สวัสดีครับ
กลับมาเขียนพันทิปอีกครั้งแล้วครับ(หายไปนานเลย)
กระทู้วันนี้จะมารีวิว..... มัลดีฟฟฟฟฟฟฟ!!! ครับ ไปมาเมื่อ 12-14 มีนาคม 2017 ที่ผ่านมาครับ
กระทู้ของผมจะเน้นรูปเป็นตัวเล่าเรื่องเป็นหลักนะครับ(รูปเยอะหน่อยน้า) บางรูปถ่ายจากกล้องบ้างจากไอโฟนบ้าง
บางรูปก็มีการแต่งรูปเพิ่มเติมนะ
ขอฝากเพจของผมไว้ด้วยนะครับ FB: Me and Around (
https://www.facebook.com/MeAndAround/ )
มีกระทู้รีวิวญี่ปุ่นทริปนึงด้วยนะ(แต่ยังเขียนไม่จบเลยT^T):
https://ppantip.com/topic/36148085
================มาเริ่มกันเถอะ=================
สำหรับทริปไปมัลดีฟของผมในครั้งนี้เป็นเวลาทั้งสิ้น 3วัน 2คืน ซื้อตั๋วและโรงแรมผ่านทาง expedia หมดเลยครับ และตัดสินใจกระชั้นชิดมากๆ ประมาณ5วันก่อนไปเอง ราคาอยู่ที่ 85,043.04 บาทครับ (เป็นราคา2คนครับ // ยังไม่รวมค่า Seaplaneนะ)
ผมเดินทางกับสายการบิน Bangkok Airwayครับ เพราะว่าออกเดินทางจากกรุงเทพฯ และบินตรงเลย (นอกจากนี้ก็จะมีของศรีลังกา
สิงคโปร์และอื่นๆให้เลือกได้ครับ แต่ตอนนั้นบางกอกแอร์ถูกสุด555+)
เหมือนจงใจให้ไปเที่ยวเป็นคู่เลยหละ เพราะถ้ามา2คน ค่าตั๋วจะถูกลงครับ โดยที่ค่าตั๋ววันอาทิตย์ถึงวันพุธ จะถูกสุดในรอบสัปดาห์ครับ (ตอนนั้นรู้สึกว่า2คนไปกลับอยู่ที่2หมื่นนิดๆครับ)
เครื่องออกแล้ววว!!! เห็นเส้นขอบฟ้าด้วย ไม่มีเมฆเลย
อาหารบนเครื่องวันนั้นเป็นบะหมี่เป็ดครับ อร่อยดีนะ
ช่วงHigh Seasonของมัลดีฟจะเป็นช่วงเดือนธันวาคมถึงประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายนครับ หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่หน้ามรสุมแล้ว ซึ่งช่วงหน้ามรสุมหรือlow season ราคาจะถูกลงไปเยอะมากๆเลยครับ ก็คือช่วงนี้แหละ ที่พักหลายที่ลดราคาเยอะมากๆ บางที่มีแถมที่พักให้1-2คืน ด้วยเป็นต้น สายการบินต่างๆก็ลดราคากันโครมๆเลยครับ เช่นAir asiaที่ออกจาก KL (แต่มีราคาโหลดกระเป๋านะ) หรือ Bangkok Airใช้แต้มแลกก็ได้ครับ
นั่งงีบไปได้สักพักนึง ตื่นมาก็มีเสียงบอกว่าใกล้จะถึงแล้วครับ ตื่นเต้นมากๆเลย
เครื่องลงแล้วววว นี่สนามบินอยู่ติดทะเลจริงๆด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลย แล้วน้ำยังใสอะไรขนาดน้าน
พอออกมาที่โถงด้านนอกสนามบิน จะมีตัวแทนจากรีสอร์ทหรือโรงแรมมารอรับครับ หรือเราเดินไปหาซุ้มด้วยตนเองก็ได้ครับ อยู่ด้านหน้าทางออกเลย หน้าตาแบบนี้ครับ
