ท่องเที่ยวบนเรือสำเภา

เล่าไว้ให้เป็นประสบการณ์นะครับ และ ได้รับเรื่องที่คาดไม่ถึงที่จะเล่าให้ฟังในตอนท้ายอีกที

พอดีมีโอกาสได้นั่งเรือชื่อ Ovation of the sea ของ บริษัท Royal Caribbean เป็นเรือสำเภา (ลูกสาวเรียกแบบล้อเลียน) ที่สงกรานต์ปีนี้เค้ามาแถบนี้

ทริปที่ไปนี้เริ่มต้นจาก สิงคโปร์ ไป ปีนัง และกลับมาสิงคโปร์ ใช้เวลา 5 วัน 4 คืน

เรือลำนี้กว้าง x ยาวประมาณ 40 x 350 เมตร จำนวนชั้นที่ให้บริการ 16 ชั้น ห้องพักรวม 2090 ห้อง สามารถรับแขกได้สูงสุด 4900 คน ลูกเรืออีก 1500 คน ลองนึกถึงความโกลาหลในการทำงานบนสถานที่ถึงแม้ว่าจะใหญ่ แต่ทุกอย่างมันจะถูกจำกัดไว้อยู่บนพื้นที่แค่นั้น หลุดจากพื้นที่นั้น คือ มหาสมุทรนะครับ

เข้าใจว่าผู้โดยสารไม่ถึง 4900 หรอก แต่คงจะเกิน 3000 แน่ๆ เพราะใช้เวลาขึ้นและลงเรือสำหรับการตรวจคนเข้าเมือง ออกเมืองนานมาก ชั่วโมงกว่าๆ ขนาดสิงคโปร์ว่าเป็นเจ้าเรื่องการจัดการแล้วนะ แต่งวดนี้สถานที่มันแคบกว่าสนามบินมาก เป็นท่าเทียบเรือเรียกว่า Marina South Pier ใกล้กับ Marina Bay Sand

ทัวร์ที่จองไปก็เหมารวมค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพฯ สิงคโปร์ไว้แล้ว ทัวร์ผมได้นั่ง Thai Lion Air ไม่ขอบอกราคาและชื่อทัวร์นะครับ

ที่เลือกไปเที่ยวแบบนี้ เพราะเราต้องการให้เป็น All-inclusive expense คือไปเที่ยวแบบไม่อยากจ่ายอะไรเพิ่มอีกแล้ว แต่จะแจกแจงให้ทราบต่อไปว่า มันมีค่าใช้จ่ายอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เพิ่มเติมขึ้นมา

จุดประสงค์หลักของการท่องเที่ยวบนเรือสำเภาคือกิจกรรมภายในเรือครับ และ สิ่งที่มันต้องเจอแน่ๆในเรือสำเภานี้คือ คาสิโน หรือ บ่อนลอยน้ำ สิ่งนี้เป็นตัวทำกำไรให้แก่เรือ และ เท่าที่เคยสำรวจมา นักเล่นหลายๆท่านยอมจ่ายค่าขึ้นเรือเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

นอกจากนี้ก็จะมีไฮไลท์บางอย่างเช่นการแสดง กิจกรรมสำหรับทุกระดับชั้นทั้ง เด็ก วัยรุ่น กลางคน หรือ คนแก่ มีหมด
เรือลำนี้ก็จะมี ที่เรียกว่า Rip Cord iFly คือท่อลมให้เราบินขึ้นไป (ต้านแรงโน้มถ่วงของโลก) กับ กระเช้าเรียก North Star มันมีแขนเกี่ยว และ ยกกระเช้าขึ้นเหมือนลอยไปอยู่กลางทะเล มีลานสเก็ต ที่ใช้เป็น ลาน Bumping Car, ฟุตซอล และ บาสเก็ตบอลด้วย ยังมีโต๊ะปิงปอง โซนเอ็กซ์บ็อกซ์เกม ห้องออกกำลังกาย (ฟิตเนส) และ สปา (อันนี้เสียตังค์เต็มๆ) ซึ่งจะฟรีเป็นส่วนใหญ่ แต่ต้องทำการจองก่อน ซึ่งจองยากอิ๊บอ๋าย ต้องจองผ่านแอพ เช่น iFly หรือ ไปต่อคิวเองเช่น Bumping car, Skate หรือ ตีปิงปอง

