ตอนที่แล้วเราได้แนะนำการเตรียมตัวเที่ยวญี่ปุ่นของ จขกท ไปแล้วนะคะ
โดยที่เราได้เดินทางมาถึงสนามบินนาริตะประเทศญี่ปุ่นเป็นอันเรียบร้อยแล้ว
และได้ไปนอนบ้านญาติที่เมืองอิบารากิ..
ขอฝากกระทู้ก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ ^ ^
- สะพายเป้เที่ยวญี่ปุ่น (JAPAN) เดือนพฤษภาคม 15วัน 14คืน : วางแพลนเที่ยวคันโต นั่งรถไฟขึ้นเหนือแอ่วฮอกไกโดและลงมาแถบคันไซ
(ในกระทู้นี้ จขกท แจกแพลนเที่ยวญี่ปุ่นทั้ง 13 วันไว้ด้วยนะคะ)
https://ppantip.com/topic/36356961
- วันที่ 1 พาไปเที่ยวโตเกียวสกายทรี (TOKYO SKY TREE) – วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) – เที่ยวเกาะมหาสนุกไอไดบะ (Odaiba) – และเดินหลงดูบรรยากาศย่านกินซ่า (Ginza) ยามค่ำคืน
https://ppantip.com/topic/36357996
- วันที่ 2 พาเที่ยว พระราชวังอิมพีเรียล ต่อด้วย ศาลเจ้าเมจิ และไปเดินหลงอยู่แถว Harajuku – Shibuya และ Akihabara
https://ppantip.com/topic/36360891
- วันที่ 3 พาเที่ยวสวนสนุก Tokyo Disneyland - ช้อปปิ้ง Kaihin Makuhari OUTLET
https://ppantip.com/topic/36381946
- วันที่ 4 เที่ยวตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Market) ถ่ายรูปกับตึกอาซาฮี และออกนอกโตเกียวไปนิกโก้ (Nikko)
https://ppantip.com/topic/36386147
- วันที่ 5 เที่ยวนิกโก้-เมืองมรดกโลกในหุบเขา..วัดรินโนจิ ศาลเจ้าโทโชกุ วัดไทยูอิน ศาลเจ้าฟุตะระซังและสะพานชินเคียว
https://ppantip.com/topic/36389466
- วันที่ 6 เดินเที่ยวริมทะเลสาบเซนบะ (Senba Lake) และสวนฮิตาชิ ซีไซด์ (Hitachi Seaside Park) ที่เมืองอิบารากิ
https://ppantip.com/topic/36393052
- วันที่ 7 พานั่ง HOKKAIDO SHINKANSEN สาย Hayabusa ไป HOKKAIDO - เดินเที่ยวตลาดฮาโกดาเตะ - ไปชมบรรยากาศโกดังอิฐแดง และขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาในเมือง HAKODATE - Sapporo
https://ppantip.com/topic/36397187
- วันที่ 8 เที่ยวโรงงานช็อคโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ (Shiroi Koibito Park) - เดินเที่ยวริมคลอง Otaru - เที่ยวยามค่ำคืนในย่าน Susukino - ถ่ายรูปกับ Sapporo TV Tower
https://ppantip.com/topic/36404991
- วันที่ 9 นั่งรถไฟดูวิวข้างทางตลอดทั้งวัน จาก Sapporo กลับ โตเกียว ..เดินทางต่อไปนากาโน่ เพื่อเตรียมตัวขึ้นกำแพงหิมะ
https://ppantip.com/topic/36411999
- วันที่ 10 ตามหากำแพงหิมะ (SNOW WALL) บนเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route
https://ppantip.com/topic/36416336
- วันที่ 11 พาเที่ยวเกียวโต - นั่งรถไฟสายโรแมนติก - เดินเล่นในเมืองArashiyama - เดินเลียบป่าไผ่ - วัดเทนริวจิ - ชมความงามข้ามสะพานโทเง็ตสึเคียว - และปิดท้ายขึ้นเขาชมวิวและเสาแดงหมื่นต้นที่ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ
https://ppantip.com/topic/36424087
- วันที่ 12 พาตะลุยยูนิเวอร์แซลสตูดิโอแจแปน (Universal Studios Japan) ปี2016 ครบรอบก่อตั้งUSJ 15 ปี
https://ppantip.com/topic/36469777
และสำหรับในตอนนี้.. เรามาจะมารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นวันแรกของเราสองคน (จขกท และคุณสามี)
โดยแพลนวันแรกจะเป็นตามนี้ค่ะ
(3/5/2016) วันที่ 1 : สะพายเป้เที่ยวโตเกียว - โตเกียว สกายทรี (TOKYO SKYTREE) – วัดเซนโซจิ หรือวัดอาซากุซะ หรือวัดโคมแดง (Sensoji Temple) – โอไดบะ (Odaiba)
ดังนั้นเช้าวันนี้ เราจะเริ่มออกเดินทางจากเมืองอิบารากิเพื่อเข้าเมืองหลวงโตเกียวกันค่ะ
เราเริ่มต้นการเดินทางจากสถานี SANUKI สถานีรถไฟในเมืองอิบารากิ
ก่อนขึ้นรถไฟ ต้องซื้อตั๋วกันก่อนค่ะ..
ประสบการณ์กดซื้อตั๋วรถไฟญี่ปุ่นครั้งแรก ก็ไม่ยากอย่างที่คิด..
อันดับแรก ให้ดูราคาก่อน ว่าเราจะขึ้นและลงที่สถานีไหน (ไปสถานีโตเกียวเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่?)
จากนั้นก็ไปกดซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋ว ตอนซื้อตั๋วให้กดเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษก่อนนะคะ
กดเลือก Ticket จากนั้นก็เลือกราคาของตั๋วที่เราต้องการซื้อ
ขึ้นจากสถานี SANUKI ไปถึงสถานีโตเกียวเป็นเงิน 970 เยน
ใส่เงินในช่องใส่เหรียญหรือธนบัตร แล้วก็รอรับตั๋วรถไฟและเงินทอนแค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ
เมื่อซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินผ่านช่องเสียบตั๋วเข้าไปในสถานี เพื่อไปรอรถไฟที่ชานชาลา..
บรรยากาศตอนเช้าของสถานีรถไฟ SANUKI ในเมืองอิบารากิ
หยิบตั๋วรถไฟขึ้นมาดู ในตั๋วจะระบุเวลาไว้ค่ะ ว่ารถไฟจะมาถึงชานชาลากี่โมง?
เราสองคนรอรถไฟคันที่มาจอดตรงกับเวลา 08.35 ยอมรับค่ะว่าตอนนั้น กลัวขึ้นผิดคันเหมือนกัน
(ก็เพิ่งจะเคยขึ้นครั้งแรกหนิเนาะ)
และเมื่อรถไฟเวลา 08.35 มาจอดเทียบชานชาลา
ก็เกิดอาการมึนงงกันเลยทีเดียวเชียว.. คือยืน งง แบบว่า ต้องไปยืนรอตรงชานชาลาเลขที่เท่าไหร่ ?
เราสองคนตัดสินใจว่า.. เอาวะ งั้นเราขึ้นตรงชานชาลาเลขที่ใกล้ที่สุดนี่แล้วกัน ..
พอขึ้นรถไฟไปก็หาที่นั่ง มีเบาะที่นั่งว่างๆ ให้เลือกเยอะแยะ.. จากนั้นรถไฟก็ขับออกไปได้ซักพัก
ก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว เราโชว์ตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดู.. ปรากฎว่าเราขึ้นผิดตู้!!! เราไม่ได้ซื้อตั๋วแบบจองตั๋วนั่งมา
เค้ารีบพาเราเดินไปที่ตู้ยืนค่ะ เรารีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่และรีบเดินตามไปที่ตู้ยืนทันที
ซึ่งตู้ยืนคนเยอะมาก เบียดกันมาก และเราสองคนก็หน้าแตกมากกกด้วยเช่นกัน T T
จากนั้นรถไฟก็มาถึงสถานีโตเกียว..
