ชีวิตคนเรานี่ก็แปลกนะ
ตอนเด็กๆผู้ใหญ่จะชอบถามว่าโตมาอยากเป็นอะไร แต่ไม่ถึง 10% ให้ลูกเดินตามความฝัน ยิ่งโต ยิ่งกลับไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว ตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ด้วยคำสอนจากพ่อแม่ที่ดับฝันลูกโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะให้กำลังใจ และพยายามให้ลูกถึงฝัน ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่กลับพูดว่า ให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้หรอก ทั้งที่ตอนเราเด็กๆ เขากลับเป็นคนที่ชอบถามเราว่าโตมาอยากเป็นอะไร และดูจะมีความสุขกับทุกคำตอบที่เราบอกไป
ตอนเด็กๆมีอะไรก็สามารถพูดคุยกับพ่อแม่ได้หมด แต่ยิ่งโต ยิ่งกลับมีน้อยมากที่จะเล่าให้พ่อแม่ฟัง เพราะทั้งสิ่งที่เล่าไปจะไปทำให้ไม่ถูกใจท่าน เล่าไปแล้วจะได้ความไม่เข้าใจกัน และเล่าไปแล้วจะทำให้ไม่สบายใจ ทำให้ท่านทุกข์ใจไปด้วย ด้วยเหตุผลนี้ เราเลยเลือกที่จะไม่เล่า แล้วเวลามีปัญหาคนที่เราจะไปเล่าให้ฟังคือเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะเข้าใจ และตั้งใจฟังปัญหาเราอย่างจริงจัง ยิ่งโต เพื่อนยิ่งเยอะขึ้น แต่แปลก เวลาเรามีปัญหา เรากลับไม่รู้ว่า เราควรปรึกษาใครดี เราสามารถปรึกษา และระบายให้ใครฟังได้บ้าง
ยิ่งโต ยิ่งความสุขค่อยๆหายไป จนไม่รู้เลยว่า ความสุขจริงๆแล้วคืออะไร? คือการได้ไปเที่ยวทุกที่ๆอยากไป คือการมีเงินช๊อปปิ้งแค่ไหนก็ได้ คือการเรียนได้เกรดดีๆ คือการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว หรือ คือการที่ได้ทำตามความฝันตัวเอง
อะไรที่เคยเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆในตอนเด็ก มันหายไปไหนหมดนะ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คิดถึงความฝันแล้วมีแต่ความทุกข์ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การไปเดินเล่นห้างก็ไม่สามารถทำให้มีความสุขได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หนุดมีความสุขกับการร้องเพลง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ใช้ชีวิตไปเหมือนใช้ไปวันๆ
ทำไมยิ่งโตยิ่งมีอะไรให้ต้องคิดมากมาย เรียนมอปลายจบแล้วอยากต่อมหาลัยไหน คณะอะไร เรียนจบมหาลัยแล้วอยากทำงานอะไร
คำถามที่ไม่รู้ว่าถาม เพราะต้องการแนะนำ หรือถาม เพราะต้องการบังคับให้ไปตามทางที่ตัวเองคิดว่าถูกว่าดี
บางคนบอกว่า การทำงานที่ตัวเองชอบ มันดีที่สุดแล้ว แต่บางคนกลับบอกว่า ทำงานอะไรก็ได้แต่ต้องได้เงินเยอะ ครอบครัวจะได้สบาย ตัวเองก็จะมีเงินเก็บ
แล้วอะไรคือความสุขที่แท้จริงหล่ะ?
การนั่งทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบ แต่ได้เงินเยอะ หรือ
การทำงานที่ชอบ มีความสุขทุกวันที้ได้ทำงาน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงินเยอะก็ตาม
แทบทุกคนคงเลือกอย่างที่สอง แต่ในความเป็นจริง เราเลือกแบบนั้นได้จริงๆหรอ? ด้วยสังคมที่แข่งขันกันตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งญาติกันเอง คำถามที่จะเจอคือเงินเดือนเท่าไหร่ แทนที่จะเป็นคำว่า ทำงานมความสุขไหม?
นี่หรอชีวิต . .
