สวัสดีจ้า ก่อนอื่นนี่เป็นกระทู้แรกของจขกท. ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
จขกท. ได้มีโอกาสไปสอบเทียบ GED ช่วงเดือนมีนาคมก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็น New GED ในเดือนพฤษภาคมก็เลยอยากจะนำข้อมูลและประสบการณ์ที่ได้มาแบ่งปันกับเพื่อนๆ ที่อาจจะสอบเทียบ GED กัน
GED เป็นข้อสอบเทียบของอเมริกาซึ่งเราสามารถสอบเทียบแล้วนำไปยื่นแทนวุฒิม.6 เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยคณะอินเตอร์บางคณะได้ แต่สำหรับปีนี้ก็มีข่าวลือมาว่าจะไม่สามารถใช้ GED ได้แล้ว เรื่องนี้จขกท. เองก็ไม่แน่ใจ ถ้าหากใครพอจะรู้เรื่องนี้รบกวนช่วยมาบอกกันด้วยนะคะ
GED (แบบเก่า) จะประกอบไปด้วย 5 วิชาที่ต้องสอบ คือ
1. Math
2. Reading
3. Writing
4. Science
5. Social Studies
แต่ละวิชาราคา $50 คะแนนเต็มของแต่ละวิชาคือ 800 ถ้าจะผ่านต้องได้คะแนน 410 ขึ้นไปในแต่ละวิชา แต่พอรวมกัน 5 วิชาต้องได้ขั้นต่ำ 2250/4000
(เดี๋ยวจะอธิบายรูปแบบข้อสอบของแต่ละอีกที)
สำหรับคนที่จะสอบหลังจากเดือนพฤษภาคม GED จะเปลี่ยนเป็น New GED ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 วิชา คือ
1. Math - 115 นาที มี 2 sections
2. Language Arts (Reading+Writing) - 150 นาที มี 3 sections รวม essay
3. Science - 90 นาทีมี 1 section
4. Social Studies - 70 นาทีมี 1 section
แต่ละวิชาราคา $60 คะแนนเต็มของแต่ละวิชาคือ 200 ถ้าจะผ่านต้องได้คะแนน 145 ขึ้นไปในแต่ละวิชา
GED ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่สามารถสอบแต่ละวิชาซ้ำได้ถ้าหากไม่ผ่าน ก็คือกดสมัครสอบวิชานั้นใหม่ได้เลยหลังจากสอบอันเก่าและเสียเงินวิชาละ $50-60GED ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่สามารถสอบแต่ละวิชาซ้ำได้ถ้าหากไม่ผ่าน ก็คือกดสมัครสอบวิชานั้นใหม่ได้เลยหลังจากสอบอันเก่าและเสียเงินวิชาละ $50-60
สำหรับคนที่กำลังสอบแบบเก่าอยู่ต้องรีบสอบให้ผ่านครบทั้ง 5 วิชาก่อนที่จะถึงเดือนพฤษภาคม เพราะถ้าหาก GED เปลี่ยนเป็น New GED แล้ว วิชาจะไม่สามารภนำมารวมกันได้และต้องสอบทุกอย่างใหม่หมดเป็นแบบ New GED เช่น สมมติสอบผ่านหมดแล้วเหลือแค่วิชา Reading ที่ยังไม่ผ่าน แต่เลยวันที่ 1 พฤษภาคมไปแล้ว ก็จะต้องมาสมัครสอบใหม่ทุกวิชาเป็นแบบ New GED
จขกท. เตรียมตัวสอบ GED โดยการอ่านเอาจากหนังสือเองหมดเลย ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปเรียนถ้าหากมีความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาอยู่ในระดับนึง ไม่จำเป็นต้องรู้เยอะหรือละเอียดนะ หนังสือที่ใช้ก็หาตามร้านหนังสือเลย ซื้อมาฝึกทำและทบทวน ส่วนเนื้อหาตรงไหนที่ไม่แน่นก็สามารถอ่านจากหนังสือที่โรงเรียนเอาก็ได้เพราะเนื้อหามันคือของม.4-ม.6
