สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ
เปิดหัวด้วย Oxararfoss
ผมเพิ่งกลับมาจากการเที่ยว Icelandไม่นาน ซึ่งเป็นประเทศสุดฮอทของนักท่องเที่ยวชาวไทยณ.ตอนนี้ ผมไปช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา คนเยอะมากๆ เจอคนไทยตามสถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ มีแบบทั้งผู้สูงอายุและวัยรุ่น
อันนี้เป็นแผนท่องเที่ยวคร่าวๆของผมนะครับ
Day 1 Bkk – Stockholm – Keflavik – Reykjavik - Akureyri
Day 2 Akureyri – Godafoss – Myvatn – Akureyri
Day3 Akureyri – Grudarfjordur (kirkjufell)
Day4 Grudarfjordur – Golden circle – Selfoss
Day5 Sellfoss – Vik – Skaftafell – Jokulsalon- Hali country hotel
Day6 Hali country hotel – Jokulsalon – Hofn(กินLangpustine) – Hali country hotel
Day7 Hali country hotel – Fjadrargljufur - black sand beach – Skogafoss – Hella
Day8 Hella – Reykjavic city tour – Blue lagoon – Keflavik aurora hotel
Day9 Keflavik – Copenhagen
Day10 Copenhagen city tour
Day 11 Copenhagen – Bkk
ปล. รูปที่ลงไม่ได้ผ่านการแต่งภาพนะครับ ใช้sony mirrorless a6000 ถ่ายครับ
Godafoss
ส่วนกระทู้รีวิวดีๆรายละเอียดแน่นๆของเพื่อนๆในบลูแพลเน็ทมีเยอะมากแล้ว ผมขอเสริมเรื่องอื่นๆที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแล้วกันครับ
เผื่อเป็นแนวทางให้คนที่ยังสงสัย
1. เรื่องการเช่ารถ&ประกัน: ผมไปกัน5คน เช่ารถจากthrifty จองไว้เป็น Land cruiser เพราะต้องขนกระเป๋า5ใบใหญ่ ปรากฎว่าไปถึงจริงได้เป็น volvo xc90 ซึ่งโชคดีที่ยังยัดกระเป๋า5ใบได้ครบ
เพราะฉะนั้นควรคอนเฟิร์มเรื่องรถกับทางบริษัทให้เช่าให้ดีก่อนไปครับ ส่วนเรื่องประกันรถผมแนะนำว่าควรต้องทำไปนะครับ อย่ามั่นใจว่าเราขับระมัดระวังเพราะอย่างกรณีของผม โดนหินที่ไหนไม่รู้กระเด็นใส่กระจก กระจกร้าวไปครึ่งบาน โชคดีผมทำประกันแบบแพงสุดไว้ ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายเลยครับ(ประมาณ800euro) แล้วช่วงที่ผมไปมีคนไทยเช่าcamper van เปิดประตูไม่ทันระวัง ลมพัดแรงจนเหล็กบานพับฉีก โดนค่าซ่อม 500euro เศร้าแทน แนะนำอีกเรื่องครับคือพยายามหารถรุ่นที่มี cruise control เพราะจะทำให้การขับรถในIceland ของคุณง่ายขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงขับเกินความเร็วที่เค้ากำหนด จะให้ดียิ่งขึ้นถ้ารถนั้นมีระบบ Gps จะได้ไม่ต้องเช่าเพิ่ม
2. เรื่องการแลกเงินและซื้อของต่างๆในIceland: ผมแนะนำว่าแลกไปพอแค่ให้มีเงินสดติดตัวไปก็พอครับ แบบว่าประมาณ3000บาทไทยต่อคนก็พอ เพราะการซื้อของ กินข้าว หรือซื้ออะไรต่างๆสามารถใช้ บัตรเครดิตได้ทุกอย่าง แถมไม่ต้องใส่Pinเลยครับ ที่ต้องใส่Pinจริงๆที่ผมเห็นว่ามีแค่การเติมน้ำมันรถอย่างเดียวเอง
