สวนสันติธรรม ไม่เพ่ง ไม่เผลอ ฟุ้งซ่านรู้ โกรธรู้ นี่คือวิปัสสนาแน่หรือ ???!!!!

กระทู้สนทนา
คงปฎิเสธไม่ได้ว่า อันวลี ไม่เพ่ง ไม่เผลอ ฟู้งซ่านรู้ โกรธรู้ ว่านั่นเป็นวิปัสสนา นั่นคือการเผยแพร่แห่งสำนัก สวนสันติธรรม

โดยท่านพระปราโมทย์

และผู้ที่เคารพนับถือท่าน และมีความเชื่อเช่นนั้นได้ร่วมกันเผยแพร่ และแสดงทัศนะในที่แห่งนี้หลายคราว และหลายโอกาส

และผมก้อเคยได้ร่วมแลกเปลื่อนกับท่านเหล่านั้น ในหลายคราหลายโอกาส

ครานี้ อาจจะได้ร่วมแลกเปลื่อนกับพวกท่าน อย่างเป็นกิจลักษณะเสียที

เพื่อร่วมกัน ทำความเข้าใจคำว่า วิปัสสนา เพื่อความกระจ่าง เพื่อความเข้าใจอันถูกต้อง เพื่อความไม่คลาดเคลื่อนแห่งธรรม

และด้วยจิตเจตนาอันบริสุทธิ์ มิได้มีเจตนาอันอกุศลแอบแฝง

ด้วยนับถือในความสุภาพของพวกท่าน และเห็นว่าพวกท่านก้อมีภูมิธรรมพอสมควร

เกี่ยวกับท่านพระปราโมทย์ ผมสัมผัสท่านด้วยหนังสือ อริยสัจสี่ ( ซึ่งมารู้ในภายหลังว่า เป็นหนังสือของท่าน ) และในยูทูปบ้างตามสมควร

ยังชื่นชมท่านอยู่ในใจในความรู้ทางธรรมของท่าน

ทว่า การมุ่ง โฟกัส เพียงฟุ้งซ่านรู้ โกรธรู้ โดยไม่ต้องทำอะไร รู้เพียงแค่นั้น ว่านั่นคือวิปัสสนา และเหมาะกับผู้ทำสมาธิไม่ได้ โดยในบางครั้ง

บางวลีของท่าน อาจจะไปเป็นการปรามาส สัมมาสมาธิเข้า ด้วยวลี เพ่งแบบฤาษีชีไพร เป็นมิจฉาสมาธิมันไปเสียหมด โดยไม่ขยายความ เพื่อความเข้าใจ

ให้แก่ สาธุชนทั่วไปที่อาจยังไม่ผ่านในด้าน ปริยัตมาอย่างดีพอ อาจเข้าใจผิด และคลาดเคลื่อนออกไปจากธรรม และปฎิบัติไปโดยว่านั่นคือแนวที่ถูกต้องแล้ว

และเป็นการสุ่มเสี่ยงที่จะ เป็นการตัดต่อ ดัดแปลง หาทางลัด สูตรสำเร็จแบบง่ายๆ เพื่อสำหรับคนเมืองบ้าง เหมาะแก่ผู้ทำสมาธิไม่ได้ เข้าใจ

คลาดเคลื่อน และออกนอกแนวในทางที่พระบรมศาสดาได้วางไว้ให้ ด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์

สูตรสำเร็จ ทางลัดนั้น สมเด็จพระบรมศาสดาได้วาง และประกาศไว้ดีแล้ว ด้วยท่านผ่านการพิสูจน์ ทดลองในแนวอื่นๆอันยิ่งยวดโดยมิมีบุรุษใด

จะกระทำเยี่ยงท่านอีกแล้ว และท่านก้อพิสูจน์ แจ้งแก่ท่านแล้ว จึงประกาศแนวทางที่ถูกต้องนั้น มิอาจมีทางอื่นอีกนอกจากนั้น นั้นคือ

                                                                          อริยมรรคอันมีองค์แปด

ไม่มีขาด ไม่มีเกิน ไม่มีทางลัด สูตรสำเร็จ ใดๆนอกจากนี้อีกแล้ว ไม่มีน้อยกว่านี้ มากกว่านี้ เหมาะสำหรับใคร นอกจากนี้

มรรคแปดเท่านั้นที่เหมาะกับทุกผู้ทุกคน

โดยท่านได้วางหลักในการศึกษา ปฎิบัติไว้ดีแล้วชอบแล้ว นั่นคือ

ปริยัติ ปฎิบัติ และปฎิเวท

นั่นคือศึกษา ปฎิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม คือศึกษาไปตามลำดับแห่งภูมิธรรมแห่งตนในขณะนั้นๆ เพื่อให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไป เพื่อเข้าถึงความลุ่ม

ลึกใน พระบรมสัจจธรรม ไปตามลำดับ โดยอย่าได้ข้าม กระโดด หาทางลัด โดยคิดเพียงง่ายๆว่าหาทางลัด สูตรสำเร็จอื่นๆ เพื่อจะได้เข้าถึง

พระบรมสัจจธรรมแบบง่ายๆ จนกลายเป็นมักง่าย แทนที่จะเข้าถึงธรรม อาจจะกลายเป็นตกอยู่ในวังวนแห่งความเข้าใจผิดโดยไม่รู้ตัว

อาจจำต้องเกริ่นนำซะยืดยาว แต่ก้อเห็นความจำเป็น

และ ศึกษา ปฎิบัติธรรม ให้สมควรแก่ธรรม ผมอาจต้องแยกไปตั้งกระทู้ต่างหาก เพราะมีความเนื่องกันอันสำคัญอยู่

คงจะเข้าประเด็นในความเห็นต่อไป และจะแสดงความเห็นต่อไปจนครบถ้วนในคราเดียว แล้วจึงอาจมาดูความเห็นที่อาจมีบางท่านมาร่วมแสดง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่