สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ วันนี้ mc มาริโอ้มาชวนเพื่อนๆยกระดับตัวเองในหลายๆด้านกันครับ mc ไม่ใช่คนดีเลิศประเสริฐศรีอะไรที่จะเที่ยวไปยกระดับสังคมหรือจิตใจใครได้ mc ยึดแค่คติเดียวในใจมาตลอดคือ "ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" เท่านั้น เพราะฉะนั้นใครจะดีใครจะชั่ว mc คิดอย่างเดียวว่าช่างมาเธิ่งมันปะไรครับ ทุกอย่างในสังคมมันมีกลไกการเอาตัวรอด การอิ่มตัวของสิ่งต่างๆอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว ดีจนอิ่มตัวก็มี ชั่วจนสังคมระอาล้ากันไปเองก็มี ถ้าคิดจะยกระดับอะไรสักอย่าง mc คิดว่าสิ่งแรกในกะบาลทุกๆคนที่ควรจะทำ นั่นคือ "ยกระดับตัวเอง" ให้ได้ก่อน ก่อนที่จะไปปรารถนายกระดับชาวบ้านชาวช่องเขานะครับ วันนี้ mc ไปเจอบทความดีๆเกี่ยวกับการยกระดับตนเองมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ ขอบพระคุณเจ้าของบทความ เป็นสุภาพสตรีจาก Slim Up (ไม่ใช่สลิ่มอัพนะครับ)
1. ลองทำตารางกำหนดเป้าหมายสำหรับตัวคุณเอง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หลายคนสับสนกับแพลนของตัวเอง เงองะเฟอะฟะไปหมด
ลองนึกภาพตามนะคะ มีคนโทรมาถามว่าคุณว่างในอีกอาทิตย์ไหม เออ อือ ไม่รู้ดี ไม่แน่ใจ คือจำไม่ได้จริง ๆ ขอเช็คดูก่อนนะ อ้าวสมุดนัดไปไหนแล้ว เดี๋ยวแป๊บหนึ่งนะคะ ...สองนาทีผ่านไป.. อ้อเจอแล้วคะ ว่าง ๆ ค่ะ
สองชั่วโมงผ่านไป..ตายล่ะขอโทษที พอดีลืมอีกนัดหนึ่งที่เขานัดมาก่อนแล้ว จดไว้แล้วในกระดาษแต่มันตกไปได้โต๊ะ ขอนัดเป็นวันศุกร์แทนนะคะ
ถึงวันนั้นคุณกระเชอะกระเชิงมาพร้อมหัวที่ยังหมาด ๆ เพราะคุณไดร์ไม่ทัน และมาสายไปเกือบยี่สิบนาที พร้อมกับเหตุผลหลากหลาย
ถามว่าถ้าประชุมนี้เป็นประชุมที่กำหนดอนาคตของคุณ คุณจะมีอนาคตที่ดีได้ไหมคะ แล้วคนที่ดิฉันบรรยายมาให้ฟังนี้เป็นคนสมาร์ทไหม แล้วคุณมีบางอย่างที่เหมือนเธอไหม ถ้าใช่ต้องเปลี่ยนแล้วค่ะ... ดังนั้น จึงควรรู้จักการจัดระเบียบและการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เช่น การวางแผนการทำงาน การทำงานชิ้นสำคัญตามลำดับในแต่ละวัน การสร้างวินัยให้กับตนเอง
2. ต้องแน่ใจว่าคุณจัดและบริหารเวลา และลำดับการทำงานถูกต้องเหมาะสม และทำสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก ๆ จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
หลายคนจัดลำดับของงานผิด ทั้งระบบในชีวิตก็รวนไปหมด มีงานสำคัญๆ อยู่ 30% ที่ทำแล้วให้ผลลัพธ์ถึง 70% ของงานทั้งหมด ในขณะที่งานอีก 70% ที่เหลือถึงทำเสร็จก็จะให้ผลแค่ 30% เท่านั้น และคนส่วนมากก็ยังหมกมุ่นกับงานแบบนั้นจนเสียระบบ
ตอนเด็ก ๆ จำได้ไหมคะว่า คุณครูเคยสอนว่าเราสามารถแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
(A) งานสำคัญและเร่งด่วน : ฝากใครทำไม่ได้ ต้องทำเองทันที เร่งด่วน รอช้าไม่ได้และต้องสำเร็จด้วย
(B) งานสำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน : ฝากใครทำไม่ได้ ต้องทำเอง แต่ไม่ด่วนมาก ต้องจัดสรรเวลามาทำ และต้องสำเร็จด้วย
(C) งานไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน : ฝากคนอื่นทำได้ แต่ต้องทำทันที ไม่ควรช้า