ผมก็ตรงดิ่งไปที่ Adaaran Prestige Water Villa เลยครับ พนักงานเป็นมิตรมากเลยครับ พอบอกว่ามาจากประเทศไทยเขาชวนคุยใหญ่เลย555+
ซึ่งรีสอร์ทของผมต้องนั่ง Seaplaneเข้าไปครับ (มาถึงมัลดีฟไม่นั่งseaplaneเดี๋ยวเหมือนมาไม่ถึงซิ
) แต่ถ้าใครที่นั่งสปีดโบ้ท ก็สามารถขึ้นตรงด้านหน้าสนามบินได้เลยครับ
หลังจากพนักงานรับกระเป๋าเราไปแล้วก็จะให้ตั๋ว Seaplaneมาครับ (ไปจ่ายที่ที่พักนะครับ ราคาแต่ละที่ไม่เท่ากัน เพราะเครื่องบินน้ำลำนึงก็บินไปลงแค่ที่ที่เดียวเลย ซึ่งระยะทางไม่เท่ากันครับ รีสอร์ทของผมคิดค่า Seaplaneคนละ350$ ครับ รวมแล้วสองคน 24,668บาทครับ)
แล้วเราก็จะต้องไปนั่งรถเพื่อไปยังท่าของเครื่องบินน้ำครับ โดยรถแบบนี้ครับ และคนขับครับ XD เห็นน้ำทะลนั่นไหม นี่หน้าสนามบินจริงๆนะ สมคำล่ำลือจริงๆครับ
ระหว่างรอคนมาขึ้นรถกันจนเต็มก็เลยเดินไปถ่ายรูปตรงหน้าสนามบินอีกสักใบครับ
ใช้เวลานั่งรถประมาณ15-20นาทีครับ ก็จะมาถึงท่าของ Seaplane ซึ่งแต่ละลำจะออกเป็นเวลาครับ ของผมต้องนั่งรอตั้ง2-3ชั่วโมงแหนะ เพราะแขกของรีสอร์ทยังมากันไม่ครบครับ (ประมาณว่ารอเต็มลำถึงจะออกหนะครับ ถ้ามาเร็วก็นั่งรอใน loungeไปก่อนนะครับ)
หลังจากขึ้นมาในเครื่องแล้วก็จับจองที่นั่งริมหน้าต่างไว้เลยครับ จะได้ถ่ายรูปได้เต็มที่ ไม่พลาดช็อตสวยๆ
อ้อ!! เครื่องบินน้ำจะลำไม่ใหญ่มากครับ นั่งกันแค่ลำละประมาณ10กว่าคนเท่านั้นเองครับ นี่เป็นห้องกัปตันครับ ไม่มีอะไรปิดนะ55+
จริงๆตอนก่อนมาผมก็งงมากครับว่าทำมต้องชื่อว่า Seaplane แต่คิดว่าน่าจะเพราะมันบินขึ้นจากบนน้ำเลยครับแล้วก็บินไม่สูงจากทะเลเท่าไหร่ด้วยครับ เราจึงมองเห็นเกาะเล็กเกาะน้อย รีสอร์ทต่างๆได้ครบถ้วน ชมวิวกันสนุกสนานเลย
เพลินๆอยู่ดีๆก็โชคดีมากๆเลยครับ มีสายรุ้ง แถมเป็น 2 ชั้นด้วยนะ (จางๆหน่อยนะครับต้องสังเกตุดีๆ อิอิ)
ทุกๆเกาะสวยมากๆเลยครับ ถ่ายรูปรัวๆกันไปเลยครับ บางที่ก็ดูกว้างขวางมากๆ ผมตื่นเต้นอยากไปดูของที่พักของผมมากๆเลยครับ (รูปนี้ไม่ใช่เกาะของผมนะ)
ใช้เวลาบินประมาณ30-40นาทีก็มาถึงแล้วครับ พอลงจากเครื่องบินปุ้บก็จะมีรถกอล์ฟมารับครับ
*****เวลาที่มัลดีฟจะช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงครับ ส่วนบนรีสอร์ทที่นี่จะเร็วกว่ามาเล่ 1 ชั่วโมงครับ*****
(พนักงานบอกว่าเป็นเวลาที่เกาะตั้งเอก ไม่เกี่ยวกับเส้นแบ่งเวลาครับ)
