ความสุขเงื่อนไขมากจะมีคุณภาพน้อย.../คนอุบล

กระทู้คำถาม
วันนี้วันมหาสงกรานต์ ที่อุบลบ้านผมมีประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อนผมเกิดคิอไปสรงน้ำพระแก้วบุษราคัม พระคู่บ้านคู่เมือง...
หากผมอยู่อุบลไม่ได้ไปไหนผมก็จะพาครอบครัวไปสรงน้ำพระแก้ว...ทุกปี...
สรงน้ำเสร็จเราก็จะอุดหนุนร้านค้าที่มาออกร้านขายอาหารเอาเงินเข้าวัด...
มานั่งล้อมวงทานกับครอบครัวดูคนมาทำบุญกันเป็นความสุขแบบโบราณที่หาที่ไหนไม่ได้...
ทำให้ผมนึกถึงคำสอนท่านอาจารย์เมื่อหลายปีก่อน
"โยมคนอุบล...จำไว้นะ ความสุขที่มีเงื่อนไขน้อยจะมีคุณภาพมาก...ยิ่งไม่มีเงื่อนไขเลยยิ่งเป็นบรมสุข"...
ท่านอาจารย์ขยายความให้ฟังว่า.." เวลาเราช่วยใคร..แล้วเราคาดหวังค่าตอบแทนจากคนๆนั้นเช่นคำขอบคุณถ้าเราไม่ได้ตามที่เราคาดไว้เราก็จะไม่มีความสุข..."
หากโยมช่วยเหลือคนอื่นแล้วไม่หวังสิ่งตอบแทน..แม้เวลาผ่านไปนานแต่ไหนเวลานึกถึงก็จะมีจิตผ่องใสอิ่มเอิบ..."
ตั้งแต่นั้นมาผมก็พยายามช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนแม้แต่คำขอบคุณเพราะสิ่งที่เราได้คือความดีที่เราภูมิใจและบรมสุขที่ติดตัวเราไป...
ยิ่งให้โดยไม่ต้องให้เค้ารู้จักเรายิ่งไม่ต้องผูกมัดกิเลศของเรา..ให้จนไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าเค้าไม่เห็นความดีของเรา...
วันนี้ไปวัดไม่รู้มีแมลงอะไรมากัดทำให้เจ็บนิดๆปัดตกลงมาเกือบยกเท้าเหยียบ..
แต่สุดท้ายก็ได้แต่แผ่เมตตาจิตกับความโง่ของแมลงตัวนั้น และขอให้อย่ามีกรรมเวรต่อกัน...
ครับ...ทำเถอะครับ ช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทนแล้วคุณจะเข้าถึงความสุขที่บรมสุขหรือความสุขที่ไม่มีใครช่วงชิงไปได้....

คนอุบล


ซุ้มทำบุญดอกไม้ธูปเทียน...
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ไหนๆ ห้องราชก็พูดเรื่องการเมืองไม่ได้อยู่แล้ว อ่าน คห. คุณโญ แล้วนึกถึงเรื่องนี้เลยครับ

อานิสงส์กฐิน - นายติณบาล


ในสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีชายผู้หนึ่งยากจนมาก จนถึงขนาดไม่มีชื่อ เขาได้มาอาศัยอยู่กับเศรษฐีท่านหนึ่ง มีหน้าที่เกี่ยวหญ้า ท่านเศรษฐีจึงตั้งชื่อให้เขาว่า “นายติณบาล” (ผู้ดูแลรักษาหญ้า)

        วันหนึ่ง ท่านเศรษฐีต้องการทำบุญทอดกฐิน จึงแจ้งข่าวให้เหล่าบริวารทราบเพื่อให้ได้มาร่วมบุญกับท่าน ข่าวบุญกฐินนั้นได้มาถึงนายติณบาล เขาเกิดจิตศรัทธาอยากร่วมบุญกฐินกับท่านเศรษฐีด้วย แต่เขาไม่มีทรัพย์ใดติดตัวเลย นายติณบาลจึงรีบกลับบ้านเพื่อดูว่ามีทรัพย์สิ่งของใดที่พอจะทำทานได้บ้าง แต่ก็พบกับความว่างเปล่า เขาจึงตัดสินใจนำเสื้อผ้าของตนซึ่งมีอยู่เพียงชุดเดียวไปขาย เพื่อจะได้ร่วมบุญกฐิน และนำใบไม้มาเย็บเป็นผ้านุ่งกันอุจาด เมื่อเดินไปถึงตลาด ประชาชนเห็นการแต่งกายของนายติณบาลเช่นนั้น ต่างพากันหัวเราะเยาะอย่างขบขัน แต่นายติณบาลกลับพูดว่า “พวกท่านอย่าหัวเราะเราเลย เราจะนุ่งใบไม้เป็นชาติสุดท้าย ชาติหน้าเราจะนุ่งผ้าทิพย์”

