[CR] "เที่ยวญี่ปุ่น (OSAKA,KYOTO,FUJI,TOKYO) แบบไม่ซื้อทัวร์ ไม่กลัวหลง"

เจ้าของกระทู้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น  19-26 ตุลาคม 2558 (8วัน 7 คืน)
เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ดีๆที่ได้รับจากการไปเที่ยวครั้งนี้
จขกท. ตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ไม่ซื้อทัวร์แน่ๆ ประหลาดใจ
ที่ตัดสินใจเดินทางเอง วางแผนเที่ยวเอง เพราะถ้าไปกับทัวร์ จะโดนจำกัดเรื่องเวลาและสถานที่
บางที่เราอยากอยู่นานๆ อยากถ่ายรูป ไม่อยากไปเที่ยวแบบเร่งรีบ แต่ก่อนการเดินทางก็มีการวางแผนล่วงหน้าหลายเดือน
ศึกษาการนั่งรถไฟ รถบัส การเดินทางทั้งหมด จากกระทู้ของเพื่อนๆใน pantip ซึ่งมีประโยชน์มากและทำให้การเที่ยวครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี 555

(หากมีข้อมูลส่วนไหนขาดตกบกพร่องหรือผิดพลาด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ)



อมยิ้ม33เตรียมตัวก่อนไป
- ซื้อบัตร Jr pass (แบบ 7วัน)
จะได้เป็น exchange voucher แล้วนำไปแลกเป็นบัตรใบจริงที่ญี่ปุ่นอีกที
- ซื้อตั๋วเข้า Universal studio japan
- เช่า Pocket wifi ทั้งหมด 8 วัน (ซื้อประกันด้วย ป้องกันการเสียหาย)
- จองเช่าชุดกิโมโน จากร้าน okamoto kimono สาขา Gion Kodaiji
( http://www.okamoto-kimono.com/)
  ระบุวันที่และเวลาในการไปรับชุด, เลือกสาขาที่จะไปรับชุด (จขกท.เลือกสาขา Gion ที่อยู่ใกล้กับวัดน้ำใส)
- จองที่พัก 3 คืน ใน Osaka , 1 คืน ที่ Fuji , 3 คืน ใน Tokyo
คืนที่ 1,2,3 : โรงแรม shin-osaka station hotel
                  อยู่ใกล้สถานี shin-osaka ใช้เวลาเดินไม่ถึง 10 นาที
คืนที่ 4 : โรงแรม Plaza Inn Kawaguchiko
             อยู่ใกล้สถานีรถไฟ Kawaguchiko
คืนที่ 5 : โรงแรม Sardonyx Ueno
             อยู่ใกล้สถานีรถไฟ Ueno, ใกล้ตึกม่วงและใกล้กับสถานีรถไฟ Keisei Ueno
             ที่เป็นรถไฟความเร็วสูงสำหรับเดินทางไปยังสนามบินนาริตะ
               (Narita International Airport)
คืนที่ 6,7 : โรงแรม Tokyo Ueno Touganeya Hotel
                อยู่ใกล้สถานีรถไฟ Ueno
- ศึกษาการดูตารางเวลารถไฟ จาก http://www.hyperdia.com/ (ต้องยอมรับเลยว่าการเดินทางด้วยรถไฟในประเทศญี่ปุ่น
สะดวกสบายมากจริงๆ และรถไฟก็มาตรงเวลามาก)




เยี่ยมวางแผนสถานที่ท่องเที่ยว
วันแรก : สนามบินคันไซ (Kansai International Airport) > สถานีชินโอซาก้า Shin-Osaka > เข้าที่พัก
วันที่สอง : ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fusimi Inari Shrine) > วัดทอง คินคะคุจิ (Kinkakuji: Golden Pavilion)
>วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu Temple) หรือคนไทยมักเรียกว่า “วัดน้ำใส” > ย่านนัมบะ (Namba) ,โดทงบุริ (Dotonburi)
วันที่สาม : Universal Studio Japan > ย่านนัมบะ,โดทงบุริ
วันที่สี่ : ออกจาก Osaka > Kawaguchiko (ภูเขาไฟฟูจิ) > นั่งรถบัสเที่ยวรอบๆทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko Lake)
วันที่ห้า : ออกจาก Kawaguchiko > โตเกียว (Tokyo) > ย่านชินจูกุ (Shinjuku) >ย่านฮาราจูกุ (Harajuku)
วันที่หก : วัดอาซากุสะ (Sensoji Temple) > โอไดบะ (Odaiba) > ถนนชิบูย่า (Shibuya)
วันที่เจ็ด : โตเกียว > กลับไป  Kawaguchiko (ภูเขาไฟฟูจิ) อีกครั้ง
วันที่แปด : เดินทางกลับจากสนามบินนาริตะ (Narita International Airport)




