สวัสดีค่ะ ^^ เป็นการเขียนกระทู้ครั้งแรกใน pantip อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้าง ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
จุดเริ่มต้นของการที่เราเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเนื่องจากมักจะมีคนมาถามเราบ่อยๆว่า “แกจะไปเกาหลีอ่ะ ต้องเตรียมเอกสารอะไรไปยื่น ตม.บ้าง” ประกอบกับช่วงหน้าเทศกาล ซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี หิมะ เรามักจะเห็นมีคนตั้งกระทู้ถามใน pantip เกี่ยวกับตม.เกาหลีอยู่บ่อยๆ ว่ากลัวตม.เกาหลี ดังนั้นเราจึงตั้งใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ และคนที่กังวลว่าเคยเข้าเกาหลีมาก่อนแล้วอยากไปอีกแต่เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ว่าควรจะเตรียมตัวอย่างไรดี
สำหรับข้อมูลการเขียนกระทู้นั้นมาจากการประสบการณ์ของเราและการสังเกตเวลาที่เรายืนรอต่อแถวจะเข้าตม.ค่ะ ตัวเรานั้นเคยไปเกาหลีมาแล้วทั้งหมด 5ครั้ง ตอนพาสปอร์ตขาวประเทศแรกที่เข้าก็เกาหลีนี่แหละค่ะ เคยเข้าเกาหลีคนเดียว และเคยพาทั้งเพื่อนที่พาสปอร์ตขาวและเพื่อนที่เปลี่ยนทั้งชื่อ – นามสกุลไปเที่ยวเกาหลี ซึ่งเพื่อนๆที่ไปด้วยกันก็ผ่านออกมาได้ทุกครั้งโดยไม่ผ่านการเข้าห้องเย็นแต่อย่างใด
❥ 1. เอกสาร
สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่
เพื่อนๆหลายคนกังวลอย่างมากว่าจะไปเกาหลีต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ที่พาสปอร์ตขาวนั้นเอกสารที่สำคัญคือ ตั๋วเครื่องบินขากลับ ใบจองห้องพักและที่อยู่ที่ชัดเจน รายการแพลนเที่ยวว่าเราจะไปเที่ยวไหนในแต่ละวันและวิธีการเดินทาง (แนะนำให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพื่อที่ตม.จะได้เข้าใจและรู้ว่าเราได้ภาษาอังกฤษแน่ๆค่ะ) รวมทั้งบัตรประชาชน (พกติดไปด้วยก็ดีค่ะเผื่อไปเที่ยวและพาสปอร์ตหายจะได้สะดวกตอนไปทำพาสปอร์ทชั่วคราวที่เกาหลี) และเอกสารที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะเอาติดไป เผื่อ “อาจจะ” ต้องใช้ คือเอกสารยืนยันว่าเรามีหน้าที่การงานอยู่ที่ประเทศไทย ว่ายังไงเราก็จะกลับมาทำงานที่ประเทศไทยแน่นอน เช่น บัตรพนักงาน และใบรับรองหน้าที่การงานค่ะ (เป็นภาษาอังกฤษ) สำหรับน้องๆนักเรียนนักศึกษา เราว่าบัตรนักเรียน-นักศึกษาที่ยังไม่หมดอายุก็พอค่ะ
ตอนเราไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก เราจบป.ตรีแล้วและเพิ่งจะเริ่มเรียนป.โท ไม่ได้ทำงานแต่อย่างใด ซึ่งอายุเราช่วงนั้นก็เข้าข่ายว่าจะหนีมาทำงานได้ เราก็เตรียมเอกสารที่กล่าวไว้ด้านบน ที่เพิ่มเติมคือใบรับรองความเป็นนักศึกษา ซึ่งในส่วนนี้ต้องไปเสียเงินให้ทางมหาวิทยาลัยทำให้ พอเอาจริงๆเราไม่เคยจะได้ใช้เลย ส่วนเอกสารอื่นๆเช่น statement สมุดบัญชีธนาคาร เราว่าไม่จำเป็นหรอกค่ะแต่ใครอยากจะเอาไปเพื่อความอุ่นใจก็ได้ค่ะ
สำหรับคนที่เคยไปเกาหลีมาก่อนแล้วเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล
