...ภิกษุทั้งหลาย ! อริยสาวก ย่อมมารู้ประจักษ์
ถึงเหตุเกิดและความดับแห่งโลก ตามที่เป็นจริงอย่างนี้
ในกาลใด; ในกาลนั้น เราเรียกอริยสาวกนี้ ว่า :-
“ผู้สมบูรณ์แล้วด้วยทิฏฐิ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้สมบูรณ์แล้วด้วยทัสสนะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้มาถึงพระสัทธรรมนี้แล้ว” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ได้เห็นอยู่ซึ่งพระสัทธรรมนี้” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประกอบแล้วด้วยญาณอันเป็นเสขะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประกอบแล้วด้วยวิชชาอันเป็นเสขะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ถึงซึ่งกระแสแห่งธรรมแล้ว” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประเสริฐมีปัญญาเครื่องชำแรกกิเลส” ดังนี้บ้าง;
“ยืนอยู่จรดประตูแห่งอมตะ” ดังนี้บ้าง, ดังนี้ แล.
คำที่ใช้เรียกแทนความเป็นพระโสดาบัน
ถึงเหตุเกิดและความดับแห่งโลก ตามที่เป็นจริงอย่างนี้
ในกาลใด; ในกาลนั้น เราเรียกอริยสาวกนี้ ว่า :-
“ผู้สมบูรณ์แล้วด้วยทิฏฐิ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้สมบูรณ์แล้วด้วยทัสสนะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้มาถึงพระสัทธรรมนี้แล้ว” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ได้เห็นอยู่ซึ่งพระสัทธรรมนี้” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประกอบแล้วด้วยญาณอันเป็นเสขะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประกอบแล้วด้วยวิชชาอันเป็นเสขะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ถึงซึ่งกระแสแห่งธรรมแล้ว” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประเสริฐมีปัญญาเครื่องชำแรกกิเลส” ดังนี้บ้าง;
“ยืนอยู่จรดประตูแห่งอมตะ” ดังนี้บ้าง, ดังนี้ แล.