ราชพฤกษ์

นอกจากวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี คือ “วันมหาสงกรานต์” ซึ่งเป็นวันที่ดวงอาทิตย์เข้าสู่ตำแหน่งที่เปลี่ยนราศี
จนเกิดเทศกาลปีใหม่ของประเทศไทยสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนั้น ยังนับเป็นช่วงที่ดอกคูนหรือราชพฤกษ์
ดอกไม้ประจำชาติบานสะพรั่งไปทั่วประเทศ (ช่วงเวลาเดียวกับซากุระเบย) และเนื่องจากครบ 6 เดือนเต็ม
กับการจากไปของรัชสมัยรัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรีทรงครองราชย์นั้น

ทำให้เกิดความคิดอยากเขียนเรื่องราวและบันทึกเกี่ยวกับต้นไม้ประจำประเทศไทยในแบบฉบับของตัวเอง



ประวัติและที่มา

ราชพฤกษ์เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียใต้ พบในหลายประเทศได้แก่ ปากีสถาน อินเดีย พม่าและศรีลังกา
โดยมีการเสนอให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด
จนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2544 เป็นต้นมา

นอกจากนั้นยังเป็นสีที่ตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของรัชกาลที่ 9 จึงมีการลงนามให้ราชพฤกษ์เป็นหนึ่งในสาม
ของสัญลักษณ์ประจำชาติไทย อันได้แก่ ช้าง ศาลาไทย และ ดอกราชพฤกษ์
อีกทั้งราชพฤกษ์เป็นพืชที่อายุยืนนานและทนทาน ทำให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
แต่ชื่อสามัญโดยปกติที่เข้าใจโดยทั่วกันคือ คูนหรือคูณ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้



ราชพฤกษ์มีชื่อภาษาอังกฤษว่า 'Golden shower tree' หรือ ฝนทองคำ (Drop of water มันแปลได้ว่าฝนนี่นา 5555)
Pudding pipe tree, Purging cassia, Indian laburnum ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Cassia fistula L.

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

เป็นพืชในตระกูล Fabaceae จัดอยู่ในวงศ์ Leguminosae-Caesalpinioideae พบได้ในเขตร้อน
เติบโตได้ดีในที่โล่งแจ้ง ต้องการแสงแดดจัด สามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกประเภท ทนต่อความแห้งแล้งและดินเค็มได้ดี
แต่ไม่ทนในอากาศหนาวเย็นและหิมะ เป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อย ควรให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้ง อายุประมาณ 3-4 ปีจึงสามารถทนธรรมชาติได้

เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ความสูง 10-20 ม. เป็นไม้ผลัดใบพุ่มกลม เปลือกเรียบเกลี้ยงสีเทาอ่อน

ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ เรียงสลับตรงข้ามกัน ใบรูปไข่ กว้าง 4-8 ซม. ยาว 7-15 ซม.
ปลายใบแหลมแผ่นใบบางเกลี้ยงเป็นมัน ดอกเป็นช่อยาวตั้งแต่ 10-40 ซม. แต่ละดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 3-7 ซม.

กลีบดอกมีสีเหลือง ขนาดเท่ากัน 5 กลีบ ผลหรือฝัก เป็นทรงกระบอกกลมสีดำยาวตั้งแต่ 20-60 ซม.  
มีกลิ่นฉุนและมีเมล็ดด้านในจำนวนมาก เมล็ดมีพิษ สามารถปลูกและเจริญเติบโตช้าในระยะเวลา 1-3 ปีแรก
และเมื่อราชพฤกษ์มีอายุ 4-5 ปี จึงออกดอกและเมล็ด นิยมปลูกด้วยวิธีการเพาะเมล็ด

โรคและแมลงไม่ค่อยรบกวนพืชชนิดนี้ พบเพียงศัตรูหนอนเจาะลำต้น และเชื้อราทางใบทั่วๆไป เช่น โรคใบจุด


ความเชื่อ

ราชพฤกษ์ได้รับการยกย่องให้เป็นต้นไม้มงคล ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านมีเกียรติยศ ชื่อเสียง และใช้ประกอบพิธีที่สำคัญ
เช่น พิธีเสาไม้หลักเมือง เป็นส่วนที่ใช้ทำคฑาจอมพลและยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คนไทยสมัยโบราณเชื่อว่า
ควรปลูกต้นราชพฤกษ์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่อยู่อาศัย จะทำให้ผู้ที่อาศัยในบ้านเรือนมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ
มีเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยมีผู้ใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ต่างๆ

สรรพคุณ

สารที่พบในฝัก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สารที่พบในเมล็ด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สารที่พบในใบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สารที่พบในดอก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สารที่พบในเปลือกราก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สารที่พบในเปลือก แก่นไม้ และ กิ่ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สารออกฤทธิ์ที่พบ
คาร์ทามีดีน (carthamidine)
แคโรทีนอยด์ (carotenoid)
สารในกลุ่มซาโปนิน (saponin)
สารแอนทราควิโนน (anthraquinone)
สารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ (flavonoid)
สารแทนนิน (tannin)


ประโยชน์โดยรวม
1. ใช้ปลูกเป็นไม้ต้นประดับ และดอกประดับ
2. ใช้ปลูกให้ร่มเงาตามบ้านเรือน สถานที่ต่างๆ
3. ลำต้น ใช้ทำไม้ก่อสร้าง ไม้เสา ไม้ค้ำยัน
4. เนื้อไม้สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ชนิดต่างๆ
5. ไม้และกิ่งแห้ง ใช้เป็นฟืน/เชื้อเพลิงอื่นๆ
6. ใบอ่อน ยอดอ่อน และดอกใช้เป็นส่วนผสมหรือใช้เป็นอาหารสัตว์ โดยเฉพาะดอกใช้เป็นอาหารสัตว์สำหรับทำให้เนื้อมีสีเข้มมากขึ้น

สรรพคุณทางยา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

Ref.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่