ในส่วนนี้โดนถามแน่ๆค่ะ 1,000% เพราะตอนที่เราสแกนนิ้วนั้นลายนิ้วมือเราจะไปตรงกับลายนิ้วมือเดิมที่เคยบันทึกไว้และชื่อเก่าที่เคยเข้าเกาหลีมาก่อนก็จะขึ้นมาพร้อม จากประสบการณ์เพื่อนเราเปลี่ยนทั้งชื่อ – นามสกุลตอนแรกตม.ไม่ได้ถามอะไรเลยค่ะจะให้ผ่านออกมาแล้ว แต่พอสแกนนิ้วเท่านั้นแหละ คราวนี้ยาวววววววว !! เลยค่ะ เริ่มจากขอดูพาสปอร์ตเก่า แล้วก็ไล่ถามว่าเปลี่ยนชื่อทำไม เพื่อนเราก็ตอบไปว่า To get lucky ตม.นางก็บอกว่านางเข้าใจนะ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไปต้องเปลี่ยนนามสกุลด้วย จากหน้าที่ยิ้มแย้มก็กลายเป็นหน้าตึงใส่ เพื่อนเราเห็นท่าละว่าจะยาวแน่เลยควักเอกสารแปลรับรองการเปลี่ยนนามสกุลขึ้นมา ซึ่งในเอกสารระบุว่าเปลี่ยนตามบิดา เพื่อนเราก็ชี้ตรงส่วนนั้นให้ตม.ดู แค่นั้นแหละก็ผ่านเลย ไม่ได้โดนส่งตัวเข้าห้องเย็นแต่อย่างใด
ดังนั้นเอกสารที่สำคัญอย่างยิ่งยวด คือ เอกสารการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ในส่วนนี้ใครจะไปประทับตารับรองที่กงสุลด้วยก็ดีเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ (เพื่อนเราบอกว่าไม่เห็นตม.ดูเลยว่าประทับตรากงสุลมาหรือเปล่า) แต่เราแนะนำค่ะว่าไปรับรองไว้เถอะเพื่อความอุ่นใจ พอใครเห็นท่าละว่าจะโดนถามยาววววเเน่ ก็รีบหยิบเอกสารขึ้นมาโชว์ให้ ตม.ดูก่อนเลย จิ้มไปเลยค่ะ ว่าเนี่ยเปลี่ยนเพราะอะไร มีเอกสารราชการรับรอง ยังไงตม.ก็เชื่อ ผ่านรอดออกมาได้เเน่ ซึ่งเราไปทำให้เพื่อนที่กงศุลแจ้งวัฒนะชั้น3 เอกสาร1ชุด ราคา 400 บาท (รับรองทั้งเอกสารภาษาไทย+เอกสารแปล) ถ้าใครเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุล ก็เตรียมเงินไปเลยค่ะ 800บาท ส่วนใครต้องการทำด่วนทำเช้าได้บ่ายก็ราคา x2 ชุดละ800บาทค่ะ และอีกอย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือ พาสปอร์ตเล่มเก่า อย่าลืมพกไปด้วยนะคะ ^^
❥ 2. เงิน
เนื่องจากเราและเพื่อนๆที่เคยไปด้วยกันนั้นไม่เคยเข้าห้องเย็นเลย จึงไม่ทราบว่าถ้าเข้าไปแล้วต้องโชว์เงินให้ดูไหม แต่แน่ๆตอนอยู่ที่หน้าเคาเตอร์ตม. จะไม่มีเวลาได้ควักเงินออกมาโชว์แน่ เพราะถ้าตม.นางอยากจะส่งเราเข้าห้องเย็น นางก็แค่ยกมือขึ้น เท่านั้นแหละก็จะมีคนเดินมาหาเราที่คอกและพาเราไปที่ห้องเย็นทันที ดังนั้นแลกเงินติดตัวไว้เถอะค่ะ แลกให้พอดีกับวันที่เราจะไปอยู่ คำนวณคร่าวๆไว้ ว่าค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าช็อปปิ้งแต่ละส่วนเท่าไหร่ เผื่อตม.ในห้องเย็นขอดูและถามรายละเอียดจะได้อธิบายได้
สำหรับการแลกเงินนั้น เราแนะนำว่าไปแลกที่ superrich สีเขียวค่ะ จากที่เราสังเกตุเรทจะถูกกว่าสีส้มอยู่นิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ แค่0.001 – 0.003 ถ้าแลกไม่เยอะและไม่ซีมาก สะดวกที่ไหนก็ไปแลกเถอะ จะเขียว จะส้มได้หมดเชื่อถือได้ อย่าลืมพกพาสปอร์ตตอนไปแลกเงินด้วยนะคะ เค้าจะขอถ่ายเอกสารไว้ แต่ถ้าใครลืมพกไป ร้านสีเขียวสาขาตลาดหลังการบินไทย อนุโลมให้ใช้บัตรประชาชนได้ค่ะ แต่สีส้มนี่ไม่ได้เลยทุกสาขานั้น พาสปอร์ต Only
