ตั้งใจเขียนกระทู้นี้เพื่อใช้เป็นแหล่งข้อมูลให้กับสมาชิกที่กำลังเปรียบเทียบ Garmin Edge 520 กับ Wahoo Bolt อยู่ในขณะนี้
*** ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่ได้จากการรีวิวจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการสอบถามบริษัทผู้จำหน่าย ผิดถูกประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
Garmin Edge 520 เป็นตัวล่าสุดในซีรีย์ 500 ของ Garmin
จอภาพเป็นจอสี มีขนาดความกว้าง 2.3 นิ้ว ความละเอียด 240 x 400 pix
ระบบนำทางเป็น GPS / Glonass สามารถเซ็ตเพื่อเลือกว่าจะใช้เฉพาะ GPS หรือใช้ GPS + Glonass
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายแบบ ANT+ และ Bluetooth
สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX7
แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุด 15 ชม.
นำเข้าและจำหน่ายโดยบริษัท ESRI Thailand
ราคาขาย 15800 บาท (รวม Speed / Cadence / HR sensor)
Wahoo Elemnt Bolt , Bike Computer รุ่นล่าสุดจาก Wahoo Fitness
จอภาพเป็นจอขาวดำ ขนาดความกว้าง 2.2 นิ้ว
ระบบนำทางเป็น GPS / Glonass เปิดใช้ทั้งสองระบบร่วมกันตลอดเวลา
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายแบบ ANT+, WIFI, และ Bluetooth
สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX7
แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุด 15 ชม.
นำเข้าและจำหน่ายโดยบริษัท Pro Cycle
ราคาขาย 8950 บาท (เฉพาะตัวเครื่อง)
จุดพิจารณาความแตกต่างของทั้งสองรุ่น
1. จอภาพ
Garmin จอสี ขนาด 3 นิ้ว ดูง่าย สามารถกำหนดรูปแบบการแสดงผลได้
Wahoo จอขาวดำ ขนาด 2.2 นิ้ว สามารถกำหนดรูปแบบการแสดงได้ และมีความยืดหยุ่นมากกว่า
2. การเชื่อมต่อไร้สาย
Garmin เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่าน ANT+ และ Bluetooth
Wahoo เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่าน ANT+ , Wifi, และ Bluetooth (เทียบเท่ากับ Garmin Edge 820/1000)
3. แผนที่
Garmin แสดงในลักษณะการนำทาง ไม่สามารถใส่แผนที่เข้าไปได้
Wahoo ผู้ใช้สามารถติดตั้งแผนที่เข้าไปในตัวไมล์ได้ ทำให้เราสามารถค้นหาและกำหนดเส้นทางปั่นได้ (เทียบเท่า Garmin Edge 820/1000)
4. ฟีเจอร์
Garmin มีฟีเจอร์ Profile ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสร้างโปรไฟล์ได้มากกว่าหนึ่งในกรณีที่มีรถมากกว่า 1 คัน เราสามารถกำหนดข้อมูลตั้งแต่เซ็นเซอร์ที่ใช้งาน รูปแแบบการใช้งาน และข้อมูลอื่น ๆ สำหรับรถแต่ละคันของเรา รวมถึงสถิติการใช้งาน อันนี้ผมคิดว่ามีประโยชน์มากครับ สำหรับคนที่มีรถมากกว่า 1 คัน และไม่อยากซื้อไมล์หลายอัน เราเพียงแต่เลือกโปรไฟล์ให้ถูกเมื่อจะใช้งาน และนอกจากนี้ garmin ก็ยังมีฟีเจอร์ให้เราเซ็ตได้มาก เช่น การเลือกใช้งานระบบนำทางว่าจะใช้เฉพาะ GPS หรือใช้ GPS + Glonass ซึ่งคิดว่าถ้าเราต้องการความละเอียดแม่นยำมาก ๆ เช่น ใช้แค่นำทางอย่างเดียว ไม่ดูความเร็วหรือระยะทาง เราอาจจะเปิดเฉพาะ GPS อย่างเดียวจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ และนอกจากนี้ garmin ยังยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดขนาดของวงล้อรถเองได้โดยไม่คำนวนจาก GPS ครับ
Wahoo จุดเด่นของฟีเจอร์ใน wahoo bolt คือ ความง่ายในการใช้งาน ทุกอย่างจะอัตโนมัติหมดครับ เราเพียงติดตั้งอุปกรณ์ และติดตั้งโปรแกรมของ wahoo ลงในโทรศัพท์ของเรา แล้วเชื่อมต่อไมล์เข้ากับโทรศัพท์ ผู้ใช้สามารถเซ็ตทุก ๆ อย่างในไมล์ผ่านโทรศัพท์ได้ รวมถึงการอัพเดทโปรแกรม ซึ่งง่ายกว่า Garmin ครับ, ฟีเจอร์ zoom ก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ทำให้เราเลือกดูข้อมูลบนจอภาพได้ง่าย เราสามารถเลือกแสดงข้อมูลเท่าที่เราต้องการดูเท่านั้นได้ เช่น เราอาจจะสนใจดูแค่ความเร็วกับระยะทาง เราสามารถกำหนดให้แสดงแค่ 2 อย่างนี้จะได้ครับ ถือว่าเป็นฟีเจอร์เด่นของ wahoo, ไฟ led ที่อยู่ด้านบนของไมล์ก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยเตือนเวลาเราเปิดนำทาง เพราะถ้าเราเลี้ยวผิด ไฟที่หลอด led จะกระพริบให้สัญญาณเรา
5. แบตเตอรี่
Garmin ตามสเปกคือ 15 ชม. การใช้งานจริง ซึ่งใช้งานทุกฟังก์ชั่น จะอยู่ที่ 8 - 10 ชม. จุดชาร์จอยู่ใต้เครื่อง จะต้องถอดเครื่องออกจากแท่นสำหรับการชาร์จถ่าน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.
