สวัสดีค่ะ จขกท.ได้มีโอกาสไปเที่ยวฮอกไกโดมาค่ะ เลยอยากจะมาแบ่งปันข้อมูลที่ได้ไปมาบ้าง ซึ่งจขกท.ได้ไปทัวร์กับ Chuo bus แบบไปเช้า-เย็นกลับมาค่ะ โดยเส้นทางที่เราไปคือ Lake Shikotsu กับ Lake Toya เมื่อปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา ก่อนอื่นต้องบอกว่า เหตุที่เลือกมากับทัวร์แบบนี้ เพราะว่าจัดโปรแกรมเที่ยวฮอกไกโดแบบไปเที่ยวด้วยตัวเองไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ทำให้สถานที่ ที่อยากไปถ้าเอาไปยัดใส่ในตารางเที่ยวแล้วละก็ ก็จะทำให้เหนื่อยจากการเดินทางไปโดยเปล่าๆ
สิ่งที่จขกท.อยากทำก็คือ ขึ้นกระเช้าเพื่อไปชมวิวบนภูเขาอุซุซาน จริงๆก็มีแค่นี้ค่ะ แต่หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วแบบว่า (หาไม่เจอ หรือเธอไม่มี) เจอแค่ว่ารถบัสที่จะวิ่งไป Mt. Usuzan Ropeway ไม่มีให้บริการในฤดูหนาว บวกกับคนส่วนใหญ่ที่มารีวิวก็ใช้บริการแท็กซี่ คิดไปคิดมาถ้าเดินทางด้วยตัวเองจากเมืองซัปโปโร จะไปMt.Usuzan ก็ต้องใช้เวลา ไหนจะเดินทางจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่ง ก็เลยหาว่ามันน่าจะมีทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับที่มีไป Mt. Usuzan ด้วย
พอคิดว่าคงจะไปกับทัวร์จริงๆแล้วก็เลยหาว่าที่ไหนขายทัวร์ ในเส้นทางที่จขกท.อยากไปนี้บ้าง ลองดูอยู่หลายโปรแกรมทัวร์ หลายเว็บเหมือนกันแต่ไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แต่ดูไปดูมาสรุปได้ของ Chuo bus ในเส้นทาง Lake Shikotsu and Lake Toya นี้ค่ะ พอเส้นทางรับได้ ราคารับได้ก็เข้าสู่ขั้นตอนการจองค่ะ
พอได้ทัวร์ที่อยากไปแล้วก็ทำการจอง สามารถจองในหน้าเว็บของ Chuo Bus Tour ได้เลยค่ะ แนะนำว่า ให้ทำการจองในวันจันทร์-ศุกร์ตามเวลาทำการ เพราะในเว็บเค้าระบุไว้ว่าปิดเสาร์อาทิตย์ แต่ตอนนั้นที่จขกท.จองไป ก็วันเสาร์อาทิตย์แหล่ะค่ะ เพราะว่าว่างกันตอนนั้น แล้วเราก็รอวนไปค่ะ จนในที่สุดทาง Chuo bus ก็ส่งอีเมลยืนยันกลับมาในวันจันทร์ จริงๆถ้าไม่รีบก็ทำการจองในวันเสาร์ อาทิตย์ก็ได้ แต่ถ้ากลัวตกหล่นให้จองในเวลาทำการของเค้าน่าจะดีกว่าค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขออนุญาตแปะลิ้งค์เผื่อใครสนใจ http://teikan.chuo-bus.co.jp/en/course/6505
จบขั้นตอนการจองเสร็จสรรพกันไป แล้วก็จะเหลือแต่เตรียมตัวเที่ยวแล้วค่ะ พอถึงวันเดินทางก็แค่นำใบยืนยันการจองไปยื่นที่เคาน์เตอร์ พร้อมกับจ่ายเงินในวันเดินทางได้เลย สำหรับทัวร์ที่เราเลือกนั้นชื่อ Lake Shikotsu and Lake Toya Tour (Multilingual Audio Tour) (N)
