กระทู้พลีชีพ 55
จขกท ไม่ได้เป็นคนที่โปรมาร์กซิสอะไรขนาดนั้น รู้อยู่ว่าความเท่าเทียมมันมีลิมิตของมัน แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดอคติ เมื่อเกิดประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเพศลงได้
จขกท พอจะมีความรู้เรื่องแฟมินิสอยู่บ้าง มีกี่สายไม่รู้แหละ แต่ขอแบ่งเป็น wave ก็แล้วกัน
first wave ช่วงนั้นผู้หญิง (ในตะวันตก) ยังไม่มีสิทธิจริง การเคลื่อนไหว จึงออกมาในรูปแบบของกวี คำกลอน ที่เน้นด่าผู้ชาย
second wave เป็นการผูกขาดกฎหมายครอบครัว, ความรุนแรงทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว และนำผู้หญิงเข้าตลาดงาน
third wave จะออกแนวเป็น cultural marxism เด็กรุ่นนี้ ค่อนข้างที่จะสับสนบทบาททางเพศของตนเองมากๆ โดยเฉพาะเด็กชายที่ไม่รู้ว่าโตขึ้นมา จะต้องพบเจอกับอะไร
ไม่ว่าจะมีอีกกี่ wave ไม่ว่าจะเพิ่ม หรือลดความเป็นปัจเจกของผู้หญิง แต่สุดท้ายยังไงก็ยังคงมองผู้ชายเป็นกลุ่มก้อน (monolith) อยู่ดี
ไม่ว่า patriarchy จะมีตัวตนจริงๆ หรือไม่ก็ตาม (ถ้าบอกว่าไม่ แสดงว่าเข้าใจธรรมชาติ) จริงอยู่ที่ส่วนมากผู้ชายจะเป็นผู้นำด้านบน แต่นั้นก็เป็นส่วนน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับผู้ชายที่อยู่ด้านล่าง
ความเป็นชาย (masculinity) ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะอำนาจของเขา จะถูกตรึงจากทั้งสองฝั่ง แฟมินิส (ซ้าย) และรัฐ (ขวา) ในยามสงบ หรือยามสงครามก็ ... หมด
สิ่งที่ไม่อยากเห็น คือ
1. oppression olympics เช่น การใช้ประโยคปิดปาก เช่น ท้อง เมนส์
2. Damage control เช่น การใช้สุนทรพจน์ของ Emma Watson ซึ่งเป็นการทำ virtue signaling (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด, ไม่มีใครเชื่อคำนิยามของแฟมินิส ในพจนาจุกรมอีกแล้ว)
3. myths ต่างๆ เช่น gender pay gap อย่างน้อยในไทยก็ไม่มี
สำหรับคนที่เชื่อเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ ควรที่จะแทนตัวเองว่าเป็น gender egalitarian ดีกว่าหรือไม่
จขกท ไม่ได้เป็นคนที่โปรมาร์กซิสอะไรขนาดนั้น รู้อยู่ว่าความเท่าเทียมมันมีลิมิตของมัน แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดอคติ เมื่อเกิดประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเพศลงได้
จขกท พอจะมีความรู้เรื่องแฟมินิสอยู่บ้าง มีกี่สายไม่รู้แหละ แต่ขอแบ่งเป็น wave ก็แล้วกัน
first wave ช่วงนั้นผู้หญิง (ในตะวันตก) ยังไม่มีสิทธิจริง การเคลื่อนไหว จึงออกมาในรูปแบบของกวี คำกลอน ที่เน้นด่าผู้ชาย
second wave เป็นการผูกขาดกฎหมายครอบครัว, ความรุนแรงทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว และนำผู้หญิงเข้าตลาดงาน
third wave จะออกแนวเป็น cultural marxism เด็กรุ่นนี้ ค่อนข้างที่จะสับสนบทบาททางเพศของตนเองมากๆ โดยเฉพาะเด็กชายที่ไม่รู้ว่าโตขึ้นมา จะต้องพบเจอกับอะไร
ไม่ว่าจะมีอีกกี่ wave ไม่ว่าจะเพิ่ม หรือลดความเป็นปัจเจกของผู้หญิง แต่สุดท้ายยังไงก็ยังคงมองผู้ชายเป็นกลุ่มก้อน (monolith) อยู่ดี
ไม่ว่า patriarchy จะมีตัวตนจริงๆ หรือไม่ก็ตาม (ถ้าบอกว่าไม่ แสดงว่าเข้าใจธรรมชาติ) จริงอยู่ที่ส่วนมากผู้ชายจะเป็นผู้นำด้านบน แต่นั้นก็เป็นส่วนน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับผู้ชายที่อยู่ด้านล่าง
ความเป็นชาย (masculinity) ค่อนข้างละเอียดอ่อน เพราะอำนาจของเขา จะถูกตรึงจากทั้งสองฝั่ง แฟมินิส (ซ้าย) และรัฐ (ขวา) ในยามสงบ หรือยามสงครามก็ ... หมด
สิ่งที่ไม่อยากเห็น คือ
1. oppression olympics เช่น การใช้ประโยคปิดปาก เช่น ท้อง เมนส์
2. Damage control เช่น การใช้สุนทรพจน์ของ Emma Watson ซึ่งเป็นการทำ virtue signaling (การกระทำสำคัญกว่าคำพูด, ไม่มีใครเชื่อคำนิยามของแฟมินิส ในพจนาจุกรมอีกแล้ว)
3. myths ต่างๆ เช่น gender pay gap อย่างน้อยในไทยก็ไม่มี