สำหรับการสอบจขกท. สอบไปทั้งหมด 3 วัน วันแรกสอบ Reading กับ Math ไป เพราะส่วนตัวคิดว่า Reading ติวอะไรไม่ค่อยได้ ส่วน Math เป็นวิชาที่ถนัดเลยสอบเป็นอันแรกๆ จขกท. สอบที่ Pearson และการสอบที่นี่จะเป็น Computer-Based ก็คือสอบกับคอมพิวเตอร์ สิ่งที่ต้องนำไปคือพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน ที่เหลือคือไม่ต้องเอาไปเลยก็ได้ พวกนาฬิกา ปากกา ดินสอ หนังสือ โทรศัพท์ หรือเครื่องคิดเลข ไม่จำเป็นต้องเอาไปเลยเพราะผู้คุมสอบจะไม่ให้เอาเข้าห้องสอบเลย จะให้เอาไว้ในล็อกเกอร์ พอเข้าไปในห้องสอบ ผู้คุมสอบจะให้ Erasable Board มาประมาณ 3 แผ่น (คิดซะว่ากระดาษ A4 3 แผ่นก็ได้) กับ Marker ไว้เขียนทดหรืออะไรก็ตาม ซึ่งอันนี้จะมีให้ทุกวิชานะไม่ว่าจะสอบวิชาไหน
Reading จะมีแต่ choice หมดเลย มี 1 section ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมี 40 ข้อ 105 นาที สำหรับจขกท. วิชานี้ยากสุดเพราะบทความส่วนใหญ่ที่ได้อ่านจะเป็นบทความที่ใช้ภาษาโบราณ เช่น บทละครใน Romeo and Juliet ที่จะมีการใช้ grammar แปลกๆ ทำให้อ่านแล้วอาจจะไม่เข้าใจบ้าง ข้อไหนที่ไม่ชัวร์แนะนำให้เดาไปก่อนแล้วมันจะมีให้กดปุ่ม Flag for review คือพอทำครบหมดทุกข้อจะสามารถย้อนมาดูข้อที่เรา flag ไว้ได้ตอนท้ายสุด คำถามก็จะถามเป็นแนวว่าเขาพยายามจะสื่ออะไร คนพูดอยู่ในอารมณ์ไหน คนพูดคนนี้น่าจะตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ยังไง ใจความของเรื่องคืออะไร ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เป็นต้น
Math จะมี 2 sections แบ่งเป็นใช้เครื่องคิดเลขได้กับใช้เครื่องคิดเลขไม่ได้อย่างละ 25 ข้อ ถ้าหากทำ section แรกเสร็จแล้วเหลือเวลาให้ตรวจเช็คก่อนจะกดไปทำ section ที่ 2 เพราะจะย้อนมาที่ section 1 ไม่ได้แล้ว ส่วน section ที่สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้จะมีเครื่องคิดเลขให้กดใช้ในคอมพิวเตอร์ ส่วนตัวคิดว่า section ที่ห้ามใช้เครื่องคิดเลขแอบยากกว่านิดนึงเพราะบางข้อก็จะมีให้คูณเลขหลายหลักอยู่ เราก็ต้องทดเองอะไรเอง section no calculator จะได้ใช้ทักษะการคำนวณมากกว่าแบบ calculator แต่แบบ calculator จะออกแนวตีโจทย์ให้แตก สำหรับ Math จะมีการตอบ 3 แบบ มี choice ก็คือเลือกตอบธรรมดา มี grid-in คือเติมคำตอบ (อันนี้ก็คือไม่มี choice ให้) และก็มีแบบ coordinate plane คือเขาจะให้ coordinate plane มาในช่องคำตอบ แล้วสมมติคำตอบคือ (2,4) ก็ต้องคลิ๊กไปตรง (2,4) ของ coordinate plane