สำหรับโปรแกรมทัวร์ก็จะตามนี้นะคะ(ก็อปรูปภาพมาจากในเว็บ) จะเห็นว่ามีสถานที่นอกเหนือจากสถานที่ ที่เราอยากไป ก็ตามสไตล์ทัวร์ค่ะ ต้องมีให้แวะซื้อของกันบ้าง
แล้วการจะไปกับทัวร์ของ Chuo Bus นั้น คือเราจะต้องไปขึ้นรถบัสที่ Bus Terminal ตึก ESTA จุดเริ่มต้นทัวร์นี้จะมีที่เดียว แต่ขากลับสามารถลงตามสถานที่ ที่รถผ่านได้ค่ะ ซึ่งบริเวณเคาน์เตอร์ของ Chuo bus Tour จะอยู่ที่ชั้น2 ของตึก ESTA ค่ะ (ป้ายรถเลข 17)
ซึ่งถ้าเกิดใครไปครั้งแรกแบบเราอาจจะงงก็ได้ (หรือเราอาจจะงงไปคนเดียว) แนะนำว่า จากทางใต้ดินที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดนั้น ก็เดินตามป้าย Bus Terminal ไปค่ะ แนะนำว่าเดินไปตามทางตึก JR Tower ก่อน แล้วค่อยออกจากตึกไปตรงส่วนของ Bus Terminal (ตามป้ายไป) ข้ามถนนไปเรื่อยๆจนเดินไปถึงเลข17 จะดีกว่า เพราะจากประสบการณ์ที่ไปกันเช้าเกิน ห้างยังไม่เปิดค่ะ ต้องเดินวนกลับมาใหม่
ส่วนรูปข้างล่างนี้เป็นผังรถที่ Sapporo Bus Terminal ค่ะ
บริเวณหน้าตาเคาน์เตอร์ และบริเวณที่นั่งรอ เปิดทำการ 7.30-18.00
พอยื่นหมูยื่นแมวกันเสร็จแล้วก็จะได้ตั๋วมา ที่มีหน้าตาแบบนี้
จากภาพที่เห็น จำแค่ว่าทัวร์ของเราเป็นตัวย่อ (N) แล้วเช็คชื่อของเราว่าถูกต้องรึเปล่า ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เส้นทางนี้ราคาคนละ 6800 เยน สำหรับผู้ใหญ่ (เด็กน่าจะ 4800 เยน) รวมค่ารถ ค่าไกด์ ค่าอาหารมื้อกลางวัน(แบบญี่ปุ่น) ค่ากระเช้าไป-กลับ Mt.Usuzan (Ropeway)
อ้อ ลืมบอกทัวร์ของ Chuo Bus นี้จะไม่มีไกด์มาคอยถือธง บรรยายสถานที่ ตามที่ต่างๆนะคะ เราสามารถทราบข้อมูลของสถานที่จากAudio guide (หูฟัง) ฟังจากบนรถได้เลยค่ะ เลือกภาษาได้ ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ เกาหลี แต่ไม่มีบรรยายเป็นภาษาไทย ส่วนไกด์จะบอกว่าไม่มีไกด์เลยก็ไม่ถูกค่ะ เพราะจริงๆจะมีไกด์คอยบอกว่าเรามีเวลาเที่ยวเท่าไหร่ ต้องขึ้นรถกี่โมง คอยแจกโบชัวร์ แจกส่วนลด ประมาณนี้ค่ะ แค่ไม่มีมาบรรยายตามสถานที่เท่านั้นเองค่ะ
เตรียมรอเลยค่า ล้อหมุน 8.35
จะเห็นได้ว่าเวลาบน Sapporo TV Tower เป็นเวลา8.37 ทัวร์ออกตรงเวลาจริงๆ สองนาทีรถก็มาอยู่ในเส้นทางที่เราจะไปเที่ยวกันแล้ว เรามาเดินทางต่อกันได้เลยค่ะ
[ จุดหมายแรก Lake Shikotsu ]
ระหว่างที่จขกท.นั่งรถชมวิวทิวทัศน์หิมะไปเรื่อย ฟังAudio guideไปด้วย ก็อยากรู้ด้วยว่ารถที่นั่งมาวิ่งไปทางไหนบ้าง ก็เลยเข้ากูเกิ้ลแมป ดูทางไปด้วย ระหว่างทางเจอกวางด้วยค่ะ