Adaaran Prestige Water Villa จะแยกออกจากส่วนอื่นของเกาะซึ่งเป็นที่พักแบบบนฝั่งครับ โดยที่แขกของ Water Villaสามารถไปใช้บริการหรือทานอาหารที่ไหนก็ได้บนเกาะครับ แต่แขกจากโซนอื่นจะเข้ามายังบริเวณ Villaไม่ได้ครับ (จริงๆก็เดินเข้ามาถ่ายรูปได้นะ แต่ไปทานอาหารที่ห้องอาหารของ Villaไม่ได้ครับ)
ตากแดดมาร้อนๆ ก็มี Welcome Drink เป้นน้ำ Cinnamon มาให้ได้ชื่นใจพอดีครับ
ชำระค่า Seaplane และฟังพนักงานอธิบายทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาพักผ่อนแล้วครับ ตื่นเต้นมากๆเลย
อ้อ!! แต่ละห้องจะมีButlerส่วนตัว (ไม่รู้เรียกว่าพ่อบ้านได้ไหม แหะแหะ) คอยบริการถ้าเรามีปัญหาอะไรครับ
และในที่สุด..... แต่น แตน แต้น แต้นนนนน นี่มันภาพที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็กๆ อยากมาเป็น10ปี ก็ได้มาสักทีครับ ดีใจสุดๆไปเลย
ผมถ่ายรูปอย่างบ้าคลั่งมากเลยครับ พ่อบ้านยิ้มใหญ่เลย เขิน55+
แต่ละ Villaจะแบ่งเป็น 2ห้องนอนครับ ไม่เชื่อมถึงกันนะครับ(คือเหมือนแขก1กลุ่มอยู่ครึ่งVillaหนะครับ) เรามาดูด้านในกันเลยครับ เริ่มจากห้องนอนกันก่อน
ข้างประตูทางเข้าเลยจะมีเครื่องชงกาแฟครับ พ่อบ้านมาสาธิตให้ดูแล้ว แต่ก็ใช้ไม่เป็นอยู่ดีครับ -3-
เดินมาที่ระเบียงกันบ้าง มีกระจกมองทะลุลงไปได้ครับ แล้วก็สามารถเดินลงไปยังทะเลจากห้องเราได้เลยครับ
สามารถนอนแช่อ่างจากุซซี่ชิลๆก็ได้ครับ มุมห้องของผมจะหันเข้าพระอาทิตย์ตกดินพอดีครับ โชคดีมากๆเลย
ภาพนี้ยืนถ่ายจากบันไดลงไปทะเลครับ ส่วนVillaนั้นเป็นของห้องอื่นครับ
กุญแจห้องเป็นแบบลูกกุญแจครับ พ่อบ้านบอกว่าอย่าทำหายเด็ดขาดเลย สงสัยออกแบบมาเป็นพิเศษครับ
รีสอร์ทแห่งนี้เป็นแบบ All Inclusive ครับ คือรวมทุกอย่างเบ็ดเสร็จหมดแล้วค่าอาหารทุกมื้อ ค่าเครื่องดื่ม ค่าอุปกรณ์ Snorkle เป็นต้นครับ คือเราจ่ายเงินที่ไทยเรียบร้อย มาแล้วจ่ายค่าSeaplane แล้วก็พักผ่อนกันชิลๆเลยครับ ไม่เก็บอะไรเพิ่มแล้ว อยากทานเท่าไหร่ก็ทาน ผมทานจนคุ้มเลยครับ มีอะไรตกถึงท้องแทบจะทุกๆครึ่งชั่วโมงแหนะ (น้ำหนักก็ตามมาติดๆครับ)
นอกจากผลไม้ ในตู้เย็นก็จะมีไวน์ (ให้ห้องละขวดครับเป็นขวดต้อนรับ) แล้วก็ช็อคโกแลต Mars น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เติมได้ไม่อั้นครับ แต่กินเฉยๆก็ไม่หมดแล้วครับ