วันที่ 2 จขกท. สอบวิชา Science กับ Social Studies ไป เอาจริงๆ จขกท. แอบกลัว 2 วิชานี้เพราะเนื้อหามันเยอะ ไม่รู้จะเริ่มอ่านจากตรงไหน สรุปคืออ่านแค่พอให้รู้พื้นฐานพอ เพราะข้อสอบของ 2 วิชานี้จะมีความคล้ายกันอยู่ตรงที่เขาจะไม่อยู่ดีๆ ก็ถามเราเลย แต่จะมีบทความหรือข้อมูลหรือรูปภาพให้เราดูก่อนแล้วค่อยถาม ซึ่งแบบนี้จะออกแนว Reading เพราะถ้าเข้าใจใน clue ที่เขาให้มาก่อนคำถาม ก็จะสามารถตอบได้หลายข้ออยู่ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกข้อนะ อย่างเช่น Social Studies เขาอาจจะให้ timeline ประวัติศาสตร์บางประเทศมาเพื่อใช้ตอบคำถาม 3 ข้อ 1 ในนั้นอาจจะถามว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นใน timeline นี้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องใช้ความรู้ส่วนตัวแล้วละ 5555555 ทั้ง 2 วิชานี้จะมีแต่ choice นะ วิชาละ 50 ข้อ มี 1 section ทั้ง 2 วิชา
วันสุดท้ายจขกท. สอบ Writing ซึ่งที่เลือกสอบแยกมาเลยเพราะเป็นวิชาที่ใช้เวลามากที่สุด รู้สึกจะประมาณ 145 นาที วิชานี้มี 2 sections อันแรกจะเป็น choice คือจะมี passage ให้และเขาจะยกประโยคในนั้นมาถามว่าควรแก้ยังไง ใช้ถูกไหม ควรย้ายประโยคนี้ไปที่ไหน ควรลบหรือเติมประโยคไหม เป็นต้น ถ้าทำ section 1 เสร็จแล้วก็แนะนำให้เช็คก่อนเพราะถ้ากดผ่านไป section 2 ก็จะไม่สามารถย้อนกลับมาทำได้ section 2 เป็น essay คือจะมีเวลาให้ 40 นาทีสำหรับแพลนและเขียน essay ตามที่เขาถาม ซึ่ง essay แนวนี้จะเป็นแนวใช้ opinion+personal experience มาตอบ
นี่ก็คือทั้งหมดที่จขกท. ได้รวบรวมมา ก็หวังว่าข้อมูลพวกนี้จะเป็นประโยชน์ต่ออีกหลายๆ คนที่จะสอบนะคะ ขอให้ทุกคนสอบผ่าน สู้ๆ
[CR] รีวิวการสอบเทียบ GED
จขกท. ได้มีโอกาสไปสอบเทียบ GED ช่วงเดือนมีนาคมก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็น New GED ในเดือนพฤษภาคมก็เลยอยากจะนำข้อมูลและประสบการณ์ที่ได้มาแบ่งปันกับเพื่อนๆ ที่อาจจะสอบเทียบ GED กัน
GED เป็นข้อสอบเทียบของอเมริกาซึ่งเราสามารถสอบเทียบแล้วนำไปยื่นแทนวุฒิม.6 เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยคณะอินเตอร์บางคณะได้ แต่สำหรับปีนี้ก็มีข่าวลือมาว่าจะไม่สามารถใช้ GED ได้แล้ว เรื่องนี้จขกท. เองก็ไม่แน่ใจ ถ้าหากใครพอจะรู้เรื่องนี้รบกวนช่วยมาบอกกันด้วยนะคะ
GED (แบบเก่า) จะประกอบไปด้วย 5 วิชาที่ต้องสอบ คือ
1. Math
2. Reading
3. Writing
4. Science
5. Social Studies
แต่ละวิชาราคา $50 คะแนนเต็มของแต่ละวิชาคือ 800 ถ้าจะผ่านต้องได้คะแนน 410 ขึ้นไปในแต่ละวิชา แต่พอรวมกัน 5 วิชาต้องได้ขั้นต่ำ 2250/4000
(เดี๋ยวจะอธิบายรูปแบบข้อสอบของแต่ละอีกที)
สำหรับคนที่จะสอบหลังจากเดือนพฤษภาคม GED จะเปลี่ยนเป็น New GED ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 วิชา คือ
1. Math - 115 นาที มี 2 sections
2. Language Arts (Reading+Writing) - 150 นาที มี 3 sections รวม essay
3. Science - 90 นาทีมี 1 section
