อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย
ผมเชื่อว่าแทบจะไม่มีใครรู้จัก แต่อำเภอนี้มีชื่อเสียงมากในช่วงวันออกพรรษา
คือปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค เป็นอำเภอที่มีบั้งไฟพญานาคขึ้นเยอะที่สุด
มีจุดชมบั้งไฟพญานาคหลายจุด
นอกจากเรื่องบั้งไฟพญานาค อำเภอรัตนวาปียังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
และยังเป็นทางผ่านจาก จ.หนองคาย ไปยัง จ.บึงกาฬ
1.แพพันไร่ และแพหนองคอน
สถานที่ท่องเที่ยวคลายร้อนแห่งใหม่ของ อ.รัตนวาปี
ที่เพิ่งเริ่มพัฒนาท่องเที่ยวได้ 1 ปี แต่ก็มีความสวยงามไม่แพ้ที่จังหวัดอื่น
แพพันไร่ และแพหนองคอน ตั้งอยู่ที่หนองน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของรัตนวาปี
คือหนองคอน พื้นที่กว่า 1000 ไร่ จึงที่มาของชื่อว่าแพพันไร่
หนองคอนมีบริการแพ 2 จุด คือ
1.จุดบ้านเจริญชัย ชื่อว่า
แพพันไร่
2.จุดบ้านหนองคอน ชื่อว่า
ลองแพหนองคอน
บริเวณแพ มีบริการ อาหารเครื่องดื่ม เสื้อชูชีพ
มีพื้นที่ริมหนองเพื่อจัดกิจกรรมหรือเวที รองรับคนได้หลายร้อยคน
โดยคิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง มีบริการแพหลายลำ ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาล รับรองว่า
ไม่ต้องรอคิว สามารถลงแพได้เลย
แพพันไร่มีจุดเด่นที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม คือสามารถมองเห็นทิวเขาฝั่งประเทศลาวได้
รอบๆหนองยังมีการปลูกข้าว ทำการเกษตร ในช่วงเดือนมีนาคม เมษายนจะเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุด
เพราะ ต้นข้าวนาปรังจะแทงยอดสีเขียวขจีเต็มพื้นที่ริมหนองคอน
2.ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าว และศูนย์วิจัยพืชสวน
อำเภอรัตนวาปี เป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยทางการเกษตรถึง 3 แห่ง
ซึ่งมีการปลูกวิจัยพืชหลายชนิดทั้ง ข้าว ยางพารา ปาล์ม ทานตะวัน พืชสวน
ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าว มีการเพาะปลูกข้าวหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งเน้นการปลูกเพื่อการวิจัยเป็นหลัก
ซึ่งในช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าว ประมาณเดือน มีนาคม-เมษายน จะมีการปลูกต้นปอเทือง
เพื่อเป็นการปรับปรุงดิน ในการเพาะปลูกข้าวในรอบต่อไป
ในทุ่งนาก็จะแปรเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองสะพรั่งทั่วบริเวณ
บริเวณศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวเป็นสถานที่ราชการ จึงต้องขออนุญาตก่อนเข้าชม