❥ 3. เสื้อผ้าหน้าผม
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็น First impression ที่ตม.จะเห็นเราเป็นอันดับแรก ข้อมูลนี้อาจจะไม่ 100% ว่าถ้าคุณแต่งตัวตามนี้แล้วจะไม่โดนเข้าห้องเย็น บางทีตม.จะดูส่วนอื่นประกอบด้วยเช่นภาษา หรือนามสกุลที่ตรงกับคนที่เคยหนีมาทำงาน แต่เราขอแนะนำค่ะว่าไปช่วงไหน ฤดูกาลอะไร ให้แต่งตัวไปตามนั้น ตอนเราไปครั้งที่ 3 เราเคยท้าทายตม. ด้วยการใส่กระโปรงสั้นในช่วงหน้าร้อนของเกาหลี ก็ไม่โดนถามอะไรนะคะผ่านออกมาด้วยดี เราว่าแต่งตัวให้ถูกกับฤดูกาลก็โอเคละ แต่สำหรับมือใหม่ต้องการ safe แน่นอน กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ดีกว่าค่ะ ใช้ได้กับทุกฤดู อย่าไปอยากลองแบบเราเลย อาจจะไม่โชคดีแบบเราก็ได้ อิอิ >.<
นี่เป็นตัวอย่างการแต่งตัวขึ้นเครื่องบิน ในแต่ละฤดูนะคะ
อันนี้เป็นข้อมมูล ที่เราสังเกตจากเวลายืนรอต่อแถวว่าคนแต่งตัวแบบไหนที่จะโดนเข้าห้องเย็น
1. คนที่แต่งตัวไม่ตรงกับฤดูกาล เช่นไปหน้าหนาวแต่ใส่แต่กระโปรงแล้วไม่ใส่เลคกิ้งข้างใน หรือ ไปหน้าหนาวแต่ไม่มีเสื้อกันหนาวติดตัว เราเคยเจอคนที่โดนส่งตัวกลับไฟลท์เดียวกับเรานั่งรอขึ้นเครื่องเป็นกลุ่ม คนกลุ่มนั้น 90% แต่งตัวไม่ตรงกับฤดู ไปหน้าร้อนแต่ใส่โค้ท ใส่เสื้อกันหนาว ใส่รองเท้าบู้ท อะไรประมาณนี้ค่ะ
2. คนที่แต่งตัวจัดเต็ม จัดเต็มว่าประหนึ่งจะไปเดินแฟชั่น แต่งหน้าเต็ม ผมเต็ม รองเท้าส้นสูง กางเกงยีนส์ขาดๆตามแฟชั่นช่วงนี้ เชิญค่ะเชิญไปที่ห้องเย็นได้เลยค่ะ เราว่าตม.อาจจะคิดได้ ว่าเราจะหนีมาทำอาชีพขายบริการ ดังนั้นขึ้นเครื่องหน้าผม เบาๆ ก็พอค่ะ ไว้ออกมาแล้วค่อยแต่งหน้าแต่งตัวแบบจะไปเดิน Seoul fashion week แบบนี้ดีกว่า
3. อันนี้แปลกมากกกก หลายครั้งที่เราเห็นคือคนที่ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีเขียวๆ สีคล้ายๆชุดรด. หรือไม่ก็เสื้อแขนยาวเก่าๆ ผ้าร่มสีๆ ดูโทรมๆ อันนี้เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโดน ทั้งๆก็เป็นช่วงที่อากาศเย็นๆ แนะนำเลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่าค่ะ
❥ 4. การตอบคำถาม
สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ พาสปอร์ตขาว ส่วนใหญ่มักจะโดนถามค่ะ ตอนเราไปครั้งแรก เราก็โดนถามเหมือนกัน คำถามก็ทั่วไป เช่น มากับใคร มากี่วัน จะไปเที่ยวไหนบ้าง พักแถวไหน แค่นี้เลย ตอบไปตามความจริง ให้ตรงกับข้อมูลที่กรอกในใบ Arrival card อย่าโกหก!! ขอแค่ตั้งสติ อย่าตื่นกลัว เพราะถ้ากลัวเราจะฟังคำถามไม่ดีแล้วจะตอบผิด ทำให้ดูน่าสงสัยไปอีก แนะนำพกสติค่ะ สติมาปัญญาเกิด จะพาทุกคนผ่านตม.ออกมาได้แน่นอน จริงๆแล้วตม.เกาหลีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะ^^
ทริคเล็กๆน้อยๆ
1. ยิ้มแย้มค่ะ อย่าแสดงสีหน้ากังวล หรือตื่นกลัวใดๆ จริงๆแล้วตม.ใจดีนะ บางทีเราอาจจะไม่โดนถามอะไรเลยก็ได้
2. อย่าไปทำความรู้จักกับคนขณะที่ยืนรอต่อแถวหน้าตม.