(D) งานไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน : ฝากใครทำก็ได้ ถ้าว่างจริง ๆ แล้วจะทำงานอย่างนี้อาจผลัดไปได้ ไม่เสร็จก็ไม่เสียหายอะไร
ถ้าคุณจัดตารางดี ๆ คุณก็จะมีสมาธิในการทำงาน ไม่ต้องพะวงในหลายเรื่อง การทำงานไม่ซ้ำซ้อน
3. พยายามที่จะปรับปรุงคำศัพท์หรือทักษะใหม่ ๆ ของคุณ โดยการอ่านหนังสือดี ๆ ซึ่งจะทำให้ภาษาของคุณอุดมไปด้วยการเพิ่มพูนทักษะของคุณ หรือแม้แต่ดูหนังภาคภาษาอังกฤษ หรือฟังเพลงแล้วอ่านเนื้อเพลงไปด้วย เพื่อคุณจะได้เข้าเพลงมากขึ้น
4. ดูข่าวและรับทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกซะบ้าง ไม่ใช่ดูแต่ละครน้ำเน่า ที่นำมาทำใหม่ตั้งแต่รุ่นยายยันหลาน หมั่นเพิ่มความรู้ทั่วไปและเหตุการณ์ปัจจุบันด้วยการดูอะไรที่ต่างออกไปบ้างเถอะ
ดิฉันแอบเห็นบางคนคอมเมนท์เพื่อนใน Facebook ถึงภาพเขียนชื่อดังของศิลปินที่ใครต่างรู้จักว่าภาพนี้วาดเองเหรอ สวยจัง หรือภาษาอังกฤษ บางคำว่าแปลว่าอะไรอ่ะ ดิฉันอยากจะเมนท์ไปบอกว่า "ที่รักจ๊ะ แอ๊บแบ๊วน่ะ บางครั้งก็น่ารักดี แต่แอ๊บแบ๊วนี่ไม่ไหวนะจ๊ะ ถ้าบังเอิญคุณไม่รู้จริง ๆ หาความรู้ใส่ตัวซะบ้าง จะได้ดูดีขึ้นนิดหนึ่ง"
5. ลองหัดอ่านหรือค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ที่คุณไม่เคยสนใจดูบ้างนะคะ คำพูดตลกและคำคมต่าง ๆ ก็ช่วยให้คุณมีคำพูดเก๋ ๆ ไว้ชวนคนคุณได้ หรือการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น หลายคนกลัวที่จะพูดคุยกับคน ขึ้นลิฟท์แล้วก้มหน้างุด ๆ ทำอย่างกับว่ากลัวใครจะพูดด้วย ถ้าหันหน้าเข้ามุมได้ก็คงทำไปแล้ว รู้ไหมว่าคนรอบข้าง เขารับรู้ความรู้สึกของคุณดีกว่าที่คุณคิด แล้ววันหนึ่งคุณก็จะถูกลืมจริง ๆ
ลองหาข้อมูลตาม internet ว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ทักษะของคุณในเรื่อง 'Elevator Pitch' ดีขึ้น แล้ว Elevator Pitch คืออะไรล่ะ
Elevator Pitch คือการพูดคุย หรืออธิบายเรื่องใดเรื่องหนึ่งภายในหนึ่งนาที บางคนมีเสน่ห์มากขนาดที่ทำให้ใครก็ได้สนใจตัวคุณภายในช่วงเวลาในลิฟท์ ล็อบบี้ ถึงชั้นที่คุณต้องการ แล้วมันสำคัญอย่างไรเหรอคะ
สำคัญมากค่ะ สมมุติว่าคุณกำลังเสนอโปรเจ็กต์บางอย่างให้ลูกค้าอยู่ แล้วบังเอิญคุณกับลูกค้าบังเอิญขึ้นลิฟท์ด้วยกัน หรือเจอกันตรงทางเดินคุณต้องรู้วิธีที่จะทำให้คุณเป็นที่น่าสนใจขึ้น หรือถ้าบังเอิญคุณเจอหนุ่มแบบที่คุณตามหามาทั้งชีวิต คุณต้องมีคำพูดที่ชาญฉลาดที่จะทำให้เขาต้องย้อนกลับมานัดคุณทานข้าวให้ได้
หาแรงบันดาลใจจากหนังสือดี ๆ หรือภาพยนตร์ การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ หรือการค้นพบใหม่ ๆ สิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจเหล่านี้จะให้ข้อมูลที่จะช่วยคุณในการโต้ตอบกับคนอื่น ๆ อย่างมีไหวพริบ
6. เป็นผู้ฟังที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าคุณต้องการจะดูดีและสมาร์ท การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นในสิ่งที่คุณอาจไม่เห็นด้วย แต่พยายามที่เปิดกว้างและสังคมได้อย่างอิสระ
7. ใจดี เป็นมิตรและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างสบาย ๆ เป็นสัญญาณของคนที่เป็นผู้ใหญ่ มีระดับ และสง่างาม นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะรู้สึกมั่นใจ
