ต่อไปเทศกาลสงกรานต์ใน กทม. อาจกลายเป็นกรรมสิทธิ์และทรัพย์สินของนายทุน
ช่วงสงกรานต์ 3-4 วันนี้ ผมเดินทางด้วยแท็กซี่บ่อยมาก อย่างที่ทราบคือผมตระเวนถ่ายภาพบรรยากาศการเล่นสาดน้ำ 1 วัน 1 จุด
ระหว่างนั่งแท็กซี่ ก็มีโอกาสคุยกับคนขับ บางคนแสดงตัวชัดว่า
"ใส่เสื้อสีแดง" ด่าทอรัฐบาลทหารอย่างดุเดือด แต่บางคนก็ดูกลางๆ อาจจะไม่พอใจรัฐบาลบางเรื่อง ( เช่น ห้ามนั่งท้ายรถกระบะ ) แต่ก็ไม่ถึงกับตั้งแง่ด่าทอรัฐบาลมากนักแต่แท็กซี่ทุกคันล้วนพูดตรงกันว่า
"สงกรานต์ปีนี้ ช่วงกลางวัน กทม. เงียบมาก คนหนีไปเล่นสาดน้ำตอนกลางคืนกันหมด"
ฟังไม่ผิดหรอกครับ อย่างวันที่ 13 เม.ย. 2560 นอกจากข้าวสารและสีลม ( ซึ่งปีนี้คุมเข้มให้เล่นได้แค่ 2 ทุ่ม ) แท็กซี่เกือบสิบคันกล่าวตรงกันถึง
"ถนนสายราตรีแถวๆ พระราม 9" มีการจัดกิจกรรมสงกรานต์หลังพระอาทิตย์ตกดิน
ไม่เพียงเท่านั้น แท็กซี่บางคันยังกล่าวด้วยว่า สถานบันเทิงต่างๆ เล็กบ้างใหญ่บ้างทั่วเมืองกรุง พากันจัดปาร์ตี้น้ำและโฟม เสียค่าเข้าหลักร้อยบาท มีพริตตี้สาวงามมาดึงดูดใจ
ขณะที่ช่วงกลางวัน นอกจากข้าวสาร สีลม สยาม ห้างต่างๆ มีการจัดกิจกรรมเล่นสาดน้ำ ห้างไหนปีก่อนๆ ไม่เคยมี ปีนี้กลับมี มีเด็กๆ ไปเล่นอย่างสนุกสนาน ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองก็สามารถเข้าไปเดินห้างได้
สวนทางกับร้านรวงทั้งที่เป็นบ้านเรือนริมถนน และเป็นแผงลอยเฉพาะกิจบนทางเท้า ปีนี้ค่อนข้างเงียบเหงาซบเซา แม้แต่ถนนที่คนชอบไปรวมตัวกันอย่างลาดพร้าวโชคชัย 4 พบว่า แค่ทุ่มเศษๆ คนก็เงียบ ทั้งที่ปีที่แล้ว สองทุ่มก็ยังดูคึกคัก แม้ทั้ง 2 ปี จะไม่ค่อยมีรถกระบะเข้าไปก็ตาม แต่ในสายตาขาจรอย่างผม เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ชาวบ้านที่เอาของมาขายหน้าบ้าน นั่งดูถนนด้วยสีหน้าง่วงๆ เพราะไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา
นี่ไม่นับถนนที่ห้ามเล่นอย่างพุทธมณฑลสายต่างๆ รวมถึงเลียบคลองทวีวัฒนา ( สายหลังนี่ขนาดผู้คนหนีไปรวมตัวเล่นไกลผู้ไกลคนที่เลียบคลองมหาสวัสดิ์ ทหารก็ยังตามไปไล่ไม่ให่เล่น ) ร้านค้าของชาวบ้านแถวนั้นที่เคยเอาข้าวกล่อง น้ำดื่ม น้ำอัดลม อุปกรณ์การเล่นสาดน้ำออกมาขาย ก็ไม่มีให้เห็นอีกเพราะขายไม่ได้