อันนี้เราโดนมากับตัวเลยค่ะ คือมี หญิงชาย 2คนมากับทัวร์ยืนต่อแถวข้างหน้าเรา แล้วเค้าหันมาชวนเราคุยว่าเรามาคนเดียวหรอ เราไม่ตอบค่ะ ยืนนิ่งๆ จะว่าเราใจร้ายก็ได้แต่คือเอาจริงๆเราดูออกว่าเค้าตื่นเต้น ดูรนๆกัน เค้าเลยถามน้องผู้หญิงที่ยืนด้านหลังเราที่มาทัวร์เดียวกับเค้า เราก็ยืนฟังเค้าคุยกันว่า นี่พี่มาครั้งแรก ไม่รู้จะผ่านไหม สรุปคนข้างหน้าเรา ผช.เข้าไปก่อนไม่ผ่านค่ะ เค้าก็หันกลับมาชี้เพื่อนเค้าที่ยืนด้านหน้าเรานะ ว่าเนี่ยมากับคนนี้ แต่ตม.ก็ส่งผช.คนนั้นเข้าห้องเย็นอยู่ดี พอผญ.คนข้างหน้าเราเข้าไป ก็เหมือนเดิมเลยค่ะคงโดนตม.ถามว่ามากับใคร เค้าก็หันกลับมาชี้ที่แถวซึ่งมีเรายืนอยู่รอเข้าคนถัดไป เราก็เบี่ยงตัวหลบตอนเค้าชี้ ว่าเออเราไม่ได้มากับเค้านะ สรุป ผญ.คนข้างหน้าเราก็โดนเข้าห้องเย็นเหมือนกัน พอถึงตาเรา เราก็เข้าไปแบบหน้ายิ้มๆ ก็ไม่ได้โดนถามอะไรออกมาปกติ ดังนั้นเลี่ยงได้ เลี่ยงค่ะ อย่าไปทำความรู้จักกับใครเลย เดี๋ยวจะซวยไม่รู้ตัว
อีกประสบการณ์นึงของเพื่อนเราที่ไปด้วยกัน คือตอนนั่งอยู่บนเครื่องคนที่นั่งข้างๆ ก็ถามเกี่ยวกับการกรอก Arrival card ว่ากรอกแบบนี้ๆใช่ไหม เพื่อนเราก็ตอบไป แล้วเค้าก็ถามอีกว่าพักที่ไหนหรอ เนื่องจากพวกเราพักกับเพื่อนที่อยู่เกาหลีอยู่แล้ว จึงบอกว่าพักกับเพื่อนค่ะ อยู่ดีๆคนนั้นก้ขอดูบัตร Arrival card ของเพื่อนเรา แล้วบอกว่า ขอดูที่อยู่หน่อย ซึ่งเราว่าแปลกๆอ่ะ ประกอบกับเคยอ่านกระทู้ใน Pantip ว่าอย่าใจดีกับคนไทยในต่างประเทศ เพื่อนเราจึงเลี่ยงตอบไปว่า ก็กรอกที่อยู่ที่พี่พักอ่ะคะ ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ เลี่ยงค่ะ อย่าไปใจดีเลยถึงแม้จะเป็นคนไทยด้วยกัน เพราะเค้าอาจจะหนีมาทำงานก็ได้
3.จากประสบการณ์เที่ยวบินบินตรง และเที่ยวบินที่ transit ประเทศอื่นก่อน ความโหดของ ตม.จะต่างกัน
ถ้าต่อรถไฟแล้วเดินขึ้นมา ตม. อยู่ทางขวามือของเรา เช่นไฟลท์บิน Air Asia จากที่สังเกตุมา ตม. Gate นี้จะดูเข้มงวดกว่า ตม.อีกฝั่ง อาจเพราะฝั่งนี้ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินที่บินตรงมาจากไทย จะพบทัวร์ไทยต่อแถวอยู่เยอะ ทำให้ ตม.เข้มงวดมากกกก เอะอะเดี๋ยวก็ยกมือขึ้นให้คนพาไปห้องเย็น ดังนั้น เตรียมตัว เตรียมเอกสารให้พร้อม อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ
ในส่วนที่ไปกับ "ทัวร์"
อันนี้เเล้วแต่โชคเลยค่ะ ว่าจะได้หัวหน้าไกด์ที่ไปด้วยเป็นเเบบไหน เราเคยเห็นทั้งแบบไกด์ที่ช่วยคุยกับตม.ให้ เเละ หัวหน้าไกด์ที่ไม่สนใจลูกทัวร์ หัวหน้าไกด์บางคนก็ดี เห็นลูกทัวร์โดนเรียกเข้าห้องเย็นปุ๊ป ก็รีบออกมาตะโกนคุยกับตม.ในคอกนั้นเป็นภาษาเกาหลีให้เลย ดังนั้นอยู่ที่บริษัทที่คุณจองแล้วค่ะ
สุดท้ายนี้ เราเคยพาเพื่อน 6 คนไปเที่ยวเกาหลี บางคนพาสปอร์ตขาวก็มี ก็ผ่านออกมาได้ปกติ ขอแค่มีสติ ยิ้มแย้ม จริงๆแล้ว ตม.ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด บางคนกลัวแล้วแสดงออกทางสีหน้าไม่รู้ตัว อาจทำให้เราดูไม่น่าเชื่อถือ มีพิรุธ อย่าไปกังวลใดๆ มั่นใจไปเลยค่ะว่าเรามาเที่ยว ไม่ได้จะหนีมาทำงานผิดกฏหมาย ฝากทิ้งท้ายอีกที ข้อมูลเหล่านี้มาจากประสบการณ์ของเรา ไม่ได้ยืนยัน 100% ว่าจะรอดออกมาได้ อยู่ที่วิจารณญาณ ของ ตม.เกาหลีล้วน ๆ !! แต่หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยทุกคนไม่มากก็น้อยค่ะ ยังไงก็ขอให้ทุกคนเที่ยวเกาหลี ให้สนุก โชคดีนะคะ ^^