จะมีป้อมยามอยู่ที่หน้าทางเข้า สามารถติดต่อได้ที่จุดนั้นนะครับ
แนะนำไปช่วงเย็นๆครับจะได้ภาพที่สวยงาม
ภาพดอกปอเทืองสีเหลืองๆตัดกับฟ้าที่ส้มๆแดงๆ
นอกจากนี้ใกล้ๆกันเป็นที่ตั้งของ
ศูนย์วิจัยพืชสวน
ซึ่งมีการปลูกต้นทานตะวัน และเมื่อดอกบานสะพรั่ง จะมีการประชาสัมพันธ์จัดงาน
เปิดทุ่งทานตะวันให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้
การท่องเที่ยวในศูนย์วิจัย ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แต่การจัดงานช่วงที่ดอกไม้บานไม่แน่นอน จึงต้องศึกษาก่อนมาเที่ยวชมนะครับ
3.หาดบ้านอาญา และหาดบ้านโพนแพง
ในช่วงหน้าร้อนที่
หาดบ้านอาญา จะมีชายหาดขึ้นใกล้กับฝั่งแม่น้ำโขง
ถึงว่าเป็นสถานที่พักร้อนยอดนิยมของเด็กๆ
ในช่วงหาดขึ้น เดือนเมษายน-พฤษภาคม จะมีบริการร้านอาหารริมหาด
แต่ช่วงนี้สถาพแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงหลังจากประเทศจีนสร้างเขื่อน
จึงทำให้หลายปีที่ผ่านมา มีหาดขึ้นน้อย
ถัดจากหาดบ้านอาญา จะมี
หาดบ้านโพนแพง ซึ่งอยู่ใกล้กัน
อยู่ใกล้ๆกับวัดราชโพนเงิน จุดนี้เป็นจุดน้ำตื้นจึงเป็นที่นิยมเล่นน้ำของเด็กๆ
จุดนี้เป็นจุดที่มีวิถีชีวิตชาวประมงที่ใช้ชีวิตรวมกับแม่น้ำโขง
ใช้ทั้งในการหาปลา และเพาะปลูกพืชผักริมแม่น้ำโขง
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวใหม่ ที่พึ่งเริ่มมีได้เป็นปีแรก
คือ
ล่องแพแม่น้ำโขง บ้านโพนแพง
แพทำจากเหล็กขนาดใหญ่ จุคนได้ประมาณ 20 คน
การล่องแพจะปล่อยให้ไหลตามกระแสแม่น้ำโขง ระยะทาง ประมาณ 1.5 กม.
ใช้เวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง มีบริการอาหารเครื่องดื่มที่ริมฝั่ง
4.ริมฝั่งโขงอำเภอรัตนวาปี และปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค
อำเภอรัตนวาปีเป็นอำเภอเล็กๆ ที่ทอดตัวยาวตามลำน้ำโขง
มีจุดชมความงามของแม่น้ำโขงมากมาย
ซึ่งแต่ละจุดนั้นก็เป็นที่ชมบั้งไฟพญานาคได้สวยงามและมีจำนวนมากอีกด้วย
-
บ้านน้ำเป อยู่ติดกับแม่น้ำเป เป็นแม่น้ำขนาดเล็กที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง
จึงเป็นแหล่งที่มีปลาชุกชุม ชาวบ้านนิยมจับปลาด้วยการไหลมองในช่วงใกล้ค่ำ
บ้านน้ำเปเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคยอดนิยม เพราะมีที่จอดรถกว้างขว้าง
มีบริการที่พักให้นักท่องเที่ยว ในรูปแบบโฮมสเตย์ บ้านไม้โบราณแบบอีสาน
-
บ้านท่าม่วง จุดนี้เอง เคยบันทึกว่าพบบั้งไฟพญานาคมาที่สุดในโลก
จุดนี้ที่พักเป็นแบบโฮมสเตย์ อยู่ใกล้ตัวอำเภอรัตนวาปี ห่างจากอำเภอ 1กม.
