ต่อเนื่องจากกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/36342944
และกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/36358684
ออกจากคาราโครัม ไฮเวย์มาแล้ว ตอนสุดท้ายนี้เลยเป็นภาคผนวกก็แล้วกันนะครับ
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
ตอนสุดท้ายของการสำรวจภาคเหนือของปากีสถาน ผมจะพาพวกเราไปชมเมือง ตักศิลา (Taxila) ซึ่งพวกเราน่าจะคุ้นชื่อกันดีจากการเรียนวิชาวรรณคดีไทย (ยังมีเรียนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ 555) และยังถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ในชีวประวัติของพระพุทธเจ้าอีกด้วย
ปัจจุบันเมืองตักศิลาอยู่ในจังหวัด ปัญจาบ (Punjab) ของปากีสถาน ห่างจากเมืองหลวงอิสลามาบัดประมาณ 30 ก.ม. มียุครุ่งเรืองประมาณพุทธศตวรรษที่ 5 ต่อเนื่องมาอีกประมาณห้าร้อยปี และยังสามารถย้อนหลังไปจนถึงยุคของของพระเจ้าอโศกมหาราชผู้มีศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ทำให้ตักศิลาเป็นเหมือนศูนย์กลางทางพุทธศาสนาในสมัยนั้นด้วย ตอนผมเดินไปดูส่วนที่เคยเป็นวัดในศาสนาพุทธ รู้สึกว่าสมัยโน้นผมน่าจะเคยมาเรียนที่นี่ อิอิ
ตักศิลาเป็นแหล่งรวมศิลปวิทยาการระดับสุดยอดทั้งทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์ การแพทย์ การเมืองการปกครองและการทหาร (น่าจะเปรียบเทียบได้กับสถาบันสมิธโซเนียนในสมัยนี้ 555) ตักศิลาถูกจัดให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปีค.ศ. 1980 มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเมือง เซอร์คาป (Sirkap) ร่องรอยของความเจริญในสมัยนั้นยังสืบทอดต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้โดยจะเห็นได้จากการมีสถาบันการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ระดับสูงของปากีสถานอยู่ในละแวกเดียวกันหลายแห่ง แล้วแต่ละแห่งก็ใหญ่โตมโหฬารทั้งนั้น
สถานที่สุดท้ายที่ผมจะพาพวกเราไปชมก็คือ มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) ในกรุงอิสลามาบัด มัสยิดนี้สร้างในปีค.ศ. 1987 ตัวอาคารหลักของมัสยิดเป็นแบบร่วมสมัยออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี โดยมีกษัตริย์ไฟซาลของซาอุดิอารเบียเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 120 ล้านเหรียญสหรัฐ
มัสยิดนี้ไม่มีหลังคาแบบโดมที่เราคุ้นตากัน แต่สถาปนิกออกแบบให้เป็นลักษณะของหลังคาเต๊นท์แบบปิระมิดแทนโดยได้แรงบันดาลใจมาจากเต๊นท์ของชาว เบดูอิน (Bedouin) เผ่าชนเร่ร่อนกลางทะเลทรายในแถบตะวันออกกลางและทางตอนเหนือของอาฟริกา หลังคานี้มีแปดเหลี่ยมคลุมห้องสวดมนต์รูปสามเหลี่ยมซึ่งจุคนได้ประมาณหนึ่งหมื่นคน และสามารถรองรับคนได้ถึงสองแสนคนเมื่อรวมกับพื้นที่ด้านนอกโดยรอบ
มัสยิดไฟซาลนี้นอกจากจะเป็นศาสนสถานสำคัญของชาวอิสบามาบัดแล้ว ยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องการไปเยือนอีกด้วย โดยเฉพาะตอนบ่ายๆ ที่ดวงอาทิตย์ส่องลอดยอดดวงจันทร์และดวงดาวลงมาสะท้อนกับพื้นหินอ่อนเงาวับนั้น สวยงามมาก ผู้คนท้องถิ่นที่มัสยิดนี้ดูจะตื่นเต้นยินดีมากที่มีชาวต่างชาติมาเยือน ผมนี่ถูกรุมถ่ายรูปทั้งแบบเซลฟี่ยูฟี่แบบกว่าจะหลุดออกมาได้นี่เลือดตากระเด็นไปสามหยด พวกเขาเป็นมิตรมากเลยครับ
เป็นอันจบทริปสำรวจประเทศปากีสถานตอนเหนือตามเส้นทาง คาราโครัม ไฮเวย์ ในช่วงหิมะสวยงามดอกไม้ผลิบาน และถ้าเป็นไปได้โอกาสหน้าอาจจะได้กลับมาเล่าให้พวกเราฟังในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอีกครั้งนะครับ
มัสยิดไฟซาล ดูสง่างามและศักดิ์สิทธิ์มากครับ
หลังคามัสยิดแบบเต๊นท์ ไม่ใช่แบบโดมที่เราคุ้นตากัน
ภายในมัสยิดไฟซาล
ซากเมืองตักศิลาส่วนหน้า
ฐานเจดีย์ทางศาสนาพุทธที่เมืองตักศิลา เป็นรูปกากบาท เห็นรอยวงกลมของเจดีย์อยู่ด้านบนชัดเจน
เมืองเปชวาร์ตามป้ายนั่นก็น่าไปเที่ยวครับ แต่ไม่มีเวลาแล้ว
ระหว่างทางจากเมืองเบชามไปเมืองอิสลามาบัด
