สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมของจังหวัดร้อยเอ็ด
จังหวัดที่ทุกคนคิดว่า "ไปร้อยเอ็ด ไปทำไม?" ใช่ค่ะไปทำไม แล้วทำไมต้องร้อยเอ็ด ไปหาคำตอบกันเลยค่ะ
ระยะเวลาทริปของเราที่ไปกันคือ 2วัน 1คืน
วันที่ 1
ออกเดินทางจากจังหวัดอุดรธานีเวลา 09.00น. แวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านลาบอิสานลาบก้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
ตอนบ่ายก็ไปต่อที่น้ำตกถ้ำโสดา น้ำตกที่ขึ้นชื่อที่สุดในอำเภอหนองพอก มีความยาวของน้ำตกประมาน1กิโลเมตร
แวะพักระหว่างทางไปน้ำตก ไม่ไกลค่ะแค่เหนื่อยนิดหน่อย
ขากลับก็แวะกราบไว้สักการะพระพุธรูปประจำวัดถ้ำโสดาเพื่อเป็นสิริมงคล
ตกเย็นเราก็ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน ซึ่งคงไม่พ้นแจ่วฮ้อนไฟแดงร้านใจกลางอำเภอหนองพอก แจ่วฮ้อนอันดับ 1 ของอำเภอ (ก็มีอยู่ร้านเดียวอ่ะ) แต่ก็ถือว่าอร่อยมากๆ และราคาก็สบายกระเป๋า
พอกินเสร็จก็เข้าที่พัก ซึ่งที่พักก็เป็นบ้านตาเราเองถือว่าพาเพื่อนมาเยี่ยมบ้านด้วย เป็นโฮมสเตย์ไปในตัว แต่สำหรับใครที่ไม่มีที่พักเราก็แนะนำที่พักราคาถูกคุณภาพดีให้ชื่อ โรงแรมมีทิพย์ ราคา550-600บาทไม่รวมอาหารเช้า
เข้าที่พักละก็นอนตียุงกัน เย้
วันที่2
ตื่นเช้ามาตักบาตรไปวัดทำบุญที่วัดป่าภูแตงแซง บ.หนองเม็ก อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด และร่วมรับประทานอาหารร่วมกับชาวบ้านที่วัด
เป็นวัดที่บรรยากาศดีมากค่ะตั้งอยู่บนภูเขานาชมพูท้ายหมู่บ้าน ห่างจากหมู่บ้าน 2กิโลเมตร ที่วัดแห่งนี้มีมังกรไว้สำหรับให้พรแก่ศาสนิกชนด้วยอีกทั้งยังมีถ้ำสำหรับไว้ให้พระสงฆ์และผู้ที่มาปฏิบัติธรรมได้ใช้เป็นสถานที่นั่งสมาธิอีกด้วย
หลังจารับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ร่ำลาปู่ย่า ตายาย และไทพี่น้องบ้านหนองเม็กเรียนร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปยังจุดชมวิวผาหมอกมิวาย ที่ตั้งอยู่บนเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ไปชมวิวสวยๆงามๆให้หายเหนื่อยกันหน่อย
ซึ่งถ้าเรามองลงไปด้านล่างก็จะเห็นอ่างเก็บน้ำของตำบลผาน้ำย้อย ถัดไปอีกนี๊ดดดดก็จะเป็นอ่างเก็บน้ำห้วยพุงปกติแล้วในช่วงหน้าฝนที่นี่จะมีหมอกหนาปกคลุมตลอด มีหมอกให้สัมผัสกับใบหน้าอยู่ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังสามารถนำเต้นท์มากางนอนชมวิวนับดาวตอนกลางคืนได้อีกด้วยซึ่งค่าใช้จ่ายก็คิดตั้งแต่ก้าวเข้ามาแล้ว คือค่าเข้ารถจักรยานยนต์คันละ40บาท รถยนต์คันละ60บาท รถตู้/รถทัวร์100บาท
ค่าตั้งเต้นท์ถ้าเอาเต้นท์มาเองหลังละ100บาท ถ้าเช่าที่สำนักงานหลังละ300บาท (เอามาเองดีกว่า)