เริ่มเดินทาง 19 ตุลาคม 2558
ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 11 โมง ถึงสนามบินคันไซประมาณ 6 โมงเย็นกว่าๆ (ตามเวลาที่ญี่ปุ่น)
ลงจากเครื่องแล้วต่อแถวเพื่อผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้ควรกรอกใบตรวจคนเข้าเมืองและใบศุลกากรให้เรียบร้อย
กรอกให้ครบทุกช่อง ก็ผ่านไปได้สบายๆ แบบไม่สอบถามอะไรเลย (แต่ จขกท. ก็เตรียมเอกสารเที่ยวบินไป-กลับ โรงแรมที่พัก แผนการเดินทางไปด้วยเผื่อเจ้าหน้าที่ขอเอกสารเพิ่มเติม) ขั้นตอนนี้คนเยอะและรอนานพอสมควร



หลังจากผ่าน ตม. เรียบร้อย รับกระเป๋าและผ่านศุลกากร ลากกระเป๋าขึ้นไปที่ชั้น 2 ของสนามบิน เพื่อเดินข้ามทางเชื่อมไปยังสถานีรถไฟสนามบินคันไซ พอเข้าไปก็มองหา JR Office นำ exchange voucher คู่กับ Passport ไปแลกเป็นบัตรใบจริง ระบุวันที่จะเริ่มใช้ วันสิ้นสุดการใช้ ระบุโรงแรมที่พักและเบอร์ที่ติดต่อได้ในญี่ปุ่น เสร็จเรียบร้อยก็รับบัตร (จขกท. เปิดใช้บัตรวันแรกที่มาถึงเพราะ *สามารถนั่งรถไฟสาย JR
จากสถานีสนามบินคันไซมายังสถานี shin-osaka ได้เลย)

นอกจากแลกบัตร JR pass แล้ว จขกท. ทำการจองที่นั่งรถไฟชินคันเซ็นสำหรับเดินทางไปเกียวโตในวันที่ 2 ของการเดินทางไว้เลย
(การจองที่นั่งล่วงหน้าจะทำให้เรามีที่นั่งที่แน่นอนและรู้เวลาเดินทาง แต่ถ้าไม่จองก็สามารขึ้นรถไฟได้โดยต้องเลือกนั่งในโบกี้ที่เป็น non-reserve)
เสร็จเรียบร้อยก็ลากกระเป๋าลงไปยังสถานีและขึ้นรถไฟสาย JR ไปยังสถานี shin-osaka (ก่อนเข้าและออกทุกๆสถานีจะต้องโชว์บัตร JR pass ให้พนักงานดูทุกครั้ง) นั่งรถไฟประมาณ 45 นาที ก็ถึงสถานี shin-osaka

เดินออกจากสถานี shin-osaka แล้วข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม


เดินไม่ถึง 10 นาที ก็มาถึงที่พักแรก
โรงแรม shin-osaka station hotelโรงแรม shin-osaka station hotel


ภายในห้องพัก (ห้องพักสะอาด ไม่แคบ มีน้ำดื่ม ไดร์เป่าผม)










จากหน้าต่างห้องพักมองออกไปจะเห็น สถานี shin-osaka



จขกท. เลือกพักที่โรงแรมนี้ 3 คืน ระหว่างที่อยู่ OSAKA เนื่องจากโรงแรมอยู่ใกล้สถานี shin-osaka ที่เป็นสถานีหลักในการเดินทาง
และยังสามารถนั่งรถไฟสาย JR ไปยังสถานีอื่นได้อย่างสะดวก




หลังจากเก็บกระเป๋าเรียบร้อยยังพอมีแรงเหลือ ไปหาอะไรกินต่อที่สถานี osaka
(อยู่ถัดจากสถานี shin-osaka ไปเพียง 1 สถานี *ใช้ตั๋ว JR ได้)
เดินไปเดินมาก็เลือกได้ร้านราเมน HAKATA RAUMEN GENKOTSU ดูน่าเข้าและมีลูกค้าพอสมควร

ราเมนมื้อแรกในญี่ปุ่น รสชาติพอใช้ได้ ให้เส้นเยอะมาก เจ้าของร้านบริการดี อารมณ์ดี ยกถ้วยราเมนมาเสริฟก็มีแต่ “ให้ๆ”
ยกน้ำมาเสริฟก็ “ให้ๆ” แต่พอกินเสร็จเอาบิลไปจ่าย เจ้าของร้านไม่เห็นจะ “ให้” อย่างที่พูดเลย 5555





กินเสร็จเรียบร้อยก็นั่งรถไฟสาย JR จากสถานี osaka กลับมายังที่พัก


อมยิ้ม36อมยิ้ม36อมยิ้ม36
ชื่อสินค้า:   เที่ยวแถบคันไซ เช่าชุดกิมโมโนเดินถ่ายรูปที่วัดน้ำใส นั่งรถไฟไปดูฟูจิใส่หมวก เข้าเมืองโตเกียว ชิบูย่า ฮาราจูกุ ชินจูกุ และโอไดบะ
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่