เรือสำเภาลำนี้ การแสดงจะเป็นของค่าย Dreamwork ที่ต้องเสียตังค์ เลยไม่ได้ดู

ส่วนกิจกรรมสำหรับเหล่านั้ง ที่เห็นส่วนมากคือ บ่อนครับ 555

มาถึงห้องพักบ้าง ก็เหมือนห้องพักตามโรงแรมทั่วไป ห้องน้ำจะเล็กนิดนึง สิ่งอำนวยความสะดวกก็ประมาณ โรงแรม 3-4 ดาว ข้อไม่ดีคือไม่มีน้ำเปล่าบรรจุขวดแถมฟรีเลย ต้องใช้น้ำก๊อกต้มเอา โชคดีที่ได้ห้องมีระเบียงจะเห็นท้องทะเล ท้องฟ้าตัดกันชัดเจน ถ่ายรูปดวงดาว หรือ ดวงอาทิตย์ตอนขึ้นและตก ได้สวยงามตามท้องเรื่องครับ

ส่วนเรื่องอาหารการกิน ก็จะมีห้องอาหารในเรือ เยอะมาก หลากสไตล์ แต่ที่ฟรีจะมีไม่ประมาณ 10 แห่ง มีทั้งบุฟเฟ่ต์ และ อาหารตามสั่ง แบบถูกบังคับ คือมีเมนูให้แค่นี้ A la carte ตามนี้ จะมีให้สั่งก็สั่งได้เท่านี้ อาหารมีให้เลือกน้อย แต่ห้องสำหรับบุฟเฟ่ต์จะมีหลากหลายกว่า

ปัญหาคือ รสชาติมันไม่ถูกปากเท่าไหร่ เป็นอาหารสำหรับแขกจริงๆเลยเยอะมาก พวก นาน โรตี กับ แกงที่มีเครื่องเทศเยอะๆ อาหารจีน ก็ไม่ค่อยถูกปาก มีพวก หมาร้อน ฝรั่งเศสทอด และ แฮมเบอร์เกอร์ที่เอามาประกอบร่างกันเองก็เยอะ พิซซ่าตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม หนามาก

เครื่องดื่มจะมีชากาแฟ น้ำผลไม้(แบบผสม) น้ำอัดลมมีแต่ต้องเสียตังค์ซื้อ แพ็คเก็จเพิ่มประมาณ 3-10 US$

น้ำส้มคั้นสดเพิ่มอีก 8 US$ กาแฟ Lavazza ก็มี แต่เสียตังค์เพิ่ม แต่ที่ดื่มแล้วคุ้มสุด คือ นม จากเวียดนามยี่ห้อ Vinamilk สดดีดื่มแล้ว ถ่ายทำภาพยนตร์คล่องมาก

เรื่องอาหารถ้าฟรี ก็จะได้คุณภาพประมาณนี้ ถ้าเสียตังค์จะได้คุณภาพดีกว่านี้มาก (ไม่ได้ลองเพราะเล่นในบ่อนไม่ได้มาก)

ข้อมูลสำคัญอีกเรื่องคือการต่ออินเตอร์เน็ต มีไวไฟ ในเรือครับใช้ระบบดาวเทียม แต่เสียตังค์ตามจำนวนเครื่องที่ต่อ หากต่อหนึ่งเครื่อง (เรียก Device) ก็จะคิดราคาต่อเครื่องที่ประมาณ 10 ยูโร/คืน และหากซื้อแล้ว จะเหมาเป็นราคารวม เช่นอยู่ 4 คืน ราคาต่อเครื่องต่อคืน ก็จะ x 4 โดยอัตโนมัติ ถ้าสั่งซื้อก่อนขึ้นเรือจะได้ส่วนลดประมาณ 30% ส่วนเรื่อง data ที่ต่อจากโทรศัพท์มือถือของเรา หากซื้อโรมมิ่งไปที่ สิงคโปร์ และ มาเลเซียก็จะใช้ได้ตอนอยู่บนฝั่งหรือใกล้ฝั่งเท่านั้น หากอยู่กลางทะเล หมดสิทธิใช้ครับ แนะนำให้จองซื้อก่อนขึ้นเรือ ไม่อย่างนั้นไปซื้อตอนขึ้นเรือจะแพงกว่า และ คิวยาวมากกกก