เคยมีคนกล่าวว่าคนที่หลบเลี่ยงไม่พูดคุยหรือสื่อสารกับคนรอบข้างไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะการทำงานทุกอย่างต้องมีการสื่อสารแม้แต่ในความสัมพันธ์ส่วนตัว
8. การออกกำลังกายสมองของคุณโดยการแก้ปริศนา จะทำให้คุณเก่งและปรับตัวได้เร็วกับทุกเรื่อง คณิตศาสตร์ผลรวมการปฏิบัติทางจิตใจเพื่อเพิ่มความเร็วของคุณ เรียนรู้เทคนิคการเปลี่ยนแปลงสำหรับการทำสิ่งที่ซับซ้อน เพื่อให้ตัวเองล้ำหน้ากว่าผู้อื่น
9. จงมีความสุขกับผู้อื่นในความสำเร็จของผู้อื่น และส่งเสริมพวกเขาโดยแสดงความยินดีอย่างจริงใจ แต่ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกยินดี คุณควรฝึกความคิดของคุณให้ยินดี
การที่คุณขี้อิจฉาและทนไม่ได้ที่จะรับรู้ความสำเร็จของคนอื่น คุณนั่นแหละที่จะทำให้ตัวเองดูน่าสมเพช และแน่นอนว่าไม่มีสาวสมาร์ทคนไหนดูดี ได้ด้วยความรู้สึกสมเพชจากคนรอบข้าง
10. ลองเท่าที่เป็นไปได้ที่จะรู้สึกว่าคุณควบคุมชีวิตของคุณได้ ทำไมเหรอคะ เพราะนำไปสู่การมีอายุยืนยาว และดูดี
เมื่อก่อนดิฉันมักหงุดหงิดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะเห็นเรื่องเล็กน้อยเป็นเรื่องใหญ่โต เดียวนี้แม้จะมีเรื่องให้น่าอารมณ์เสียแบบไม่มีเหตุผล ที่ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ ดิฉันกลับมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำให้ทุกอย่างมันเล็กลง ก็ไม่มีอะไรทำให้คุณขุ่นเคืองนาน ไม่มีอะไรทำให้คุณสั่นคลอน และนั่นทำให้คุณมั่นคงขึ้น และเมื่อมั่นคงก็ทำให้คุณดูสมาร์ทขึ้นเช่นกัน
11. จงเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนร่ำรวย หรือไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ จงมีความสุขและเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเชื่อว่าคุณมีดี และคุณทำได้
จำไว้ว่าความสุขนั้นคือความพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงานทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอกเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อคุณไม่วิ่งวุ่นทุรนทุรายหาความมั่งคั่ง หรือความสำเร็จ และไม่เศร้าใจเวลาเห็นคนอื่นมี คุณก็มีเวลามากพอที่จะหาความสุข คนสมาร์ท จึงไม่ใช่คนที่ดูดีที่สุด เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด แต่เป็นคนรู้จักหาความสุขใส่ชีวิตต่างหาก
12. จงรู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ ไม่มีใครเพอร์เฟค มีแต่คนที่รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนตรงไหนและแก้ไขมันให้ด่างหาก ไม่มีคนที่ไม่มีเสน่ห์ มีแต่คนที่ไม่ยอมจะหามันให้เจอต่างหาก ไม่มีคนที่ซื้อปื้อที่สุด มีแต่คนที่ไม่ยอมรับรู้และเรียนรู้อะไรต่างหาก
13. ต่อให้คุณเป็นศาสตราจารย์สติเฟื่องแค่ไหน คุณก็ดูโง่สนิท ถ้าคุณทำพลาด แต่ดื้อดึง ไม่ยอมขอโทษ ไม่ยินยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง และรับฟังคนอื่น
14. เห็นค่าของตัวเอง นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วย การลดคุณค่า และทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง จะทำให้คุณเป็นสาวสมาร์ทมาตมั่นอยู่เสมอ
15. วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบทาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน ไม่มีใครชอบเป็นเพื่อนหรือใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มีปัญหา หรือเศร้ากับชีวิตตลอด
16. กล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่าง ๆ กล้าพูด กล้าคิดแตกต่าง กล้าที่จะมีจุดยืนหรือเสนอความคิดใหม่ นอกจากจะทำให้คุณดูสมาร์ทขึ้นแล้วยังดูเซ็กซี่ขึ้นอีกเยอะ
17. เติมสีสันสร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง คนที่รู้จักรู้จักหยอกล้อคนอื่นๆ และตัวเอง ถ้าคุณมี positive energy คุณก็เป็นคนที่น่าคบหา และอยากจะมีคนใกล้ชิด คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง จำได้ไหม และถ้าคุณทั้งหล่อหรือสวย แถมคารม และอารมณ์ดี รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง
18. รู้จักหลบเลี่ยงและให้อภัย บางครั้งคุณอาจบังเอิญขับรถเฉี่ยวกับคนใจร้ายที่สุดในโลก หรือเดินขนกับคนที่นักเลงที่สุดในโลก หรือ deal งานกับคนที่งี่เง่าที่สุดในโลก แล้วยังไงเหรอ ให้ทำใจซะว่านั่นคือเรื่องไร้สาระที่คุณคอนโทรลไม่ได้ จงอย่าเสียเวลาโต้เถียงกับคนเหล่านั้น เวลาของคุณมีค่าสำหรับสิ่งที่มีสาระ ที่คุณควบคุมมันได้ต่างหาก
เคยมีคนบอกว่าบางเรื่องเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุ แต่อย่าให้ผลมาทำให้คุณสั่นคลอน ให้คิดซะว่าคนเรามีหลายระดับ และคนบางพวกที่เราต้องพบเจอ คือคนที่ยังไม่สามารถเข้าใจระดับที่ดีได้ เพราะเขาไม่เคยก้าวมาถึงขั้นนั้น ดังนั้น จงเลี่ยงที่จะโต้เถียงกับเขา จงสงสารเขา และไม่ต้องถือโทษ แล้วคุณจะเป็นสุข เมื่อเป็นสุข คุณก็ไม่สูญเสียบาลานซ์ในตัวเอง
19. มีสุขอนามัยที่ดี ไม่มีที่จะน่าเศร้าเท่ากับที่คนลืมการรักษาสุขภาพและทำความสะอาด เพื่อประโยชน์ของสุขภาพ อาบน้ำทุกวัน แปรงฟัน ชุดดับกลิ่น และแปรงผมของคุณ หรือเลือกทานอาหารที่ดี เรื่องเบสิคที่หลายคนลืม เพราะมัวแต่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมากไป
20. เรียนรู้ระดับคนจากท่าทาง คุณจะได้จัดเก็บคนเหล่านั้นได้ถูก File แล้วคุณก็จะไม่ต้องเปลืองตัว เช่นเขาคนนั้นส่งปลายมืดให้คุณ หรือส่งกระดาษกลับหัว แปลว่าเขายังไม่ได้เรียนรู้มารยาทที่ดี เมื่อใครบางคนส่งถุงพลาสติกให้คุณโดยอ้าในส่วนหูหิ้วให้คุณเพื่อที่คุณจะได้สอดมือเข้าได้อย่างสบาย ๆ
เชื่อไหมคะคนที่ยื่นถุงแบบนั้นให้ดิฉันคือ รปภ. ในดึกของดิฉันนั่นเอง What a class? เพื่อนฝรั่งของดิฉันถึงกับออกปากชม
ในขณะที่ใครบางคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีกลับไม่มีระดับเท่ากับที่ รปภ. ของดิฉันเลยสักนิด พอเข้าใจแล้วใช่ไหมคะว่า คำว่า ระดับ ที่ดิฉันพร่ำพูดถึงนั้น ไม่ได้มาจากความร่ำรวย หรือตำแหน่งหน้าที่การงาน การที่คุณจะ get smart ได้มันมาจากองค์ประกอบมากมายเหลือเกิน แต่ก็ไม่ยากถ้าคุณมีใจที่อยากปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
ใครบางคนบอกว่า ถ้าเราทุกคนสามารถยกระดับตัวเองให้สมาร์ทขึ้น เราก็จะยกระดับองค์กรของเราให้ดีขึ้นด้วย
พื้นที่เต็ม ไปเข้ากระทู้กันเลยครับ!!!