-
บ้านโพนแพง วัดราชโพนเงิน จุดนี้มีชื่อเสียงว่ามักพบรอยพญานาคตามริมแม่น้ำ
บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวัดที่อยู่ขนานกันสองฝั่งแม่น้ำโขง
โดยฝั่งลาวมีวัดพระบาทโพนสัน และฝั่งไทยคือวัดราชโพนเงิน
เป็นจุดที่มีตำนานเล่าขานของพญานาคที่มีส่วนหัวเป็นช้างเผือก
ซึ่งจุดนี้มีความงามโดยเฉพาะ ฉากหลังคือ ภูเขาความภูเขาขนาดใหญ่ของลาว
วิถีชีวิตของคนไทย-ลาว ริมฝั่งโขง ล้วนผูกพันกับสายน้ำ
ซึ่งก็คือ แม่น้ำโขงที่ไหลหล่อเลี้ยง เชื่อมสัมพันธ์สองฝั่ง ไทย-ลาว
นอกจากวิถีทางการประมง หาปลา และการเพาะปลูกริมฝั่งโขงแล้ว
ยังมีการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ วัว ควาย ที่ยังมีมากในลักษณะของสังคมชนบท
ทั้งยังคงมีปฏิสัมพันธ์ ระหว่างคนและควาย ดังสมัยก่อน
5.ตลาดไทย-ลาว เปงจาน
แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอรัตนวาปี และใหญ่ที่สุดของทั้งสองประเทศในเขตนี้
สัมผัสได้กับวัฒนธรรมการกินพื้นถิ่น ของกินพื้นบ้านทั้งของไทย-ลาว ริมแม่น้ำโขง
และของฝากท้องถิ่น ของป่า ของแปลก งานหัตถกรรมทั้งของไทยและลาว
ตลาดที่นี้มีทุกวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าๆ สายๆตลาดจะวายหมด ประมาณ 11โมง
ตัวตลาดตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขง ริมถนนสาย212 เส้นทางระหว่างหนองคาย-บึงกาฬ
ที่ท่าเรือบ้านเปงจานนี้เอง เป็นจุดผ่อนปรนบ้านเปงจาน สามารถข้ามแดนไปมาระหว่างไทย-ลาว
ได้เพียงทำหนังสือผ่านแดน ซึ่งคนไทยนิยมข้ามไปในช่วงงานประจำปีของ
วัดพระบาทโพนสัน
วัดพระบาทโพนสัน อยู่ที่เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ ห่างจากเมืองเวียงจันทน์ประมาณ 80 กม.
เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง ที่มีผู้นิยมศรัทธาตลอดสองฝั่งแม่น้ำโขงทั้งชาวลาวและชาวไทย วัดตั้งอยู่บนโนนหินสูง
ตามตำนานกล่าวว่าพบรอยพระพุทธบาทเมื่อ พ.ศ. 2475 หลังจากนั้น จึงสร้างวัดไว้ที่นั่น
มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่พระพุทธเจ้าเสด็จโปรดสัตว์ถึงบริเวณนี้ ได้มีพญานาคสองตนอาราธนา
ให้ทรงพักฉันภัตตาหารเพลที่นี่ โดยพญานาคกวาดเอาดินทรายพูนขึ้นเป็นโพนหรือเนินดิน
ถวายให้พระพุทธองค์ประทับนั่งฉันเพล
ซึ่งริมแม่น้ำโขงในเขต อ.รัตนวาปีจะมีงานประเพณีใหญ่คืองานบุญนมัสการพระบาท
จัดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2 ของทุกปี ( ประมาณเดือน มกราคม )
ซึ่งใกล้เคียงกับงานบุญผะเหวดประจำปี
6.รอยพระพทุธบาทนาหงส์ วัดพระบาทนาหงส์
รอยพระพุทธบาทโบราณที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่นในประเทศไทย คือ
รอยพระพุทธบาทส่วนส้นเท้า คือมีลักษณะคล้ายหลุมเป็นวงกลม
ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมาแถบนี้ มีพญาหงส์และพญาสิงห์ที่อาศัยบริเวณนี้พบพระองค์
จึงมาขอฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า เมื่อฟังจบ พญาหงส์เกิดเลื่อมใสศรัทธา จึงทำการบินบูชารอบพระพุทธเจ้า 3 รอบ