3. เรื่องการเติมน้ำมัน: อย่างที่รู้ๆกันคือต้องเติมเองและคนที่เคยรีวิวในห้องบลูก็จะแนะนำว่าใช้บัตรเครดิตแล้วใส่pin กับอีกอย่างคือใช้ prepaid cardที่ซื้อ ผมจะมาแนะนำอีกวิธีที่ผมใช้แล้วกันนะครับเพราะผมไม่รู้เลขpinของบัตรผม แล้วกลัวว่าถ้าซื้อprepaid card เงินในบัตรจะเหลือ
ผมใช้วิธีเข้าปั๊มN1แบบที่มีมินิมาร์ท พอเราจอดรถเสร็จจำเลขหัวจ่ายของเราแล้วก็เดินเข้าไปในมินิมาร์ท บอกเลขหัวจ่ายเค้าก็จะเปิดให้เราเติม เติมเสร็จก็จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เคาท์เตอร์(ไม่ต้องใส่pin) แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ
ปล.แต่ถ้าไปดึกมินิมาร์ทปิด ก็จะเติมแบบวิธีนี้ไม่ได้นะครับ555
Reykjavik
4. เรื่อง Bruafoss: ถ้าส่วนตัวผม ผมว่าไม่คุ้มค่ากับการเสียเวลาตามหา จะว่าสวยก็สวยแต่ไม่ได้แบบสวยตื้นตันขนาดนั้นครับ ทั้งๆที่ผมใช้เวลาหาไม่ได้นานนะครับ โดยส่วนตัวอีกรอบคือถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยวแบบชอบถ่ายรูปอย่าไปดีกว่าครับเพราะแค่น้ำตกอื่นๆก็สวยๆเยอะแล้ว ยิ่งถ้าต้องเสียเวลาหาคงไม่สนุกเท่าไหร่ อีกอย่างทางเดินเข้าไปเป็นดินพอมีฝนตกหรือหิมะตกก็จะแฉะแบบว่าเดินไปน้ำเข้ารองเท้าไปพาลหงุดหงิดไปซะเปล่าถ้าไม่ใส่รองเท้ากันน้ำ
Bruarfoss
5. เรื่องซื้อของทำกับข้าวกิน: ส่วนใหญ่คนไทยที่ไปก็จะไปนอนอพาร์ทเม้นหรือบ้านพักที่มีครัวและทุกที่ที่ผมไปอุปกรณ์ครัวครบมากครับ และก็จะได้คำแนะนำว่าให้ซื้อของจาก Bonus หรือKronan ซึ่งเป็นเหมือน lotusบ้านเรา ซึ่งเรื่องนี้จริงนะครับ และย้ำว่ามันไม่ได้มีทุกเมือง ควรซื้อตุนไว้และไม่ควรไปหวังน้ำบ่อหน้า เท่าที่ผมจำได้จะมีในเมืองเหล่านี้คือ Akureyri Rekjavik แล้วก็Sellfoss 3เมืองนี้มีแน่นอนครับ แต่ถ้าขาดเหลือที่ต้องซื้อจริงๆเมืองอื่นๆก็จะมีแบบเป็น Grocery store แต่ของจะไม่เยอะเท่าbonus หรือkronan และแพงกว่าเท่านั้นเองครับ
Reykjavic city
6. เรื่องร้านอาหาร: พวกผมไม่ได้ทำกินเองทุกมื้อ มีกินตามร้านอาหารบ้างเพราะอยากกินอาหารพื้นเมืองเค้าดู เลยมีร้านมาแนะนำ3ร้าน
- Bjargarsteinn Mathus เป็นร้านที่กินแล้วอร่อยที่สุดในทริปครับ ร้านตกแต่งน่ารักและตั้งอยู่ริมทะเลในเมืองGrundarfjordur อร่อยมากๆให้ 5/5 รสชาติเยี่ยมหน้าตาอาหารน่ากิน แต่ราคาก็แพงมากๆเช่นกัน ไป5คนสั่ง6อย่างเครื่องดื่มคนละแก้ว2แก้ว ตกคนละประมาณ2500-3000บาทครับ
- Tryvaskali ร้านอยู่ในเมืองsellfoss ร้านนี้เคยมีคนรีวิวไว้แต่ถ้าเทียบกับร้านแรกที่บอกไปผมให้ร้านนี้4.5/5ครับ ราคาถูกกว่าร้านบนเล็กน้อย
- Humarhofnin ร้านนี้อยู่ที่เมืองHofn ครับ เป็นร้านที่มีคนเคยรีวิวไว้เช่นกัน ร้านนี้ผมก็ให้4.5/5เช่นกันครับ เมนูแนะนำคือ Langoustine ซึ่งอร่อยจริงๆครับ ส่วนเมนนูอื่นไม่ได้อร่อยมากขนาดนั้นครับ ราคาถูกสุดใน3ร้านครับ
หน้าตาอาหารร้าน Bjargarsteinn Superbbbbbb!!
