หลังจากมีโอกาสเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเองแบบไม่ซื้อทัวร์ครั้งแรกเมื่อเดือน ตุลาคม 2558
( ดูกระทู้แรกได้ที่
https://ppantip.com/topic/34422490 )
ก็ยังสนใจและอยากกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกในฤดูกาลที่แตกต่างจากเดิม
ครั้งนี้จึงเลือกไปเที่ยวในช่วงปลายเดือนมีนามคมถึงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานนั่นเอง
เจ้าของกระทู้เดินทางระหว่างวันที่ 31 มีนาคม-7เมษายน 2560 โดยวันที่เลือกนั้นอ้างอิงมากจากช่วงเวลา
ที่ดอกซากุระบาน 2 ปีที่ผ่านมา แต่อ้าวเห้ย....มันไม่เหมือนที่คิดไว้นี่หว่า “ปีนี้ซากุระบานช้า”
(ไหนว่าใครว่าจะบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมและไปบูมในช่วงต้นเดือนเมษายน) ไปถึงวันแรกก็ยังเจอฝนตก
และอากาศเย็นสุดๆ ไม่ถึง 10 องศา
แผนการเดินทาง
🗼แถบคันโต
▪โตเกียว(Tokyo) และไซตะมะ (Saitama)
วันที่ 1 : สนามบินนาริตะ(Narita Airport) และเข้าเมืองโตเกียว
วันที่ 2 : เมืองเก่าคาวาโกเอะ (Kawagoe)
วันที่ 3 : ทะชิกะวะ (Tachikawa) , สวนสาธารณะโอมิยะ (Omiya Park) , รปปงงิ (Roppongi Hills)
วันที่ 4 : สวนสาธารณะสุมิดะ (Sumida Park),แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River)
🏯แถบคันไซ
▪โอซาก้า (Osaka), นารา (Nara) และ เกียวโต (Kyoto)
วันที่ 5 : เมืองนารา (Nara)
วันที่ 6 : อราชิยาม่า (Arashiyama) , แม่น้ำคาโมะ (Kamogawa River)
วันที่ 7 : Universal Studios Japan
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
-ซื้อบัตร Skyliner one-way ticket+Tokyo Subway 72-hour
ราคา 1100 บาท/ใบ
- ซื้อบัตรเข้า Universal Studios Japan ราคา 2330 บาท/ใบ
-เช่า Pocket wifi (ครั้งนี้ จขกท. เช่าของ JapanWifi สัญญาณดีไม่มีหลุดเลยค่ะ)
ค่าเช่าทั้งหมด 7วันพร้อมประกัน ราคา 1540 บาท
-จองที่พัก
1.โรงแรมนิวโทโฮคุ (Hotel New Tohoku,Uneo) ราคาคืนละประมาณ 2780 บาท
(โรงแรมอยู่ในอุเอะโนะ(Uneo) และใกล้ตลาดอะเมโยะโกะ,ไม่มีอาหารเช้า,ห้องน้ำในตัว)
2.เกสต์เฮาส์ ลา คองโก (Guest House La Kongo,Osaka)
ราคาคืนละประมาณ 2570 บาท
(อยู่ในนัมบะเดินเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงแหล่งช้อปปิ้งโดทงโบริ (Dotonburi) ,ไม่มีอาหารเช้า,ห้องน้ำในตัว)
-จองตั๋ว Night Bus สำหรับการเดินทางจากโตเกียว(Tokyo) ไป โอซาก้า (Osaka)
ราคาตั๋วประมาณ 2100 บาท/คน
(จองตั๋วได้ที่เว็บไซส์
https://vipliner.biz สามารถจองล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน ก่อนการเดินทาง)
ขอเล่าความประทับใจเล็กๆน้อยๆแต่ยิ่งใหญ่ของการเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้หน่อยนะคะ
จขกท.เดินทางด้วยสายการบิน Thai Air Asia X เที่ยวบิน XJ606 วันที่ 31 มีนาคม เวลา 11.15 น.