พระพุทธเจ้าได้หมุนพระองค์ เพื่อมองตามพญาหงส์ จึงปรากฎรอยพระพุทธบาทที่มีลักษณะกลมดังกล่าว
วัดจะมีการจัดงานสักการะรอยพระพุทธบาทในช่วงมาฆบูชา ของทุกปี
7.ศาลเจ้าพ่อเปงจาน
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอรัตนวาปี มีตำนาน เล่าว่าเมื่อ 50 ปีก่อน
มีการทำลายเสมาหินทิ้งลงแม่น้ำโขง แต่ยังมีเสมาหินขนาดใหญ่เหลืออยู่ชิ้นหนึ่งที่เหลือรอด
ที่ชาวบ้านเรียกว่า “เจ้าพ่อเปงจาน” มีอายุอยู่ในยุคทวาราวดี พุทธศตวรรษที่ 12
ที่ฐานมีอักษรปัลลวะอินเดียจารึกไว้
ซึ่งยังมีร่องรอยของเมืองโบราณอยู่ทั่วบริเวณริมแม่น้ำโขงเป็นแนวยาวถึง 10 กิโลเมตร
เมื่อลองขุดลึกลงไปใต้บริเวณนี้เพียงไม่กี่นิ้วก็พบซากกองอิฐกองอยู่มาก
สันนิษฐานได้เลยว่าน่าจะเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ ชื่อว่า เปงจานนครราช
ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณที่ทำการนิคมสร้างตนเอง
อำเภอรัตนวาปี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดหนองคาย 70 กิโลเมตร
เดินทาง ถนนสาย 212 ไปทาง จ.บึงกาฬ
สามารถเดินทาง โดยรถตู้โดยสาร หรือ รถประจำทาง
และแผนที่สถานที่ท่องเที่ยว อ.รัตนวาปี
หนองคายเมืองเล็กๆ แต่ก็สามารถเที่ยวได้ทั้ง 12 เดือน
กับรีวิวใหญ่ ที่รวบรวม Link รีวิวต่างๆของหนองคายเข้าไว้
https://ppantip.com/topic/36235573
สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่าย และรีวิว
ติดตาม ความเป็นไปภาพถ่าย เรื่องราวของหนองคายที่ติดตาม ความเป็นไปภาพถ่าย
เรื่องราวของหนองคายที่ facebook:Love nongkhai
(
https://www.facebook.com/Lovenongkhal )
ภาพส่งท้ายกับที่ทำงานของผมเองครับ รพ.รัตนวาปี
สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่าย ... หากต้องติดต่อ พูดคุย
ขออนุญาตการนำภาพไปใช้ ซื้อขายภาพที่
facebook:
https://www.facebook.com/thapanun.mahisanun
อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย ... กับ 7 ที่ท่องเที่ยว ที่ต้องไปให้ได้นะ
อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย
ผมเชื่อว่าแทบจะไม่มีใครรู้จัก แต่อำเภอนี้มีชื่อเสียงมากในช่วงวันออกพรรษา
คือปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค เป็นอำเภอที่มีบั้งไฟพญานาคขึ้นเยอะที่สุด
มีจุดชมบั้งไฟพญานาคหลายจุด
นอกจากเรื่องบั้งไฟพญานาค อำเภอรัตนวาปียังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
และยังเป็นทางผ่านจาก จ.หนองคาย ไปยัง จ.บึงกาฬ
1.แพพันไร่ และแพหนองคอน
สถานที่ท่องเที่ยวคลายร้อนแห่งใหม่ของ อ.รัตนวาปี
ที่เพิ่งเริ่มพัฒนาท่องเที่ยวได้ 1 ปี แต่ก็มีความสวยงามไม่แพ้ที่จังหวัดอื่น
แพพันไร่ และแพหนองคอน ตั้งอยู่ที่หนองน้ำขนาดใหญ่ที่สุดของรัตนวาปี
คือหนองคอน พื้นที่กว่า 1000 ไร่ จึงที่มาของชื่อว่าแพพันไร่
หนองคอนมีบริการแพ 2 จุด คือ
1.จุดบ้านเจริญชัย ชื่อว่า แพพันไร่
2.จุดบ้านหนองคอน ชื่อว่า ลองแพหนองคอน
บริเวณแพ มีบริการ อาหารเครื่องดื่ม เสื้อชูชีพ