        นายติณบาลได้นำเสื้อผ้าของตนไปขายแก่พ่อค้าคนหนึ่ง พ่อค้าผู้นั้นแม้จะขบขันแต่ก็รับซื้อไว้ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าจะนำมาทำอะไร โดยให้ราคาห้ามาสก เมื่อขายเสื้อผ้าของตนแล้ว นายติณบาลจึงมาปรึกษากับท่านเศรษฐีว่า จะนำเงินนี้ไปทำอย่างไรดี ท่านเศรษฐีจึงได้แนะนำให้ไปซื้อด้ายและเข็ม นายติณบาลจึงนำเงินนั้นไปที่ตลาดเพื่อซื้อด้ายและเข็มท่ามกลางเสียงหัวเราะอีกครั้ง หลังจากที่นายติณบาลซื้อเข็มกับด้ายแล้ว จึงนำมาร่วมบุญกฐินกับท่านเศรษฐี เมื่อท่านเศรษฐีเห็นดังนั้นก็เกิดความปีติ และได้อนุโมทนากับนายติณบาล แล้วนำเข็มกับด้ายนั้นมาเป็นบริวารกฐิน

        การกระทำของนายติณบาลทำให้ท้าวสักกเทวราช ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เกิดร้อนรุ่ม จึงส่องทิพยเนตรตรวจดู ได้เห็นการกระทำที่ทำได้โดยยากนั้น จึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ท้าวสักกเทวราชได้มาปรากฏกายที่บ้านของนายติณบาล ครั้นนายติณบาลได้พบท้าวสักกเทวราชซึ่งประทับยืนสว่างไสวอยู่กลางอากาศ ก็ตกใจเป็นอย่างมาก ท้าวสักกเทวราชจึงแนะนำพระองค์เองว่า “เราเป็นท้าวสักกะ เรามีจิตเลื่อมใสในการกระทำของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง เธอปรารถนาสิ่งใดก็จงขอเรามาเถิด เราจะให้พรเธอสี่ประการ”

        นายติณบาลได้ฟังดังนั้น จึงขอพระสี่ประการ ดังนี้...

1.ขออย่าให้กระผมได้ข่มเหงสตรี ทั้งด้วยกาย วาจา และใจ
2.ขออย่าให้กระผมมีความตระหนี่ในการทำทาน
3.ขออย่าให้กระผมมีคนพาลเป็นมิตร
4.ขอให้กระผมได้มีภรรยาที่ดี มีศีลมีธรรม

ท้าวสักกเทวราชจึงถามว่า “เธอเป็นคนยากจน ทำไมจึงไม่ขอให้มีทรัพย์มากๆเล่า”
นายติณบาลกล่าวตอบว่า “การได้เป็นคนดีและมีคนรอบข้างเป็นคนดี นับว่าเป็นทรัพย์อันประเสริฐแล้ว”

        ท้าวสักกเทวราชเมื่อทราบเหตุผลดังนี้ จึงอนุโมทนา และให้พรทั้งสี่ประการตามที่นายติณบาลขอ ข่าวการทำทานของนายติณบาลร่ำลือไปไกลจนพระราชาทรงรับทราบ จึงทรงเรียกตัวนายติณบาลมาตรัสถาม เมื่อทรงทราบเรื่องราวทั้งหมดจึงทรงขอแบ่งส่วนบุญ นายติณบาลก็แบ่งส่วนบุญให้ พระราชจึงพระราชทานทรัพย์ให้แก่เขา

        ตั้งแต่นั้นมา นายติณบาลจึงกลายเป็นเศรษฐี ด้วยผลบุญในปัจจุบันนั้นเอง เมื่อใกล้จะละโลก เขาได้ระลึกถึงการกระทำอันยิ่งใหญ่ซึ่งทำได้โดยยาก โดยเฉพาะบุญที่ได้ร่วมทอดกฐินถวายแด่พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า คตินิมิตก็ใสสว่างด้วยอำนาจบุญที่ได้กระทำมาดีแล้ว ครั้นละโลกแล้ว บริวารได้มาเข้าแถวรอรับกันอย่างมากมาย เพื่ออัญเชิญให้เทพบุตรใหม่ขึ้นเทวรถ เพื่อกลับสู่วิมาน ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทพบุตรใหม่เสวยทิพยสมบัติอันตระการตา

        มาถึงภพชาติสุดท้าย เขาได้มาบังเกิดในยุคสมัยของพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เกิดเป็นชายและได้ออกบวชในพระพุทธศาสนา ได้บรรลุอรหัตผลในที่สุด ด้วยอำนาจแห่งบุญที่ทำมาดีแล้ว

เครดิต DMC. ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่