สงกรานต์แบบชาวบ้านๆ นำถังน้ำขึ้นท้ายรถกระบะไปรวมตัวเล่นบนท้องถนนสักเส้นหนึ่ง มิได้มีความหมายแค่ความสนุกสนานของคนเล่นสาดน้ำประแป้งหรือชายหญิงนักเต้นสายย่อตามจังหวะเพลงตื๊ดๆ โจ๊ะๆ ที่เปิดจากเครื่องเสียงเท่านั้น แต่มันยังมีคุณค่าต่อเศรษฐกิจฐานราก เป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับคนเล็กคนน้อยตลอด 3 วันอีกด้วย
หันไปดูต่างจังหวัด ไม่ต้องไกลมาก เอาแค่ปทุมธานี-นครปฐม ถนนบางสายที่ยังมีรายงานว่าเล่นได้ไม่โดนไล่ ภาพของร้านค้าชั่วคราวข้างทางก็ยังปรากฎอยู่คู่กับการเล่นสาดน้ำ
ฉะนั้นแล้ว..หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คน กทม. หากอยากเล่นสาดน้ำช่วงสงกรานต์ อาจจะต้องไปเล่นตามห้างพร้อมกับใช้จ่ายช็อปปิ้งในห้าง ขณะที่หนุ่มๆ อาจจะต้องเข้าไปเล่นในผับในบาร์ เสียค่าธรรมเนียมพร้อมค่าเครื่องดื่ม มิกเซอร์ สาดน้ำไปพลางจีบพริตตี้ไปพลาง
ทั้งหมดนี้..นายทุนรายใหญ่ทั้งห้าง ร้านอาหารดังๆ สถานบันเทิง และเถ้าแก่โรงเหล้าโรงเบียร์ โกยเงินเต็มๆ
เศร้าเนอะ?
( ที่ฝากท้องคนเล่นสาดน้ำ : ภาพนี้ถ่ายเมื่อค่ำวันที่ 14 เม.ย. 2560 ณ ถนนเลียบคลองมหาสวัสดิ์ สถานที่ที่คนไปรวมตัวกันเล่นสาดน้ำ ซึ่งเช้าวันที่ 15 เม.ย. มีรายงานว่าทหารได้เข้าควบคุมพื้นที่ไม่ให่เล่นอีก )
ต่อไปเทศกาลสงกรานต์ใน กทม. อาจกลายเป็นกรรมสิทธิ์และทรัพย์สินของนายทุน
ช่วงสงกรานต์ 3-4 วันนี้ ผมเดินทางด้วยแท็กซี่บ่อยมาก อย่างที่ทราบคือผมตระเวนถ่ายภาพบรรยากาศการเล่นสาดน้ำ 1 วัน 1 จุด
ระหว่างนั่งแท็กซี่ ก็มีโอกาสคุยกับคนขับ บางคนแสดงตัวชัดว่า "ใส่เสื้อสีแดง" ด่าทอรัฐบาลทหารอย่างดุเดือด แต่บางคนก็ดูกลางๆ อาจจะไม่พอใจรัฐบาลบางเรื่อง ( เช่น ห้ามนั่งท้ายรถกระบะ ) แต่ก็ไม่ถึงกับตั้งแง่ด่าทอรัฐบาลมากนักแต่แท็กซี่ทุกคันล้วนพูดตรงกันว่า
"สงกรานต์ปีนี้ ช่วงกลางวัน กทม. เงียบมาก คนหนีไปเล่นสาดน้ำตอนกลางคืนกันหมด"
ฟังไม่ผิดหรอกครับ อย่างวันที่ 13 เม.ย. 2560 นอกจากข้าวสารและสีลม ( ซึ่งปีนี้คุมเข้มให้เล่นได้แค่ 2 ทุ่ม ) แท็กซี่เกือบสิบคันกล่าวตรงกันถึง "ถนนสายราตรีแถวๆ พระราม 9" มีการจัดกิจกรรมสงกรานต์หลังพระอาทิตย์ตกดิน
ไม่เพียงเท่านั้น แท็กซี่บางคันยังกล่าวด้วยว่า สถานบันเทิงต่างๆ เล็กบ้างใหญ่บ้างทั่วเมืองกรุง พากันจัดปาร์ตี้น้ำและโฟม เสียค่าเข้าหลักร้อยบาท มีพริตตี้สาวงามมาดึงดูดใจ