สำหรับAudio guide บนรถ ใครที่สนใจก็สามารถฟังได้ตลอด จะมีเสียงบรรยายมาเรื่อยๆ บรรยายพันธุ์สัตว์ต่างๆ ในฮอกไกโด ความเป็นมาของเกาะ ข้อมูลของสถานที่ต่างๆที่เราไป ส่วนจขกท.นั้นก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างค่ะ แหะๆ
แป๊บๆเราก็มาถึง Lake Shikotsu กันละค่า ที่นี่เป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับที่สองของญี่ปุ่น และทะเลสาบนี้ผิวน้ำจะไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว เหมือนที่อื่นๆค่ะ
พอถึงจุดลงรถก็จะมีไกด์ พาเดินไปดูทะเลสาบ พร้อมกับแจกส่วนลดต่างๆสำหรับซื้อของที่นี่ บวกกับบอกเวลาพวกเราว่าต้องมาขึ้นรถกันตอนไหน
วิวระหว่างทางที่เดินมา
เห็นเรือเป็ดที่ถูกปลดประจำการในหน้าหนาวแบบนี้ แล้วอยากกลับมาใช้บริการเจ้าเรือเป็ดในหน้าร้อนอีกครั้งเลยล่ะค่ะ
ก่อนจะลาจากกับ Lake Shikotsu เราสองคนก็ไม่พลาดที่จะถ่ายกับฝาท่อลายต่างๆของประเทศญี่ปุ่นค่ะ เพื่อยืนยันว่าเรามาถึงเมืองนั้นๆแล้ว (แต่ในภาพอ่านว่า Chitose นี่หว่า เอาเป็นมาว่ามาถึง Lake shikotsu ที่ตั้งอยู่เมือง Chitose แล้วละกันค่ะ)
[ จุดหมายต่อไป Mushroom Kingdom Otaki Branch ]
ตรงจุดนี้เป็นเหมือนจุดพักรถ มีร้านอาหารกับร้านของฝาก ถ้าใครอยากซื้อพวกผลไม้กับของแห้ง คิดว่าที่นี่ถูกกว่าที่อื่นนิดหน่อย
จขกท.ซื้อสตรอเบอร์รี่มาในราคา 780เยน พอจะหาซื้อที่ซัปโปโรก็ตก 900เยน ไม่รู้ว่าที่อื่นจะถูกกว่านี้ไหมแต่ก็รู้สึกว่าที่นี่ก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่ ส่วนลุงๆป้าๆชาวญี่ปุ่นที่มาทัวร์ด้วยกัน ก็ซื้อพวกปลาหมึกแห้งกันค่ะ
[ สำหรับจุดหมายต่อไปคือ Lake Toya ]
ก่อนจะไปเดินเล่นกันที่ทะเลสาบ ทัวร์ของเราก็พามาที่โรงแรม Toyako Mensaikaku เพื่อทานข้าวกลางวันกันค่ะ
นี่ค่ะ หน้าตาอาหาร
อาหารกลางวันก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่น บวกกับวิวของโรงแรมแล้วถือเป็นบรรยายอากาศที่ดีกว่าที่คิด (สำหรับรสชาติอาหารเราว่าใช้ได้ค่ะ ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ว้าวมาก)
ภาพนี้ถ่ายตอนเดินมาริมทะเลสาบโทยะ ห้องกระจกกว้างๆตรงนั้นเป็นห้องอาหารที่เราเพิ่งอิ่มกันมาค่ะ หลังจากอิ่มแล้วก็จะมีเวลาให้ได้เดินเล่น ชมวิว แต่ไม่สามารถนั่งเรือเพื่อไปชมเกาะนากาจิม่าได้ เพราะเวลาไม่พอสำหรับการนั่งเรือ ส่วนใครที่ไม่อยากเดินเล่น ก็สามารถไปแช่ออนเซ็นของทางโรงแรมได้ในราคาพิเศษ (ค่าแช่ออนเซ็นไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์)