เป็นเที่ยวบินที่เสียงประกาศบนเครื่องบินเรียกความสนใจและเสียงปรบมือจากผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี
ด้วยการยิงมุกและอธิบายข้อมูลต่างๆอย่างสนุกสนาน (แอบอัดคลิปไว้ด้วยนะคะ 55555)
เช่น ก่อนถึงสนามบินนาริตะ มีการประกาศแจ้งถึงสภาพอากาศที่หนาวของประเทศญี่ปุ่น...แต่หนาวตัวไม่เท่าหนาวใจ
หรือ ประกาศเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว..ว่ามีเพื่อนจูงมือเพื่อนไป มีแฟนจูงมือแฟนไป ส่วนคนไม่มีใครเที่ยวที่ไหนก็ไม่สำคัญ
เสียงประกาศแบบนี้ทำให้ผู้โดยสารตั้งใจฟังการประกาศทุกครั้งซึ่งส่งผลดีต่อข้อมูลที่ทางสายการบิน
ต้องการแจ้งให้ผู้โดยสารฟังได้เป็นอย่างดี
เริ่มต้นเดินทางกันดีกว่าค่ะ
วันที่หนึ่ง : (31 มีนาคม 2560)
หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะ (Narita Airport) และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ
นำวอชเชอร์ Skyliner one-way ticket+Tokyo Subway 72-hour ไปแลกเป็นตั๋ว
แลกตั๋วได้ที่ Skyliner&Keisei Information Center
จะได้ตั๋วแบ่งออกเป็น 2 ใบ
1.ตั๋วโดยสารรถด่วนพิเศษ Skyliner สำหรับเดินทางจากสนามบินนาริตะไปโตเกียว
2.ตั๋ว Tokyo Subway แบบ 72ชั่วโมง ที่สามารถขึ้นรถไฟใต้ดินในโตเกียวแบบไม่จำกัดจำนวน
แลกตั๋วเสร็จเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าเดินทางไปขึ้นรถไฟเพื่อเข้าเมืองโตเกียวได้เลย
(ดูเวลา,ตู้และที่นั่งตามที่ในตั๋วระบุไว้)
จากสนามบินนาริตะ จขกท. มาลงที่สถานีอุเอโนะ(Uneo) และเดินทางเชื่อมใต้ดินเพื่อไปยังที่พักที่อยู่ในอุเอะโนะ
(มาถึงวันแรกฝนก็ตก อากาศเย็นและหนาวมาก)
คืนที่ 1,2 และ 3 ในโตเกียว จขกท.พักที่โรงแรมนิวโทโฮคุ (Hotel New Tohoku,Uneo) ทั้ง 3 คืน
*สำหรับโรงแรม นิวโทโฮคุ (Hotel New Tohoku,Uneo) ก่อนจะออกไปข้างนอก
ทางโรมแรมจะให้ฝากกุญแจไว้ที่เค้าเตอร์ทุกครั้งนะคะ
หลังจากเก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้ว คืนแรกนี้ไปฝากท้องกันที่
ร้านราเมงข้อสอบ (Ichiran Ramen) สาขา Uneo (อยู่ติดกับด้านข้างสถานี JR Uneo)
ราเมงร้านนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ
วันที่สอง : (1 เมษายน 2560)
หลังจากที่เมื่อคืนฝนตกและตกต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้ ... ทำให้แผนการเดินทางที่วางเอาไว้ต้องเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ
ช่วงสายออกเดินทางไปเดินชมเมืองและดูดอกซากุระกันที่เมืองเก่าคาวาโกเอะ(Kawagoe’s Warehouse District)
จังหวัดไซตะมะ (Saitama)
การเดินทางไป Kawagoe:
จากสถานี Uneo ไปลงสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro)
มาถึงสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro)แล้วให้ไปซื้อตั๋วรถไฟที่ TOBU TOP TOURS
ซึ่งเป็นพาสนั่งรถไฟไป-กลับจากสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) สาย Tobu Line ถึง สถานีคาวาโกเอะ
+ รถบัสเที่ยวในคาวาโกเอะแบบไม่จำกัดรอบ
ออกจากสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) ฝั่ง East
และเดินไปขึ้นรถบัสที่ชานชาลาที่ 3 (สายสีแดง)
-ป้ายแรกที่ลงคือ วัดคิตาอิน (Kitain Temple)
ดอกซากุระเพิ่งเริ่มบานนิดหน่อย
ฝนก็ยังตกๆหยุดๆ ไม่มีแดดเลยวันนี้