มาดูห้องน้ำกันบ้างดีกว่า
(ถ่ายมาทุกซอกทุกมุมเลยครับ แหะแหะ)
จากนั้นผมก็เดินไปห้องอาหารของ Villaครับ พ่อบ้านบอกว่ามีไอศกรีมให้ทานครับ
เวลาของห้องอาหารจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ ช่วงบ่าย3-5โมงจะเสิร์ฟไอศกรีม แล้ว5-6โมงเป็น High Tea ประมาณนี้ครับ
(จำเวลาเป๊ะไม่ได้ ขออภัยครับ) ถ้าเราไปเลยเวลาของช่วงนั้นๆไปแล้ว เขาจะไม่เสิร์ฟให้แล้วนะครับ (แงงง ไหนว่ากินอะไรก็ได้ไงหละหลอกลวงผู้บริโภคเห็นๆ)
จากทางเดินมาห้องอาหารเห็นปลาว่ายน้ำเต็มเลย เดี๋ยวต้องมาว่ายน้ำกับน้องปลาซ้าแล้วว
ห้องอาหารห้องนี้จะเสิร์ฟเป็นคอร์สๆครับ มื้อเช้า เที่ยง เย็น ต่างกันไปในแต่ละมื้อและแต่ละวัน
ห้องที่ติดกันจะเป็นห้องนั่งจิบน้ำชา คุยเล่นกันครับ
แต่ว่าลมเย็นๆ บรรยากาศดีๆแบบนี้ นั่งข้างนอกดีกว่าเนอะ
สักพักพนักงานก็นำไอศกรีมมะม่วงมาเสิร์ฟครับ (เหมือนจะมีรสมินท์ด้วยครับ เป็นโฮมเมด สัมผัสละเอียดๆแต่อร่อยดีครับ)
สั่งน้ำแตงโมกับสับปะรดด้วยซะเลย // มาเพื่อกินจริงๆ55+
====== ขอจบ Part 1 Maldives ไว้เท่านี้ก่อนนะครับ เจอกัน Part2 จ้า ======
Part2 ก็จะเป็นวีรกรรมการตะลุยกินของผมเองครับ55+ :
https://ppantip.com/topic/36422180
[CR] MeAndAround: Maldives (Part1 "ไปเล่นน้ำกันเถอะ")
กระทู้ของผมจะเน้นรูปเป็นตัวเล่าเรื่องเป็นหลักนะครับ(รูปเยอะหน่อยน้า) บางรูปถ่ายจากกล้องบ้างจากไอโฟนบ้าง
บางรูปก็มีการแต่งรูปเพิ่มเติมนะ
ขอฝากเพจของผมไว้ด้วยนะครับ FB: Me and Around ( https://www.facebook.com/MeAndAround/ )
มีกระทู้รีวิวญี่ปุ่นทริปนึงด้วยนะ(แต่ยังเขียนไม่จบเลยT^T): https://ppantip.com/topic/36148085
สำหรับทริปไปมัลดีฟของผมในครั้งนี้เป็นเวลาทั้งสิ้น 3วัน 2คืน ซื้อตั๋วและโรงแรมผ่านทาง expedia หมดเลยครับ และตัดสินใจกระชั้นชิดมากๆ ประมาณ5วันก่อนไปเอง ราคาอยู่ที่ 85,043.04 บาทครับ (เป็นราคา2คนครับ // ยังไม่รวมค่า Seaplaneนะ)
ผมเดินทางกับสายการบิน Bangkok Airwayครับ เพราะว่าออกเดินทางจากกรุงเทพฯ และบินตรงเลย (นอกจากนี้ก็จะมีของศรีลังกา
สิงคโปร์และอื่นๆให้เลือกได้ครับ แต่ตอนนั้นบางกอกแอร์ถูกสุด555+)
