จากแม่ค้าออนไลน์ สู่เจ้าของธุรกิจพันล้าน แนะระบบไอทีสำคัญ คู่กับความเร็ว

สมัยนี้ต้องยอมรับว่าโลกของการทำธุรกิจนั้นพัฒนาไปมาก ไม่ใช่แค่การค้าขายแบบมีหน้าร้านอย่างเดียว เราอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีหมุนรอบตัว สื่อโซเชียลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิต ผู้คนผันตัวมาเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ใช้เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ ฯลฯ เป็นพื้นที่ขายของกันเป็นจำนวนมาก คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้เป็นยุคของ Social Commerce Platform หรือ การขายสินค้าออนไลน์

เมื่อการขายสินค้าออนไลน์ได้รับความนิยมและมีอัตราการเจริญเติบโตสูง บริษัท โอโห้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จึงมองเห็นโอกาสแตกไลน์ธุรกิจ เปิดตัวโซเชียลคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม ในชื่อ “JPN Marketing (เจพีเอ็น มาร์เก็ตติ้ง)”



จากแม่ค้าออนไลน์

สู่ CEO หญิงพันล้าน

คุณปูนิ่ม-ศิรินทรา เส็งสิน วัย 30 ปี ประธานบริษัท โอโห้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เล่าว่า เจพีเอ็น มาร์เก็ตติ้ง เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ในการขายสินค้าออนไลน์ของตัวเธอเองมายาวนานกว่า 7 ปี เธอเป็นแม่ค้าออนไลน์ยุคแรกๆ ที่เฟซบุ๊กเริ่มเปิดตัว โพสต์ขายเสื้อผ้ามือสอง เพราะอยากมีรายได้เสริม คุณปูนิ่มเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเป็นเจ้าของธุรกิจแบรนด์สินค้าและสร้างฐานะตนเองขึ้นมาให้ได้ เธอจึงเริ่มขยับไลน์สินค้ามาในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์กลุ่มบิวตี้

จนเกิดเป็นบริษัท โอโห้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความสวยความงามและการดูแลรูปร่าง ซึ่งกระบวนการจำหน่ายจะอยู่ในออนไลน์ทั้งหมด ได้รับการจัดให้เป็นอันดับ 1 ของเฟซบุ๊กประเทศไทยในกลุ่มบิวตี้ ซึ่งจัดอันดับโดย Socialbaker.com เมื่อปี 2015 ด้วยยอดไลก์เฟซบุ๊กแฟนเพจกว่า 1.6 ล้านไลก์ ยอดขายพันล้านบาทต่อปี

“ปูนิ่มมองว่าการขายของออนไลน์มันสะดวก เข้าถึงลูกค้าได้รวดเร็ว ถ้าอยากขายดีเราต้องจับจุดให้ได้ว่าสินค้าประเภทไหนกำลังได้รับความนิยมในขณะนั้น เมื่อโพสต์ขายก็จะเกิดการแชร์อย่างรวดเร็ว”



คุณปูนิ่ม แนะว่า เทคนิคการขายนั้นไม่มีอะไรมาก แค่แสดงความจริงใจและพรีเซ้นต์ความเป็นตัวของตัวเองออกมาลูกค้าจะรับรู้และเชื่อในตัวสินค้า

จากแม่ค้าออนไลน์ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าจะได้รับการยอมรับ ทุกวันนี้ คุณปูนิ่มเป็นผู้บริหารอย่างเต็มตัว ดูแลลูกน้องกว่า 400 คน เธอบอกว่าจำชื่อลูกน้องได้หมดทุกคน กินข้าวด้วยกัน พูดคุยกัน ไม่แบ่งชนชั้น เพราะที่นี่อยู่กันเป็นครอบครัว

“แม่จะสอนเสมอว่า ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มีเงินมากเงินน้อย จะมีจะจนอย่าดูถูกคน การบริหารคนนั้นไม่ยาก เราแค่นั่งอยู่ในใจเขา เราต้องทำงานนั้นให้เป็นก่อนสั่งให้ลูกน้องทำ เราใช้น้ำใจซื้อคน เราไม่ได้ใช้เงินซื้อคน”



ขายออนไลน์

ต้องส่งเร็ว ได้ของจริง

น้อยคนนักที่จะรู้ว่า เบื้องหลังความสำเร็จของโอโห้ คือระบบไอทีที่แข็งแกร่ง เพราะได้มืออาชีพอย่าง คุณธนคินทร์ ศิริดุสิตวงศ์ เป็นผู้วางระบบหลังบ้านให้ โดยเชื่อมต่อกับธนาคารและผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเมื่อมีการชำระเงินหรือโอนเงินจากผู้ซื้อ ระบบหลังบ้านของโอโห้สามารถตรวจสอบรายการสั่งซื้อ จัดสินค้า ออกเลขอีเอ็มเอส ออกบาร์โค้ด ติดฉลาก ส่งเอสเอ็มเอสถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

มีคลังสินค้าที่สามารถจัดการแพ็กสินค้าตามออร์เดอร์ได้ภายใน 4 นาที จากนั้นไปรษณีย์ไทยจะมารับสินค้าเพื่อจัดส่ง ปัจจุบันโอโห้มีจำนวนยอดส่ง 3,000-5,000 ชิ้น ต่อวัน นับว่ามากที่สุดในโซนภาคเหนือตอนล่าง



โอโห้พัฒนาระบบไอทีนี้มากว่า 4 ปี เป็นระบบคีย์ชื่อและเก็บข้อมูลทั้งหมดของลูกค้า คุณปูนิ่ม บอกว่า การมีระบบช่วยให้การขายสินค้าออนไลน์ง่ายขึ้น เช่น การรับยอด ลูกค้ารับของได้เร็วขึ้น ป้องกันการผิดพลาดในการสั่งของ และช่วยป้องกันการเสียหายของสินค้า

