สวัสดีครับ พี่น้องชาวพันทิพย์ทุกท่าน หากท่านได้อ่านความทุกข์ของกระผมแล้วกรุณาชี้แนะก็จัก
เป็นคูณูปการต่อคนตกทุกข์ได้ยากอย่างกระผมอย่างยิ่ง ขอกราบขอบพระคุณไว้ล่วงหน้านะครับ
เอาหละมาดูดราม่าในชีวิตของกระผมดีกว่า ยาวนิดหนึ่งนะครับ ปัจจุบันผมอายุ 38 ปีครับ ผมเกิดในครอบครัวยากจน
ครอบครัวหนึ่งในจังหวัดลำปาง โดยครอบครัวนี้เริ่มจากปู่กับย่าผมแต่งงานกันหลังจากนั้นท่านทั้งสองก็ได้
แยกเรือนมาจากคุณทวด ปู่กับย่าผมมีทายาท 2 คนคือพ่อและอาของผม เมื่อพ่อและอาของผมโตขึ้น ทั้งสอง
ก็เริ่มแต่งงานมีครอบครัว โดยปู่กับย่าตัดสินใจยกเรือนให้พ่อของผม ส่วนอาแต่งงานแล้วย้ายออกไปอยู่กับ
ครอบครัวของอาสะไภ้ ครอบครัวเหลืออยู่ก็จะมี ปู่ ย่า พ่อ แม่ของผม และไม่นานก็มีผมตามมา ต่อมาตอนผมอายุได้
4 ขวบ พ่อกับแม่ของผมก็มีปัญหากันทำให้ต้องเลิกรากันไป โดยผมอาศัยอยู่กับปู่กับย่า พ่อช่วงนั้นก็ไปขาย
แรงงานอยู่ต่างประเทศนานๆกลับที ส่วนแม่ก็กลับไปอยู่กับตากับยายตามเดิม ไม่นานพ่อก็แต่งงานใหม่แล้วแยกเรือนไปอยู่
อีกหลังหนึ่ง มีน้องชายต่างมารดา 1 คน อายุห่างผม 8 ปี ผมเชื่อว่ารวมระยะเวลาที่พ่อแยกไปมีครอบครัวใหม่
ไม่ต่ำกว่า 20 ปีแล้วครับ ต่อมาในปี 2544 หรือ 16 ปีก่อน ปู่ของผมท่านก็มาด่วนจากไปโดยทิ้งสมบัติบางส่วน
ทียังเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านไว้และในปี 2554 หรืออีก 10 ปีต่อมา (6 ปีที่แล้ว) ย่าและครอบครัวก็ได้ปรึกษาหารือ
กันและตัดสินใจที่จะจัดการยกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างๆให้ลูกหลานให้เรียบร้อย โดยย่าได้มอบที่นาบางส่วนให้ผมโดยตรง
ซึ่งผมมาทราบทีหลังว่านั่นสร้างความไม่พอใจให้กับพ่อผม มีสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่ย่าจะยกให้คือบ้านพร้อมที่ดิน
ซึ่งเป็นบ้านที่ปู่กับย่าปลูกขึ้นมาและเป็นที่ๆผมเกิดและเติบโตขึ้นมา แต่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของปู่ เนื่องจากปู่กับย่า
ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เราได้ไปปรึกษากับทางที่ดินอำเภอ ซึ่งก็ได้คำแนะนำว่าจะต้องโอนผ่านมาทางพ่อของผมก่อน
โดยมีอายินยอม แล้วหลังจากนั้นก็ให้พ่อโอนต่อมาให้ผมอีกทอดหนึ่ง เราดำเนินงานตามคำแนะนำดังกล่าว
พอพ่อผมได้รับกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินหลังนี้ ปัญหาก็ตามมาทันทีครับ คือพ่อของผมไม่ยอม
โอนกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินดังกล่าวให้ผมตามที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ตอนแรกก็บอกปัดไปว่าให้หลานโตก่อน
นี่ก็ผ่านมา 6 ปีแล้วก็ยังไม่ยอมโอน ความสัมพันธ์ของเราระหองระแหงมาโดยตลอด ทุกๆครั้งที่ผมหรือย่าชวนแกไปโอน