7. เรื่องสนามบิน: ผมมีเวลา8คืน7วันเต็ม ซึ่งผมคิดว่าไม่สามารถเที่ยวรอบเกาะได้ ผมจึงเลือกวิธีต่อไฟลท์บินภายในประเทศไปลงAkureyri แล้วเที่ยวทวนเข็มไปถึงเมือง Hofn แล้วค่อยย้อนไป Keflavikเพื่อกลับไทย สิ่งที่ผมไม่รู้คือ Keflavik airport เป็นแค่สนามบินระหว่างประเทศ จะต่อเครื่องไป Akureyriต้องไปต่อสนามบิน Reykjavik(นั่งรถบัส45นาที) ซึ่งอันนี้ผมไม่รู้มาก่อนเลยเพราะจองผ่าน Iceland air เป็นbooking เดียวกัน โชคดีว่าเวลาทรานสิท3ชม.พอจะเช็คอินต่อเครื่องถึงได้รู้ เลยยังนั่งรถบัสไปทันแบบหวุดหวิดเพราะมัวเอ้อระเหยลอยชาย
ขาไป Stockholm - Keflavik- Akureyri (บินภายในประเทศไป Akureyri ค่าเครื่องประมาณ4500)
ขากลับ Keflavik - Copenhagen
ปล.นั่งบัสของ flybus เข้าเมืองราคาประมาณ 1,500บาท/คน. แพงมากๆ (พอไปถึงhub จะกระจายไปรถตู้อีกทีเพราะบางคนไปสนามบิน บางคนก็ไปที่พัก) และบนรถบัสมีwifiให้ใช้
ม้ามีมากมายในiceland
8. เรื่องซื้อเหล้าเบียร์: เหล้าเบียร์ไม่มีขายในมินิมาร์ทหรือแม้แต่bonus หรือ kronanก็ตาม ใครอยากดื่มต้องไปซื้อในร้านที่ชื่อ vinbudin เป็นเหมือนร้านขายแอลกอฮอลโดยเฉพาะ มีแทบทุกเมืองเลยครับ ส่วนตัวชอบเบียร์vikingอร่อยและดื่มง่ายครับ
Vik from above
9. เรื่องเข้าห้องน้ำ: เพื่อนๆสามารถเข้าห้องน้ำในมินิมาร์ทขอปั๊มน้ำมัน N1 ได้ทุกที่นะครับ สามารถเข้าไก้โดยไม่ต้องซื้อของอะไร แต่ทุกมินิมาร์ทจะมีกาแฟ ฮอทดอกหรือแซนวิช ให้กินรองท้องทุกที่
Skogafoss with rainbow
10. เรื่องแสงเหนือ: ผมเห็นแค่1คืนแบบเบาๆบางๆเพราะเพื่อนๆผมเหนื่อยในการเที่ยวแต่ละวัน ทำให้ตกดึกแล้วขี้เกียจออกไปเฝ้า อยากนอน เอาจริงๆแล้วผมน่าจะเห็นซัก3คืน สิ่งที่ผมอยากมาบอกหรือแนะนำคือว่าใครที่ไปช่วงสงกรานต์ ตี5ฟ้าก็สว่างแล้ว ส่วนกว่าฟ้าจะมืดก็หลังภทุ่มไปแล้ว ถ้าใครไปช่วงสงกรานต์ก็ต้องวางแผนที่จะล่าเวลา 5ทุ่ม – ตี4 และถ้าพยากรณ์บอกว่ามีอย่าขี้เกียจดพราะวันหลังคุณอาจไม่มีดวง 555555555(หัวเราะสมน้ำหน้าตัวเอง)
Jokulsalon