ปล. ถ้าใครมีคำถามเกี่ยวกับเกาหลี การเดินทาง หลังไมค์มาถามได้นะคะ ถ้าเรารู้จะช่วยตอบให้ค่ะ
♡ How to ♡ เอาตัวรอดจากตม.เกาหลี สำหรับมือใหม่และคนที่เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล
จุดเริ่มต้นของการที่เราเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเนื่องจากมักจะมีคนมาถามเราบ่อยๆว่า “แกจะไปเกาหลีอ่ะ ต้องเตรียมเอกสารอะไรไปยื่น ตม.บ้าง” ประกอบกับช่วงหน้าเทศกาล ซากุระ ใบไม้เปลี่ยนสี หิมะ เรามักจะเห็นมีคนตั้งกระทู้ถามใน pantip เกี่ยวกับตม.เกาหลีอยู่บ่อยๆ ว่ากลัวตม.เกาหลี ดังนั้นเราจึงตั้งใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ และคนที่กังวลว่าเคยเข้าเกาหลีมาก่อนแล้วอยากไปอีกแต่เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ว่าควรจะเตรียมตัวอย่างไรดี
สำหรับข้อมูลการเขียนกระทู้นั้นมาจากการประสบการณ์ของเราและการสังเกตเวลาที่เรายืนรอต่อแถวจะเข้าตม.ค่ะ ตัวเรานั้นเคยไปเกาหลีมาแล้วทั้งหมด 5ครั้ง ตอนพาสปอร์ตขาวประเทศแรกที่เข้าก็เกาหลีนี่แหละค่ะ เคยเข้าเกาหลีคนเดียว และเคยพาทั้งเพื่อนที่พาสปอร์ตขาวและเพื่อนที่เปลี่ยนทั้งชื่อ – นามสกุลไปเที่ยวเกาหลี ซึ่งเพื่อนๆที่ไปด้วยกันก็ผ่านออกมาได้ทุกครั้งโดยไม่ผ่านการเข้าห้องเย็นแต่อย่างใด
❥ 1. เอกสาร
สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่
เพื่อนๆหลายคนกังวลอย่างมากว่าจะไปเกาหลีต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ที่พาสปอร์ตขาวนั้นเอกสารที่สำคัญคือ ตั๋วเครื่องบินขากลับ ใบจองห้องพักและที่อยู่ที่ชัดเจน รายการแพลนเที่ยวว่าเราจะไปเที่ยวไหนในแต่ละวันและวิธีการเดินทาง (แนะนำให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพื่อที่ตม.จะได้เข้าใจและรู้ว่าเราได้ภาษาอังกฤษแน่ๆค่ะ) รวมทั้งบัตรประชาชน (พกติดไปด้วยก็ดีค่ะเผื่อไปเที่ยวและพาสปอร์ตหายจะได้สะดวกตอนไปทำพาสปอร์ทชั่วคราวที่เกาหลี) และเอกสารที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรจะเอาติดไป เผื่อ “อาจจะ” ต้องใช้ คือเอกสารยืนยันว่าเรามีหน้าที่การงานอยู่ที่ประเทศไทย ว่ายังไงเราก็จะกลับมาทำงานที่ประเทศไทยแน่นอน เช่น บัตรพนักงาน และใบรับรองหน้าที่การงานค่ะ (เป็นภาษาอังกฤษ) สำหรับน้องๆนักเรียนนักศึกษา เราว่าบัตรนักเรียน-นักศึกษาที่ยังไม่หมดอายุก็พอค่ะ
ตอนเราไปเที่ยวเกาหลีครั้งแรก เราจบป.ตรีแล้วและเพิ่งจะเริ่มเรียนป.โท ไม่ได้ทำงานแต่อย่างใด ซึ่งอายุเราช่วงนั้นก็เข้าข่ายว่าจะหนีมาทำงานได้ เราก็เตรียมเอกสารที่กล่าวไว้ด้านบน ที่เพิ่มเติมคือใบรับรองความเป็นนักศึกษา ซึ่งในส่วนนี้ต้องไปเสียเงินให้ทางมหาวิทยาลัยทำให้ พอเอาจริงๆเราไม่เคยจะได้ใช้เลย ส่วนเอกสารอื่นๆเช่น statement สมุดบัญชีธนาคาร เราว่าไม่จำเป็นหรอกค่ะแต่ใครอยากจะเอาไปเพื่อความอุ่นใจก็ได้ค่ะ