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 24/04/2017 "ยกระดับตัวเอง"
1. ลองทำตารางกำหนดเป้าหมายสำหรับตัวคุณเอง อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หลายคนสับสนกับแพลนของตัวเอง เงองะเฟอะฟะไปหมด
ลองนึกภาพตามนะคะ มีคนโทรมาถามว่าคุณว่างในอีกอาทิตย์ไหม เออ อือ ไม่รู้ดี ไม่แน่ใจ คือจำไม่ได้จริง ๆ ขอเช็คดูก่อนนะ อ้าวสมุดนัดไปไหนแล้ว เดี๋ยวแป๊บหนึ่งนะคะ ...สองนาทีผ่านไป.. อ้อเจอแล้วคะ ว่าง ๆ ค่ะ
สองชั่วโมงผ่านไป..ตายล่ะขอโทษที พอดีลืมอีกนัดหนึ่งที่เขานัดมาก่อนแล้ว จดไว้แล้วในกระดาษแต่มันตกไปได้โต๊ะ ขอนัดเป็นวันศุกร์แทนนะคะ
ถึงวันนั้นคุณกระเชอะกระเชิงมาพร้อมหัวที่ยังหมาด ๆ เพราะคุณไดร์ไม่ทัน และมาสายไปเกือบยี่สิบนาที พร้อมกับเหตุผลหลากหลาย
ถามว่าถ้าประชุมนี้เป็นประชุมที่กำหนดอนาคตของคุณ คุณจะมีอนาคตที่ดีได้ไหมคะ แล้วคนที่ดิฉันบรรยายมาให้ฟังนี้เป็นคนสมาร์ทไหม แล้วคุณมีบางอย่างที่เหมือนเธอไหม ถ้าใช่ต้องเปลี่ยนแล้วค่ะ... ดังนั้น จึงควรรู้จักการจัดระเบียบและการทำงานให้มีประสิทธิภาพ เช่น การวางแผนการทำงาน การทำงานชิ้นสำคัญตามลำดับในแต่ละวัน การสร้างวินัยให้กับตนเอง
2. ต้องแน่ใจว่าคุณจัดและบริหารเวลา และลำดับการทำงานถูกต้องเหมาะสม และทำสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก ๆ จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
หลายคนจัดลำดับของงานผิด ทั้งระบบในชีวิตก็รวนไปหมด มีงานสำคัญๆ อยู่ 30% ที่ทำแล้วให้ผลลัพธ์ถึง 70% ของงานทั้งหมด ในขณะที่งานอีก 70% ที่เหลือถึงทำเสร็จก็จะให้ผลแค่ 30% เท่านั้น และคนส่วนมากก็ยังหมกมุ่นกับงานแบบนั้นจนเสียระบบ
ตอนเด็ก ๆ จำได้ไหมคะว่า คุณครูเคยสอนว่าเราสามารถแบ่งงานออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
(A) งานสำคัญและเร่งด่วน : ฝากใครทำไม่ได้ ต้องทำเองทันที เร่งด่วน รอช้าไม่ได้และต้องสำเร็จด้วย
(B) งานสำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน : ฝากใครทำไม่ได้ ต้องทำเอง แต่ไม่ด่วนมาก ต้องจัดสรรเวลามาทำ และต้องสำเร็จด้วย
(C) งานไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน : ฝากคนอื่นทำได้ แต่ต้องทำทันที ไม่ควรช้า
(D) งานไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน : ฝากใครทำก็ได้ ถ้าว่างจริง ๆ แล้วจะทำงานอย่างนี้อาจผลัดไปได้ ไม่เสร็จก็ไม่เสียหายอะไร
ถ้าคุณจัดตารางดี ๆ คุณก็จะมีสมาธิในการทำงาน ไม่ต้องพะวงในหลายเรื่อง การทำงานไม่ซ้ำซ้อน
3. พยายามที่จะปรับปรุงคำศัพท์หรือทักษะใหม่ ๆ ของคุณ โดยการอ่านหนังสือดี ๆ ซึ่งจะทำให้ภาษาของคุณอุดมไปด้วยการเพิ่มพูนทักษะของคุณ หรือแม้แต่ดูหนังภาคภาษาอังกฤษ หรือฟังเพลงแล้วอ่านเนื้อเพลงไปด้วย เพื่อคุณจะได้เข้าเพลงมากขึ้น
4. ดูข่าวและรับทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกซะบ้าง ไม่ใช่ดูแต่ละครน้ำเน่า ที่นำมาทำใหม่ตั้งแต่รุ่นยายยันหลาน หมั่นเพิ่มความรู้ทั่วไปและเหตุการณ์ปัจจุบันด้วยการดูอะไรที่ต่างออกไปบ้างเถอะ