ความเห็นส่วนตัว: Iceland เป็นประเทศที่สวยงามด้านวิวทิวทัศน์ ซึ่งช่วงที่ผมไปก็เป็นรอยต่อระหว่างหน้าหนาวกับใบไม้ผลิ ทำให้เจอทั้งภูเขาทีปกคลุมหิมะและภูเขาที่เริ่มจะเขียวๆ ฝนและหิมะ ส่วนวิวแต่ละภาคก็จะแตกต่างออกไป ส่วนในเมืองต่างๆก็จะเงียบมากๆไม่ค่อยมีผู้คนครับ จะดูคึกคักหน่อยก็ที่ Reykjavik. ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้าถึงง่ายมาก ผมว่าเวลา7วันกำลังพอดีสำหรับการท่องเที่ยว นานกว่านี้ผมคงเบื่อแย่
ปิดท้ายด้วย Blue lagoon
สุดท้าย ผมว่าIcelandเป็นประเทศที่มีน้ำตกเยอะมว๊ากกกกกกกกกกกกก และ เป็นสวรรค์ของคนที่ชอบถ่ายรูปLandscapeครับ
[CR] รีวิว 10 เกร็ดเล็กๆที่บางคนอาจไม่รู้ก่อนการไปเที่ยว Iceland
เปิดหัวด้วย Oxararfoss
ผมเพิ่งกลับมาจากการเที่ยว Icelandไม่นาน ซึ่งเป็นประเทศสุดฮอทของนักท่องเที่ยวชาวไทยณ.ตอนนี้ ผมไปช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา คนเยอะมากๆ เจอคนไทยตามสถานที่ท่องเที่ยวทุกที่ มีแบบทั้งผู้สูงอายุและวัยรุ่น
อันนี้เป็นแผนท่องเที่ยวคร่าวๆของผมนะครับ
Day 1 Bkk – Stockholm – Keflavik – Reykjavik - Akureyri
Day 2 Akureyri – Godafoss – Myvatn – Akureyri
Day3 Akureyri – Grudarfjordur (kirkjufell)
Day4 Grudarfjordur – Golden circle – Selfoss
Day5 Sellfoss – Vik – Skaftafell – Jokulsalon- Hali country hotel
Day6 Hali country hotel – Jokulsalon – Hofn(กินLangpustine) – Hali country hotel
Day7 Hali country hotel – Fjadrargljufur - black sand beach – Skogafoss – Hella
Day8 Hella – Reykjavic city tour – Blue lagoon – Keflavik aurora hotel
Day9 Keflavik – Copenhagen
Day10 Copenhagen city tour
Day 11 Copenhagen – Bkk
ปล. รูปที่ลงไม่ได้ผ่านการแต่งภาพนะครับ ใช้sony mirrorless a6000 ถ่ายครับ
Godafoss
ส่วนกระทู้รีวิวดีๆรายละเอียดแน่นๆของเพื่อนๆในบลูแพลเน็ทมีเยอะมากแล้ว ผมขอเสริมเรื่องอื่นๆที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงแล้วกันครับ
เผื่อเป็นแนวทางให้คนที่ยังสงสัย