Wahoo ตามสเปกคือ 15 ชม. ถามจากผู้ใช้งาน จะอยู่ที่ 10 - 12 ชม. ด้วยขนาดจอที่เล็กกว่าและเป็นจอขาวดำ จึงได้อานิสงฆ์เรื่องอายุการใช้งานแบต และนอกจากนี้ตำแหน่งชาร์จอยู่ขอบด้านล่างของตัวเครื่อง ดังนั้นถ้าใครติดตั้งบนสเตม อาจจะไม่ต้องถอดเครื่องออกจากแท่นเพื่อชาร์จครับ
6. การบริการหลังการขาย
Garmin ประกัน 1 ปี ทางบริษัทผู้จำหน่ายให้ข้อมูลว่า หากเครื่องมีปัญหา ทางบริษัทจะต้องส่งไปให้ garmin ที่ไต้หวัน ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 45 วัน นับจากวันที่ลูกค้ายืนยันการซ่อม (ไม่ใช่นับจากวันส่งซ่อมน่ะครับ) โดยระหว่างการซ่อมทางบริษัทจะมีเครื่องสำรองให้ใช้ ซึ่งถ้าลูกค้าไม่รับเครื่องสำรอง บริษัทจะยืดเวลาประกันเพิ่มให้ตามจำนวนวันที่ส่งซ่อมนับตั้งแต่วันส่งซ่อม ซึ่งจากที่รีวิวมา สมาชิกจะบ่นเรื่องนี้มากครับ จนมีคนบอกว่า ซื้อเครื่องหิ้วจากบางเจ้าบริการดีกว่าเครื่องศูนย์เสียอีก
Wahoo ประกัน 2 ปี ทางบริษัทผู้จำหน่ายให้ข้อมูลว่า หากเครื่องมีปัญหา และนำส่งมาที่บริษัท จะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 1 - 3 สัปดาห์ โดยบริษัทจะทำเรื่องแจ้งไปที่ wahoo และหากทาง wahoo อนุมัติ และมีเครื่องใหม่ในสต๊อก ทางบริษัทก็จะส่งเครื่องใหม่ให้ลูกค้าเลย
7. ราคา
เนื่องจาก Wahoo แยกขายเฉพาะตัวเครื่อง จึงเหมาะกับใครที่มีอุปกรณ์ sensor อยู่แล้ว แต่ถ้าจะเลือก garmin ต้องซื้อทั้งชุด (มี speed / cad / hr sensor มาพร้อม) ซึ่งดูแล้ว wahoo จะเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นกว่า นอกเสียจากใครไปซื้อเครื่องหิ้วครับ จะมีราคาเครื่อง garmin ที่เป็นราคาเฉพาะเครื่องเปล่าไม่มี sensor ซึ่งถ้าบวกราคาแล้ว bolt ก็ยังถูกกว่า 520 ประมาณ 2450 บาทครับ
ก็เป็นข้อมูลที่พอจะรีวิวมาได้ และหวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจเลือกไมล์ทั้งสองรุ่นนี้น่ะครับ
** ขออธิบายนิดครับ ระบบนำทางที่มีใช้ทั่วไปในโลก หลัก ๆ คือ GPS (Global Positioning System) ซึ่งเป็นของอเมริกา, Glonass (Global Navigation Satellite System ซึ่งเป็นของรัสเซีย, Galileo ซึ่งเป็นของกลุ่มสหภาพยุโรป, และ Beidou ซึ่งเป็นของจีน โดยทั่วไปอุปกรณ์นำทางทุกยี่ห้อจะนิยมใช้ GPS และ Glonass เป็นหลัก
Garmin Edge 520 VS Wahoo Elemnt Bolt
*** ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลที่ได้จากการรีวิวจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงการสอบถามบริษัทผู้จำหน่าย ผิดถูกประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
Garmin Edge 520 เป็นตัวล่าสุดในซีรีย์ 500 ของ Garmin
จอภาพเป็นจอสี มีขนาดความกว้าง 2.3 นิ้ว ความละเอียด 240 x 400 pix
ระบบนำทางเป็น GPS / Glonass สามารถเซ็ตเพื่อเลือกว่าจะใช้เฉพาะ GPS หรือใช้ GPS + Glonass
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายแบบ ANT+ และ Bluetooth
สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX7
แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุด 15 ชม.