หลังจากชมวิวทิวทัศน์พบปะกับสายหมอกยามเช้าอย่างพอใจแล้วก็ลงมาที่พระมหาเจดีย์ชัยมงคลไฮไลท์ของทริปนี้ "พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วรารามตำบลผาน้ำย้อยอำเภอหนองพอกจังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะ เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสม กันระหว่างพระปฐมเจดีย์ และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ออกแบบโดยกรมศิลปากรเป็นสีขาวตกแต่งลวดลาย ตระการตาด้วยสีทอง เหลือง อร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำ เป็น 109เ มตร ใช้ทองคำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหา เจดีย์เหมือนอยู่บน วิมานแดนสวรรค์" (อ่ะก๊อปมาพอได้มีความรู้ประดับนิดนึง) (ขอบคุณเนื้อหาจาก www.paiduaykan.com)
เราจะจอดรถไว้ที่ด้านล่างแล้วนั่งรถรางฟรีเพื่อขึ้นไปชมพระมหาเจดีย์กันค่ะ (รอแป๊ปเดียวก็มาละ เร็วมาก)
ด้านในพระมหาเจดีย์ชัยมงคลมีทั้งหมด 6ชั้น ชั้นที่1-5เปิดให้เข้าชมปกติ แต่ชั้นที่6เป็นชั้นที่ไม่มีทางขึ้นมีไว้สำหรับบรรจุทองคำแท้จำนวน60กิโลกรัหรือประมาน4,750บาท ซึ่งชั้นที่1-5ก็มีความแตกต่างกันออกไปในเรื่องของการตกแต่งและความสำคัญ
ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ
ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลาย ไทยวิจิตรพิสดาร
ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์ อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์
ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสมถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรีเคยบำเพ็ญธรรมมา
ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
หลักฐานสำคัญว่าเราได้มาเยือนร้อยเอ็ดแล้ววววว
หลังจากชมความงามและสักการะบูชาพระบรมสารีนิกธาตุที่พระมหาเจดีย์ชัยมงคลแล้วก็ถึงเวลาละลายทรัพย์กันแล้ววววๆๆๆๆๆๆๆ ที่ลานจอดรถก็มีร้านขายของฝากมากมายมีให้เลือกซื้อฝากคนสนิทได้หลายอย่าง มีทั้งของโอทอปประทำท้องถิ่นอย่างเช่นผ้าซิ่นผ้าไหม และของชิ้นเล็กๆน้อยๆ น่ารักๆ
ไอติมมะพร้ามบุฟเฟต์เครื่อง 30บาท ราคาพอฟังได้ แต่คุณภาพล้นถ้วยกันเลยทีเดียว
ของฝากเยอะมากกกกกกกกกกกกกก เลือกจนตาลาย จับๆบายๆแต่ก็ไม่ได้ซื้อ (ช่วงนี้เป็นโรคทรัพย์จาง)
หลังจากได้ของฝากเต็มไม้เต็มมือแล้วก็ถึงเวลาของการเติมพลังกันแล้วววววววววววววววว (ตื่นเต้นมากถ้าเป็นเรื่องกิน) เราไปทานอาหารเที่ยงกันที่ร้านวีอาร์ปลาเผา (ไปไม่ทันปลาเผา ได้ไก่ย่างมาแทน) อาหารอิสานแท้ๆ รสชาติลาวแท้ๆ แซบคักแซบอิหลีเด้อ
หยังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเอ้านอนกันก่อนมั้ย? ก็ไม่ได้อีก เฮ้ออออออออออ เดินทางกันต่อสิคะรออะไรบิดมอไซต์วนไปค่ะ
เราเริ่มออกเดินทางไกลกันอีกครั้ง ออกจาก อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด เวลา13.30น. เป้าหมายต่อไปคือสะพานปลาท่าคันโทผู้ค้ามัจฉาอ่อนแรงรายใหญ่ของ อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธิ์ งงอ่ะดิมัจฉาอ่อนแรง? ปลาร้าน่ะล่ะฮะท่านผู้โช้มมมมม ที่เป็นแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานขายกันทั้งหมู่บ้านเป็นรายได้หลักและของขึ้นชื่อที่ใครผ่านมาทางนี้ต้องได้ซื้อติดมือกลับบ้าน ทั้งปลาร้า ปลาส้มตัว ปลาส้มก้อน หม่ำขี้ปลา ไข่ปลาส้ม ปลาแห้ง ปลาส่วนใหญ่ที่จับได้เป็นปลาขาว ส่วนปลานิลเป็นปลาเลี้ยงลำน้ำที่เป็นแหล่งวัตถุดิบคือลำน้ำปาว