ในที่สุดเราก็มาถึงโตเกียวกันแล้ว.... เย้ๆๆ ตื่นเต้นกันมาก
เราเดินหาทางออกจากสถานีโตเกียว เพื่อจะไปเช็คอินที่โรงแรมที่เราจองไว้..
โรงแรมที่เราจะพักชื่อ โรงแรม Smile Hotel Nihonbashi Mitsukoshimae เราจะพักที่นี่กัน 3 คืนค่ะ
โรงแรมอยู่ในย่านนิฮงบาชิ (Nihonbashi) ถือว่าอยู่ใจกลางเมืองโตเกียวกันเลย
เราเปิดใช้งาน GPS กับแอพ Google Map เพื่อตามหาโรงแรมกันค่ะ
และเราก็เดินตามทางที่ Google Map บอกไปเรื่อยๆ
..เดินผ่าน ตรอก ซอก ซอยต่างๆ..
และแล้วก็มาถึงโรงแรม ^ ^
โรงแรม Smile Hotel Nihonbashi Mitsukoshimae อยู่ไกลจากสถานีโตเกียวอยู่เหมือนกันนะคะ แต่เราก็เดินมาถึงจนได้
นี่คือหน้าโรงแรมที่เราจะพักกันในค่ำคืนนี้..
เมื่อมาถึงโรงแรม เจ้าหน้าที่ยังไม่ให้เราเช็คอินค่ะเพราะมาถึงก่อนเวลาเช็คอิน
เราจึงขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน และจะกลับมาเช็คอินหลังจากไปเที่ยวกลับมา..
พอเราฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียร้อยแล้ว
เราก็ออกจากโรงแรมเพื่อจะไปเที่ยว TOKYO SKY TREE หรือ OSHIAGE (SKY TREE) กันค่ะ
เดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด นั้นก็คือสถานี MITSUKOSHIMAE
นั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปลงสถานี OSHIAGE ค่ะ
เมื่อมาถึงสถานี OSHIAGE พอโผล่ขึ้นมา ก็จะเจอป้ายที่บอกถึงทางไป TOKYO SKY TREE
เราเดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ จนมาถึง TOKYO Solamachi ซึ่งเป็นห้างที่เหมาะแก่การช้อปปิ้งมากๆ
มีของให้เลือกเยอะแยะมากมาย พวกแบรนด์แฟชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น UNIQLO, Onitsuka Tiger, BAO BAO และมีร้านตัวการ์ตูนต่างๆ ด้วย เช่น Rilakkuma, Kitty น่ารักๆ ทั้งนั้น .. แค่เดินดูก็อิ่มตา อิ่มใจแล้วค่ะ
เรามาถึง TOKYO Solamachi ก็เวลาเที่ยงพอดี หิวแล้วด้วย จึงเดินไปหาข้าวกลางวันทานกันที่ food court บนชั้น 3 ของ TOKYO Solamachi
วิธีการสั่งซื้อข้าวก็ไม่ยากค่ะ พอเราไปสั่งข้าวตามร้านต่างๆ ที่ร้านก็จะให้บัตรสัญญาณกับเรามา
เราก็เดินไปหาที่นั่ง พอกับข้าวที่สั่งไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว สัญญาณที่บัตรก็จะดังขึ้น เราก็เดินไปรับข้าวที่ร้านได้เลยค่ะ
อาหารมือแรกที่ โตเกียวของเราสองคน เหมือนจะเป็นอาหารเกาหลี รึเปล่าหว่า ?