มีพื้นที่ริมหนองเพื่อจัดกิจกรรมหรือเวที รองรับคนได้หลายร้อยคน
โดยคิดค่าบริการเป็นรายชั่วโมง มีบริการแพหลายลำ ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาล รับรองว่า
ไม่ต้องรอคิว สามารถลงแพได้เลย
แพพันไร่มีจุดเด่นที่มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม คือสามารถมองเห็นทิวเขาฝั่งประเทศลาวได้
รอบๆหนองยังมีการปลูกข้าว ทำการเกษตร ในช่วงเดือนมีนาคม เมษายนจะเป็นช่วงเวลาที่สวยที่สุด
เพราะ ต้นข้าวนาปรังจะแทงยอดสีเขียวขจีเต็มพื้นที่ริมหนองคอน
2.ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าว และศูนย์วิจัยพืชสวน
อำเภอรัตนวาปี เป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยทางการเกษตรถึง 3 แห่ง
ซึ่งมีการปลูกวิจัยพืชหลายชนิดทั้ง ข้าว ยางพารา ปาล์ม ทานตะวัน พืชสวน
ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าว มีการเพาะปลูกข้าวหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งเน้นการปลูกเพื่อการวิจัยเป็นหลัก
ซึ่งในช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าว ประมาณเดือน มีนาคม-เมษายน จะมีการปลูกต้นปอเทือง
เพื่อเป็นการปรับปรุงดิน ในการเพาะปลูกข้าวในรอบต่อไป
ในทุ่งนาก็จะแปรเปลี่ยนเป็นทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองสะพรั่งทั่วบริเวณ
บริเวณศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าวเป็นสถานที่ราชการ จึงต้องขออนุญาตก่อนเข้าชม
จะมีป้อมยามอยู่ที่หน้าทางเข้า สามารถติดต่อได้ที่จุดนั้นนะครับ
แนะนำไปช่วงเย็นๆครับจะได้ภาพที่สวยงาม
ภาพดอกปอเทืองสีเหลืองๆตัดกับฟ้าที่ส้มๆแดงๆ
นอกจากนี้ใกล้ๆกันเป็นที่ตั้งของ ศูนย์วิจัยพืชสวน
ซึ่งมีการปลูกต้นทานตะวัน และเมื่อดอกบานสะพรั่ง จะมีการประชาสัมพันธ์จัดงาน
เปิดทุ่งทานตะวันให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมได้
การท่องเที่ยวในศูนย์วิจัย ไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายใดๆ
แต่การจัดงานช่วงที่ดอกไม้บานไม่แน่นอน จึงต้องศึกษาก่อนมาเที่ยวชมนะครับ
3.หาดบ้านอาญา และหาดบ้านโพนแพง
ในช่วงหน้าร้อนที่ หาดบ้านอาญา จะมีชายหาดขึ้นใกล้กับฝั่งแม่น้ำโขง
ถึงว่าเป็นสถานที่พักร้อนยอดนิยมของเด็กๆ
ในช่วงหาดขึ้น เดือนเมษายน-พฤษภาคม จะมีบริการร้านอาหารริมหาด
แต่ช่วงนี้สถาพแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงหลังจากประเทศจีนสร้างเขื่อน
จึงทำให้หลายปีที่ผ่านมา มีหาดขึ้นน้อย
ถัดจากหาดบ้านอาญา จะมี หาดบ้านโพนแพง ซึ่งอยู่ใกล้กัน
อยู่ใกล้ๆกับวัดราชโพนเงิน จุดนี้เป็นจุดน้ำตื้นจึงเป็นที่นิยมเล่นน้ำของเด็กๆ
จุดนี้เป็นจุดที่มีวิถีชีวิตชาวประมงที่ใช้ชีวิตรวมกับแม่น้ำโขง
ใช้ทั้งในการหาปลา และเพาะปลูกพืชผักริมแม่น้ำโขง
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมท่องเที่ยวใหม่ ที่พึ่งเริ่มมีได้เป็นปีแรก
คือ ล่องแพแม่น้ำโขง บ้านโพนแพง
แพทำจากเหล็กขนาดใหญ่ จุคนได้ประมาณ 20 คน
การล่องแพจะปล่อยให้ไหลตามกระแสแม่น้ำโขง ระยะทาง ประมาณ 1.5 กม.