“เราลงทุนไปเยอะมาก กล้าพูดว่าระบบของเราดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ไปรษณีย์ไทยที่มาดูงานยังบอกว่าระบบของเราสุดยอด”

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ โอโห้ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับไปรษณีย์ไทยเพื่อเปิดศูนย์กระจายสินค้า 5 แห่ง คือ จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดพิษณุโลก, อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี, อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช และแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ สามารถส่งสินค้าถึงมือผู้รับได้ภายใน 1 วัน ซึ่งในอนาคตคุณปูนิ่มจะเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าไปทั่วประเทศ และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนปฏิบัติการให้สามารถส่งสินค้าได้ภายใน 2 ชั่วโมง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจออนไลน์

“ทางบริษัทพยายามจัดส่งสินค้าให้ไวที่สุด ถ้าเราสามารถควบคุมการส่งสินค้าได้เหมือนพิซซ่า ได้รับสินค้าภายใน 2 ชั่วโมง ธุรกิจของเราจะเติบโตมากขึ้น”



JPN Marketing ไลน์ธุรกิจใหม่

เจาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

JPN Marketing (เจพีเอ็น มาร์เก็ตติ้ง) ไลน์ธุรกิจใหม่เปิดมาได้เกือบ 1 ปี จดทะเบียนบริษัทใหม่ขึ้นมาในนาม บริษัท โอโห้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดขึ้นมาเพื่อรองรับและบริการธุรกิจออนไลน์ เพราะในปัจจุบันนี้เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี คนลาออกจากงาน ตกงาน การขายของออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม และเป็นตัวเลือกอันดับ 1

หน้าที่ของเจพีเอ็นจะเริ่มตั้งแต่การตรวจสอบแผนธุรกิจออนไลน์ของผลิตภัณฑ์ การยิงโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายบนเฟซบุ๊ก พร้อมด้วยบริการระบบไอทีเพื่อติดตามยอดขาย ควบคุมสินค้าคงคลัง และประมาณการแนวโน้มการจำหน่าย บริการด้านแพ็กเกจจิ้ง

คุณปูนิ่ม เผยว่า หัวใจสำคัญของเจพีเอ็นคือ การยิงโฆษณาให้ลูกค้าสนใจ เพราะการยิงโฆษณาแต่ละครั้งมีเวลา 3 วินาทีเพื่อทำให้คนหยุดดูโฆษณาให้ได้ ถ้าโฆษณาไม่น่าสนใจคนจะเลื่อนผ่าน แต่ถ้าตัวไหนน่าสนใจคนจะหยุดดู ซึ่งการทำโฆษณาคือความเชี่ยวชาญของเจพีเอ็น



และเมื่อไม่นานมานี้ ทางคุณปูนิ่มได้ต้อนรับการมาเยี่ยมเยือนของผู้แทนเฟซบุ๊กประเทศไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนา เนื่องจากทางเฟซบุ๊กเห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้เฟซบุ๊กในการขายของมากที่สุดในโลก และมีความร่วมมือกันในการทำโฆษณา Direct by Facebook เพราะฉะนั้น ลูกค้าที่มาทำโฆษณากับเจพีเอ็นเท่ากับใช้บริการจากเฟซบุ๊กโดยตรง

เมื่อมีการทำโฆษณา บริการอีก 1 อย่างที่สำคัญต่อการขายสินค้าออนไลน์คือ การตอบลูกค้า ซึ่งแอดมินกว่า 200-300 คนต้องสามารถตอบคำถามลูกค้าและปิดการขายได้ การรับสมัครแอดมินนั้นคุณปูนิ่มจะดูในเรื่องทัศนคติว่ามีใจรักการขายไหม ไม่พิจารณาวุฒิการศึกษา ไม่จำกัดเพศ ไม่คัดหน้าตา

เจพีเอ็นมีลูกค้ากว่า 100 ราย แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าความงาม 60 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มจิปาถะอีก 40 เปอร์เซ็นต์ มีหลายแบรนด์ดังที่มาใช้บริการ อย่างเช่น TURNT by Thaitanium, WORRA by Woranuch, The Secret Plus เป็นต้น คุณปูนิ่ม บอกว่า หลักในการรับแบรนด์เข้ามาเป็นลูกค้าของเจพีเอ็นนั้น หนึ่ง ต้องเป็นสินค้ามีคุณภาพ มีการจดแจ้งที่ถูกต้อง สอง ดูทัศนคติของเจ้าของแบรนด์

“เจพีเอ็นสามารถช่วยได้ 50 เปอร์เซ็นต์ อีก 50 เปอร์เซ็นต์มาจากตัวเจ้าของแบรนด์เอง เจ้าของแบรนด์ต้องมีความตั้งใจที่จะทำจริงๆ ถ้าเอาสินค้ามาปล่อยให้เราขายโดยไม่สนใจแบรนด์ของตัวเอง เราไม่รับทำ ถ้าเป็นแบบนี้เราทำแบรนด์ของตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ คนพร้อม ทรัพยากรพร้อมอยู่แล้ว”

อีกหนึ่งแผนงานที่ดำเนินงานคือ การทดลองยิงโฆษณาไปประเทศเพื่อนบ้าน ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี มีการจับมือกับ 3 ประเทศคือ กัมพูชา ลาว และอินโดนีเซีย



ที่มา ..https://www.sentangsedtee.com/exclusive/article_30918

..........................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่