จากนั้นเราสองคนก็เดินออกจากห้าง เพื่อไปถ่ายรูป TOKYO SKY TREE กัน
พอเดินออกมาด้านนอกก็จะเป็นพื้นที่โล่งบนอาคาร ตรงจุดนี้สามารถแวะถ่ายรูปมุมเงยของโตเกียวสกายทรีได้ค่ะ
TOKYO SKY TREE หรือเรียกอีกอย่างว่า OSHIAGE (SKY TREE) ค่ะ
TOKYO SKY TREE ถูกแบ่งเป็นสองชั้น โดยจุดชมวิวชั้นแรก (350 เมตร) ราคาตั๋วเพื่อขึ้นชมวิวอยู่ที่ 2,060 เยนค่ะ
และจุดชมวิวชั้นที่สอง (450 เมตร) ราคาตั๋วอยู่ที่ 3,090 เยน เวลาเปิด-ปิด: 8:00 - 22:00 น. ค่ะ
เราเดินถ่ายรูป ชมวิวไปเรื่อยๆ อากาศโตเกียววันนี้ อากาศดีมาก มีลมบ้างนิดหน่อยและก็ไม่หนาวมากจนเกินไป..
เราเดินเลียบริมคลอง ดูบรรยากาศไปเรื่อยๆ น้ำในคลองใสมากกกกก..
อยากให้คลองในกรุงเทพเป็นแบบนี้บ้างจัง ^^
วันนี้เป็นวันหยุดของญี่ปุ่นด้วยค่ะ เป็นวันรัฐธรรมนูญ (เคนโป คิเนนบิ) คนจึงออกมาเดินเล่นกันเยอะมาก
จากนั้นเราก็เดินตามผู้คนไป เพื่อไปวัดเซนโซจิ.. ซึ่งเป็นเป้าหมายต่อไปของเรากันค่ะ
[CR] วันที่1 สะพายเป้เที่ยวญี่ปุ่น (JAPAN) เดือนพฤษภาคม : แบกเป้เที่ยวโตเกียว TOKYO SKY TREE – SENSOJI TEMPLE – ODAIBA
โดยที่เราได้เดินทางมาถึงสนามบินนาริตะประเทศญี่ปุ่นเป็นอันเรียบร้อยแล้ว
และได้ไปนอนบ้านญาติที่เมืองอิบารากิ..
ขอฝากกระทู้ก่อนหน้านี้ด้วยค่ะ ^ ^
- สะพายเป้เที่ยวญี่ปุ่น (JAPAN) เดือนพฤษภาคม 15วัน 14คืน : วางแพลนเที่ยวคันโต นั่งรถไฟขึ้นเหนือแอ่วฮอกไกโดและลงมาแถบคันไซ
(ในกระทู้นี้ จขกท แจกแพลนเที่ยวญี่ปุ่นทั้ง 13 วันไว้ด้วยนะคะ)
https://ppantip.com/topic/36356961
- วันที่ 1 พาไปเที่ยวโตเกียวสกายทรี (TOKYO SKY TREE) – วัดเซ็นโซจิ (Sensoji Temple) – เที่ยวเกาะมหาสนุกไอไดบะ (Odaiba) – และเดินหลงดูบรรยากาศย่านกินซ่า (Ginza) ยามค่ำคืน
https://ppantip.com/topic/36357996
- วันที่ 2 พาเที่ยว พระราชวังอิมพีเรียล ต่อด้วย ศาลเจ้าเมจิ และไปเดินหลงอยู่แถว Harajuku – Shibuya และ Akihabara
https://ppantip.com/topic/36360891
- วันที่ 3 พาเที่ยวสวนสนุก Tokyo Disneyland - ช้อปปิ้ง Kaihin Makuhari OUTLET
https://ppantip.com/topic/36381946
- วันที่ 4 เที่ยวตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Market) ถ่ายรูปกับตึกอาซาฮี และออกนอกโตเกียวไปนิกโก้ (Nikko)
https://ppantip.com/topic/36386147