พรีเซนเตอร์ขายปลาแห้งสวยงามอย่าบอกใครเชียว
แม่จิตรรีบตักปลาส้มอย่างรวดเร็วเมื่อลูกค้าบอกเดี๋ยวพาเพื่อนมาซื้ออีก
ปลาส้มคุณภาพจากครัวแม่จิตร แซบโพดแซบโพบักโมบักแตง
หน้าร้านธรรมดาๆ ราคาบ้านๆ แต่คุณภาพคับใหมาก แซบจนต้องดูดนิ้ว (นี่ไม่ได้เว่อร์ ผ่านทางนี้ทีไรแวะซื้อทุกที)
พอได้ของฝากเพิ่มมาอีกหนึ่งหอบก็ได้ฤกษ์งามยามดีเดินทางไกลอีกครั้ง ครั้งนี้จุดหมายอยู่ที่ จ.อุดรธานี บ้านพี่เมืองน้องของเรา ออกจากท่าคันโทเวลา 15.30น. ถึงตัวเมืองอุดรธานีเวลา 17.00น. บิดรถกันสนั่นหวั่นไหววิถีไบค์เกอร์ขี่เวฟก็มา
และสุดท้ายก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ได้ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาตามทาง มีทะเลาะกันบ้าง(เฉพาะเรื่องกิน) แต่ก็เคลียร์กันได้ ใครว่าร้อยเอ็ไม่มีที่เที่ยว ไปทำไมร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดมีอะไร ก็นี่ไง๊ ที่อ่านๆกันเนี่ยละค่ะร้อยเอ็ด ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆแต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจทั้งธรรมชาติ วัดวาอาราม อาหาร ไม่ไปลองด้วยตัวเองก็ไม่รู้นะคะ
และสุดท้ายที่2 ฝากคลิปวิดีโอง่อยๆอีกหนึ่งคลิปด้วยนะคะ ชมและคอมเม้นต์กันเยอะๆนะคะ
https://www.youtube.com/watch?v=D8U4e5nIBw4
[CR] เที่ยวบ้านเพื่อน เยือนร้อยเอ็ด
จังหวัดที่ทุกคนคิดว่า "ไปร้อยเอ็ด ไปทำไม?" ใช่ค่ะไปทำไม แล้วทำไมต้องร้อยเอ็ด ไปหาคำตอบกันเลยค่ะ
ระยะเวลาทริปของเราที่ไปกันคือ 2วัน 1คืน
วันที่ 1
ออกเดินทางจากจังหวัดอุดรธานีเวลา 09.00น. แวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านลาบอิสานลาบก้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด
ตอนบ่ายก็ไปต่อที่น้ำตกถ้ำโสดา น้ำตกที่ขึ้นชื่อที่สุดในอำเภอหนองพอก มีความยาวของน้ำตกประมาน1กิโลเมตร
แวะพักระหว่างทางไปน้ำตก ไม่ไกลค่ะแค่เหนื่อยนิดหน่อย
ขากลับก็แวะกราบไว้สักการะพระพุธรูปประจำวัดถ้ำโสดาเพื่อเป็นสิริมงคล
ตกเย็นเราก็ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน ซึ่งคงไม่พ้นแจ่วฮ้อนไฟแดงร้านใจกลางอำเภอหนองพอก แจ่วฮ้อนอันดับ 1 ของอำเภอ (ก็มีอยู่ร้านเดียวอ่ะ) แต่ก็ถือว่าอร่อยมากๆ และราคาก็สบายกระเป๋า
พอกินเสร็จก็เข้าที่พัก ซึ่งที่พักก็เป็นบ้านตาเราเองถือว่าพาเพื่อนมาเยี่ยมบ้านด้วย เป็นโฮมสเตย์ไปในตัว แต่สำหรับใครที่ไม่มีที่พักเราก็แนะนำที่พักราคาถูกคุณภาพดีให้ชื่อ โรงแรมมีทิพย์ ราคา550-600บาทไม่รวมอาหารเช้า
เข้าที่พักละก็นอนตียุงกัน เย้
วันที่2
ตื่นเช้ามาตักบาตรไปวัดทำบุญที่วัดป่าภูแตงแซง บ.หนองเม็ก อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด และร่วมรับประทานอาหารร่วมกับชาวบ้านที่วัด
เป็นวัดที่บรรยากาศดีมากค่ะตั้งอยู่บนภูเขานาชมพูท้ายหมู่บ้าน ห่างจากหมู่บ้าน 2กิโลเมตร ที่วัดแห่งนี้มีมังกรไว้สำหรับให้พรแก่ศาสนิกชนด้วยอีกทั้งยังมีถ้ำสำหรับไว้ให้พระสงฆ์และผู้ที่มาปฏิบัติธรรมได้ใช้เป็นสถานที่นั่งสมาธิอีกด้วย
หลังจารับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย ร่ำลาปู่ย่า ตายาย และไทพี่น้องบ้านหนองเม็กเรียนร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปยังจุดชมวิวผาหมอกมิวาย ที่ตั้งอยู่บนเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ไปชมวิวสวยๆงามๆให้หายเหนื่อยกันหน่อย
ซึ่งถ้าเรามองลงไปด้านล่างก็จะเห็นอ่างเก็บน้ำของตำบลผาน้ำย้อย ถัดไปอีกนี๊ดดดดก็จะเป็นอ่างเก็บน้ำห้วยพุงปกติแล้วในช่วงหน้าฝนที่นี่จะมีหมอกหนาปกคลุมตลอด มีหมอกให้สัมผัสกับใบหน้าอยู่ตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังสามารถนำเต้นท์มากางนอนชมวิวนับดาวตอนกลางคืนได้อีกด้วยซึ่งค่าใช้จ่ายก็คิดตั้งแต่ก้าวเข้ามาแล้ว คือค่าเข้ารถจักรยานยนต์คันละ40บาท รถยนต์คันละ60บาท รถตู้/รถทัวร์100บาท
ค่าตั้งเต้นท์ถ้าเอาเต้นท์มาเองหลังละ100บาท ถ้าเช่าที่สำนักงานหลังละ300บาท (เอามาเองดีกว่า)หลังจากชมวิวทิวทัศน์พบปะกับสายหมอกยามเช้าอย่างพอใจแล้วก็ลงมาที่พระมหาเจดีย์ชัยมงคลไฮไลท์ของทริปนี้ "พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วรารามตำบลผาน้ำย้อยอำเภอหนองพอกจังหวัดร้อยเอ็ด มีลักษณะ เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสม กันระหว่างพระปฐมเจดีย์ และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ออกแบบโดยกรมศิลปากรเป็นสีขาวตกแต่งลวดลาย ตระการตาด้วยสีทอง เหลือง อร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำ เป็น 109เ มตร ใช้ทองคำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหา เจดีย์เหมือนอยู่บน วิมานแดนสวรรค์" (อ่ะก๊อปมาพอได้มีความรู้ประดับนิดนึง) (ขอบคุณเนื้อหาจาก www.paiduaykan.com)
เราจะจอดรถไว้ที่ด้านล่างแล้วนั่งรถรางฟรีเพื่อขึ้นไปชมพระมหาเจดีย์กันค่ะ (รอแป๊ปเดียวก็มาละ เร็วมาก) ด้านในพระมหาเจดีย์ชัยมงคลมีทั้งหมด 6ชั้น ชั้นที่1-5เปิดให้เข้าชมปกติ แต่ชั้นที่6เป็นชั้นที่ไม่มีทางขึ้นมีไว้สำหรับบรรจุทองคำแท้จำนวน60กิโลกรัหรือประมาน4,750บาท ซึ่งชั้นที่1-5ก็มีความแตกต่างกันออกไปในเรื่องของการตกแต่งและความสำคัญ
ชั้นที่ 1 เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ โอ่อ่า ผนังจารึกนามทานาธิบดีต่าง ๆ ใช้เป็นห้องประชุม บำเพ็ญบุญ
ชั้นที่ 2 เป็นห้องโถงโอ่อ่าเช่นกัน ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ ลวดลาย ไทยวิจิตรพิสดาร
ชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐานรูปพระณาจารย์ ปราชญ์ อีสานในอดีต เป็นรูปเหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์
ชั้นที่ 4 จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัดวาอาราม สถานปฏิบัติสมถะวิปัสสนา กรรมฐานที่หลวงปู่ศรีเคยบำเพ็ญธรรมมา
ชั้นที่ 5 บันไดเวียน 119 ชั้น เป็นห้องโถงรูประฆัง 8 เหลี่ยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
หลักฐานสำคัญว่าเราได้มาเยือนร้อยเอ็ดแล้ววววว