เหมือนจงใจให้ไปเที่ยวเป็นคู่เลยหละ เพราะถ้ามา2คน ค่าตั๋วจะถูกลงครับ โดยที่ค่าตั๋ววันอาทิตย์ถึงวันพุธ จะถูกสุดในรอบสัปดาห์ครับ (ตอนนั้นรู้สึกว่า2คนไปกลับอยู่ที่2หมื่นนิดๆครับ)
เครื่องออกแล้ววว!!! เห็นเส้นขอบฟ้าด้วย ไม่มีเมฆเลย
อาหารบนเครื่องวันนั้นเป็นบะหมี่เป็ดครับ อร่อยดีนะ
ช่วงHigh Seasonของมัลดีฟจะเป็นช่วงเดือนธันวาคมถึงประมาณเดือนมีนาคมหรือเมษายนครับ หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่หน้ามรสุมแล้ว ซึ่งช่วงหน้ามรสุมหรือlow season ราคาจะถูกลงไปเยอะมากๆเลยครับ ก็คือช่วงนี้แหละ ที่พักหลายที่ลดราคาเยอะมากๆ บางที่มีแถมที่พักให้1-2คืน ด้วยเป็นต้น สายการบินต่างๆก็ลดราคากันโครมๆเลยครับ เช่นAir asiaที่ออกจาก KL (แต่มีราคาโหลดกระเป๋านะ) หรือ Bangkok Airใช้แต้มแลกก็ได้ครับ
นั่งงีบไปได้สักพักนึง ตื่นมาก็มีเสียงบอกว่าใกล้จะถึงแล้วครับ ตื่นเต้นมากๆเลย
เครื่องลงแล้วววว นี่สนามบินอยู่ติดทะเลจริงๆด้วย ไม่อยากจะเชื่อเลย แล้วน้ำยังใสอะไรขนาดน้าน
พอออกมาที่โถงด้านนอกสนามบิน จะมีตัวแทนจากรีสอร์ทหรือโรงแรมมารอรับครับ หรือเราเดินไปหาซุ้มด้วยตนเองก็ได้ครับ อยู่ด้านหน้าทางออกเลย หน้าตาแบบนี้ครับ
ผมก็ตรงดิ่งไปที่ Adaaran Prestige Water Villa เลยครับ พนักงานเป็นมิตรมากเลยครับ พอบอกว่ามาจากประเทศไทยเขาชวนคุยใหญ่เลย555+
ซึ่งรีสอร์ทของผมต้องนั่ง Seaplaneเข้าไปครับ (มาถึงมัลดีฟไม่นั่งseaplaneเดี๋ยวเหมือนมาไม่ถึงซิ ) แต่ถ้าใครที่นั่งสปีดโบ้ท ก็สามารถขึ้นตรงด้านหน้าสนามบินได้เลยครับ
หลังจากพนักงานรับกระเป๋าเราไปแล้วก็จะให้ตั๋ว Seaplaneมาครับ (ไปจ่ายที่ที่พักนะครับ ราคาแต่ละที่ไม่เท่ากัน เพราะเครื่องบินน้ำลำนึงก็บินไปลงแค่ที่ที่เดียวเลย ซึ่งระยะทางไม่เท่ากันครับ รีสอร์ทของผมคิดค่า Seaplaneคนละ350$ ครับ รวมแล้วสองคน 24,668บาทครับ)
แล้วเราก็จะต้องไปนั่งรถเพื่อไปยังท่าของเครื่องบินน้ำครับ โดยรถแบบนี้ครับ และคนขับครับ XD เห็นน้ำทะลนั่นไหม นี่หน้าสนามบินจริงๆนะ สมคำล่ำลือจริงๆครับ
ระหว่างรอคนมาขึ้นรถกันจนเต็มก็เลยเดินไปถ่ายรูปตรงหน้าสนามบินอีกสักใบครับ
ใช้เวลานั่งรถประมาณ15-20นาทีครับ ก็จะมาถึงท่าของ Seaplane ซึ่งแต่ละลำจะออกเป็นเวลาครับ ของผมต้องนั่งรอตั้ง2-3ชั่วโมงแหนะ เพราะแขกของรีสอร์ทยังมากันไม่ครบครับ (ประมาณว่ารอเต็มลำถึงจะออกหนะครับ ถ้ามาเร็วก็นั่งรอใน loungeไปก่อนนะครับ)