- วันที่ 5 เที่ยวนิกโก้-เมืองมรดกโลกในหุบเขา..วัดรินโนจิ ศาลเจ้าโทโชกุ วัดไทยูอิน ศาลเจ้าฟุตะระซังและสะพานชินเคียว
https://ppantip.com/topic/36389466
- วันที่ 6 เดินเที่ยวริมทะเลสาบเซนบะ (Senba Lake) และสวนฮิตาชิ ซีไซด์ (Hitachi Seaside Park) ที่เมืองอิบารากิ
https://ppantip.com/topic/36393052
- วันที่ 7 พานั่ง HOKKAIDO SHINKANSEN สาย Hayabusa ไป HOKKAIDO - เดินเที่ยวตลาดฮาโกดาเตะ - ไปชมบรรยากาศโกดังอิฐแดง และขึ้นไปชมวิวบนยอดเขาในเมือง HAKODATE - Sapporo
https://ppantip.com/topic/36397187
- วันที่ 8 เที่ยวโรงงานช็อคโกแลตชิโรอิโคอิบิโตะ (Shiroi Koibito Park) - เดินเที่ยวริมคลอง Otaru - เที่ยวยามค่ำคืนในย่าน Susukino - ถ่ายรูปกับ Sapporo TV Tower
https://ppantip.com/topic/36404991
- วันที่ 9 นั่งรถไฟดูวิวข้างทางตลอดทั้งวัน จาก Sapporo กลับ โตเกียว ..เดินทางต่อไปนากาโน่ เพื่อเตรียมตัวขึ้นกำแพงหิมะ
https://ppantip.com/topic/36411999
- วันที่ 10 ตามหากำแพงหิมะ (SNOW WALL) บนเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route
https://ppantip.com/topic/36416336
- วันที่ 11 พาเที่ยวเกียวโต - นั่งรถไฟสายโรแมนติก - เดินเล่นในเมืองArashiyama - เดินเลียบป่าไผ่ - วัดเทนริวจิ - ชมความงามข้ามสะพานโทเง็ตสึเคียว - และปิดท้ายขึ้นเขาชมวิวและเสาแดงหมื่นต้นที่ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ
https://ppantip.com/topic/36424087
- วันที่ 12 พาตะลุยยูนิเวอร์แซลสตูดิโอแจแปน (Universal Studios Japan) ปี2016 ครบรอบก่อตั้งUSJ 15 ปี
https://ppantip.com/topic/36469777
และสำหรับในตอนนี้.. เรามาจะมารีวิวเที่ยวญี่ปุ่นวันแรกของเราสองคน (จขกท และคุณสามี)
โดยแพลนวันแรกจะเป็นตามนี้ค่ะ
(3/5/2016) วันที่ 1 : สะพายเป้เที่ยวโตเกียว - โตเกียว สกายทรี (TOKYO SKYTREE) – วัดเซนโซจิ หรือวัดอาซากุซะ หรือวัดโคมแดง (Sensoji Temple) – โอไดบะ (Odaiba)
ดังนั้นเช้าวันนี้ เราจะเริ่มออกเดินทางจากเมืองอิบารากิเพื่อเข้าเมืองหลวงโตเกียวกันค่ะ
เราเริ่มต้นการเดินทางจากสถานี SANUKI สถานีรถไฟในเมืองอิบารากิ
ก่อนขึ้นรถไฟ ต้องซื้อตั๋วกันก่อนค่ะ..
ประสบการณ์กดซื้อตั๋วรถไฟญี่ปุ่นครั้งแรก ก็ไม่ยากอย่างที่คิด..
อันดับแรก ให้ดูราคาก่อน ว่าเราจะขึ้นและลงที่สถานีไหน (ไปสถานีโตเกียวเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่?)
