ถ้าเกิดเหตุการแบบนี้กับพ่อคุณ จะทำยังไงค่ะ ???

คุณพ่อตกหลังคาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ค่ะเวลาประมาณ 8.00 น. และได้นำตัวส่ง รพ.เอกชนเเห่งนึ่ง ตอนนำส่งตัวคุณพ่อเบาหวานขึ้น 5 ร้อยกว่าและความดันขึ้น 3 ร้อยกว่าแต่ไม่มีอาการช๊อตและมีสติรู้ตัวตลอด เพราะเป็นโรคประจำตัว วันแรกนอน icu 1 คืน ผลการ x-ray กระดูกคอร้าวระหว่างข้อที่ 5-6 มีแผลตามตัวนิดหน่อย และมีอาการปวดต้นคอและสะบะขาวถึงแขน หมอประจำคนไข้บอกว่าอาการคุณพ่ออาการตอนนี้ไม่น่าจะต้องผ่าตัดเพราะคนไข้มือเท้ายังมีแรงอยู่ ถ้าไม่มีแรงก็ต้องเข้าตรวจ mri และผ่าตัด แต่ตอนนี้ดูอาการไม่ต้องผ่าตัด ทางญาติก็บอกให้ทำ mri เลยจะได้รู้ว่าเปนไง แต่หมอก็ยืนยันว่ายังไม่ต้องทำเพราะค่าใช้จ่ายสูงแต่ทางเราก็ยินยอมจ่ายสุดท้ายก็ไม่ได้ทำเพราะเชื่อหมอและนอนห้อง icu 1 คืน เพื่อดูอาการและให้อดน้ำอดข้าว สวนฉี่พร้อมผ่าตัด
พอวันที่ 29 หมอมาตรวจก็บอกว่าให้ ออกมาพักฟื้นที่ห้องได้เพราะคุณพ่อแขนขามีแรงขยับได้ไม่น่าจะต้องผ่าตัดและได้ออกมาประมาณบ่ายๆ ของวันนี้เลย อาการก็เหมือนเดิมกับวันแรกแต่ก็จะมีระบบตัวบ้าง ให้น้ำเกลือ มีหมออีกคนคอยควบคุมน้ำตาลในเลือด และความดัน จนลดลงเกือบจะปกติ หมอประจำคนไข้ก็มาตรวจถามแค่ว่า และกินอาหารได้ปกติ จนถึงวันที่ 31 มี.ค. อาการเหมือนเดิมแต่ได้ถอดสายน้ำเกลือออกแล้ว และได้ถามหมอตลอดว่าเมื่อไรพ่อจะกลับบ้านได้ เมื่อไรจะลุกนั่งได้ เราพยายามจะถามทุกครั้งที่หมอประจำคนไข้เข้ามาตรวจแต่หมอก็บอกแค่ว่าเดี๋ยวก็ดีขึ้น รอคอหายบวม และไม่อธิบายอะไรเราเลยเข้ามาพูดคุยไม่ถึง 5 นาทีก็เดินออกไป เราก็ทำได้แค่รอพ่อคอหายบวม แต่ระหว่างรอพ่อก็ไม่มีทีท่าว่าอาการที่ปวดสะบะและแขนขวาจะลดลงเลย นอนราบห้ามหนุนหมอ นอนกิน หมุนเตียงขึ้นนิดเดียวก็ปวด ปวดจนร้องไห้ บอกว่าปวดเหมือนมีอะไรทิ่มขั้วหัวใจ และบริเวรต้นคอ จนถึงวันที่ 4 เม.