ส่วนจขกท.นั้น ไม่ได้มาเพื่อแช่ออนเซ็นอยู่แล้ว เรามาเดินเล่นกันต่อดีกว่า
จุดสีขาวตรงภูเขาในภาพคือเรือที่เข้าไปชมเกาะนากาจิม่าค่ะ (Nakajima Island) ในฤดูหนาวเกาะปิด ไม่สามารถขึ้นไปเดินเล่นบนเกาะได้
วันที่ไปนั้นท้องฟ้าแจ่มใจสุดๆเลยล่ะค่ะ พอเดินเล่นถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ก็กลับกันมาที่โรงแรมเดิม เพื่อเดินทางไปจุดหมายต่อไปกันค่ะ
และในที่สุดก็ถึงสถานที่ที่จขกท.ตั้งใจจะมาละค่า นั่นก็คือ Mt.Usuzan Ropeway
[ จุดหมายต่อไป Mt. Usuzan ]
ใช่แล้วค่ะ สถานที่ต่อไปคือภูเขาอุซุซาน สำหรับค่ากระเช้านี้ รวมอยู่ในทัวร์อยู่แล้ว พอลงจากรถไกด์ก็จะพาไปต่อแถวเพื่อขึ้นกระเช้า ตรงจุดนี้ไกด์จะแจกตั๋วขึ้น-ลงกระเช้าให้ค่ะ พร้อมกับบัตรส่วนลดต่างๆของร้านค้าละแวกนี้
หลังจากนั้นก็เที่ยวแบบฟรีสไตล์แค่กลับมาขึ้นรถให้ตรงตามเวลานัด
ภาพจากMt. Usuzan Ropewayค่ะ ที่เห็นหัวโล้นๆนั้นภูเขาไฟ Showa-Shinzan
พอขึ้นมาถึงบนยอดเขาอุซุซานแล้วก็ถ่ายรูปกันรัวๆค่ะ
พอมาถึงบนยอดเขาแล้วก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ว่าทำไมหน้าหนาวไม่ค่อยมีรถประจำทางมา เพราะบนเขาหิมะท่วมจริงๆค่ะ เส้นทางที่เปิดให้เดินตามสันเขาก็ถูกหิมะท่วมเต็มเลย ผู้คนอาจจะไม่นิยมมาเที่ยวฤดูกาลนี้กันสักเท่าไหร่
[CR] REVIEW : ไปใช้บริการทัวร์ ONE DAY TRIP ที่ฮอกไกโดของ Chuo Bus มาค่ะ
สวัสดีค่ะ จขกท.ได้มีโอกาสไปเที่ยวฮอกไกโดมาค่ะ เลยอยากจะมาแบ่งปันข้อมูลที่ได้ไปมาบ้าง ซึ่งจขกท.ได้ไปทัวร์กับ Chuo bus แบบไปเช้า-เย็นกลับมาค่ะ โดยเส้นทางที่เราไปคือ Lake Shikotsu กับ Lake Toya เมื่อปลายเดือนมีนาที่ผ่านมา ก่อนอื่นต้องบอกว่า เหตุที่เลือกมากับทัวร์แบบนี้ เพราะว่าจัดโปรแกรมเที่ยวฮอกไกโดแบบไปเที่ยวด้วยตัวเองไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ ทำให้สถานที่ ที่อยากไปถ้าเอาไปยัดใส่ในตารางเที่ยวแล้วละก็ ก็จะทำให้เหนื่อยจากการเดินทางไปโดยเปล่าๆ
สิ่งที่จขกท.อยากทำก็คือ ขึ้นกระเช้าเพื่อไปชมวิวบนภูเขาอุซุซาน จริงๆก็มีแค่นี้ค่ะ แต่หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตแล้วแบบว่า (หาไม่เจอ หรือเธอไม่มี) เจอแค่ว่ารถบัสที่จะวิ่งไป Mt. Usuzan Ropeway ไม่มีให้บริการในฤดูหนาว บวกกับคนส่วนใหญ่ที่มารีวิวก็ใช้บริการแท็กซี่ คิดไปคิดมาถ้าเดินทางด้วยตัวเองจากเมืองซัปโปโร จะไปMt.Usuzan ก็ต้องใช้เวลา ไหนจะเดินทางจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่ง ก็เลยหาว่ามันน่าจะมีทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับที่มีไป Mt. Usuzan ด้วย