จากนั้นก็ไปกดซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋ว ตอนซื้อตั๋วให้กดเปลี่ยนภาษาเป็นภาษาอังกฤษก่อนนะคะ
กดเลือก Ticket จากนั้นก็เลือกราคาของตั๋วที่เราต้องการซื้อ
ขึ้นจากสถานี SANUKI ไปถึงสถานีโตเกียวเป็นเงิน 970 เยน
ใส่เงินในช่องใส่เหรียญหรือธนบัตร แล้วก็รอรับตั๋วรถไฟและเงินทอนแค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อยค่ะ
เมื่อซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินผ่านช่องเสียบตั๋วเข้าไปในสถานี เพื่อไปรอรถไฟที่ชานชาลา..
บรรยากาศตอนเช้าของสถานีรถไฟ SANUKI ในเมืองอิบารากิ
หยิบตั๋วรถไฟขึ้นมาดู ในตั๋วจะระบุเวลาไว้ค่ะ ว่ารถไฟจะมาถึงชานชาลากี่โมง?
เราสองคนรอรถไฟคันที่มาจอดตรงกับเวลา 08.35 ยอมรับค่ะว่าตอนนั้น กลัวขึ้นผิดคันเหมือนกัน
(ก็เพิ่งจะเคยขึ้นครั้งแรกหนิเนาะ)
และเมื่อรถไฟเวลา 08.35 มาจอดเทียบชานชาลา
ก็เกิดอาการมึนงงกันเลยทีเดียวเชียว.. คือยืน งง แบบว่า ต้องไปยืนรอตรงชานชาลาเลขที่เท่าไหร่ ?
เราสองคนตัดสินใจว่า.. เอาวะ งั้นเราขึ้นตรงชานชาลาเลขที่ใกล้ที่สุดนี่แล้วกัน ..
พอขึ้นรถไฟไปก็หาที่นั่ง มีเบาะที่นั่งว่างๆ ให้เลือกเยอะแยะ.. จากนั้นรถไฟก็ขับออกไปได้ซักพัก
ก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว เราโชว์ตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดู.. ปรากฎว่าเราขึ้นผิดตู้!!! เราไม่ได้ซื้อตั๋วแบบจองตั๋วนั่งมา
เค้ารีบพาเราเดินไปที่ตู้ยืนค่ะ เรารีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่และรีบเดินตามไปที่ตู้ยืนทันที
ซึ่งตู้ยืนคนเยอะมาก เบียดกันมาก และเราสองคนก็หน้าแตกมากกกด้วยเช่นกัน T T
จากนั้นรถไฟก็มาถึงสถานีโตเกียว..
ในที่สุดเราก็มาถึงโตเกียวกันแล้ว.... เย้ๆๆ ตื่นเต้นกันมาก
เราเดินหาทางออกจากสถานีโตเกียว เพื่อจะไปเช็คอินที่โรงแรมที่เราจองไว้..
โรงแรมที่เราจะพักชื่อ โรงแรม Smile Hotel Nihonbashi Mitsukoshimae เราจะพักที่นี่กัน 3 คืนค่ะ
โรงแรมอยู่ในย่านนิฮงบาชิ (Nihonbashi) ถือว่าอยู่ใจกลางเมืองโตเกียวกันเลย
เราเปิดใช้งาน GPS กับแอพ Google Map เพื่อตามหาโรงแรมกันค่ะ
และเราก็เดินตามทางที่ Google Map บอกไปเรื่อยๆ
..เดินผ่าน ตรอก ซอก ซอยต่างๆ..
และแล้วก็มาถึงโรงแรม ^ ^
โรงแรม Smile Hotel Nihonbashi Mitsukoshimae อยู่ไกลจากสถานีโตเกียวอยู่เหมือนกันนะคะ แต่เราก็เดินมาถึงจนได้
นี่คือหน้าโรงแรมที่เราจะพักกันในค่ำคืนนี้..
เมื่อมาถึงโรงแรม เจ้าหน้าที่ยังไม่ให้เราเช็คอินค่ะเพราะมาถึงก่อนเวลาเช็คอิน
เราจึงขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน และจะกลับมาเช็คอินหลังจากไปเที่ยวกลับมา..
พอเราฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเรียร้อยแล้ว
เราก็ออกจากโรงแรมเพื่อจะไปเที่ยว TOKYO SKY TREE หรือ OSHIAGE (SKY TREE) กันค่ะ
เดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟที่ใกล้ที่สุด นั้นก็คือสถานี MITSUKOSHIMAE
นั่งรถไฟใต้ดินเพื่อไปลงสถานี OSHIAGE ค่ะ
เมื่อมาถึงสถานี OSHIAGE พอโผล่ขึ้นมา ก็จะเจอป้ายที่บอกถึงทางไป TOKYO SKY TREE
เราเดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ จนมาถึง TOKYO Solamachi ซึ่งเป็นห้างที่เหมาะแก่การช้อปปิ้งมากๆ
มีของให้เลือกเยอะแยะมากมาย พวกแบรนด์แฟชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น UNIQLO, Onitsuka Tiger, BAO BAO และมีร้านตัวการ์ตูนต่างๆ ด้วย เช่น Rilakkuma, Kitty น่ารักๆ ทั้งนั้น .. แค่เดินดูก็อิ่มตา อิ่มใจแล้วค่ะ
เรามาถึง TOKYO Solamachi ก็เวลาเที่ยงพอดี หิวแล้วด้วย จึงเดินไปหาข้าวกลางวันทานกันที่ food court บนชั้น 3 ของ TOKYO Solamachi
วิธีการสั่งซื้อข้าวก็ไม่ยากค่ะ พอเราไปสั่งข้าวตามร้านต่างๆ ที่ร้านก็จะให้บัตรสัญญาณกับเรามา
เราก็เดินไปหาที่นั่ง พอกับข้าวที่สั่งไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว สัญญาณที่บัตรก็จะดังขึ้น เราก็เดินไปรับข้าวที่ร้านได้เลยค่ะ
อาหารมือแรกที่ โตเกียวของเราสองคน เหมือนจะเป็นอาหารเกาหลี รึเปล่าหว่า ?
จากนั้นเราสองคนก็เดินออกจากห้าง เพื่อไปถ่ายรูป TOKYO SKY TREE กัน
พอเดินออกมาด้านนอกก็จะเป็นพื้นที่โล่งบนอาคาร ตรงจุดนี้สามารถแวะถ่ายรูปมุมเงยของโตเกียวสกายทรีได้ค่ะ
TOKYO SKY TREE หรือเรียกอีกอย่างว่า OSHIAGE (SKY TREE) ค่ะ
TOKYO SKY TREE ถูกแบ่งเป็นสองชั้น โดยจุดชมวิวชั้นแรก (350 เมตร) ราคาตั๋วเพื่อขึ้นชมวิวอยู่ที่ 2,060 เยนค่ะ
และจุดชมวิวชั้นที่สอง (450 เมตร) ราคาตั๋วอยู่ที่ 3,090 เยน เวลาเปิด-ปิด: 8:00 - 22:00 น. ค่ะ
เราเดินถ่ายรูป ชมวิวไปเรื่อยๆ อากาศโตเกียววันนี้ อากาศดีมาก มีลมบ้างนิดหน่อยและก็ไม่หนาวมากจนเกินไป..
เราเดินเลียบริมคลอง ดูบรรยากาศไปเรื่อยๆ น้ำในคลองใสมากกกกก..
อยากให้คลองในกรุงเทพเป็นแบบนี้บ้างจัง ^^
วันนี้เป็นวันหยุดของญี่ปุ่นด้วยค่ะ เป็นวันรัฐธรรมนูญ (เคนโป คิเนนบิ) คนจึงออกมาเดินเล่นกันเยอะมาก
จากนั้นเราก็เดินตามผู้คนไป เพื่อไปวัดเซนโซจิ.. ซึ่งเป็นเป้าหมายต่อไปของเรากันค่ะ