ย หมอก็บอกเหมือนเดิมว่าเด๋วก็ดีขึ้น เราก็ถามว่าทำไมพ่อยังลุกไม่ได้ ก็บอกว่าเด๋วก็ดีขึ้น เราเลยขอกลับบ้านหมอก็อนุญาตบอกแล้วแต่คนไข้ ให้กลับทั้งๆที่พ่อยังลุกไม่ได้ เราเลยพยามให้พ่อฟื้นลุกนั่ง เพราะหมอบอกให้พยายามลุกได้แล้วแต่ต้องใส่เฟือกที่คอตลอดเวลา แต่พ่อปวดจนทนไม่ได้ร้องไห้เลย ซึ่งพ่อเป็นคนมีความอดทนสูงมาก ถ้าพ่อปวดจนร้องไห้ขนาดนี้แปลว่าพ่อปวดสุดๆ ซึ่งอาการปวดตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ไม่มีความปวดลดลงเลย เราเลยคิดกันว่าถ้าหมอยืนยันให้กลับบ้านได้ และเบาหวาน ความดันพ่อก็ปกติทุกอย่าง เราจะกลับบ้านกันในวันที่ 5 เม.ย โดยจะให้รถพยาบาลไปส่งที่บ้านและจะไปรักษาหมอน้ำมันที่บ้านเอง เนื่องจากหมอยืนยันว่าไม่เป็นไรอนุญาตให้กลับ แต่ด้วยความที่อาจจะเป็นเพราะพ่อกังวนกลัวจะเกี่ยวกับเส้นประสาท และเพื่อความสบายใจของพ่อ เราขอให้หมอส่งตัวพ่อไปทำ mri ในวันที่ 5 เม.ย. ก่อนกลับบ้าน ถ้าผลออกมาว่าไม่เป็นไรพ่ออาจจะกล้าลุกขึ้นได้ โดยเราไม่คิดสักนิดว่าพ่อจะต้องผ่าตัดคอ เพราะหมอยืนยันตลอดว่าไม่ต้องผ่าเด๋วก็หาย ทาง รพ.จึงนัดคิวเข้า mri ให้ที่บริษัทแห่งนึ่งเพราะที่ รพ.ไม่มี โดยเสียค่าใช้จ่าย 8,000 บาท เวลา 2 ทุ่ม และเราต้องรอผลตรวจอีกวันคือวันที่ 6 เม.ย ในตอนเช้า และเราก็จะได้กลับบ้านกัน ซึ่งรวมแล้วเป็นเวลา 10 วันพอดี ที่พ่อต้องนอนติดเตียงที่ รพ.เอกชนแห่งนี้ ค่าใช้จ่ายโดยประมาณเกือบ 7 หมื่นบาทค่ะ