ก็บอกว่าจะโอนให้ ถึงเวลาก็บ่ายเบี่ยงตลอด ผมเชื่อว่าสาเหตุสำคัญก็น่าจะมาจากแม่เลี้ยงนั้นเอง ปีที่แล้วผมลากแกไปทำพินัยกรรม
แต่หลังจากได้ไปพูดคุยกับปลัดอำเภอแล้วก็อ่อนใจเพราะมันก็ยังเป็นสิทธิ์ของพ่อ ที่จะขายหรือจำนองเหมือนเดิม
มาปีนี้ผมยิ่งหนักใจและเหนื่อยใจกว่าเดิม เพราะน้องชายต่างมารดากลับมาจากขายแรงงานที่เกาหลีก็พยายามกระ
กระสน
ไปทำงานต่างประเทศต่อ ได้ยินมาว่าจะไปเมกา พยายามปั่น statement เพื่อขอวีซ่าโดยพยายามจะรวบรวมทรัพย์สินต่างๆ
นำไปประกอบ เริ่มได้ยินว่ามีการหยิบยืมเงินคนอื่นมาใช้จ่ายและทำ statement ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปแต่สร้างหนี้ไว้แล้ว
หลายแสนบาท ช่วงก่อนสงกรานต์ก็มีเจ้าหนี้มาทางถึงบ้าน ผมเริ่มกังวลใจขึ้นมาอีกครั้งว่าบ้านหลังนี้จะถูกนำไปขายหรือ
จำนองกู้เงินเพื่อกลบหนี้ นี่แหละครับคือความทุกข์ใจของกระผม อยากจะเรียนถามว่าตรงนี้ว่าพอจะมีช่องทางตามกฎหมาย
ให้ผมดำเนินการในการทวงกรรมสิทธิ์หรือทำอย่างไรได้บ้างครับ บ้านหลังนี้เป็นไม้สักทั้งหลัง
มูลค่ารวมที่ดินก็น่าจะประมาณ 4 แสนบาท ไม่ได้มากมายอะไรแต่มีมูลค่าทางจิตใจของผมเหลือเกินและตามหลักมันควร
จะตกเป็นของผม กราบขอบพระคุณอีกครั้งนะครับสำหรับทุกท่านที่เห็นใจคนตกทุกข์ได้ยาก
ขอความช่วยเหลือชี้ช่องทางทวงกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดิน โปรดช่วยเหลือชี้แนะคนตกทุกข์ด้วยเถิดครับ
เป็นคูณูปการต่อคนตกทุกข์ได้ยากอย่างกระผมอย่างยิ่ง ขอกราบขอบพระคุณไว้ล่วงหน้านะครับ
เอาหละมาดูดราม่าในชีวิตของกระผมดีกว่า ยาวนิดหนึ่งนะครับ ปัจจุบันผมอายุ 38 ปีครับ ผมเกิดในครอบครัวยากจน
ครอบครัวหนึ่งในจังหวัดลำปาง โดยครอบครัวนี้เริ่มจากปู่กับย่าผมแต่งงานกันหลังจากนั้นท่านทั้งสองก็ได้
แยกเรือนมาจากคุณทวด ปู่กับย่าผมมีทายาท 2 คนคือพ่อและอาของผม เมื่อพ่อและอาของผมโตขึ้น ทั้งสอง
ก็เริ่มแต่งงานมีครอบครัว โดยปู่กับย่าตัดสินใจยกเรือนให้พ่อของผม ส่วนอาแต่งงานแล้วย้ายออกไปอยู่กับ
ครอบครัวของอาสะไภ้ ครอบครัวเหลืออยู่ก็จะมี ปู่ ย่า พ่อ แม่ของผม และไม่นานก็มีผมตามมา ต่อมาตอนผมอายุได้
4 ขวบ พ่อกับแม่ของผมก็มีปัญหากันทำให้ต้องเลิกรากันไป โดยผมอาศัยอยู่กับปู่กับย่า พ่อช่วงนั้นก็ไปขาย
แรงงานอยู่ต่างประเทศนานๆกลับที ส่วนแม่ก็กลับไปอยู่กับตากับยายตามเดิม ไม่นานพ่อก็แต่งงานใหม่แล้วแยกเรือนไปอยู่
อีกหลังหนึ่ง มีน้องชายต่างมารดา 1 คน อายุห่างผม 8 ปี ผมเชื่อว่ารวมระยะเวลาที่พ่อแยกไปมีครอบครัวใหม่
ไม่ต่ำกว่า 20 ปีแล้วครับ ต่อมาในปี 2544 หรือ 16 ปีก่อน ปู่ของผมท่านก็มาด่วนจากไปโดยทิ้งสมบัติบางส่วน
ทียังเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านไว้และในปี 2554 หรืออีก 10 ปีต่อมา (6 ปีที่แล้ว) ย่าและครอบครัวก็ได้ปรึกษาหารือ
กันและตัดสินใจที่จะจัดการยกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างๆให้ลูกหลานให้เรียบร้อย โดยย่าได้มอบที่นาบางส่วนให้ผมโดยตรง
ซึ่งผมมาทราบทีหลังว่านั่นสร้างความไม่พอใจให้กับพ่อผม มีสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่ย่าจะยกให้คือบ้านพร้อมที่ดิน
ซึ่งเป็นบ้านที่ปู่กับย่าปลูกขึ้นมาและเป็นที่ๆผมเกิดและเติบโตขึ้นมา แต่ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของปู่ เนื่องจากปู่กับย่า
ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เราได้ไปปรึกษากับทางที่ดินอำเภอ ซึ่งก็ได้คำแนะนำว่าจะต้องโอนผ่านมาทางพ่อของผมก่อน
โดยมีอายินยอม แล้วหลังจากนั้นก็ให้พ่อโอนต่อมาให้ผมอีกทอดหนึ่ง เราดำเนินงานตามคำแนะนำดังกล่าว
พอพ่อผมได้รับกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินหลังนี้ ปัญหาก็ตามมาทันทีครับ คือพ่อของผมไม่ยอม
โอนกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินดังกล่าวให้ผมตามที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ตอนแรกก็บอกปัดไปว่าให้หลานโตก่อน
นี่ก็ผ่านมา 6 ปีแล้วก็ยังไม่ยอมโอน ความสัมพันธ์ของเราระหองระแหงมาโดยตลอด ทุกๆครั้งที่ผมหรือย่าชวนแกไปโอน
ก็บอกว่าจะโอนให้ ถึงเวลาก็บ่ายเบี่ยงตลอด ผมเชื่อว่าสาเหตุสำคัญก็น่าจะมาจากแม่เลี้ยงนั้นเอง ปีที่แล้วผมลากแกไปทำพินัยกรรม
แต่หลังจากได้ไปพูดคุยกับปลัดอำเภอแล้วก็อ่อนใจเพราะมันก็ยังเป็นสิทธิ์ของพ่อ ที่จะขายหรือจำนองเหมือนเดิม
มาปีนี้ผมยิ่งหนักใจและเหนื่อยใจกว่าเดิม เพราะน้องชายต่างมารดากลับมาจากขายแรงงานที่เกาหลีก็พยายามกระกระสน
ไปทำงานต่างประเทศต่อ ได้ยินมาว่าจะไปเมกา พยายามปั่น statement เพื่อขอวีซ่าโดยพยายามจะรวบรวมทรัพย์สินต่างๆ
นำไปประกอบ เริ่มได้ยินว่ามีการหยิบยืมเงินคนอื่นมาใช้จ่ายและทำ statement ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ไปแต่สร้างหนี้ไว้แล้ว
หลายแสนบาท ช่วงก่อนสงกรานต์ก็มีเจ้าหนี้มาทางถึงบ้าน ผมเริ่มกังวลใจขึ้นมาอีกครั้งว่าบ้านหลังนี้จะถูกนำไปขายหรือ
จำนองกู้เงินเพื่อกลบหนี้ นี่แหละครับคือความทุกข์ใจของกระผม อยากจะเรียนถามว่าตรงนี้ว่าพอจะมีช่องทางตามกฎหมาย
ให้ผมดำเนินการในการทวงกรรมสิทธิ์หรือทำอย่างไรได้บ้างครับ บ้านหลังนี้เป็นไม้สักทั้งหลัง
มูลค่ารวมที่ดินก็น่าจะประมาณ 4 แสนบาท ไม่ได้มากมายอะไรแต่มีมูลค่าทางจิตใจของผมเหลือเกินและตามหลักมันควร
จะตกเป็นของผม กราบขอบพระคุณอีกครั้งนะครับสำหรับทุกท่านที่เห็นใจคนตกทุกข์ได้ยาก