ดิฉันแอบเห็นบางคนคอมเมนท์เพื่อนใน Facebook ถึงภาพเขียนชื่อดังของศิลปินที่ใครต่างรู้จักว่าภาพนี้วาดเองเหรอ สวยจัง หรือภาษาอังกฤษ บางคำว่าแปลว่าอะไรอ่ะ ดิฉันอยากจะเมนท์ไปบอกว่า "ที่รักจ๊ะ แอ๊บแบ๊วน่ะ บางครั้งก็น่ารักดี แต่แอ๊บแบ๊วนี่ไม่ไหวนะจ๊ะ ถ้าบังเอิญคุณไม่รู้จริง ๆ หาความรู้ใส่ตัวซะบ้าง จะได้ดูดีขึ้นนิดหนึ่ง"
5. ลองหัดอ่านหรือค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ที่คุณไม่เคยสนใจดูบ้างนะคะ คำพูดตลกและคำคมต่าง ๆ ก็ช่วยให้คุณมีคำพูดเก๋ ๆ ไว้ชวนคนคุณได้ หรือการสร้างมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น หลายคนกลัวที่จะพูดคุยกับคน ขึ้นลิฟท์แล้วก้มหน้างุด ๆ ทำอย่างกับว่ากลัวใครจะพูดด้วย ถ้าหันหน้าเข้ามุมได้ก็คงทำไปแล้ว รู้ไหมว่าคนรอบข้าง เขารับรู้ความรู้สึกของคุณดีกว่าที่คุณคิด แล้ววันหนึ่งคุณก็จะถูกลืมจริง ๆ
ลองหาข้อมูลตาม internet ว่าทำอย่างไรที่จะทำให้ทักษะของคุณในเรื่อง 'Elevator Pitch' ดีขึ้น แล้ว Elevator Pitch คืออะไรล่ะ
Elevator Pitch คือการพูดคุย หรืออธิบายเรื่องใดเรื่องหนึ่งภายในหนึ่งนาที บางคนมีเสน่ห์มากขนาดที่ทำให้ใครก็ได้สนใจตัวคุณภายในช่วงเวลาในลิฟท์ ล็อบบี้ ถึงชั้นที่คุณต้องการ แล้วมันสำคัญอย่างไรเหรอคะ
สำคัญมากค่ะ สมมุติว่าคุณกำลังเสนอโปรเจ็กต์บางอย่างให้ลูกค้าอยู่ แล้วบังเอิญคุณกับลูกค้าบังเอิญขึ้นลิฟท์ด้วยกัน หรือเจอกันตรงทางเดินคุณต้องรู้วิธีที่จะทำให้คุณเป็นที่น่าสนใจขึ้น หรือถ้าบังเอิญคุณเจอหนุ่มแบบที่คุณตามหามาทั้งชีวิต คุณต้องมีคำพูดที่ชาญฉลาดที่จะทำให้เขาต้องย้อนกลับมานัดคุณทานข้าวให้ได้
หาแรงบันดาลใจจากหนังสือดี ๆ หรือภาพยนตร์ การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ หรือการค้นพบใหม่ ๆ สิ่งประดิษฐ์ที่น่าสนใจเหล่านี้จะให้ข้อมูลที่จะช่วยคุณในการโต้ตอบกับคนอื่น ๆ อย่างมีไหวพริบ
6. เป็นผู้ฟังที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าคุณต้องการจะดูดีและสมาร์ท การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นในสิ่งที่คุณอาจไม่เห็นด้วย แต่พยายามที่เปิดกว้างและสังคมได้อย่างอิสระ
7. ใจดี เป็นมิตรและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างอย่างสบาย ๆ เป็นสัญญาณของคนที่เป็นผู้ใหญ่ มีระดับ และสง่างาม นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะรู้สึกมั่นใจ
เคยมีคนกล่าวว่าคนที่หลบเลี่ยงไม่พูดคุยหรือสื่อสารกับคนรอบข้างไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะการทำงานทุกอย่างต้องมีการสื่อสารแม้แต่ในความสัมพันธ์ส่วนตัว
8. การออกกำลังกายสมองของคุณโดยการแก้ปริศนา จะทำให้คุณเก่งและปรับตัวได้เร็วกับทุกเรื่อง คณิตศาสตร์ผลรวมการปฏิบัติทางจิตใจเพื่อเพิ่มความเร็วของคุณ เรียนรู้เทคนิคการเปลี่ยนแปลงสำหรับการทำสิ่งที่ซับซ้อน เพื่อให้ตัวเองล้ำหน้ากว่าผู้อื่น