พอคิดว่าคงจะไปกับทัวร์จริงๆแล้วก็เลยหาว่าที่ไหนขายทัวร์ ในเส้นทางที่จขกท.อยากไปนี้บ้าง ลองดูอยู่หลายโปรแกรมทัวร์ หลายเว็บเหมือนกันแต่ไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ แต่ดูไปดูมาสรุปได้ของ Chuo bus ในเส้นทาง Lake Shikotsu and Lake Toya นี้ค่ะ พอเส้นทางรับได้ ราคารับได้ก็เข้าสู่ขั้นตอนการจองค่ะ
พอได้ทัวร์ที่อยากไปแล้วก็ทำการจอง สามารถจองในหน้าเว็บของ Chuo Bus Tour ได้เลยค่ะ แนะนำว่า ให้ทำการจองในวันจันทร์-ศุกร์ตามเวลาทำการ เพราะในเว็บเค้าระบุไว้ว่าปิดเสาร์อาทิตย์ แต่ตอนนั้นที่จขกท.จองไป ก็วันเสาร์อาทิตย์แหล่ะค่ะ เพราะว่าว่างกันตอนนั้น แล้วเราก็รอวนไปค่ะ จนในที่สุดทาง Chuo bus ก็ส่งอีเมลยืนยันกลับมาในวันจันทร์ จริงๆถ้าไม่รีบก็ทำการจองในวันเสาร์ อาทิตย์ก็ได้ แต่ถ้ากลัวตกหล่นให้จองในเวลาทำการของเค้าน่าจะดีกว่าค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จบขั้นตอนการจองเสร็จสรรพกันไป แล้วก็จะเหลือแต่เตรียมตัวเที่ยวแล้วค่ะ พอถึงวันเดินทางก็แค่นำใบยืนยันการจองไปยื่นที่เคาน์เตอร์ พร้อมกับจ่ายเงินในวันเดินทางได้เลย สำหรับทัวร์ที่เราเลือกนั้นชื่อ Lake Shikotsu and Lake Toya Tour (Multilingual Audio Tour) (N)
สำหรับโปรแกรมทัวร์ก็จะตามนี้นะคะ(ก็อปรูปภาพมาจากในเว็บ) จะเห็นว่ามีสถานที่นอกเหนือจากสถานที่ ที่เราอยากไป ก็ตามสไตล์ทัวร์ค่ะ ต้องมีให้แวะซื้อของกันบ้าง
แล้วการจะไปกับทัวร์ของ Chuo Bus นั้น คือเราจะต้องไปขึ้นรถบัสที่ Bus Terminal ตึก ESTA จุดเริ่มต้นทัวร์นี้จะมีที่เดียว แต่ขากลับสามารถลงตามสถานที่ ที่รถผ่านได้ค่ะ ซึ่งบริเวณเคาน์เตอร์ของ Chuo bus Tour จะอยู่ที่ชั้น2 ของตึก ESTA ค่ะ (ป้ายรถเลข 17)
ซึ่งถ้าเกิดใครไปครั้งแรกแบบเราอาจจะงงก็ได้ (หรือเราอาจจะงงไปคนเดียว) แนะนำว่า จากทางใต้ดินที่เชื่อมต่อกันทั้งหมดนั้น ก็เดินตามป้าย Bus Terminal ไปค่ะ แนะนำว่าเดินไปตามทางตึก JR Tower ก่อน แล้วค่อยออกจากตึกไปตรงส่วนของ Bus Terminal (ตามป้ายไป) ข้ามถนนไปเรื่อยๆจนเดินไปถึงเลข17 จะดีกว่า เพราะจากประสบการณ์ที่ไปกันเช้าเกิน ห้างยังไม่เปิดค่ะ ต้องเดินวนกลับมาใหม่
ส่วนรูปข้างล่างนี้เป็นผังรถที่ Sapporo Bus Terminal ค่ะ
บริเวณหน้าตาเคาน์เตอร์ และบริเวณที่นั่งรอ เปิดทำการ 7.30-18.00
พอยื่นหมูยื่นแมวกันเสร็จแล้วก็จะได้ตั๋วมา ที่มีหน้าตาแบบนี้