หลังจากชมความงามและสักการะบูชาพระบรมสารีนิกธาตุที่พระมหาเจดีย์ชัยมงคลแล้วก็ถึงเวลาละลายทรัพย์กันแล้ววววๆๆๆๆๆๆๆ ที่ลานจอดรถก็มีร้านขายของฝากมากมายมีให้เลือกซื้อฝากคนสนิทได้หลายอย่าง มีทั้งของโอทอปประทำท้องถิ่นอย่างเช่นผ้าซิ่นผ้าไหม และของชิ้นเล็กๆน้อยๆ น่ารักๆ
ไอติมมะพร้ามบุฟเฟต์เครื่อง 30บาท ราคาพอฟังได้ แต่คุณภาพล้นถ้วยกันเลยทีเดียว
ของฝากเยอะมากกกกกกกกกกกกกก เลือกจนตาลาย จับๆบายๆแต่ก็ไม่ได้ซื้อ (ช่วงนี้เป็นโรคทรัพย์จาง)
หลังจากได้ของฝากเต็มไม้เต็มมือแล้วก็ถึงเวลาของการเติมพลังกันแล้วววววววววววววววว (ตื่นเต้นมากถ้าเป็นเรื่องกิน) เราไปทานอาหารเที่ยงกันที่ร้านวีอาร์ปลาเผา (ไปไม่ทันปลาเผา ได้ไก่ย่างมาแทน) อาหารอิสานแท้ๆ รสชาติลาวแท้ๆ แซบคักแซบอิหลีเด้อ
หยังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเอ้านอนกันก่อนมั้ย? ก็ไม่ได้อีก เฮ้ออออออออออ เดินทางกันต่อสิคะรออะไรบิดมอไซต์วนไปค่ะ
เราเริ่มออกเดินทางไกลกันอีกครั้ง ออกจาก อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด เวลา13.30น. เป้าหมายต่อไปคือสะพานปลาท่าคันโทผู้ค้ามัจฉาอ่อนแรงรายใหญ่ของ อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธิ์ งงอ่ะดิมัจฉาอ่อนแรง? ปลาร้าน่ะล่ะฮะท่านผู้โช้มมมมม ที่เป็นแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานขายกันทั้งหมู่บ้านเป็นรายได้หลักและของขึ้นชื่อที่ใครผ่านมาทางนี้ต้องได้ซื้อติดมือกลับบ้าน ทั้งปลาร้า ปลาส้มตัว ปลาส้มก้อน หม่ำขี้ปลา ไข่ปลาส้ม ปลาแห้ง ปลาส่วนใหญ่ที่จับได้เป็นปลาขาว ส่วนปลานิลเป็นปลาเลี้ยงลำน้ำที่เป็นแหล่งวัตถุดิบคือลำน้ำปาว
พรีเซนเตอร์ขายปลาแห้งสวยงามอย่าบอกใครเชียว
แม่จิตรรีบตักปลาส้มอย่างรวดเร็วเมื่อลูกค้าบอกเดี๋ยวพาเพื่อนมาซื้ออีก
ปลาส้มคุณภาพจากครัวแม่จิตร แซบโพดแซบโพบักโมบักแตง
หน้าร้านธรรมดาๆ ราคาบ้านๆ แต่คุณภาพคับใหมาก แซบจนต้องดูดนิ้ว (นี่ไม่ได้เว่อร์ ผ่านทางนี้ทีไรแวะซื้อทุกที)
พอได้ของฝากเพิ่มมาอีกหนึ่งหอบก็ได้ฤกษ์งามยามดีเดินทางไกลอีกครั้ง ครั้งนี้จุดหมายอยู่ที่ จ.อุดรธานี บ้านพี่เมืองน้องของเรา ออกจากท่าคันโทเวลา 15.30น. ถึงตัวเมืองอุดรธานีเวลา 17.00น. บิดรถกันสนั่นหวั่นไหววิถีไบค์เกอร์ขี่เวฟก็มา
และสุดท้ายก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ได้ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาตามทาง มีทะเลาะกันบ้าง(เฉพาะเรื่องกิน) แต่ก็เคลียร์กันได้ ใครว่าร้อยเอ็ไม่มีที่เที่ยว ไปทำไมร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดมีอะไร ก็นี่ไง๊ ที่อ่านๆกันเนี่ยละค่ะร้อยเอ็ด ถึงจะเป็นเมืองเล็กๆแต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจทั้งธรรมชาติ วัดวาอาราม อาหาร ไม่ไปลองด้วยตัวเองก็ไม่รู้นะคะ
และสุดท้ายที่2 ฝากคลิปวิดีโอง่อยๆอีกหนึ่งคลิปด้วยนะคะ ชมและคอมเม้นต์กันเยอะๆนะคะ
https://www.youtube.com/watch?v=D8U4e5nIBw4
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น