ขณะที่ช่วงกลางวัน นอกจากข้าวสาร สีลม สยาม ห้างต่างๆ มีการจัดกิจกรรมเล่นสาดน้ำ ห้างไหนปีก่อนๆ ไม่เคยมี ปีนี้กลับมี มีเด็กๆ ไปเล่นอย่างสนุกสนาน ขณะที่พ่อแม่ผู้ปกครองก็สามารถเข้าไปเดินห้างได้
สวนทางกับร้านรวงทั้งที่เป็นบ้านเรือนริมถนน และเป็นแผงลอยเฉพาะกิจบนทางเท้า ปีนี้ค่อนข้างเงียบเหงาซบเซา แม้แต่ถนนที่คนชอบไปรวมตัวกันอย่างลาดพร้าวโชคชัย 4 พบว่า แค่ทุ่มเศษๆ คนก็เงียบ ทั้งที่ปีที่แล้ว สองทุ่มก็ยังดูคึกคัก แม้ทั้ง 2 ปี จะไม่ค่อยมีรถกระบะเข้าไปก็ตาม แต่ในสายตาขาจรอย่างผม เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ชาวบ้านที่เอาของมาขายหน้าบ้าน นั่งดูถนนด้วยสีหน้าง่วงๆ เพราะไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา
นี่ไม่นับถนนที่ห้ามเล่นอย่างพุทธมณฑลสายต่างๆ รวมถึงเลียบคลองทวีวัฒนา ( สายหลังนี่ขนาดผู้คนหนีไปรวมตัวเล่นไกลผู้ไกลคนที่เลียบคลองมหาสวัสดิ์ ทหารก็ยังตามไปไล่ไม่ให่เล่น ) ร้านค้าของชาวบ้านแถวนั้นที่เคยเอาข้าวกล่อง น้ำดื่ม น้ำอัดลม อุปกรณ์การเล่นสาดน้ำออกมาขาย ก็ไม่มีให้เห็นอีกเพราะขายไม่ได้
สงกรานต์แบบชาวบ้านๆ นำถังน้ำขึ้นท้ายรถกระบะไปรวมตัวเล่นบนท้องถนนสักเส้นหนึ่ง มิได้มีความหมายแค่ความสนุกสนานของคนเล่นสาดน้ำประแป้งหรือชายหญิงนักเต้นสายย่อตามจังหวะเพลงตื๊ดๆ โจ๊ะๆ ที่เปิดจากเครื่องเสียงเท่านั้น แต่มันยังมีคุณค่าต่อเศรษฐกิจฐานราก เป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับคนเล็กคนน้อยตลอด 3 วันอีกด้วย
หันไปดูต่างจังหวัด ไม่ต้องไกลมาก เอาแค่ปทุมธานี-นครปฐม ถนนบางสายที่ยังมีรายงานว่าเล่นได้ไม่โดนไล่ ภาพของร้านค้าชั่วคราวข้างทางก็ยังปรากฎอยู่คู่กับการเล่นสาดน้ำ
ฉะนั้นแล้ว..หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป คน กทม. หากอยากเล่นสาดน้ำช่วงสงกรานต์ อาจจะต้องไปเล่นตามห้างพร้อมกับใช้จ่ายช็อปปิ้งในห้าง ขณะที่หนุ่มๆ อาจจะต้องเข้าไปเล่นในผับในบาร์ เสียค่าธรรมเนียมพร้อมค่าเครื่องดื่ม มิกเซอร์ สาดน้ำไปพลางจีบพริตตี้ไปพลาง
ทั้งหมดนี้..นายทุนรายใหญ่ทั้งห้าง ร้านอาหารดังๆ สถานบันเทิง และเถ้าแก่โรงเหล้าโรงเบียร์ โกยเงินเต็มๆ
เศร้าเนอะ?
( ที่ฝากท้องคนเล่นสาดน้ำ : ภาพนี้ถ่ายเมื่อค่ำวันที่ 14 เม.ย. 2560 ณ ถนนเลียบคลองมหาสวัสดิ์ สถานที่ที่คนไปรวมตัวกันเล่นสาดน้ำ ซึ่งเช้าวันที่ 15 เม.ย. มีรายงานว่าทหารได้เข้าควบคุมพื้นที่ไม่ให่เล่นอีก )