หลังจากขึ้นมาในเครื่องแล้วก็จับจองที่นั่งริมหน้าต่างไว้เลยครับ จะได้ถ่ายรูปได้เต็มที่ ไม่พลาดช็อตสวยๆ
อ้อ!! เครื่องบินน้ำจะลำไม่ใหญ่มากครับ นั่งกันแค่ลำละประมาณ10กว่าคนเท่านั้นเองครับ นี่เป็นห้องกัปตันครับ ไม่มีอะไรปิดนะ55+
จริงๆตอนก่อนมาผมก็งงมากครับว่าทำมต้องชื่อว่า Seaplane แต่คิดว่าน่าจะเพราะมันบินขึ้นจากบนน้ำเลยครับแล้วก็บินไม่สูงจากทะเลเท่าไหร่ด้วยครับ เราจึงมองเห็นเกาะเล็กเกาะน้อย รีสอร์ทต่างๆได้ครบถ้วน ชมวิวกันสนุกสนานเลย
เพลินๆอยู่ดีๆก็โชคดีมากๆเลยครับ มีสายรุ้ง แถมเป็น 2 ชั้นด้วยนะ (จางๆหน่อยนะครับต้องสังเกตุดีๆ อิอิ)
ทุกๆเกาะสวยมากๆเลยครับ ถ่ายรูปรัวๆกันไปเลยครับ บางที่ก็ดูกว้างขวางมากๆ ผมตื่นเต้นอยากไปดูของที่พักของผมมากๆเลยครับ (รูปนี้ไม่ใช่เกาะของผมนะ)
ใช้เวลาบินประมาณ30-40นาทีก็มาถึงแล้วครับ พอลงจากเครื่องบินปุ้บก็จะมีรถกอล์ฟมารับครับ
*****เวลาที่มัลดีฟจะช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมงครับ ส่วนบนรีสอร์ทที่นี่จะเร็วกว่ามาเล่ 1 ชั่วโมงครับ*****
(พนักงานบอกว่าเป็นเวลาที่เกาะตั้งเอก ไม่เกี่ยวกับเส้นแบ่งเวลาครับ)
Adaaran Prestige Water Villa จะแยกออกจากส่วนอื่นของเกาะซึ่งเป็นที่พักแบบบนฝั่งครับ โดยที่แขกของ Water Villaสามารถไปใช้บริการหรือทานอาหารที่ไหนก็ได้บนเกาะครับ แต่แขกจากโซนอื่นจะเข้ามายังบริเวณ Villaไม่ได้ครับ (จริงๆก็เดินเข้ามาถ่ายรูปได้นะ แต่ไปทานอาหารที่ห้องอาหารของ Villaไม่ได้ครับ)
ตากแดดมาร้อนๆ ก็มี Welcome Drink เป้นน้ำ Cinnamon มาให้ได้ชื่นใจพอดีครับ
ชำระค่า Seaplane และฟังพนักงานอธิบายทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาพักผ่อนแล้วครับ ตื่นเต้นมากๆเลย
อ้อ!! แต่ละห้องจะมีButlerส่วนตัว (ไม่รู้เรียกว่าพ่อบ้านได้ไหม แหะแหะ) คอยบริการถ้าเรามีปัญหาอะไรครับ
และในที่สุด..... แต่น แตน แต้น แต้นนนนน นี่มันภาพที่ผมฝันมาตั้งแต่เด็กๆ อยากมาเป็น10ปี ก็ได้มาสักทีครับ ดีใจสุดๆไปเลย
ผมถ่ายรูปอย่างบ้าคลั่งมากเลยครับ พ่อบ้านยิ้มใหญ่เลย เขิน55+
แต่ละ Villaจะแบ่งเป็น 2ห้องนอนครับ ไม่เชื่อมถึงกันนะครับ(คือเหมือนแขก1กลุ่มอยู่ครึ่งVillaหนะครับ) เรามาดูด้านในกันเลยครับ เริ่มจากห้องนอนกันก่อน