ใช้เวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง มีบริการอาหารเครื่องดื่มที่ริมฝั่ง
4.ริมฝั่งโขงอำเภอรัตนวาปี และปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค
อำเภอรัตนวาปีเป็นอำเภอเล็กๆ ที่ทอดตัวยาวตามลำน้ำโขง
มีจุดชมความงามของแม่น้ำโขงมากมาย
ซึ่งแต่ละจุดนั้นก็เป็นที่ชมบั้งไฟพญานาคได้สวยงามและมีจำนวนมากอีกด้วย
-บ้านน้ำเป อยู่ติดกับแม่น้ำเป เป็นแม่น้ำขนาดเล็กที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง
จึงเป็นแหล่งที่มีปลาชุกชุม ชาวบ้านนิยมจับปลาด้วยการไหลมองในช่วงใกล้ค่ำ
บ้านน้ำเปเป็นจุดชมบั้งไฟพญานาคยอดนิยม เพราะมีที่จอดรถกว้างขว้าง
มีบริการที่พักให้นักท่องเที่ยว ในรูปแบบโฮมสเตย์ บ้านไม้โบราณแบบอีสาน
-บ้านท่าม่วง จุดนี้เอง เคยบันทึกว่าพบบั้งไฟพญานาคมาที่สุดในโลก
จุดนี้ที่พักเป็นแบบโฮมสเตย์ อยู่ใกล้ตัวอำเภอรัตนวาปี ห่างจากอำเภอ 1กม.
-บ้านโพนแพง วัดราชโพนเงิน จุดนี้มีชื่อเสียงว่ามักพบรอยพญานาคตามริมแม่น้ำ
บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวัดที่อยู่ขนานกันสองฝั่งแม่น้ำโขง
โดยฝั่งลาวมีวัดพระบาทโพนสัน และฝั่งไทยคือวัดราชโพนเงิน
เป็นจุดที่มีตำนานเล่าขานของพญานาคที่มีส่วนหัวเป็นช้างเผือก
ซึ่งจุดนี้มีความงามโดยเฉพาะ ฉากหลังคือ ภูเขาความภูเขาขนาดใหญ่ของลาว
วิถีชีวิตของคนไทย-ลาว ริมฝั่งโขง ล้วนผูกพันกับสายน้ำ
ซึ่งก็คือ แม่น้ำโขงที่ไหลหล่อเลี้ยง เชื่อมสัมพันธ์สองฝั่ง ไทย-ลาว
นอกจากวิถีทางการประมง หาปลา และการเพาะปลูกริมฝั่งโขงแล้ว
ยังมีการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ วัว ควาย ที่ยังมีมากในลักษณะของสังคมชนบท
ทั้งยังคงมีปฏิสัมพันธ์ ระหว่างคนและควาย ดังสมัยก่อน
5.ตลาดไทย-ลาว เปงจาน
แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอรัตนวาปี และใหญ่ที่สุดของทั้งสองประเทศในเขตนี้
สัมผัสได้กับวัฒนธรรมการกินพื้นถิ่น ของกินพื้นบ้านทั้งของไทย-ลาว ริมแม่น้ำโขง
และของฝากท้องถิ่น ของป่า ของแปลก งานหัตถกรรมทั้งของไทยและลาว
ตลาดที่นี้มีทุกวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าๆ สายๆตลาดจะวายหมด ประมาณ 11โมง
ตัวตลาดตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขง ริมถนนสาย212 เส้นทางระหว่างหนองคาย-บึงกาฬ
ที่ท่าเรือบ้านเปงจานนี้เอง เป็นจุดผ่อนปรนบ้านเปงจาน สามารถข้ามแดนไปมาระหว่างไทย-ลาว
ได้เพียงทำหนังสือผ่านแดน ซึ่งคนไทยนิยมข้ามไปในช่วงงานประจำปีของ วัดพระบาทโพนสัน
วัดพระบาทโพนสัน อยู่ที่เมืองท่าพระบาท แขวงบอลิคำไซ ห่างจากเมืองเวียงจันทน์ประมาณ 80 กม.
เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง ที่มีผู้นิยมศรัทธาตลอดสองฝั่งแม่น้ำโขงทั้งชาวลาวและชาวไทย วัดตั้งอยู่บนโนนหินสูง
ตามตำนานกล่าวว่าพบรอยพระพุทธบาทเมื่อ พ.ศ. 2475 หลังจากนั้น จึงสร้างวัดไว้ที่นั่น
มีตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่พระพุทธเจ้าเสด็จโปรดสัตว์ถึงบริเวณนี้ ได้มีพญานาคสองตนอาราธนา
ให้ทรงพักฉันภัตตาหารเพลที่นี่ โดยพญานาคกวาดเอาดินทรายพูนขึ้นเป็นโพนหรือเนินดิน
ถวายให้พระพุทธองค์ประทับนั่งฉันเพล
ซึ่งริมแม่น้ำโขงในเขต อ.รัตนวาปีจะมีงานประเพณีใหญ่คืองานบุญนมัสการพระบาท
จัดในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 2 ของทุกปี ( ประมาณเดือน มกราคม )
ซึ่งใกล้เคียงกับงานบุญผะเหวดประจำปี
6.รอยพระพทุธบาทนาหงส์ วัดพระบาทนาหงส์
รอยพระพุทธบาทโบราณที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่นในประเทศไทย คือ
รอยพระพุทธบาทส่วนส้นเท้า คือมีลักษณะคล้ายหลุมเป็นวงกลม
ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จมาแถบนี้ มีพญาหงส์และพญาสิงห์ที่อาศัยบริเวณนี้พบพระองค์
จึงมาขอฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า เมื่อฟังจบ พญาหงส์เกิดเลื่อมใสศรัทธา จึงทำการบินบูชารอบพระพุทธเจ้า 3 รอบ
พระพุทธเจ้าได้หมุนพระองค์ เพื่อมองตามพญาหงส์ จึงปรากฎรอยพระพุทธบาทที่มีลักษณะกลมดังกล่าว
วัดจะมีการจัดงานสักการะรอยพระพุทธบาทในช่วงมาฆบูชา ของทุกปี
7.ศาลเจ้าพ่อเปงจาน
เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำอำเภอรัตนวาปี มีตำนาน เล่าว่าเมื่อ 50 ปีก่อน
มีการทำลายเสมาหินทิ้งลงแม่น้ำโขง แต่ยังมีเสมาหินขนาดใหญ่เหลืออยู่ชิ้นหนึ่งที่เหลือรอด
ที่ชาวบ้านเรียกว่า “เจ้าพ่อเปงจาน” มีอายุอยู่ในยุคทวาราวดี พุทธศตวรรษที่ 12
ที่ฐานมีอักษรปัลลวะอินเดียจารึกไว้
ซึ่งยังมีร่องรอยของเมืองโบราณอยู่ทั่วบริเวณริมแม่น้ำโขงเป็นแนวยาวถึง 10 กิโลเมตร
เมื่อลองขุดลึกลงไปใต้บริเวณนี้เพียงไม่กี่นิ้วก็พบซากกองอิฐกองอยู่มาก
สันนิษฐานได้เลยว่าน่าจะเป็นเมืองโบราณขนาดใหญ่ ชื่อว่า เปงจานนครราช
ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณที่ทำการนิคมสร้างตนเอง
อำเภอรัตนวาปี อยู่ห่างจากตัวจังหวัดหนองคาย 70 กิโลเมตร
เดินทาง ถนนสาย 212 ไปทาง จ.บึงกาฬ
สามารถเดินทาง โดยรถตู้โดยสาร หรือ รถประจำทาง
และแผนที่สถานที่ท่องเที่ยว อ.รัตนวาปี
หนองคายเมืองเล็กๆ แต่ก็สามารถเที่ยวได้ทั้ง 12 เดือน
กับรีวิวใหญ่ ที่รวบรวม Link รีวิวต่างๆของหนองคายเข้าไว้
https://ppantip.com/topic/36235573
สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่าย และรีวิว
ติดตาม ความเป็นไปภาพถ่าย เรื่องราวของหนองคายที่ติดตาม ความเป็นไปภาพถ่าย
เรื่องราวของหนองคายที่ facebook:Love nongkhai
( https://www.facebook.com/Lovenongkhal )
ภาพส่งท้ายกับที่ทำงานของผมเองครับ รพ.รัตนวาปี
สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่าย ... หากต้องติดต่อ พูดคุย
ขออนุญาตการนำภาพไปใช้ ซื้อขายภาพที่
facebook:https://www.facebook.com/thapanun.mahisanun