-ป้ายที่สอง Otemachi ป้ายนี้จะเดินผ่านไปเจอหอระฆังโบราณ (Toki No Kane)
และเดินชมโซนบ้านเมืองเก่าคุราซุคุริ (Old storehouse zone)
เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายด้วยมันร้อนๆ
เดินผ่านหอระฆังโบราณ (Toki No Kane) ไปก็เจอโซนร้านค้าเต็มสองข้างทาง
ก่อนเข้าที่พัก ไปแวะกินปิ้งย่างแถวๆอุเอโนะ (Ueno) เป็นร้านเดิมที่ จขกท.เคยกินครั้งที่แล้ว
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก กินเสร็จก็เดินกลับที่พักได้เลย (พักแถวอุเอโนะของกินเยอะมาก รวมทั้งร้านยืนชิวด้วยนะ
)
[CR] "ตามหาซากุระ (โตเกียว,ไซตามะ,โอซาก้า,นารา,เกียวโต)" : Second time in Japan 2017
( ดูกระทู้แรกได้ที่ https://ppantip.com/topic/34422490 )
ก็ยังสนใจและอยากกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกในฤดูกาลที่แตกต่างจากเดิม
ครั้งนี้จึงเลือกไปเที่ยวในช่วงปลายเดือนมีนามคมถึงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานนั่นเอง
เจ้าของกระทู้เดินทางระหว่างวันที่ 31 มีนาคม-7เมษายน 2560 โดยวันที่เลือกนั้นอ้างอิงมากจากช่วงเวลา
ที่ดอกซากุระบาน 2 ปีที่ผ่านมา แต่อ้าวเห้ย....มันไม่เหมือนที่คิดไว้นี่หว่า “ปีนี้ซากุระบานช้า”
(ไหนว่าใครว่าจะบานในช่วงปลายเดือนมีนาคมและไปบูมในช่วงต้นเดือนเมษายน) ไปถึงวันแรกก็ยังเจอฝนตก
และอากาศเย็นสุดๆ ไม่ถึง 10 องศา
แผนการเดินทาง
🗼แถบคันโต
▪โตเกียว(Tokyo) และไซตะมะ (Saitama)
วันที่ 1 : สนามบินนาริตะ(Narita Airport) และเข้าเมืองโตเกียว
วันที่ 2 : เมืองเก่าคาวาโกเอะ (Kawagoe)
วันที่ 3 : ทะชิกะวะ (Tachikawa) , สวนสาธารณะโอมิยะ (Omiya Park) , รปปงงิ (Roppongi Hills)
วันที่ 4 : สวนสาธารณะสุมิดะ (Sumida Park),แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River)
🏯แถบคันไซ
▪โอซาก้า (Osaka), นารา (Nara) และ เกียวโต (Kyoto)
วันที่ 5 : เมืองนารา (Nara)
วันที่ 6 : อราชิยาม่า (Arashiyama) , แม่น้ำคาโมะ (Kamogawa River)
วันที่ 7 : Universal Studios Japan
เตรียมตัวก่อนเดินทาง
-ซื้อบัตร Skyliner one-way ticket+Tokyo Subway 72-hour
ราคา 1100 บาท/ใบ
- ซื้อบัตรเข้า Universal Studios Japan ราคา 2330 บาท/ใบ
-เช่า Pocket wifi (ครั้งนี้ จขกท. เช่าของ JapanWifi สัญญาณดีไม่มีหลุดเลยค่ะ)
ค่าเช่าทั้งหมด 7วันพร้อมประกัน ราคา 1540 บาท
-จองที่พัก
1.โรงแรมนิวโทโฮคุ (Hotel New Tohoku,Uneo) ราคาคืนละประมาณ 2780 บาท
(โรงแรมอยู่ในอุเอะโนะ(Uneo) และใกล้ตลาดอะเมโยะโกะ,ไม่มีอาหารเช้า,ห้องน้ำในตัว)
2.เกสต์เฮาส์ ลา คองโก (Guest House La Kongo,Osaka)
ราคาคืนละประมาณ 2570 บาท
(อยู่ในนัมบะเดินเพียงไม่กี่นาทีก็ถึงแหล่งช้อปปิ้งโดทงโบริ (Dotonburi) ,ไม่มีอาหารเช้า,ห้องน้ำในตัว)
-จองตั๋ว Night Bus สำหรับการเดินทางจากโตเกียว(Tokyo) ไป โอซาก้า (Osaka)
ราคาตั๋วประมาณ 2100 บาท/คน
(จองตั๋วได้ที่เว็บไซส์ https://vipliner.biz สามารถจองล่วงหน้าประมาณ 2 เดือน ก่อนการเดินทาง)
ขอเล่าความประทับใจเล็กๆน้อยๆแต่ยิ่งใหญ่ของการเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้หน่อยนะคะ
จขกท.เดินทางด้วยสายการบิน Thai Air Asia X เที่ยวบิน XJ606 วันที่ 31 มีนาคม เวลา 11.15 น.
