เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 เม.ย. พระสุวิทย์ ธีรธฺมโม หรือหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อนันต์ จริงจิตร รอง ผกก.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. หลังจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา (อสคพ.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ตรวจสอบกรณีประกอบพิธีปลุกเสกพระเครื่อง “พระนาคปรก” รุ่น “หนึ่งในปฐพี” โดยใช้เลือด หรือกระทำปะสะโลหิต ในการประกอบพิธีดังกล่าว ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และอาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ประกอบการชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น มามอบให้เป็นหลักฐาน
หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการขอพระบรมราชานุญาตอันเชิญพระปรมาภิไธยย่อ มาใช้ด้านหลังพระเครื่อง ที่จัดสร้างพระเครื่อง “พระนาคปรก” รุ่นหนึ่งในปฐพี มามอบให้เป็นหลักฐานตรวจสอบ ซึ่งตนขอยืนยันว่าก่อนที่จะทำพิธีฯได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร และเอ่ยด้วยวาจา ขออนุญาตจากนายแก้วขวัญ วัชโรทัย อดีตรองเลขาธิการพระราชวัง แล้ว
ส่วน
กรณีที่ใช้เลือดในการประกอบพิธีนี้ด้วยนั้น ยอมรับว่าทำจริง แต่เห็นว่าไม่ได้ผิดอะไร เพราะเป็นหนึ่งใน
วิชาประสะโลหิต ซึ่งเป็นวิชาโบราณ เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาในการจัดสร้างวัตถุมงคล และเชื่อว่าน่าจะ
เป็นการกลั่นแกล้งของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย การมาพบพนักงานสอบสวน ก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แสดงตนว่าพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย หากมีการพิจารณาดำเนินคดีก็จะได้ต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวอีกว่า นอกจากมาชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวหาแล้วนั้น ก็ยังประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่ง ที่กล่าวอ้างว่าได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองถูกต้องแล้ว แต่จากการตรวจสอบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่ายังไม่มีการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเข้าข่ายนำความเท็จกราบบังคมทูลถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เป็นการกระทำที่มีความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตามกฎหมายพรรคการเมืองด้วย
ด้าน พ.ต.ท.อนันต์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้รับเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ผู้ถูกกล่าวหานำมามอบให้ มาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเท็จจริงทั้งหมด เพื่อเสนอต่อผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ที่มาข่าว www.khaosod.co.th/breaking-news/news_293973
คหสต. ของเจ้าของกระทู้
ผมอ่านข่าวนี้แล้วมีประเด็นสงสัย (ความเห็นส่วนตัว ไม่ได้แก้ต่างให้วัด หรือบุคคลใดๆ)
1. พิธีกรรม "ประสะโลหิต" เป็นพิธีกรรมทางศาสนาพุทธหรือไม่?
2. ในขณะที่พระสุวิทย์ออกสื่อกล่าวโทษพระรูปอื่นๆ ว่าไม่ใช่พระแท้บ้าง สอนผิดจากพระไตรปิฎกบ้าง ฯลฯ
การกล่าวหาบุคคลอื่นต่างๆ นานา ในขณะที่ตนเองยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมาะสม เช่น การเป็นแกนนำทางการเมือง ผมเห็นการกระทำหลายอย่างที่ท่านทำซึ่งไม่ใช่กิจของสงฆ์ .... โดยลืมหันกลับมามองตัวเองว่า
คุณธรรมของตนเองนั้น มากพอที่จะเป็นต้นแบบให้แก่คณะสงฆ์ และญาติโยมได้หรือไม่?
3. การโยนความผิด ว่าถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มบุคคลของวัดพระธรรมกายนั้น
ท่านมีหลักฐานใดเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนหรือไม่? หรือเป็นแค่ข้อกล่าวหาลอยๆ จากลมปากท่านเท่านั้น ?
การบวชเป็นพระนั้น ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหน่อเนื้อแห่งพุทธางกูร เป็นผู้สืบทอดอายุพระศาสนา
การใช้ถ้อยคำ และการประพฤติตน ต้องดำรงอยู่ในเส้นทางที่ดีงาม เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของญาติโยม
ดังนั้น การที่ท่านจะออกมาพูดอะไรก็ตาม สิ่งนั้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง ไม่กล่าวว่าร้ายใคร หรือพูดเรื่องใดลอยๆโดยไร้หลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอ
เพราะอะไร??
ก็เพราะพระภิกษุสงฆ์ดำรงตนอยู่ในศีล 227 ข้อ ซึ่งต่างจากปุถุชนทั่วไปที่ถือศีล 5, ศีล 8
เมื่อศีลของ พระ ต่างจาก โยม มากถึงเพียงนี้ ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอ ให้ท่านต้อง
"คิดก่อนพูด ไตร่ตรองก่อนกระทำการสิ่งใด"
ตราบใดที่ท่านยังห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ของพระพุทธเจ้าอยู่ !!!
ปล. ผมไม่ได้ลึกซึ้งธรรมะเท่าไหร่นัก แต่ก็ขอพูดในสิ่งที่เป็นชาวพุทธคนหนึ่ง ที่ชอบเข้าวัด ทำบุญมาตลอด และอ่านหนังสือธรรมะบ้างตามโอกาสและเวลาที่มี
กราบขอขมาพระสงฆ์ด้วยความเคารพ เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ผมไม่มีเจตนาว่ากล่าวพระสงฆ์นะครับ
"พุทธอิสระ" ยอมรับใช้เลือดทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องจริง !!