สกุลเงินทุกอย่างเมื่อขึ้นเรือแล้วใช้ US$ เท่านั้น ส่วนที่จ่ายค่าไวไฟเป็น EUR เพราะงานก่อนขึ้นเรือมันจัดการกันที่เยอรมัน เลยต้องชาร์จมาเป็น EUR

ดังนั้นมันจะมีค่าใช้จ่ายประเภทนี้บวกค่ากิน หรือ ค่าเสริมสวย (สปา) และ สำหรับบรรดาสุภาพสตรี มีแบรนด์เนมลดราคาอยู่จำนวนหนึ่งซึ่งบรรดาสาวนักช็อปของเราไม่ค่อยพลาด (เราเองก็เสียตังค์ส่วนนี้ไปด้วย เจอค่ากระเป๋าสะพายสำหรับสุภาพสตรีไป โฮๆ) ที่ลดเยอะจะเป็นยี่ห้อ Guess, Armani Jeans, Citizen ส่วนช็อปจะมี Bvlgari, Omega, Michael Kors, Kate Spade and etc. เทียบกับที่ได้พนันมานิดหน่อย สรุปคือยังต้องเสียเงินเพิ่มสำหรับทริปนี้

พอเข้าเรือได้จะใช้ Sea Pass เป็นตัวระบุตัวตน ใช้เป็นการ์ดเสียบในห้องเพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงาน และ ชาร์จค่าใช้จ่าย ยังรวมไปถึงเป็นตัวแทน passport ของเราตอนท่องเที่ยวเข้าและออกปีนังด้วย โดยที่เราต้องให้ Passport แก่เจ้าหน้าที่เรือ แล้วเอา Sea Pass ขนาดเท่าบัตรเครดิตมาแทน

หนังสือเดินทางจะคืนให้วันก่อนสุดท้าย ส่วน Sea Pass เก็บไว้เป็นที่ระลึกได้

ส่วนสุดท้ายที่อยากเล่าให้ดูรูปประกอบในห้องนอน ตัวที่แขวนไว้อยู่บนไม้แขวนเสื้อในห้อง

มันคือผ้าเช็ดตัวพับเป็นรูปสัตว์ต่างๆ โชคดีว่าลูกสาวถ่ายรูปเก็บเอาไว้ แต่ละวันจะเป็นสัตว์ไม่เหมือนกัน หมา ช้าง และ อื่นๆ

ส่วนไอ้ลิงตัวนี้ที่มันพีค คือ พอกลับมาลูกสาวเอารูปลง Twitter ปรากฏว่า มีคนขอ Re-Tweet ไปแล้ว 40,000 กว่าครั้ง ในเพจ สมาคมกวน Teen เอาไปลง แถมมีคอมเม้นท์แบบจินตนาการไปไกลสุดกู่ว่า ไอ้ลิงนี้มีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่ ให้ดูที่ตาสีดำสองข้าง ว่ามันคือกล้อง ทั้งๆที่จริงๆ แล้ว มันคือกระดาษเอามาแปะเป็นเป็นหน้าลิง และ ใช้ปากกา(หรือดินสอ) เขียนเป็นรูปตาเอาไว้ แค่นั้นเอง

จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ แต่ เรื่องเกินจินตนาการนี่ คนไทยมีมากกว่าใคร ไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ (ทำไมจบแบบนี้ได้วะ)

แค่นี้ก็ยาวไปแล้ว มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกนิดหน่อย บวกกับเที่ยวปีนัง ไว้คราวต่อไปแล้วกัน