1. เรื่องการเช่ารถ&ประกัน: ผมไปกัน5คน เช่ารถจากthrifty จองไว้เป็น Land cruiser เพราะต้องขนกระเป๋า5ใบใหญ่ ปรากฎว่าไปถึงจริงได้เป็น volvo xc90 ซึ่งโชคดีที่ยังยัดกระเป๋า5ใบได้ครบ
เพราะฉะนั้นควรคอนเฟิร์มเรื่องรถกับทางบริษัทให้เช่าให้ดีก่อนไปครับ ส่วนเรื่องประกันรถผมแนะนำว่าควรต้องทำไปนะครับ อย่ามั่นใจว่าเราขับระมัดระวังเพราะอย่างกรณีของผม โดนหินที่ไหนไม่รู้กระเด็นใส่กระจก กระจกร้าวไปครึ่งบาน โชคดีผมทำประกันแบบแพงสุดไว้ ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายเลยครับ(ประมาณ800euro) แล้วช่วงที่ผมไปมีคนไทยเช่าcamper van เปิดประตูไม่ทันระวัง ลมพัดแรงจนเหล็กบานพับฉีก โดนค่าซ่อม 500euro เศร้าแทน แนะนำอีกเรื่องครับคือพยายามหารถรุ่นที่มี cruise control เพราะจะทำให้การขับรถในIceland ของคุณง่ายขึ้น ไม่ต้องเสี่ยงขับเกินความเร็วที่เค้ากำหนด จะให้ดียิ่งขึ้นถ้ารถนั้นมีระบบ Gps จะได้ไม่ต้องเช่าเพิ่ม
2. เรื่องการแลกเงินและซื้อของต่างๆในIceland: ผมแนะนำว่าแลกไปพอแค่ให้มีเงินสดติดตัวไปก็พอครับ แบบว่าประมาณ3000บาทไทยต่อคนก็พอ เพราะการซื้อของ กินข้าว หรือซื้ออะไรต่างๆสามารถใช้ บัตรเครดิตได้ทุกอย่าง แถมไม่ต้องใส่Pinเลยครับ ที่ต้องใส่Pinจริงๆที่ผมเห็นว่ามีแค่การเติมน้ำมันรถอย่างเดียวเอง
3. เรื่องการเติมน้ำมัน: อย่างที่รู้ๆกันคือต้องเติมเองและคนที่เคยรีวิวในห้องบลูก็จะแนะนำว่าใช้บัตรเครดิตแล้วใส่pin กับอีกอย่างคือใช้ prepaid cardที่ซื้อ ผมจะมาแนะนำอีกวิธีที่ผมใช้แล้วกันนะครับเพราะผมไม่รู้เลขpinของบัตรผม แล้วกลัวว่าถ้าซื้อprepaid card เงินในบัตรจะเหลือ
ผมใช้วิธีเข้าปั๊มN1แบบที่มีมินิมาร์ท พอเราจอดรถเสร็จจำเลขหัวจ่ายของเราแล้วก็เดินเข้าไปในมินิมาร์ท บอกเลขหัวจ่ายเค้าก็จะเปิดให้เราเติม เติมเสร็จก็จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่เคาท์เตอร์(ไม่ต้องใส่pin) แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ
ปล.แต่ถ้าไปดึกมินิมาร์ทปิด ก็จะเติมแบบวิธีนี้ไม่ได้นะครับ555
Reykjavik
