงิน
อย่า !! ไปแลกแถว clock tower เด็ดขาด กรุ๊ปเราได้เรทโคตรแย่
ตอนนั้นหน้ามืดมองเรทไม่เคลียร์เลยไปแลกมา เสียฟรี ๆ ไปเกือบแปดร้อยบาท
ระหว่างเดินย้อนกลับมาที่สะพาน charles bridge เราจะเจอขนมอันนี้ขายมันทุกหัวถนน
มันจะเป็นลักษณะเหมือน pretzel ที่ทำเป็นโคนแล้วก็ใส่พวกไอติม วิปครีมลงไป อื้มหื้มมมม
จัดไปสองค่ะ แต่แบ่งกินทั้งแก๊ง อร่อยดี โดยเฉพาะตัวไอติม เวลามันซึมเข้าแป้งนะ อร่อย ๆ เย็น ๆ
แล้วได้ความเค็มนิดๆ จากเนื้อแป้งตัดด้วย นัวเลยยยย
แล้วเราก็มาถึงสะพาน charles bridge เป็นสะพานที่ยาวมากก
เชื่อมไปฝั่ง prague castle บนเชิงสะพานจะมีรูปปั้นที่เค้าบอกว่า นี่คือต้นตระกูลชาร์ล
และที่เรียกชาร์ลบริดจ์ เพราะเค้ายืนบิดกัน (?) ขำม่ะ ? ไม่ขำอะดิ ฮาาาา
แต่เอาจริง ๆ เป็นสะพานที่มีความเป็นศิลปินสูงมากกก
ตลอดสะพานจะมีพวกศิลปินมานั่งขายของทำมือ
ซึ่งส่วนมากจะเป็นพวกรูปวาด รูปวิว รูปเหมือน
ตอนบ่าย ๆ มีวงดนตรีมินิออเครสต้ามาเล่นด้วย
Prauge castle อยู่บนเขา ต้องเดินขึ้นไปผ่านบ้านเมืองเค้า เมืองน่ารักมากกกกกกกกก
จริง ๆ นะ มันโรแมนติกม๊ากกกกก สายเดินชมเมืองอย่างเรานี่เพลินค่ะ เดินพอเหงื่อซึม
ก็เจอปราสาทตั้งตรงหน้า หายเหนื่อยค่ะ สวยมากกกก
แล้วยิ่งวิวจากปราสาทมองลงไปสะพานชาร์ลยืนบิดนี่
อื้มหื้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ฟินนนน
กว่าจะได้กลับจากปราสาทก็มืดแล้ว รีบเดินเข้า apartment ไปทำกับข้าวกินกัน
มื้อเย็นวันนี้เป็นมาม่าเฮียเต้ย ที่เครื่องหนักกว่ามาม่าเจ้โอ้วประมาณสิบเท่าได้ ชีสเป็นชีส
ใช้วิปปิ้งครีมแทนกะทิจ้า ไม่มันก็ไม่รู้พูดว่าไงแล้วว พอพุงกางแล้วก็ต้องรีบเก็บของ
เพราะคืนนี้เราจะต้องนั่ง flixbus จากปรากเข้า munich เพื่อไปเอารถและเริ่มทริปอย่างจริงจัง
Flixbus ต้องจองล่วงหน้า แล้วสายที่จองมันเป็นการแวะรับระหว่างทาง
แล้วที่ปรากบัสเทอร์มินัลมีสองฝั่ง ต้องขึ้นให้ถูกฝั่งด้วย
รถบัสที่นี่ตรงเวลามากก บอกห้าทุ่มสิบห้า รถก็มาห้าทุ่มสิบห้าจริง ๆ
สรุปคืนนี้เรานอนกันบนรถบัส ซึ่งนอนได้แบบสบาย ๆ ไม่ลำบากอะไร
ออกจะสบายกว่านอนบนเครื่องอีกซะอีก
[**หมดโควต้าแค่นี้ค่ะ ต่อในคอมเม้นท์นะคะ **]