ข้างประตูทางเข้าเลยจะมีเครื่องชงกาแฟครับ พ่อบ้านมาสาธิตให้ดูแล้ว แต่ก็ใช้ไม่เป็นอยู่ดีครับ -3-
เดินมาที่ระเบียงกันบ้าง มีกระจกมองทะลุลงไปได้ครับ แล้วก็สามารถเดินลงไปยังทะเลจากห้องเราได้เลยครับ
สามารถนอนแช่อ่างจากุซซี่ชิลๆก็ได้ครับ มุมห้องของผมจะหันเข้าพระอาทิตย์ตกดินพอดีครับ โชคดีมากๆเลย
ภาพนี้ยืนถ่ายจากบันไดลงไปทะเลครับ ส่วนVillaนั้นเป็นของห้องอื่นครับ
กุญแจห้องเป็นแบบลูกกุญแจครับ พ่อบ้านบอกว่าอย่าทำหายเด็ดขาดเลย สงสัยออกแบบมาเป็นพิเศษครับ
รีสอร์ทแห่งนี้เป็นแบบ All Inclusive ครับ คือรวมทุกอย่างเบ็ดเสร็จหมดแล้วค่าอาหารทุกมื้อ ค่าเครื่องดื่ม ค่าอุปกรณ์ Snorkle เป็นต้นครับ คือเราจ่ายเงินที่ไทยเรียบร้อย มาแล้วจ่ายค่าSeaplane แล้วก็พักผ่อนกันชิลๆเลยครับ ไม่เก็บอะไรเพิ่มแล้ว อยากทานเท่าไหร่ก็ทาน ผมทานจนคุ้มเลยครับ มีอะไรตกถึงท้องแทบจะทุกๆครึ่งชั่วโมงแหนะ (น้ำหนักก็ตามมาติดๆครับ)
นอกจากผลไม้ ในตู้เย็นก็จะมีไวน์ (ให้ห้องละขวดครับเป็นขวดต้อนรับ) แล้วก็ช็อคโกแลต Mars น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เติมได้ไม่อั้นครับ แต่กินเฉยๆก็ไม่หมดแล้วครับ
มาดูห้องน้ำกันบ้างดีกว่า
(ถ่ายมาทุกซอกทุกมุมเลยครับ แหะแหะ)
จากนั้นผมก็เดินไปห้องอาหารของ Villaครับ พ่อบ้านบอกว่ามีไอศกรีมให้ทานครับ
เวลาของห้องอาหารจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆครับ ช่วงบ่าย3-5โมงจะเสิร์ฟไอศกรีม แล้ว5-6โมงเป็น High Tea ประมาณนี้ครับ
(จำเวลาเป๊ะไม่ได้ ขออภัยครับ) ถ้าเราไปเลยเวลาของช่วงนั้นๆไปแล้ว เขาจะไม่เสิร์ฟให้แล้วนะครับ (แงงง ไหนว่ากินอะไรก็ได้ไงหละหลอกลวงผู้บริโภคเห็นๆ)
จากทางเดินมาห้องอาหารเห็นปลาว่ายน้ำเต็มเลย เดี๋ยวต้องมาว่ายน้ำกับน้องปลาซ้าแล้วว
ห้องอาหารห้องนี้จะเสิร์ฟเป็นคอร์สๆครับ มื้อเช้า เที่ยง เย็น ต่างกันไปในแต่ละมื้อและแต่ละวัน
ห้องที่ติดกันจะเป็นห้องนั่งจิบน้ำชา คุยเล่นกันครับ
แต่ว่าลมเย็นๆ บรรยากาศดีๆแบบนี้ นั่งข้างนอกดีกว่าเนอะ
สักพักพนักงานก็นำไอศกรีมมะม่วงมาเสิร์ฟครับ (เหมือนจะมีรสมินท์ด้วยครับ เป็นโฮมเมด สัมผัสละเอียดๆแต่อร่อยดีครับ)
สั่งน้ำแตงโมกับสับปะรดด้วยซะเลย // มาเพื่อกินจริงๆ55+
Part2 ก็จะเป็นวีรกรรมการตะลุยกินของผมเองครับ55+ :https://ppantip.com/topic/36422180
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น