จากภาพที่เห็น จำแค่ว่าทัวร์ของเราเป็นตัวย่อ (N) แล้วเช็คชื่อของเราว่าถูกต้องรึเปล่า ก็เป็นอันเสร็จสิ้น เส้นทางนี้ราคาคนละ 6800 เยน สำหรับผู้ใหญ่ (เด็กน่าจะ 4800 เยน) รวมค่ารถ ค่าไกด์ ค่าอาหารมื้อกลางวัน(แบบญี่ปุ่น) ค่ากระเช้าไป-กลับ Mt.Usuzan (Ropeway)
อ้อ ลืมบอกทัวร์ของ Chuo Bus นี้จะไม่มีไกด์มาคอยถือธง บรรยายสถานที่ ตามที่ต่างๆนะคะ เราสามารถทราบข้อมูลของสถานที่จากAudio guide (หูฟัง) ฟังจากบนรถได้เลยค่ะ เลือกภาษาได้ ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ เกาหลี แต่ไม่มีบรรยายเป็นภาษาไทย ส่วนไกด์จะบอกว่าไม่มีไกด์เลยก็ไม่ถูกค่ะ เพราะจริงๆจะมีไกด์คอยบอกว่าเรามีเวลาเที่ยวเท่าไหร่ ต้องขึ้นรถกี่โมง คอยแจกโบชัวร์ แจกส่วนลด ประมาณนี้ค่ะ แค่ไม่มีมาบรรยายตามสถานที่เท่านั้นเองค่ะ
เตรียมรอเลยค่า ล้อหมุน 8.35
จะเห็นได้ว่าเวลาบน Sapporo TV Tower เป็นเวลา8.37 ทัวร์ออกตรงเวลาจริงๆ สองนาทีรถก็มาอยู่ในเส้นทางที่เราจะไปเที่ยวกันแล้ว เรามาเดินทางต่อกันได้เลยค่ะ
[ จุดหมายแรก Lake Shikotsu ]
ระหว่างที่จขกท.นั่งรถชมวิวทิวทัศน์หิมะไปเรื่อย ฟังAudio guideไปด้วย ก็อยากรู้ด้วยว่ารถที่นั่งมาวิ่งไปทางไหนบ้าง ก็เลยเข้ากูเกิ้ลแมป ดูทางไปด้วย ระหว่างทางเจอกวางด้วยค่ะ
สำหรับAudio guide บนรถ ใครที่สนใจก็สามารถฟังได้ตลอด จะมีเสียงบรรยายมาเรื่อยๆ บรรยายพันธุ์สัตว์ต่างๆ ในฮอกไกโด ความเป็นมาของเกาะ ข้อมูลของสถานที่ต่างๆที่เราไป ส่วนจขกท.นั้นก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้างค่ะ แหะๆ
แป๊บๆเราก็มาถึง Lake Shikotsu กันละค่า ที่นี่เป็นทะเลสาบที่ลึกเป็นอันดับที่สองของญี่ปุ่น และทะเลสาบนี้ผิวน้ำจะไม่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว เหมือนที่อื่นๆค่ะ
พอถึงจุดลงรถก็จะมีไกด์ พาเดินไปดูทะเลสาบ พร้อมกับแจกส่วนลดต่างๆสำหรับซื้อของที่นี่ บวกกับบอกเวลาพวกเราว่าต้องมาขึ้นรถกันตอนไหน
วิวระหว่างทางที่เดินมา
เห็นเรือเป็ดที่ถูกปลดประจำการในหน้าหนาวแบบนี้ แล้วอยากกลับมาใช้บริการเจ้าเรือเป็ดในหน้าร้อนอีกครั้งเลยล่ะค่ะ
ก่อนจะลาจากกับ Lake Shikotsu เราสองคนก็ไม่พลาดที่จะถ่ายกับฝาท่อลายต่างๆของประเทศญี่ปุ่นค่ะ เพื่อยืนยันว่าเรามาถึงเมืองนั้นๆแล้ว (แต่ในภาพอ่านว่า Chitose นี่หว่า เอาเป็นมาว่ามาถึง Lake shikotsu ที่ตั้งอยู่เมือง Chitose แล้วละกันค่ะ)
[ จุดหมายต่อไป Mushroom Kingdom Otaki Branch ]