4. เรื่อง Bruafoss: ถ้าส่วนตัวผม ผมว่าไม่คุ้มค่ากับการเสียเวลาตามหา จะว่าสวยก็สวยแต่ไม่ได้แบบสวยตื้นตันขนาดนั้นครับ ทั้งๆที่ผมใช้เวลาหาไม่ได้นานนะครับ โดยส่วนตัวอีกรอบคือถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยวแบบชอบถ่ายรูปอย่าไปดีกว่าครับเพราะแค่น้ำตกอื่นๆก็สวยๆเยอะแล้ว ยิ่งถ้าต้องเสียเวลาหาคงไม่สนุกเท่าไหร่ อีกอย่างทางเดินเข้าไปเป็นดินพอมีฝนตกหรือหิมะตกก็จะแฉะแบบว่าเดินไปน้ำเข้ารองเท้าไปพาลหงุดหงิดไปซะเปล่าถ้าไม่ใส่รองเท้ากันน้ำ
Bruarfoss
5. เรื่องซื้อของทำกับข้าวกิน: ส่วนใหญ่คนไทยที่ไปก็จะไปนอนอพาร์ทเม้นหรือบ้านพักที่มีครัวและทุกที่ที่ผมไปอุปกรณ์ครัวครบมากครับ และก็จะได้คำแนะนำว่าให้ซื้อของจาก Bonus หรือKronan ซึ่งเป็นเหมือน lotusบ้านเรา ซึ่งเรื่องนี้จริงนะครับ และย้ำว่ามันไม่ได้มีทุกเมือง ควรซื้อตุนไว้และไม่ควรไปหวังน้ำบ่อหน้า เท่าที่ผมจำได้จะมีในเมืองเหล่านี้คือ Akureyri Rekjavik แล้วก็Sellfoss 3เมืองนี้มีแน่นอนครับ แต่ถ้าขาดเหลือที่ต้องซื้อจริงๆเมืองอื่นๆก็จะมีแบบเป็น Grocery store แต่ของจะไม่เยอะเท่าbonus หรือkronan และแพงกว่าเท่านั้นเองครับ
Reykjavic city
6. เรื่องร้านอาหาร: พวกผมไม่ได้ทำกินเองทุกมื้อ มีกินตามร้านอาหารบ้างเพราะอยากกินอาหารพื้นเมืองเค้าดู เลยมีร้านมาแนะนำ3ร้าน
- Bjargarsteinn Mathus เป็นร้านที่กินแล้วอร่อยที่สุดในทริปครับ ร้านตกแต่งน่ารักและตั้งอยู่ริมทะเลในเมืองGrundarfjordur อร่อยมากๆให้ 5/5 รสชาติเยี่ยมหน้าตาอาหารน่ากิน แต่ราคาก็แพงมากๆเช่นกัน ไป5คนสั่ง6อย่างเครื่องดื่มคนละแก้ว2แก้ว ตกคนละประมาณ2500-3000บาทครับ
- Tryvaskali ร้านอยู่ในเมืองsellfoss ร้านนี้เคยมีคนรีวิวไว้แต่ถ้าเทียบกับร้านแรกที่บอกไปผมให้ร้านนี้4.5/5ครับ ราคาถูกกว่าร้านบนเล็กน้อย
- Humarhofnin ร้านนี้อยู่ที่เมืองHofn ครับ เป็นร้านที่มีคนเคยรีวิวไว้เช่นกัน ร้านนี้ผมก็ให้4.5/5เช่นกันครับ เมนูแนะนำคือ Langoustine ซึ่งอร่อยจริงๆครับ ส่วนเมนนูอื่นไม่ได้อร่อยมากขนาดนั้นครับ ราคาถูกสุดใน3ร้านครับ
หน้าตาอาหารร้าน Bjargarsteinn Superbbbbbb!!