4. Social Studies - 70 นาทีมี 1 section
แต่ละวิชาราคา $60 คะแนนเต็มของแต่ละวิชาคือ 200 ถ้าจะผ่านต้องได้คะแนน 145 ขึ้นไปในแต่ละวิชา
GED ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่สามารถสอบแต่ละวิชาซ้ำได้ถ้าหากไม่ผ่าน ก็คือกดสมัครสอบวิชานั้นใหม่ได้เลยหลังจากสอบอันเก่าและเสียเงินวิชาละ $50-60GED ทั้งแบบเก่าและแบบใหม่สามารถสอบแต่ละวิชาซ้ำได้ถ้าหากไม่ผ่าน ก็คือกดสมัครสอบวิชานั้นใหม่ได้เลยหลังจากสอบอันเก่าและเสียเงินวิชาละ $50-60
สำหรับคนที่กำลังสอบแบบเก่าอยู่ต้องรีบสอบให้ผ่านครบทั้ง 5 วิชาก่อนที่จะถึงเดือนพฤษภาคม เพราะถ้าหาก GED เปลี่ยนเป็น New GED แล้ว วิชาจะไม่สามารภนำมารวมกันได้และต้องสอบทุกอย่างใหม่หมดเป็นแบบ New GED เช่น สมมติสอบผ่านหมดแล้วเหลือแค่วิชา Reading ที่ยังไม่ผ่าน แต่เลยวันที่ 1 พฤษภาคมไปแล้ว ก็จะต้องมาสมัครสอบใหม่ทุกวิชาเป็นแบบ New GED
จขกท. เตรียมตัวสอบ GED โดยการอ่านเอาจากหนังสือเองหมดเลย ส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปเรียนถ้าหากมีความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาอยู่ในระดับนึง ไม่จำเป็นต้องรู้เยอะหรือละเอียดนะ หนังสือที่ใช้ก็หาตามร้านหนังสือเลย ซื้อมาฝึกทำและทบทวน ส่วนเนื้อหาตรงไหนที่ไม่แน่นก็สามารถอ่านจากหนังสือที่โรงเรียนเอาก็ได้เพราะเนื้อหามันคือของม.4-ม.6
สำหรับการสอบจขกท. สอบไปทั้งหมด 3 วัน วันแรกสอบ Reading กับ Math ไป เพราะส่วนตัวคิดว่า Reading ติวอะไรไม่ค่อยได้ ส่วน Math เป็นวิชาที่ถนัดเลยสอบเป็นอันแรกๆ จขกท. สอบที่ Pearson และการสอบที่นี่จะเป็น Computer-Based ก็คือสอบกับคอมพิวเตอร์ สิ่งที่ต้องนำไปคือพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน ที่เหลือคือไม่ต้องเอาไปเลยก็ได้ พวกนาฬิกา ปากกา ดินสอ หนังสือ โทรศัพท์ หรือเครื่องคิดเลข ไม่จำเป็นต้องเอาไปเลยเพราะผู้คุมสอบจะไม่ให้เอาเข้าห้องสอบเลย จะให้เอาไว้ในล็อกเกอร์ พอเข้าไปในห้องสอบ ผู้คุมสอบจะให้ Erasable Board มาประมาณ 3 แผ่น (คิดซะว่ากระดาษ A4 3 แผ่นก็ได้) กับ Marker ไว้เขียนทดหรืออะไรก็ตาม ซึ่งอันนี้จะมีให้ทุกวิชานะไม่ว่าจะสอบวิชาไหน
Reading จะมีแต่ choice หมดเลย มี 1 section ถ้าจำไม่ผิดน่าจะมี 40 ข้อ 105 นาที สำหรับจขกท. วิชานี้ยากสุดเพราะบทความส่วนใหญ่ที่ได้อ่านจะเป็นบทความที่ใช้ภาษาโบราณ เช่น บทละครใน Romeo and Juliet ที่จะมีการใช้ grammar แปลกๆ ทำให้อ่านแล้วอาจจะไม่เข้าใจบ้าง ข้อไหนที่ไม่ชัวร์แนะนำให้เดาไปก่อนแล้วมันจะมีให้กดปุ่ม Flag for review คือพอทำครบหมดทุกข้อจะสามารถย้อนมาดูข้อที่เรา flag ไว้ได้ตอนท้ายสุด คำถามก็จะถามเป็นแนวว่าเขาพยายามจะสื่ออะไร คนพูดอยู่ในอารมณ์ไหน คนพูดคนนี้น่าจะตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้ยังไง ใจความของเรื่องคืออะไร ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เป็นต้น