สำหรับคนที่เคยไปเกาหลีมาก่อนแล้วเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล
ในส่วนนี้โดนถามแน่ๆค่ะ 1,000% เพราะตอนที่เราสแกนนิ้วนั้นลายนิ้วมือเราจะไปตรงกับลายนิ้วมือเดิมที่เคยบันทึกไว้และชื่อเก่าที่เคยเข้าเกาหลีมาก่อนก็จะขึ้นมาพร้อม จากประสบการณ์เพื่อนเราเปลี่ยนทั้งชื่อ – นามสกุลตอนแรกตม.ไม่ได้ถามอะไรเลยค่ะจะให้ผ่านออกมาแล้ว แต่พอสแกนนิ้วเท่านั้นแหละ คราวนี้ยาวววววววว !! เลยค่ะ เริ่มจากขอดูพาสปอร์ตเก่า แล้วก็ไล่ถามว่าเปลี่ยนชื่อทำไม เพื่อนเราก็ตอบไปว่า To get lucky ตม.นางก็บอกว่านางเข้าใจนะ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไปต้องเปลี่ยนนามสกุลด้วย จากหน้าที่ยิ้มแย้มก็กลายเป็นหน้าตึงใส่ เพื่อนเราเห็นท่าละว่าจะยาวแน่เลยควักเอกสารแปลรับรองการเปลี่ยนนามสกุลขึ้นมา ซึ่งในเอกสารระบุว่าเปลี่ยนตามบิดา เพื่อนเราก็ชี้ตรงส่วนนั้นให้ตม.ดู แค่นั้นแหละก็ผ่านเลย ไม่ได้โดนส่งตัวเข้าห้องเย็นแต่อย่างใด
ดังนั้นเอกสารที่สำคัญอย่างยิ่งยวด คือ เอกสารการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ ในส่วนนี้ใครจะไปประทับตารับรองที่กงสุลด้วยก็ดีเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ (เพื่อนเราบอกว่าไม่เห็นตม.ดูเลยว่าประทับตรากงสุลมาหรือเปล่า) แต่เราแนะนำค่ะว่าไปรับรองไว้เถอะเพื่อความอุ่นใจ พอใครเห็นท่าละว่าจะโดนถามยาววววเเน่ ก็รีบหยิบเอกสารขึ้นมาโชว์ให้ ตม.ดูก่อนเลย จิ้มไปเลยค่ะ ว่าเนี่ยเปลี่ยนเพราะอะไร มีเอกสารราชการรับรอง ยังไงตม.ก็เชื่อ ผ่านรอดออกมาได้เเน่ ซึ่งเราไปทำให้เพื่อนที่กงศุลแจ้งวัฒนะชั้น3 เอกสาร1ชุด ราคา 400 บาท (รับรองทั้งเอกสารภาษาไทย+เอกสารแปล) ถ้าใครเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุล ก็เตรียมเงินไปเลยค่ะ 800บาท ส่วนใครต้องการทำด่วนทำเช้าได้บ่ายก็ราคา x2 ชุดละ800บาทค่ะ และอีกอย่างหนึ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือ พาสปอร์ตเล่มเก่า อย่าลืมพกไปด้วยนะคะ ^^
❥ 2. เงิน
เนื่องจากเราและเพื่อนๆที่เคยไปด้วยกันนั้นไม่เคยเข้าห้องเย็นเลย จึงไม่ทราบว่าถ้าเข้าไปแล้วต้องโชว์เงินให้ดูไหม แต่แน่ๆตอนอยู่ที่หน้าเคาเตอร์ตม. จะไม่มีเวลาได้ควักเงินออกมาโชว์แน่ เพราะถ้าตม.นางอยากจะส่งเราเข้าห้องเย็น นางก็แค่ยกมือขึ้น เท่านั้นแหละก็จะมีคนเดินมาหาเราที่คอกและพาเราไปที่ห้องเย็นทันที ดังนั้นแลกเงินติดตัวไว้เถอะค่ะ แลกให้พอดีกับวันที่เราจะไปอยู่ คำนวณคร่าวๆไว้ ว่าค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าช็อปปิ้งแต่ละส่วนเท่าไหร่ เผื่อตม.ในห้องเย็นขอดูและถามรายละเอียดจะได้อธิบายได้
สำหรับการแลกเงินนั้น เราแนะนำว่าไปแลกที่ superrich สีเขียวค่ะ จากที่เราสังเกตุเรทจะถูกกว่าสีส้มอยู่นิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ แค่0.001 – 0.003 ถ้าแลกไม่เยอะและไม่ซีมาก สะดวกที่ไหนก็ไปแลกเถอะ จะเขียว จะส้มได้หมดเชื่อถือได้ อย่าลืมพกพาสปอร์ตตอนไปแลกเงินด้วยนะคะ เค้าจะขอถ่ายเอกสารไว้ แต่ถ้าใครลืมพกไป ร้านสีเขียวสาขาตลาดหลังการบินไทย อนุโลมให้ใช้บัตรประชาชนได้ค่ะ แต่สีส้มนี่ไม่ได้เลยทุกสาขานั้น พาสปอร์ต Only