นำเข้าและจำหน่ายโดยบริษัท ESRI Thailand
ราคาขาย 15800 บาท (รวม Speed / Cadence / HR sensor)
Wahoo Elemnt Bolt , Bike Computer รุ่นล่าสุดจาก Wahoo Fitness
จอภาพเป็นจอขาวดำ ขนาดความกว้าง 2.2 นิ้ว
ระบบนำทางเป็น GPS / Glonass เปิดใช้ทั้งสองระบบร่วมกันตลอดเวลา
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายแบบ ANT+, WIFI, และ Bluetooth
สามารถกันน้ำได้ตามมาตรฐาน IPX7
แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้สูงสุด 15 ชม.
นำเข้าและจำหน่ายโดยบริษัท Pro Cycle
ราคาขาย 8950 บาท (เฉพาะตัวเครื่อง)
จุดพิจารณาความแตกต่างของทั้งสองรุ่น
1. จอภาพ
Garmin จอสี ขนาด 3 นิ้ว ดูง่าย สามารถกำหนดรูปแบบการแสดงผลได้
Wahoo จอขาวดำ ขนาด 2.2 นิ้ว สามารถกำหนดรูปแบบการแสดงได้ และมีความยืดหยุ่นมากกว่า
2. การเชื่อมต่อไร้สาย
Garmin เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่าน ANT+ และ Bluetooth
Wahoo เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ผ่าน ANT+ , Wifi, และ Bluetooth (เทียบเท่ากับ Garmin Edge 820/1000)
3. แผนที่
Garmin แสดงในลักษณะการนำทาง ไม่สามารถใส่แผนที่เข้าไปได้
Wahoo ผู้ใช้สามารถติดตั้งแผนที่เข้าไปในตัวไมล์ได้ ทำให้เราสามารถค้นหาและกำหนดเส้นทางปั่นได้ (เทียบเท่า Garmin Edge 820/1000)
4. ฟีเจอร์
Garmin มีฟีเจอร์ Profile ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสร้างโปรไฟล์ได้มากกว่าหนึ่งในกรณีที่มีรถมากกว่า 1 คัน เราสามารถกำหนดข้อมูลตั้งแต่เซ็นเซอร์ที่ใช้งาน รูปแแบบการใช้งาน และข้อมูลอื่น ๆ สำหรับรถแต่ละคันของเรา รวมถึงสถิติการใช้งาน อันนี้ผมคิดว่ามีประโยชน์มากครับ สำหรับคนที่มีรถมากกว่า 1 คัน และไม่อยากซื้อไมล์หลายอัน เราเพียงแต่เลือกโปรไฟล์ให้ถูกเมื่อจะใช้งาน และนอกจากนี้ garmin ก็ยังมีฟีเจอร์ให้เราเซ็ตได้มาก เช่น การเลือกใช้งานระบบนำทางว่าจะใช้เฉพาะ GPS หรือใช้ GPS + Glonass ซึ่งคิดว่าถ้าเราต้องการความละเอียดแม่นยำมาก ๆ เช่น ใช้แค่นำทางอย่างเดียว ไม่ดูความเร็วหรือระยะทาง เราอาจจะเปิดเฉพาะ GPS อย่างเดียวจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ และนอกจากนี้ garmin ยังยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดขนาดของวงล้อรถเองได้โดยไม่คำนวนจาก GPS ครับ
Wahoo จุดเด่นของฟีเจอร์ใน wahoo bolt คือ ความง่ายในการใช้งาน ทุกอย่างจะอัตโนมัติหมดครับ เราเพียงติดตั้งอุปกรณ์ และติดตั้งโปรแกรมของ wahoo ลงในโทรศัพท์ของเรา แล้วเชื่อมต่อไมล์เข้ากับโทรศัพท์ ผู้ใช้สามารถเซ็ตทุก ๆ อย่างในไมล์ผ่านโทรศัพท์ได้ รวมถึงการอัพเดทโปรแกรม ซึ่งง่ายกว่า Garmin ครับ, ฟีเจอร์ zoom ก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ทำให้เราเลือกดูข้อมูลบนจอภาพได้ง่าย เราสามารถเลือกแสดงข้อมูลเท่าที่เราต้องการดูเท่านั้นได้ เช่น เราอาจจะสนใจดูแค่ความเร็วกับระยะทาง เราสามารถกำหนดให้แสดงแค่ 2 อย่างนี้จะได้ครับ ถือว่าเป็นฟีเจอร์เด่นของ wahoo, ไฟ led ที่อยู่ด้านบนของไมล์ก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ช่วยเตือนเวลาเราเปิดนำทาง เพราะถ้าเราเลี้ยวผิด ไฟที่หลอด led จะกระพริบให้สัญญาณเรา
5. แบตเตอรี่
Garmin ตามสเปกคือ 15 ชม. การใช้งานจริง ซึ่งใช้งานทุกฟังก์ชั่น จะอยู่ที่ 8 - 10 ชม. จุดชาร์จอยู่ใต้เครื่อง จะต้องถอดเครื่องออกจากแท่นสำหรับการชาร์จถ่าน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.