ยังเห็นดอกไม้ผลิบานเป็นช่วงๆ
นักเรียนไปโรงเรียน
หิมะสวยงาม ดอกไม้ผลิบาน ปากีสถาน Karakoram Highway (ภาคผนวก)
https://ppantip.com/topic/36342944
และกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/36358684
ออกจากคาราโครัม ไฮเวย์มาแล้ว ตอนสุดท้ายนี้เลยเป็นภาคผนวกก็แล้วกันนะครับ
(ต่อจากตอนที่แล้ว)
ตอนสุดท้ายของการสำรวจภาคเหนือของปากีสถาน ผมจะพาพวกเราไปชมเมือง ตักศิลา (Taxila) ซึ่งพวกเราน่าจะคุ้นชื่อกันดีจากการเรียนวิชาวรรณคดีไทย (ยังมีเรียนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ 555) และยังถูกกล่าวถึงบ่อยๆ ในชีวประวัติของพระพุทธเจ้าอีกด้วย
ปัจจุบันเมืองตักศิลาอยู่ในจังหวัด ปัญจาบ (Punjab) ของปากีสถาน ห่างจากเมืองหลวงอิสลามาบัดประมาณ 30 ก.ม. มียุครุ่งเรืองประมาณพุทธศตวรรษที่ 5 ต่อเนื่องมาอีกประมาณห้าร้อยปี และยังสามารถย้อนหลังไปจนถึงยุคของของพระเจ้าอโศกมหาราชผู้มีศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ทำให้ตักศิลาเป็นเหมือนศูนย์กลางทางพุทธศาสนาในสมัยนั้นด้วย ตอนผมเดินไปดูส่วนที่เคยเป็นวัดในศาสนาพุทธ รู้สึกว่าสมัยโน้นผมน่าจะเคยมาเรียนที่นี่ อิอิ
ตักศิลาเป็นแหล่งรวมศิลปวิทยาการระดับสุดยอดทั้งทางด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์ การแพทย์ การเมืองการปกครองและการทหาร (น่าจะเปรียบเทียบได้กับสถาบันสมิธโซเนียนในสมัยนี้ 555) ตักศิลาถูกจัดให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปีค.ศ. 1980 มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเมือง เซอร์คาป (Sirkap) ร่องรอยของความเจริญในสมัยนั้นยังสืบทอดต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้โดยจะเห็นได้จากการมีสถาบันการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ระดับสูงของปากีสถานอยู่ในละแวกเดียวกันหลายแห่ง แล้วแต่ละแห่งก็ใหญ่โตมโหฬารทั้งนั้น
สถานที่สุดท้ายที่ผมจะพาพวกเราไปชมก็คือ มัสยิดไฟซาล (Faisal Mosque) ในกรุงอิสลามาบัด มัสยิดนี้สร้างในปีค.ศ. 1987 ตัวอาคารหลักของมัสยิดเป็นแบบร่วมสมัยออกแบบโดยสถาปนิกชาวตุรกี โดยมีกษัตริย์ไฟซาลของซาอุดิอารเบียเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 120 ล้านเหรียญสหรัฐ
มัสยิดนี้ไม่มีหลังคาแบบโดมที่เราคุ้นตากัน แต่สถาปนิกออกแบบให้เป็นลักษณะของหลังคาเต๊นท์แบบปิระมิดแทนโดยได้แรงบันดาลใจมาจากเต๊นท์ของชาว เบดูอิน (Bedouin) เผ่าชนเร่ร่อนกลางทะเลทรายในแถบตะวันออกกลางและทางตอนเหนือของอาฟริกา หลังคานี้มีแปดเหลี่ยมคลุมห้องสวดมนต์รูปสามเหลี่ยมซึ่งจุคนได้ประมาณหนึ่งหมื่นคน และสามารถรองรับคนได้ถึงสองแสนคนเมื่อรวมกับพื้นที่ด้านนอกโดยรอบ
มัสยิดไฟซาลนี้นอกจากจะเป็นศาสนสถานสำคัญของชาวอิสบามาบัดแล้ว ยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องการไปเยือนอีกด้วย โดยเฉพาะตอนบ่ายๆ ที่ดวงอาทิตย์ส่องลอดยอดดวงจันทร์และดวงดาวลงมาสะท้อนกับพื้นหินอ่อนเงาวับนั้น สวยงามมาก ผู้คนท้องถิ่นที่มัสยิดนี้ดูจะตื่นเต้นยินดีมากที่มีชาวต่างชาติมาเยือน ผมนี่ถูกรุมถ่ายรูปทั้งแบบเซลฟี่ยูฟี่แบบกว่าจะหลุดออกมาได้นี่เลือดตากระเด็นไปสามหยด พวกเขาเป็นมิตรมากเลยครับ
เป็นอันจบทริปสำรวจประเทศปากีสถานตอนเหนือตามเส้นทาง คาราโครัม ไฮเวย์ ในช่วงหิมะสวยงามดอกไม้ผลิบาน และถ้าเป็นไปได้โอกาสหน้าอาจจะได้กลับมาเล่าให้พวกเราฟังในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีอีกครั้งนะครับ
มัสยิดไฟซาล ดูสง่างามและศักดิ์สิทธิ์มากครับ
หลังคามัสยิดแบบเต๊นท์ ไม่ใช่แบบโดมที่เราคุ้นตากัน
ภายในมัสยิดไฟซาล
ซากเมืองตักศิลาส่วนหน้า
ฐานเจดีย์ทางศาสนาพุทธที่เมืองตักศิลา เป็นรูปกากบาท เห็นรอยวงกลมของเจดีย์อยู่ด้านบนชัดเจน
เมืองเปชวาร์ตามป้ายนั่นก็น่าไปเที่ยวครับ แต่ไม่มีเวลาแล้ว
ระหว่างทางจากเมืองเบชามไปเมืองอิสลามาบัด
ยังเห็นดอกไม้ผลิบานเป็นช่วงๆ
นักเรียนไปโรงเรียน