อะไรคือความสุขที่แท้จริงของชีวิต
ตอนเด็กๆผู้ใหญ่จะชอบถามว่าโตมาอยากเป็นอะไร แต่ไม่ถึง 10% ให้ลูกเดินตามความฝัน ยิ่งโต ยิ่งกลับไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว ตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ด้วยคำสอนจากพ่อแม่ที่ดับฝันลูกโดยไม่รู้ตัว แทนที่จะให้กำลังใจ และพยายามให้ลูกถึงฝัน ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่กลับพูดว่า ให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้หรอก ทั้งที่ตอนเราเด็กๆ เขากลับเป็นคนที่ชอบถามเราว่าโตมาอยากเป็นอะไร และดูจะมีความสุขกับทุกคำตอบที่เราบอกไป
ตอนเด็กๆมีอะไรก็สามารถพูดคุยกับพ่อแม่ได้หมด แต่ยิ่งโต ยิ่งกลับมีน้อยมากที่จะเล่าให้พ่อแม่ฟัง เพราะทั้งสิ่งที่เล่าไปจะไปทำให้ไม่ถูกใจท่าน เล่าไปแล้วจะได้ความไม่เข้าใจกัน และเล่าไปแล้วจะทำให้ไม่สบายใจ ทำให้ท่านทุกข์ใจไปด้วย ด้วยเหตุผลนี้ เราเลยเลือกที่จะไม่เล่า แล้วเวลามีปัญหาคนที่เราจะไปเล่าให้ฟังคือเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะเข้าใจ และตั้งใจฟังปัญหาเราอย่างจริงจัง ยิ่งโต เพื่อนยิ่งเยอะขึ้น แต่แปลก เวลาเรามีปัญหา เรากลับไม่รู้ว่า เราควรปรึกษาใครดี เราสามารถปรึกษา และระบายให้ใครฟังได้บ้าง
ยิ่งโต ยิ่งความสุขค่อยๆหายไป จนไม่รู้เลยว่า ความสุขจริงๆแล้วคืออะไร? คือการได้ไปเที่ยวทุกที่ๆอยากไป คือการมีเงินช๊อปปิ้งแค่ไหนก็ได้ คือการเรียนได้เกรดดีๆ คือการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว หรือ คือการที่ได้ทำตามความฝันตัวเอง
อะไรที่เคยเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆในตอนเด็ก มันหายไปไหนหมดนะ
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คิดถึงความฝันแล้วมีแต่ความทุกข์ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่การไปเดินเล่นห้างก็ไม่สามารถทำให้มีความสุขได้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่หนุดมีความสุขกับการร้องเพลง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ใช้ชีวิตไปเหมือนใช้ไปวันๆ
ทำไมยิ่งโตยิ่งมีอะไรให้ต้องคิดมากมาย เรียนมอปลายจบแล้วอยากต่อมหาลัยไหน คณะอะไร เรียนจบมหาลัยแล้วอยากทำงานอะไร
คำถามที่ไม่รู้ว่าถาม เพราะต้องการแนะนำ หรือถาม เพราะต้องการบังคับให้ไปตามทางที่ตัวเองคิดว่าถูกว่าดี
บางคนบอกว่า การทำงานที่ตัวเองชอบ มันดีที่สุดแล้ว แต่บางคนกลับบอกว่า ทำงานอะไรก็ได้แต่ต้องได้เงินเยอะ ครอบครัวจะได้สบาย ตัวเองก็จะมีเงินเก็บ
แล้วอะไรคือความสุขที่แท้จริงหล่ะ?
การนั่งทำงานที่ตัวเองไม่ได้ชอบ แต่ได้เงินเยอะ หรือ
การทำงานที่ชอบ มีความสุขทุกวันที้ได้ทำงาน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงินเยอะก็ตาม
แทบทุกคนคงเลือกอย่างที่สอง แต่ในความเป็นจริง เราเลือกแบบนั้นได้จริงๆหรอ? ด้วยสังคมที่แข่งขันกันตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งญาติกันเอง คำถามที่จะเจอคือเงินเดือนเท่าไหร่ แทนที่จะเป็นคำว่า ทำงานมความสุขไหม?
นี่หรอชีวิต . .