7. เรื่องสนามบิน: ผมมีเวลา8คืน7วันเต็ม ซึ่งผมคิดว่าไม่สามารถเที่ยวรอบเกาะได้ ผมจึงเลือกวิธีต่อไฟลท์บินภายในประเทศไปลงAkureyri แล้วเที่ยวทวนเข็มไปถึงเมือง Hofn แล้วค่อยย้อนไป Keflavikเพื่อกลับไทย สิ่งที่ผมไม่รู้คือ Keflavik airport เป็นแค่สนามบินระหว่างประเทศ จะต่อเครื่องไป Akureyriต้องไปต่อสนามบิน Reykjavik(นั่งรถบัส45นาที) ซึ่งอันนี้ผมไม่รู้มาก่อนเลยเพราะจองผ่าน Iceland air เป็นbooking เดียวกัน โชคดีว่าเวลาทรานสิท3ชม.พอจะเช็คอินต่อเครื่องถึงได้รู้ เลยยังนั่งรถบัสไปทันแบบหวุดหวิดเพราะมัวเอ้อระเหยลอยชาย
ขาไป Stockholm - Keflavik- Akureyri (บินภายในประเทศไป Akureyri ค่าเครื่องประมาณ4500)
ขากลับ Keflavik - Copenhagen
ปล.นั่งบัสของ flybus เข้าเมืองราคาประมาณ 1,500บาท/คน. แพงมากๆ (พอไปถึงhub จะกระจายไปรถตู้อีกทีเพราะบางคนไปสนามบิน บางคนก็ไปที่พัก) และบนรถบัสมีwifiให้ใช้
ม้ามีมากมายในiceland
8. เรื่องซื้อเหล้าเบียร์: เหล้าเบียร์ไม่มีขายในมินิมาร์ทหรือแม้แต่bonus หรือ kronanก็ตาม ใครอยากดื่มต้องไปซื้อในร้านที่ชื่อ vinbudin เป็นเหมือนร้านขายแอลกอฮอลโดยเฉพาะ มีแทบทุกเมืองเลยครับ ส่วนตัวชอบเบียร์vikingอร่อยและดื่มง่ายครับ
Vik from above
9. เรื่องเข้าห้องน้ำ: เพื่อนๆสามารถเข้าห้องน้ำในมินิมาร์ทขอปั๊มน้ำมัน N1 ได้ทุกที่นะครับ สามารถเข้าไก้โดยไม่ต้องซื้อของอะไร แต่ทุกมินิมาร์ทจะมีกาแฟ ฮอทดอกหรือแซนวิช ให้กินรองท้องทุกที่
Skogafoss with rainbow
10. เรื่องแสงเหนือ: ผมเห็นแค่1คืนแบบเบาๆบางๆเพราะเพื่อนๆผมเหนื่อยในการเที่ยวแต่ละวัน ทำให้ตกดึกแล้วขี้เกียจออกไปเฝ้า อยากนอน เอาจริงๆแล้วผมน่าจะเห็นซัก3คืน สิ่งที่ผมอยากมาบอกหรือแนะนำคือว่าใครที่ไปช่วงสงกรานต์ ตี5ฟ้าก็สว่างแล้ว ส่วนกว่าฟ้าจะมืดก็หลังภทุ่มไปแล้ว ถ้าใครไปช่วงสงกรานต์ก็ต้องวางแผนที่จะล่าเวลา 5ทุ่ม – ตี4 และถ้าพยากรณ์บอกว่ามีอย่าขี้เกียจดพราะวันหลังคุณอาจไม่มีดวง 555555555(หัวเราะสมน้ำหน้าตัวเอง)
Jokulsalon
ความเห็นส่วนตัว: Iceland เป็นประเทศที่สวยงามด้านวิวทิวทัศน์ ซึ่งช่วงที่ผมไปก็เป็นรอยต่อระหว่างหน้าหนาวกับใบไม้ผลิ ทำให้เจอทั้งภูเขาทีปกคลุมหิมะและภูเขาที่เริ่มจะเขียวๆ ฝนและหิมะ ส่วนวิวแต่ละภาคก็จะแตกต่างออกไป ส่วนในเมืองต่างๆก็จะเงียบมากๆไม่ค่อยมีผู้คนครับ จะดูคึกคักหน่อยก็ที่ Reykjavik. ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่เข้าถึงง่ายมาก ผมว่าเวลา7วันกำลังพอดีสำหรับการท่องเที่ยว นานกว่านี้ผมคงเบื่อแย่
ปิดท้ายด้วย Blue lagoon
สุดท้าย ผมว่าIcelandเป็นประเทศที่มีน้ำตกเยอะมว๊ากกกกกกกกกกกกก และ เป็นสวรรค์ของคนที่ชอบถ่ายรูปLandscapeครับ