และผลของวันที่ 6 เม.ย ก็ออกมาปรากฎว่าพ่อต้องผ่าตัดที่คอเนื่องจากหมอนรองกระดูกระหว่างข้อที่ 5-6 แตกไปทับเส้นประสาทสะบะขวาและรามมาจนถึงแขนขวา ถ้าไม่ผ่าตัดก็จะไม่หายและแขนขวาจะไม่มีแรงรีบจนใช้การไม่ได้ พ่อและเราตกใจมากทำไมต้องผ่าแล้วก่อนหน้านี้คืออะไรทำไมหมอไม่วินิจฉัยอะไรต่อเลย ทั้งๆ ที่พ่อก็ยังปวดแขน ปวดคออยู่และอนุญาตให้กลับบ้านได้อีก

สุดท้ายพ่อได้เข้าผ่าตัดในวันที่ 7 เม.ย. โดยหมอจาก รพ.รัฐแห่งหนึ่ง หมอเส้นปราสาทโดยตรงมาผ่าตัดให้บ่าย 4 โมงเย็น เพราะหมอเฉพาะทางด้านนี้ รพ.ไม่มี ส่วนหมอประจำคนไข้เป็นหมอเฉพาะทางด้านกระดูกค่ะ และนอนห้อง icu อีกคืนในวันนั้น แต่กว่าจะได้ผ่าตัดในวันนี้ ก็มีดร่ามาค่ะ คือ
ตอนแรกที่รู้ผลเราและคุณพ่อขอผ่าตัดทันที่เพราะร่างกายพร้อมความดัน เบาหวานปกติทุกอย่างและพ่อกำลังใจดีมากและยากจะหายไม่กลัวแม้แต่น้อย และก็คุยรายละเอียดกับหมอผ่าตัดโดยตรงทางโทรศัพท์ หมออธิบายเข้าใจดีมากและวาดรูปส่งทางไลให้ดูด้วยว่าจะต้องเอาหมอรองกระดูกที่แตกออก และใส่หมอนรองกระดูกเทียมแทนเข้าไป ส่วนกระดูกที่ร้าว ไม่ต้องไปทำอะไรกับมันเลย จนเราตกลงผ่าตัดและหมอพร้อมผ่าในวันที่ 7 เลย ทีมผ่าตัดและอุปกรณ์หมอเป็นคนเตรียมทุกอย่างให้ แต่ปัญหาก็มาค่ะ ไม่นานพยาบาลก็บากหน้ามาบอกว่าต้องเรื่อนเป็นวันอาทิตย์ที่ 9 เม.ย. เพราะหาหมอวางยาสลบไม่ได้ แต่เราไม่ยอมค่ะ โวยวายไปว่าตอนแรกไม่ต้องผ่าพอตกลงผ่าหาหมอไม่ได้คืออะไร ทั้งที่คนไข้พร้อมทุกอย่าง สักพักก็หาหมอให้เราจนได้ค่ะ

พ่อออกจากห้องผ่าตัดปลอดภัย และหมอที่ผ่าตัดพ่อก็อธิบายดีมาก เป็นไปตามที่หมอคิดไว้กระดูกร้าวไม่ได้ไปทำอะไรเลยเพียงแค่เอาหมอนรองกระดูกที่แตกออกและใส่หมอนรองกระดูกใหม่เข้าไปแทนที่เดิม อาการปวดแบบทนไม่ได้ของพ่อก็หายไปแต่ยังมีอาการตึงบริเวณแขนและคออยู่เป็นเพราะผลข้างเคียงจากการผ่าตัด และหมอก็บอกอย่างมั่นใจว่าหายห่วงถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านได้ในวันจันทร์ที่ 10 เมษายน และเราก็ได้กลับจริงๆ สรุป คชจ. ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค - 10 เม.ย รวม 13 วัน เป็นเงิน 204,387.50 บาท ซึ่งมันแพงมาก ทางเรายินดีจ่ายให้ทุกบาททุกสตางค์ ตั้งแต่วันที่ผ่าตัด แต่ก่อนหน้านี้ 10 วันที่ให้พ่อ นอนพักฟื้นรักษาตัวโดยยืนยันว่าไม่ต้องผ่าตัดและอนุญาตให้กลับบ้านเราไม่ยอมค่ะ และพ่อต้องกายภาพบำบัด เนื่องจากเส้นตึงเพราะนอนนานเป็น 10 วันถ้าหากเราได้รับการรักษาและวินิจฉัยว่าต้องผ่าตัดตั้งแต่แรกอาการของพ่อก็จะไม่รุนแรงขนาดนี้ซึ่งหมอกายภาพบำบัดเป็นคนบอกเอง สุดท้ายเราต่อรองเพื่อจะให้พ่อกลับบ้าน เราจ่ายเงินไว้ 1.6 แสนบาท และเซ็นสัญญารับสภาพหนี้ในส่วนที่เหลือ ไม่งั้นทาง รพ.จะไม่ให้พ่อออก

เราเข้าใจว่าแพทย์ก็เป็นคนสามารถทำเรื่องผิดพลาดกันได้ แต่ในเหตุการนี้ ถ้าทางเราไม่ร้องขอทำ mri เราก็จะไม่รุว่าจะต้องผ่า และหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้โดยไม่แนะนำให้เราทำอะไรเลย ยังโชคดีแค่ไหนที่รักษาทันแล้วถ้าเราเชื่อหมอกลับบ้านรักษาตัวสุดท้ายจะเป็นยังไงค่ะ

ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ควรทำยังไงดีค่ะ  ขอให้เห็นใจผู้บริโภคด้วยค่ะ  ที่เราเชื่อใจตั้งแต่แรกเพราะเราไว้ใจ รพ.ของคุณ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่