Wahoo ตามสเปกคือ 15 ชม. ถามจากผู้ใช้งาน จะอยู่ที่ 10 - 12 ชม. ด้วยขนาดจอที่เล็กกว่าและเป็นจอขาวดำ จึงได้อานิสงฆ์เรื่องอายุการใช้งานแบต และนอกจากนี้ตำแหน่งชาร์จอยู่ขอบด้านล่างของตัวเครื่อง ดังนั้นถ้าใครติดตั้งบนสเตม อาจจะไม่ต้องถอดเครื่องออกจากแท่นเพื่อชาร์จครับ
6. การบริการหลังการขาย
Garmin ประกัน 1 ปี ทางบริษัทผู้จำหน่ายให้ข้อมูลว่า หากเครื่องมีปัญหา ทางบริษัทจะต้องส่งไปให้ garmin ที่ไต้หวัน ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 45 วัน นับจากวันที่ลูกค้ายืนยันการซ่อม (ไม่ใช่นับจากวันส่งซ่อมน่ะครับ) โดยระหว่างการซ่อมทางบริษัทจะมีเครื่องสำรองให้ใช้ ซึ่งถ้าลูกค้าไม่รับเครื่องสำรอง บริษัทจะยืดเวลาประกันเพิ่มให้ตามจำนวนวันที่ส่งซ่อมนับตั้งแต่วันส่งซ่อม ซึ่งจากที่รีวิวมา สมาชิกจะบ่นเรื่องนี้มากครับ จนมีคนบอกว่า ซื้อเครื่องหิ้วจากบางเจ้าบริการดีกว่าเครื่องศูนย์เสียอีก
Wahoo ประกัน 2 ปี ทางบริษัทผู้จำหน่ายให้ข้อมูลว่า หากเครื่องมีปัญหา และนำส่งมาที่บริษัท จะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 1 - 3 สัปดาห์ โดยบริษัทจะทำเรื่องแจ้งไปที่ wahoo และหากทาง wahoo อนุมัติ และมีเครื่องใหม่ในสต๊อก ทางบริษัทก็จะส่งเครื่องใหม่ให้ลูกค้าเลย
7. ราคา
เนื่องจาก Wahoo แยกขายเฉพาะตัวเครื่อง จึงเหมาะกับใครที่มีอุปกรณ์ sensor อยู่แล้ว แต่ถ้าจะเลือก garmin ต้องซื้อทั้งชุด (มี speed / cad / hr sensor มาพร้อม) ซึ่งดูแล้ว wahoo จะเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นกว่า นอกเสียจากใครไปซื้อเครื่องหิ้วครับ จะมีราคาเครื่อง garmin ที่เป็นราคาเฉพาะเครื่องเปล่าไม่มี sensor ซึ่งถ้าบวกราคาแล้ว bolt ก็ยังถูกกว่า 520 ประมาณ 2450 บาทครับ
ก็เป็นข้อมูลที่พอจะรีวิวมาได้ และหวังว่าคงเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจเลือกไมล์ทั้งสองรุ่นนี้น่ะครับ
** ขออธิบายนิดครับ ระบบนำทางที่มีใช้ทั่วไปในโลก หลัก ๆ คือ GPS (Global Positioning System) ซึ่งเป็นของอเมริกา, Glonass (Global Navigation Satellite System ซึ่งเป็นของรัสเซีย, Galileo ซึ่งเป็นของกลุ่มสหภาพยุโรป, และ Beidou ซึ่งเป็นของจีน โดยทั่วไปอุปกรณ์นำทางทุกยี่ห้อจะนิยมใช้ GPS และ Glonass เป็นหลัก