เราเป็นคนนึงที่ซิ่วมาเรียนใหม่ แต่สาเหตุที่ซิ่วออกมาเพราะเราเรียนคณะเดิมไม่ไหว สู้ไม่ไหว(ระหว่างเรียนไม่กินเหล้า ไม่ดูดบุหรี่) พ่อแม่ภูมิใจที่เราเรียนคณะนี้ที่ขึ้นชื่อว่าถ้าพูดถึง...ต้องนึกถึงคณะนี้ของมหาลัยนี้(ไม่ใช่มหาลัยในกรุงเทพ)ซึ้งแต่ล่ะปีมี นศ จบน้อยมาก(เป็นคณะที่มีวิชา Anatomy มาเกี่ยวข้อง) เลยทนเรียนไม่อยากให้พ่อแม่ผิดหวัง ระหว่างเรียนได้ A มาแค่ตัวเดียว สุดท้ายเราไปไม่ไหว(ตอนนั้นเกรดก็ไม่ได้แย่นะ 2.60+) ถึงขั้นโทรหาที่บ้านเเล้วพูดว่า..ไม่ไหวเเล้วอยากกลับบ้าน(ตอนนั้นเรียนอยู่ต่างจังหวัด) ตอนตัดสินใจซิ่วออกมาพ่อไม่คุยกับเราเลยหลายเดือนเขาพูดแค่ ผิดหวังในตัวมากแค่นี้ทำไม่ได้อยากได้อะไรกูหาให้หมด แม่เล่าให้ฟังว่าพ่อไปถามใครต่อใครว่าคณะที่ผมเรียนมันยากอะไร มันเกเรอ่าดิ่ รวมถึงเพื่อนพ่อคนนึงเป็นอาจารย์เขาพูดว่า..ลูกคงเกเรไม่น้อย ทำไมเรียนไม่จบ บลาๆๆๆ นี่คือคำพูดของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่พิมพ์ของชาติ (ซึ้งเราไม่เคยมีปัญหามาให้พ่อแม่ปวดหัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว พ่อเขาก็รู้ว่าเราไม่ใช่เด็กเกเร ไม่เคยสร้างปัญหา) แต่แม่ให้โอกาสเรียนใหม่อีกครั้ง
...ตัดสินใจเริ่มต้นใหม่เรียนที่ตัวเองชอบคือการบิน ความตั้งใจอยากเป็น พนง.ต้อนรับบนเครื่องบิน(สจ๊วต) แม่ขอเหตุผลว่าทำไมอยากเรียนการบิน เราตอบแม่ว่าเคยอ่านหนังสือเจอบทความนึงนานมาเเล้วของคนที่ฝันอยากจะบินเขากล่าวว่าวันนึงเขาเคยเป็นเด็กชายจนๆในบ้านไร่เงยหน้ามองบนท้องฟ้าเห็นเครื่องบิน เขาฝันถึงสถานที่อันห่างไกล วันนี้เขาคือคนบนท้องฟ้ามองลงมายังบ้านไร่เขาคิดถึงบ้านของตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เราอยากเป็นนักเดินทาง บวกกันตัวเราเองชอบเดินทาง ชอบภาษา พอมาเรียนการบินเลือกภาษาที่สามเป็นภาษาเยอรมัน เพื่อจะใช้ในการสมัครเป็นลูกเรือของสายการบิน Lufthansa ซึ้งตอนเรียนมีความรู้สึกว่ามีความสุขมาก ไม่ต้องพยายามมากเท่าที่เก่า GPA 3.70+ ซึ้งแม่ก็เข้าใจว่าเราชอบทางนี้ถึงทำมันออกมาได้ดี เคยคิดนะว่าถ้าจบคณะนั้นมาเราเองก็ไม่มีความสุขในสายงานเพราะเราไม่ชอบมันมาแต่แรก ถ้าทำงานที่เราชอบแล้วเราจะเสียเวลาอยู่ตรงนั้นเพื่ออะไร ? ในเมื่องานกับวิชาการที่เรียนมามันสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เราไม่เคยอายเลยที่เวลาใครถามแลวตอบว่าเป็นเด็กซิ่วออกมา เราคิดว่าเราโชคดีที่ออกมาเดินทางที่เราอยากเดิน ทำในสิ่งที่เราอยากทำ มีครอบครัวที่เข้าใจตอนเราเดินหลงทาง ทำในสิ่งที่มีโอกาสดูแลพ่อแม่ให้สบายได้ ออกมาพิสูจน์ความฝันของตัวเองว่า..ฝันจะไม่เป็นความฝันอีกต่อไปเหมือนมันเกิดขึ้นจริง นี่แหล่ะความคิดของคนที่ใครๆก็มองว่าเราเป็นเด็กเกเร
ทำไมคนที่รู้ว่าเราเป็น "เด็กซิ่ว" ต้องคิดว่าเราเป็นเด็กเกเร ?
...ตัดสินใจเริ่มต้นใหม่เรียนที่ตัวเองชอบคือการบิน ความตั้งใจอยากเป็น พนง.ต้อนรับบนเครื่องบิน(สจ๊วต) แม่ขอเหตุผลว่าทำไมอยากเรียนการบิน เราตอบแม่ว่าเคยอ่านหนังสือเจอบทความนึงนานมาเเล้วของคนที่ฝันอยากจะบินเขากล่าวว่าวันนึงเขาเคยเป็นเด็กชายจนๆในบ้านไร่เงยหน้ามองบนท้องฟ้าเห็นเครื่องบิน เขาฝันถึงสถานที่อันห่างไกล วันนี้เขาคือคนบนท้องฟ้ามองลงมายังบ้านไร่เขาคิดถึงบ้านของตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นทำให้เราอยากเป็นนักเดินทาง บวกกันตัวเราเองชอบเดินทาง ชอบภาษา พอมาเรียนการบินเลือกภาษาที่สามเป็นภาษาเยอรมัน เพื่อจะใช้ในการสมัครเป็นลูกเรือของสายการบิน Lufthansa ซึ้งตอนเรียนมีความรู้สึกว่ามีความสุขมาก ไม่ต้องพยายามมากเท่าที่เก่า GPA 3.70+ ซึ้งแม่ก็เข้าใจว่าเราชอบทางนี้ถึงทำมันออกมาได้ดี เคยคิดนะว่าถ้าจบคณะนั้นมาเราเองก็ไม่มีความสุขในสายงานเพราะเราไม่ชอบมันมาแต่แรก ถ้าทำงานที่เราชอบแล้วเราจะเสียเวลาอยู่ตรงนั้นเพื่ออะไร ? ในเมื่องานกับวิชาการที่เรียนมามันสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เราไม่เคยอายเลยที่เวลาใครถามแลวตอบว่าเป็นเด็กซิ่วออกมา เราคิดว่าเราโชคดีที่ออกมาเดินทางที่เราอยากเดิน ทำในสิ่งที่เราอยากทำ มีครอบครัวที่เข้าใจตอนเราเดินหลงทาง ทำในสิ่งที่มีโอกาสดูแลพ่อแม่ให้สบายได้ ออกมาพิสูจน์ความฝันของตัวเองว่า..ฝันจะไม่เป็นความฝันอีกต่อไปเหมือนมันเกิดขึ้นจริง นี่แหล่ะความคิดของคนที่ใครๆก็มองว่าเราเป็นเด็กเกเร