ตรงจุดนี้เป็นเหมือนจุดพักรถ มีร้านอาหารกับร้านของฝาก ถ้าใครอยากซื้อพวกผลไม้กับของแห้ง คิดว่าที่นี่ถูกกว่าที่อื่นนิดหน่อย
จขกท.ซื้อสตรอเบอร์รี่มาในราคา 780เยน พอจะหาซื้อที่ซัปโปโรก็ตก 900เยน ไม่รู้ว่าที่อื่นจะถูกกว่านี้ไหมแต่ก็รู้สึกว่าที่นี่ก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่ ส่วนลุงๆป้าๆชาวญี่ปุ่นที่มาทัวร์ด้วยกัน ก็ซื้อพวกปลาหมึกแห้งกันค่ะ
[ สำหรับจุดหมายต่อไปคือ Lake Toya ]
ก่อนจะไปเดินเล่นกันที่ทะเลสาบ ทัวร์ของเราก็พามาที่โรงแรม Toyako Mensaikaku เพื่อทานข้าวกลางวันกันค่ะ
นี่ค่ะ หน้าตาอาหาร
อาหารกลางวันก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่น บวกกับวิวของโรงแรมแล้วถือเป็นบรรยายอากาศที่ดีกว่าที่คิด (สำหรับรสชาติอาหารเราว่าใช้ได้ค่ะ ไม่แย่แต่ก็ไม่ได้ว้าวมาก)
ภาพนี้ถ่ายตอนเดินมาริมทะเลสาบโทยะ ห้องกระจกกว้างๆตรงนั้นเป็นห้องอาหารที่เราเพิ่งอิ่มกันมาค่ะ หลังจากอิ่มแล้วก็จะมีเวลาให้ได้เดินเล่น ชมวิว แต่ไม่สามารถนั่งเรือเพื่อไปชมเกาะนากาจิม่าได้ เพราะเวลาไม่พอสำหรับการนั่งเรือ ส่วนใครที่ไม่อยากเดินเล่น ก็สามารถไปแช่ออนเซ็นของทางโรงแรมได้ในราคาพิเศษ (ค่าแช่ออนเซ็นไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์)
ส่วนจขกท.นั้น ไม่ได้มาเพื่อแช่ออนเซ็นอยู่แล้ว เรามาเดินเล่นกันต่อดีกว่า
จุดสีขาวตรงภูเขาในภาพคือเรือที่เข้าไปชมเกาะนากาจิม่าค่ะ (Nakajima Island) ในฤดูหนาวเกาะปิด ไม่สามารถขึ้นไปเดินเล่นบนเกาะได้
วันที่ไปนั้นท้องฟ้าแจ่มใจสุดๆเลยล่ะค่ะ พอเดินเล่นถ่ายรูปกันเสร็จแล้ว ก็กลับกันมาที่โรงแรมเดิม เพื่อเดินทางไปจุดหมายต่อไปกันค่ะ
และในที่สุดก็ถึงสถานที่ที่จขกท.ตั้งใจจะมาละค่า นั่นก็คือ Mt.Usuzan Ropeway
[ จุดหมายต่อไป Mt. Usuzan ]
ใช่แล้วค่ะ สถานที่ต่อไปคือภูเขาอุซุซาน สำหรับค่ากระเช้านี้ รวมอยู่ในทัวร์อยู่แล้ว พอลงจากรถไกด์ก็จะพาไปต่อแถวเพื่อขึ้นกระเช้า ตรงจุดนี้ไกด์จะแจกตั๋วขึ้น-ลงกระเช้าให้ค่ะ พร้อมกับบัตรส่วนลดต่างๆของร้านค้าละแวกนี้
หลังจากนั้นก็เที่ยวแบบฟรีสไตล์แค่กลับมาขึ้นรถให้ตรงตามเวลานัด
ภาพจากMt. Usuzan Ropewayค่ะ ที่เห็นหัวโล้นๆนั้นภูเขาไฟ Showa-Shinzan
พอขึ้นมาถึงบนยอดเขาอุซุซานแล้วก็ถ่ายรูปกันรัวๆค่ะ
พอมาถึงบนยอดเขาแล้วก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ ว่าทำไมหน้าหนาวไม่ค่อยมีรถประจำทางมา เพราะบนเขาหิมะท่วมจริงๆค่ะ เส้นทางที่เปิดให้เดินตามสันเขาก็ถูกหิมะท่วมเต็มเลย ผู้คนอาจจะไม่นิยมมาเที่ยวฤดูกาลนี้กันสักเท่าไหร่