เป็นเที่ยวบินที่เสียงประกาศบนเครื่องบินเรียกความสนใจและเสียงปรบมือจากผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี
ด้วยการยิงมุกและอธิบายข้อมูลต่างๆอย่างสนุกสนาน (แอบอัดคลิปไว้ด้วยนะคะ 55555)
เช่น ก่อนถึงสนามบินนาริตะ มีการประกาศแจ้งถึงสภาพอากาศที่หนาวของประเทศญี่ปุ่น...แต่หนาวตัวไม่เท่าหนาวใจ
หรือ ประกาศเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว..ว่ามีเพื่อนจูงมือเพื่อนไป มีแฟนจูงมือแฟนไป ส่วนคนไม่มีใครเที่ยวที่ไหนก็ไม่สำคัญ
เสียงประกาศแบบนี้ทำให้ผู้โดยสารตั้งใจฟังการประกาศทุกครั้งซึ่งส่งผลดีต่อข้อมูลที่ทางสายการบิน
ต้องการแจ้งให้ผู้โดยสารฟังได้เป็นอย่างดี
เริ่มต้นเดินทางกันดีกว่าค่ะ
วันที่หนึ่ง : (31 มีนาคม 2560)
หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะ (Narita Airport) และผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือ
นำวอชเชอร์ Skyliner one-way ticket+Tokyo Subway 72-hour ไปแลกเป็นตั๋ว
แลกตั๋วได้ที่ Skyliner&Keisei Information Center
จะได้ตั๋วแบ่งออกเป็น 2 ใบ
1.ตั๋วโดยสารรถด่วนพิเศษ Skyliner สำหรับเดินทางจากสนามบินนาริตะไปโตเกียว
2.ตั๋ว Tokyo Subway แบบ 72ชั่วโมง ที่สามารถขึ้นรถไฟใต้ดินในโตเกียวแบบไม่จำกัดจำนวน
แลกตั๋วเสร็จเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าเดินทางไปขึ้นรถไฟเพื่อเข้าเมืองโตเกียวได้เลย
(ดูเวลา,ตู้และที่นั่งตามที่ในตั๋วระบุไว้)
จากสนามบินนาริตะ จขกท. มาลงที่สถานีอุเอโนะ(Uneo) และเดินทางเชื่อมใต้ดินเพื่อไปยังที่พักที่อยู่ในอุเอะโนะ
(มาถึงวันแรกฝนก็ตก อากาศเย็นและหนาวมาก)
คืนที่ 1,2 และ 3 ในโตเกียว จขกท.พักที่โรงแรมนิวโทโฮคุ (Hotel New Tohoku,Uneo) ทั้ง 3 คืน
*สำหรับโรงแรม นิวโทโฮคุ (Hotel New Tohoku,Uneo) ก่อนจะออกไปข้างนอก
ทางโรมแรมจะให้ฝากกุญแจไว้ที่เค้าเตอร์ทุกครั้งนะคะ
หลังจากเก็บกระเป๋าเดินทางเสร็จแล้ว คืนแรกนี้ไปฝากท้องกันที่
ร้านราเมงข้อสอบ (Ichiran Ramen) สาขา Uneo (อยู่ติดกับด้านข้างสถานี JR Uneo)
ราเมงร้านนี้กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ
วันที่สอง : (1 เมษายน 2560)
หลังจากที่เมื่อคืนฝนตกและตกต่อเนื่องมาจนถึงเช้าวันนี้ ... ทำให้แผนการเดินทางที่วางเอาไว้ต้องเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ
ช่วงสายออกเดินทางไปเดินชมเมืองและดูดอกซากุระกันที่เมืองเก่าคาวาโกเอะ(Kawagoe’s Warehouse District)
จังหวัดไซตะมะ (Saitama)
การเดินทางไป Kawagoe:
จากสถานี Uneo ไปลงสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro)
มาถึงสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro)แล้วให้ไปซื้อตั๋วรถไฟที่ TOBU TOP TOURS
ซึ่งเป็นพาสนั่งรถไฟไป-กลับจากสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) สาย Tobu Line ถึง สถานีคาวาโกเอะ
+ รถบัสเที่ยวในคาวาโกเอะแบบไม่จำกัดรอบ
ออกจากสถานีอิเคะบุคุโระ (Ikebukuro) ฝั่ง East
และเดินไปขึ้นรถบัสที่ชานชาลาที่ 3 (สายสีแดง)
-ป้ายแรกที่ลงคือ วัดคิตาอิน (Kitain Temple)
ดอกซากุระเพิ่งเริ่มบานนิดหน่อย
ฝนก็ยังตกๆหยุดๆ ไม่มีแดดเลยวันนี้
-ป้ายที่สอง Otemachi ป้ายนี้จะเดินผ่านไปเจอหอระฆังโบราณ (Toki No Kane)
และเดินชมโซนบ้านเมืองเก่าคุราซุคุริ (Old storehouse zone)
เพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายด้วยมันร้อนๆ
เดินผ่านหอระฆังโบราณ (Toki No Kane) ไปก็เจอโซนร้านค้าเต็มสองข้างทาง
ก่อนเข้าที่พัก ไปแวะกินปิ้งย่างแถวๆอุเอโนะ (Ueno) เป็นร้านเดิมที่ จขกท.เคยกินครั้งที่แล้ว
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก กินเสร็จก็เดินกลับที่พักได้เลย (พักแถวอุเอโนะของกินเยอะมาก รวมทั้งร้านยืนชิวด้วยนะ )
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น