❥ 3. เสื้อผ้าหน้าผม
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็น First impression ที่ตม.จะเห็นเราเป็นอันดับแรก ข้อมูลนี้อาจจะไม่ 100% ว่าถ้าคุณแต่งตัวตามนี้แล้วจะไม่โดนเข้าห้องเย็น บางทีตม.จะดูส่วนอื่นประกอบด้วยเช่นภาษา หรือนามสกุลที่ตรงกับคนที่เคยหนีมาทำงาน แต่เราขอแนะนำค่ะว่าไปช่วงไหน ฤดูกาลอะไร ให้แต่งตัวไปตามนั้น ตอนเราไปครั้งที่ 3 เราเคยท้าทายตม. ด้วยการใส่กระโปรงสั้นในช่วงหน้าร้อนของเกาหลี ก็ไม่โดนถามอะไรนะคะผ่านออกมาด้วยดี เราว่าแต่งตัวให้ถูกกับฤดูกาลก็โอเคละ แต่สำหรับมือใหม่ต้องการ safe แน่นอน กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ดีกว่าค่ะ ใช้ได้กับทุกฤดู อย่าไปอยากลองแบบเราเลย อาจจะไม่โชคดีแบบเราก็ได้ อิอิ >.<
นี่เป็นตัวอย่างการแต่งตัวขึ้นเครื่องบิน ในแต่ละฤดูนะคะ
อันนี้เป็นข้อมมูล ที่เราสังเกตจากเวลายืนรอต่อแถวว่าคนแต่งตัวแบบไหนที่จะโดนเข้าห้องเย็น
1. คนที่แต่งตัวไม่ตรงกับฤดูกาล เช่นไปหน้าหนาวแต่ใส่แต่กระโปรงแล้วไม่ใส่เลคกิ้งข้างใน หรือ ไปหน้าหนาวแต่ไม่มีเสื้อกันหนาวติดตัว เราเคยเจอคนที่โดนส่งตัวกลับไฟลท์เดียวกับเรานั่งรอขึ้นเครื่องเป็นกลุ่ม คนกลุ่มนั้น 90% แต่งตัวไม่ตรงกับฤดู ไปหน้าร้อนแต่ใส่โค้ท ใส่เสื้อกันหนาว ใส่รองเท้าบู้ท อะไรประมาณนี้ค่ะ
2. คนที่แต่งตัวจัดเต็ม จัดเต็มว่าประหนึ่งจะไปเดินแฟชั่น แต่งหน้าเต็ม ผมเต็ม รองเท้าส้นสูง กางเกงยีนส์ขาดๆตามแฟชั่นช่วงนี้ เชิญค่ะเชิญไปที่ห้องเย็นได้เลยค่ะ เราว่าตม.อาจจะคิดได้ ว่าเราจะหนีมาทำอาชีพขายบริการ ดังนั้นขึ้นเครื่องหน้าผม เบาๆ ก็พอค่ะ ไว้ออกมาแล้วค่อยแต่งหน้าแต่งตัวแบบจะไปเดิน Seoul fashion week แบบนี้ดีกว่า
3. อันนี้แปลกมากกกก หลายครั้งที่เราเห็นคือคนที่ใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีเขียวๆ สีคล้ายๆชุดรด. หรือไม่ก็เสื้อแขนยาวเก่าๆ ผ้าร่มสีๆ ดูโทรมๆ อันนี้เราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงโดน ทั้งๆก็เป็นช่วงที่อากาศเย็นๆ แนะนำเลี่ยงได้เลี่ยงดีกว่าค่ะ
❥ 4. การตอบคำถาม
สำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ พาสปอร์ตขาว ส่วนใหญ่มักจะโดนถามค่ะ ตอนเราไปครั้งแรก เราก็โดนถามเหมือนกัน คำถามก็ทั่วไป เช่น มากับใคร มากี่วัน จะไปเที่ยวไหนบ้าง พักแถวไหน แค่นี้เลย ตอบไปตามความจริง ให้ตรงกับข้อมูลที่กรอกในใบ Arrival card อย่าโกหก!! ขอแค่ตั้งสติ อย่าตื่นกลัว เพราะถ้ากลัวเราจะฟังคำถามไม่ดีแล้วจะตอบผิด ทำให้ดูน่าสงสัยไปอีก แนะนำพกสติค่ะ สติมาปัญญาเกิด จะพาทุกคนผ่านตม.ออกมาได้แน่นอน จริงๆแล้วตม.เกาหลีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนะ^^
ทริคเล็กๆน้อยๆ
1. ยิ้มแย้มค่ะ อย่าแสดงสีหน้ากังวล หรือตื่นกลัวใดๆ จริงๆแล้วตม.ใจดีนะ บางทีเราอาจจะไม่โดนถามอะไรเลยก็ได้
2. อย่าไปทำความรู้จักกับคนขณะที่ยืนรอต่อแถวหน้าตม.