Math จะมี 2 sections แบ่งเป็นใช้เครื่องคิดเลขได้กับใช้เครื่องคิดเลขไม่ได้อย่างละ 25 ข้อ ถ้าหากทำ section แรกเสร็จแล้วเหลือเวลาให้ตรวจเช็คก่อนจะกดไปทำ section ที่ 2 เพราะจะย้อนมาที่ section 1 ไม่ได้แล้ว ส่วน section ที่สามารถใช้เครื่องคิดเลขได้จะมีเครื่องคิดเลขให้กดใช้ในคอมพิวเตอร์ ส่วนตัวคิดว่า section ที่ห้ามใช้เครื่องคิดเลขแอบยากกว่านิดนึงเพราะบางข้อก็จะมีให้คูณเลขหลายหลักอยู่ เราก็ต้องทดเองอะไรเอง section no calculator จะได้ใช้ทักษะการคำนวณมากกว่าแบบ calculator แต่แบบ calculator จะออกแนวตีโจทย์ให้แตก สำหรับ Math จะมีการตอบ 3 แบบ มี choice ก็คือเลือกตอบธรรมดา มี grid-in คือเติมคำตอบ (อันนี้ก็คือไม่มี choice ให้) และก็มีแบบ coordinate plane คือเขาจะให้ coordinate plane มาในช่องคำตอบ แล้วสมมติคำตอบคือ (2,4) ก็ต้องคลิ๊กไปตรง (2,4) ของ coordinate plane
วันที่ 2 จขกท. สอบวิชา Science กับ Social Studies ไป เอาจริงๆ จขกท. แอบกลัว 2 วิชานี้เพราะเนื้อหามันเยอะ ไม่รู้จะเริ่มอ่านจากตรงไหน สรุปคืออ่านแค่พอให้รู้พื้นฐานพอ เพราะข้อสอบของ 2 วิชานี้จะมีความคล้ายกันอยู่ตรงที่เขาจะไม่อยู่ดีๆ ก็ถามเราเลย แต่จะมีบทความหรือข้อมูลหรือรูปภาพให้เราดูก่อนแล้วค่อยถาม ซึ่งแบบนี้จะออกแนว Reading เพราะถ้าเข้าใจใน clue ที่เขาให้มาก่อนคำถาม ก็จะสามารถตอบได้หลายข้ออยู่ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าทุกข้อนะ อย่างเช่น Social Studies เขาอาจจะให้ timeline ประวัติศาสตร์บางประเทศมาเพื่อใช้ตอบคำถาม 3 ข้อ 1 ในนั้นอาจจะถามว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นใน timeline นี้ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องใช้ความรู้ส่วนตัวแล้วละ 5555555 ทั้ง 2 วิชานี้จะมีแต่ choice นะ วิชาละ 50 ข้อ มี 1 section ทั้ง 2 วิชา
วันสุดท้ายจขกท. สอบ Writing ซึ่งที่เลือกสอบแยกมาเลยเพราะเป็นวิชาที่ใช้เวลามากที่สุด รู้สึกจะประมาณ 145 นาที วิชานี้มี 2 sections อันแรกจะเป็น choice คือจะมี passage ให้และเขาจะยกประโยคในนั้นมาถามว่าควรแก้ยังไง ใช้ถูกไหม ควรย้ายประโยคนี้ไปที่ไหน ควรลบหรือเติมประโยคไหม เป็นต้น ถ้าทำ section 1 เสร็จแล้วก็แนะนำให้เช็คก่อนเพราะถ้ากดผ่านไป section 2 ก็จะไม่สามารถย้อนกลับมาทำได้ section 2 เป็น essay คือจะมีเวลาให้ 40 นาทีสำหรับแพลนและเขียน essay ตามที่เขาถาม ซึ่ง essay แนวนี้จะเป็นแนวใช้ opinion+personal experience มาตอบ
นี่ก็คือทั้งหมดที่จขกท. ได้รวบรวมมา ก็หวังว่าข้อมูลพวกนี้จะเป็นประโยชน์ต่ออีกหลายๆ คนที่จะสอบนะคะ ขอให้ทุกคนสอบผ่าน สู้ๆ