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 เม.ย. พระสุวิทย์ ธีรธฺมโม หรือหลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.อนันต์ จริงจิตร รอง ผกก.(สอบสวน) กก.5 บก.ป. หลังจากเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา นายวิชัย ประเสริฐสุดสิริ ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา (อสคพ.) เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้ตรวจสอบกรณีประกอบพิธีปลุกเสกพระเครื่อง “พระนาคปรก” รุ่น “หนึ่งในปฐพี” โดยใช้เลือด หรือกระทำปะสะโลหิต ในการประกอบพิธีดังกล่าว ว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และอาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ประกอบการชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้น มามอบให้เป็นหลักฐาน
หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า นำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการขอพระบรมราชานุญาตอันเชิญพระปรมาภิไธยย่อ มาใช้ด้านหลังพระเครื่อง ที่จัดสร้างพระเครื่อง “พระนาคปรก” รุ่นหนึ่งในปฐพี มามอบให้เป็นหลักฐานตรวจสอบ ซึ่งตนขอยืนยันว่าก่อนที่จะทำพิธีฯได้ทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร และเอ่ยด้วยวาจา ขออนุญาตจากนายแก้วขวัญ วัชโรทัย อดีตรองเลขาธิการพระราชวัง แล้ว
ส่วนกรณีที่ใช้เลือดในการประกอบพิธีนี้ด้วยนั้น ยอมรับว่าทำจริง แต่เห็นว่าไม่ได้ผิดอะไร เพราะเป็นหนึ่งในวิชาประสะโลหิต ซึ่งเป็นวิชาโบราณ เป็นพิธีกรรมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาในการจัดสร้างวัตถุมงคล และเชื่อว่าน่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย การมาพบพนักงานสอบสวน ก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แสดงตนว่าพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย หากมีการพิจารณาดำเนินคดีก็จะได้ต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป
หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวอีกว่า นอกจากมาชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวหาแล้วนั้น ก็ยังประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่ง ที่กล่าวอ้างว่าได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองถูกต้องแล้ว แต่จากการตรวจสอบกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่ายังไม่มีการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งเข้าข่ายนำความเท็จกราบบังคมทูลถวายฎีกาต่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เป็นการกระทำที่มีความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตามกฎหมายพรรคการเมืองด้วย
ด้าน พ.ต.ท.อนันต์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวได้รับเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ผู้ถูกกล่าวหานำมามอบให้ มาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ และอยู่ระหว่างการตรวจสอบเท็จจริงทั้งหมด เพื่อเสนอต่อผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
ที่มาข่าว www.khaosod.co.th/breaking-news/news_293973
คหสต. ของเจ้าของกระทู้
ผมอ่านข่าวนี้แล้วมีประเด็นสงสัย (ความเห็นส่วนตัว ไม่ได้แก้ต่างให้วัด หรือบุคคลใดๆ)
1. พิธีกรรม "ประสะโลหิต" เป็นพิธีกรรมทางศาสนาพุทธหรือไม่?
2. ในขณะที่พระสุวิทย์ออกสื่อกล่าวโทษพระรูปอื่นๆ ว่าไม่ใช่พระแท้บ้าง สอนผิดจากพระไตรปิฎกบ้าง ฯลฯ
การกล่าวหาบุคคลอื่นต่างๆ นานา ในขณะที่ตนเองยังมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมาะสม เช่น การเป็นแกนนำทางการเมือง ผมเห็นการกระทำหลายอย่างที่ท่านทำซึ่งไม่ใช่กิจของสงฆ์ .... โดยลืมหันกลับมามองตัวเองว่า คุณธรรมของตนเองนั้น มากพอที่จะเป็นต้นแบบให้แก่คณะสงฆ์ และญาติโยมได้หรือไม่?
3. การโยนความผิด ว่าถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มบุคคลของวัดพระธรรมกายนั้น
ท่านมีหลักฐานใดเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนหรือไม่? หรือเป็นแค่ข้อกล่าวหาลอยๆ จากลมปากท่านเท่านั้น ?
การบวชเป็นพระนั้น ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหน่อเนื้อแห่งพุทธางกูร เป็นผู้สืบทอดอายุพระศาสนา
การใช้ถ้อยคำ และการประพฤติตน ต้องดำรงอยู่ในเส้นทางที่ดีงาม เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของญาติโยม
ดังนั้น การที่ท่านจะออกมาพูดอะไรก็ตาม สิ่งนั้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริง ไม่กล่าวว่าร้ายใคร หรือพูดเรื่องใดลอยๆโดยไร้หลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอ
เพราะอะไร??
ก็เพราะพระภิกษุสงฆ์ดำรงตนอยู่ในศีล 227 ข้อ ซึ่งต่างจากปุถุชนทั่วไปที่ถือศีล 5, ศีล 8
เมื่อศีลของ พระ ต่างจาก โยม มากถึงเพียงนี้ ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่เพียงพอ ให้ท่านต้อง
"คิดก่อนพูด ไตร่ตรองก่อนกระทำการสิ่งใด"
ตราบใดที่ท่านยังห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ของพระพุทธเจ้าอยู่ !!!
ปล. ผมไม่ได้ลึกซึ้งธรรมะเท่าไหร่นัก แต่ก็ขอพูดในสิ่งที่เป็นชาวพุทธคนหนึ่ง ที่ชอบเข้าวัด ทำบุญมาตลอด และอ่านหนังสือธรรมะบ้างตามโอกาสและเวลาที่มี
กราบขอขมาพระสงฆ์ด้วยความเคารพ เป็นความเห็นส่วนตัวของผม ผมไม่มีเจตนาว่ากล่าวพระสงฆ์นะครับ