อันนี้เราโดนมากับตัวเลยค่ะ คือมี หญิงชาย 2คนมากับทัวร์ยืนต่อแถวข้างหน้าเรา แล้วเค้าหันมาชวนเราคุยว่าเรามาคนเดียวหรอ เราไม่ตอบค่ะ ยืนนิ่งๆ จะว่าเราใจร้ายก็ได้แต่คือเอาจริงๆเราดูออกว่าเค้าตื่นเต้น ดูรนๆกัน เค้าเลยถามน้องผู้หญิงที่ยืนด้านหลังเราที่มาทัวร์เดียวกับเค้า เราก็ยืนฟังเค้าคุยกันว่า นี่พี่มาครั้งแรก ไม่รู้จะผ่านไหม สรุปคนข้างหน้าเรา ผช.เข้าไปก่อนไม่ผ่านค่ะ เค้าก็หันกลับมาชี้เพื่อนเค้าที่ยืนด้านหน้าเรานะ ว่าเนี่ยมากับคนนี้ แต่ตม.ก็ส่งผช.คนนั้นเข้าห้องเย็นอยู่ดี พอผญ.คนข้างหน้าเราเข้าไป ก็เหมือนเดิมเลยค่ะคงโดนตม.ถามว่ามากับใคร เค้าก็หันกลับมาชี้ที่แถวซึ่งมีเรายืนอยู่รอเข้าคนถัดไป เราก็เบี่ยงตัวหลบตอนเค้าชี้ ว่าเออเราไม่ได้มากับเค้านะ สรุป ผญ.คนข้างหน้าเราก็โดนเข้าห้องเย็นเหมือนกัน พอถึงตาเรา เราก็เข้าไปแบบหน้ายิ้มๆ ก็ไม่ได้โดนถามอะไรออกมาปกติ ดังนั้นเลี่ยงได้ เลี่ยงค่ะ อย่าไปทำความรู้จักกับใครเลย เดี๋ยวจะซวยไม่รู้ตัว
อีกประสบการณ์นึงของเพื่อนเราที่ไปด้วยกัน คือตอนนั่งอยู่บนเครื่องคนที่นั่งข้างๆ ก็ถามเกี่ยวกับการกรอก Arrival card ว่ากรอกแบบนี้ๆใช่ไหม เพื่อนเราก็ตอบไป แล้วเค้าก็ถามอีกว่าพักที่ไหนหรอ เนื่องจากพวกเราพักกับเพื่อนที่อยู่เกาหลีอยู่แล้ว จึงบอกว่าพักกับเพื่อนค่ะ อยู่ดีๆคนนั้นก้ขอดูบัตร Arrival card ของเพื่อนเรา แล้วบอกว่า ขอดูที่อยู่หน่อย ซึ่งเราว่าแปลกๆอ่ะ ประกอบกับเคยอ่านกระทู้ใน Pantip ว่าอย่าใจดีกับคนไทยในต่างประเทศ เพื่อนเราจึงเลี่ยงตอบไปว่า ก็กรอกที่อยู่ที่พี่พักอ่ะคะ ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ เลี่ยงค่ะ อย่าไปใจดีเลยถึงแม้จะเป็นคนไทยด้วยกัน เพราะเค้าอาจจะหนีมาทำงานก็ได้
3.จากประสบการณ์เที่ยวบินบินตรง และเที่ยวบินที่ transit ประเทศอื่นก่อน ความโหดของ ตม.จะต่างกัน
ถ้าต่อรถไฟแล้วเดินขึ้นมา ตม. อยู่ทางขวามือของเรา เช่นไฟลท์บิน Air Asia จากที่สังเกตุมา ตม. Gate นี้จะดูเข้มงวดกว่า ตม.อีกฝั่ง อาจเพราะฝั่งนี้ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินที่บินตรงมาจากไทย จะพบทัวร์ไทยต่อแถวอยู่เยอะ ทำให้ ตม.เข้มงวดมากกกก เอะอะเดี๋ยวก็ยกมือขึ้นให้คนพาไปห้องเย็น ดังนั้น เตรียมตัว เตรียมเอกสารให้พร้อม อะไรก็เกิดขึ้นได้ค่ะ
ในส่วนที่ไปกับ "ทัวร์"
อันนี้เเล้วแต่โชคเลยค่ะ ว่าจะได้หัวหน้าไกด์ที่ไปด้วยเป็นเเบบไหน เราเคยเห็นทั้งแบบไกด์ที่ช่วยคุยกับตม.ให้ เเละ หัวหน้าไกด์ที่ไม่สนใจลูกทัวร์ หัวหน้าไกด์บางคนก็ดี เห็นลูกทัวร์โดนเรียกเข้าห้องเย็นปุ๊ป ก็รีบออกมาตะโกนคุยกับตม.ในคอกนั้นเป็นภาษาเกาหลีให้เลย ดังนั้นอยู่ที่บริษัทที่คุณจองแล้วค่ะ
สุดท้ายนี้ เราเคยพาเพื่อน 6 คนไปเที่ยวเกาหลี บางคนพาสปอร์ตขาวก็มี ก็ผ่านออกมาได้ปกติ ขอแค่มีสติ ยิ้มแย้ม จริงๆแล้ว ตม.ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด บางคนกลัวแล้วแสดงออกทางสีหน้าไม่รู้ตัว อาจทำให้เราดูไม่น่าเชื่อถือ มีพิรุธ อย่าไปกังวลใดๆ มั่นใจไปเลยค่ะว่าเรามาเที่ยว ไม่ได้จะหนีมาทำงานผิดกฏหมาย ฝากทิ้งท้ายอีกที ข้อมูลเหล่านี้มาจากประสบการณ์ของเรา ไม่ได้ยืนยัน 100% ว่าจะรอดออกมาได้ อยู่ที่วิจารณญาณ ของ ตม.เกาหลีล้วน ๆ !! แต่หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยทุกคนไม่มากก็น้อยค่ะ ยังไงก็ขอให้ทุกคนเที่ยวเกาหลี ให้สนุก โชคดีนะคะ ^^
ปล. ถ้าใครมีคำถามเกี่ยวกับเกาหลี การเดินทาง หลังไมค์มาถามได้นะคะ ถ้าเรารู้จะช่วยตอบให้ค่ะ