9. จงมีความสุขกับผู้อื่นในความสำเร็จของผู้อื่น และส่งเสริมพวกเขาโดยแสดงความยินดีอย่างจริงใจ แต่ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกยินดี คุณควรฝึกความคิดของคุณให้ยินดี
การที่คุณขี้อิจฉาและทนไม่ได้ที่จะรับรู้ความสำเร็จของคนอื่น คุณนั่นแหละที่จะทำให้ตัวเองดูน่าสมเพช และแน่นอนว่าไม่มีสาวสมาร์ทคนไหนดูดี ได้ด้วยความรู้สึกสมเพชจากคนรอบข้าง
10. ลองเท่าที่เป็นไปได้ที่จะรู้สึกว่าคุณควบคุมชีวิตของคุณได้ ทำไมเหรอคะ เพราะนำไปสู่การมีอายุยืนยาว และดูดี
เมื่อก่อนดิฉันมักหงุดหงิดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะเห็นเรื่องเล็กน้อยเป็นเรื่องใหญ่โต เดียวนี้แม้จะมีเรื่องให้น่าอารมณ์เสียแบบไม่มีเหตุผล ที่ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ ดิฉันกลับมองว่ามันเป็นเรื่องเล็ก ๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำให้ทุกอย่างมันเล็กลง ก็ไม่มีอะไรทำให้คุณขุ่นเคืองนาน ไม่มีอะไรทำให้คุณสั่นคลอน และนั่นทำให้คุณมั่นคงขึ้น และเมื่อมั่นคงก็ทำให้คุณดูสมาร์ทขึ้นเช่นกัน
11. จงเป็นคนที่มีความสุขที่สุด ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนร่ำรวย หรือไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ จงมีความสุขและเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นเชื่อว่าคุณมีดี และคุณทำได้
จำไว้ว่าความสุขนั้นคือความพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงานทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอกเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อคุณไม่วิ่งวุ่นทุรนทุรายหาความมั่งคั่ง หรือความสำเร็จ และไม่เศร้าใจเวลาเห็นคนอื่นมี คุณก็มีเวลามากพอที่จะหาความสุข คนสมาร์ท จึงไม่ใช่คนที่ดูดีที่สุด เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด แต่เป็นคนรู้จักหาความสุขใส่ชีวิตต่างหาก
12. จงรู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ ไม่มีใครเพอร์เฟค มีแต่คนที่รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนตรงไหนและแก้ไขมันให้ด่างหาก ไม่มีคนที่ไม่มีเสน่ห์ มีแต่คนที่ไม่ยอมจะหามันให้เจอต่างหาก ไม่มีคนที่ซื้อปื้อที่สุด มีแต่คนที่ไม่ยอมรับรู้และเรียนรู้อะไรต่างหาก
13. ต่อให้คุณเป็นศาสตราจารย์สติเฟื่องแค่ไหน คุณก็ดูโง่สนิท ถ้าคุณทำพลาด แต่ดื้อดึง ไม่ยอมขอโทษ ไม่ยินยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง และรับฟังคนอื่น
14. เห็นค่าของตัวเอง นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วย การลดคุณค่า และทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง จะทำให้คุณเป็นสาวสมาร์ทมาตมั่นอยู่เสมอ
15. วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบทาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน ไม่มีใครชอบเป็นเพื่อนหรือใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มีปัญหา หรือเศร้ากับชีวิตตลอด
16. กล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่าง ๆ กล้าพูด กล้าคิดแตกต่าง กล้าที่จะมีจุดยืนหรือเสนอความคิดใหม่ นอกจากจะทำให้คุณดูสมาร์ทขึ้นแล้วยังดูเซ็กซี่ขึ้นอีกเยอะ
17. เติมสีสันสร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง คนที่รู้จักรู้จักหยอกล้อคนอื่นๆ และตัวเอง ถ้าคุณมี positive energy คุณก็เป็นคนที่น่าคบหา และอยากจะมีคนใกล้ชิด คารมเป็นต่อรูปหล่อเป็นรอง จำได้ไหม และถ้าคุณทั้งหล่อหรือสวย แถมคารม และอารมณ์ดี รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง
18. รู้จักหลบเลี่ยงและให้อภัย บางครั้งคุณอาจบังเอิญขับรถเฉี่ยวกับคนใจร้ายที่สุดในโลก หรือเดินขนกับคนที่นักเลงที่สุดในโลก หรือ deal งานกับคนที่งี่เง่าที่สุดในโลก แล้วยังไงเหรอ ให้ทำใจซะว่านั่นคือเรื่องไร้สาระที่คุณคอนโทรลไม่ได้ จงอย่าเสียเวลาโต้เถียงกับคนเหล่านั้น เวลาของคุณมีค่าสำหรับสิ่งที่มีสาระ ที่คุณควบคุมมันได้ต่างหาก
เคยมีคนบอกว่าบางเรื่องเกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุ แต่อย่าให้ผลมาทำให้คุณสั่นคลอน ให้คิดซะว่าคนเรามีหลายระดับ และคนบางพวกที่เราต้องพบเจอ คือคนที่ยังไม่สามารถเข้าใจระดับที่ดีได้ เพราะเขาไม่เคยก้าวมาถึงขั้นนั้น ดังนั้น จงเลี่ยงที่จะโต้เถียงกับเขา จงสงสารเขา และไม่ต้องถือโทษ แล้วคุณจะเป็นสุข เมื่อเป็นสุข คุณก็ไม่สูญเสียบาลานซ์ในตัวเอง
19. มีสุขอนามัยที่ดี ไม่มีที่จะน่าเศร้าเท่ากับที่คนลืมการรักษาสุขภาพและทำความสะอาด เพื่อประโยชน์ของสุขภาพ อาบน้ำทุกวัน แปรงฟัน ชุดดับกลิ่น และแปรงผมของคุณ หรือเลือกทานอาหารที่ดี เรื่องเบสิคที่หลายคนลืม เพราะมัวแต่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกมากไป
20. เรียนรู้ระดับคนจากท่าทาง คุณจะได้จัดเก็บคนเหล่านั้นได้ถูก File แล้วคุณก็จะไม่ต้องเปลืองตัว เช่นเขาคนนั้นส่งปลายมืดให้คุณ หรือส่งกระดาษกลับหัว แปลว่าเขายังไม่ได้เรียนรู้มารยาทที่ดี เมื่อใครบางคนส่งถุงพลาสติกให้คุณโดยอ้าในส่วนหูหิ้วให้คุณเพื่อที่คุณจะได้สอดมือเข้าได้อย่างสบาย ๆ
เชื่อไหมคะคนที่ยื่นถุงแบบนั้นให้ดิฉันคือ รปภ. ในดึกของดิฉันนั่นเอง What a class? เพื่อนฝรั่งของดิฉันถึงกับออกปากชม
ในขณะที่ใครบางคนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานดีกลับไม่มีระดับเท่ากับที่ รปภ. ของดิฉันเลยสักนิด พอเข้าใจแล้วใช่ไหมคะว่า คำว่า ระดับ ที่ดิฉันพร่ำพูดถึงนั้น ไม่ได้มาจากความร่ำรวย หรือตำแหน่งหน้าที่การงาน การที่คุณจะ get smart ได้มันมาจากองค์ประกอบมากมายเหลือเกิน แต่ก็ไม่ยากถ้าคุณมีใจที่อยากปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น
ใครบางคนบอกว่า ถ้าเราทุกคนสามารถยกระดับตัวเองให้สมาร์ทขึ้น เราก็จะยกระดับองค์กรของเราให้ดีขึ้นด้วย
พื้นที่เต็ม ไปเข้ากระทู้กันเลยครับ!!!