หน้าร้อน...มาทานข้าวหน้าปลาไหลกันเถอะ


ข้าวหน้าปลาไหล อาหารญี่ปุ่นที่หลายๆ คนอาจมองข้าม เพราะเห็นราคาแล้วคิดว่า แพง ใช่ครับ มันแพง ยิ่งเมื่อก่อนยิ่งดูแพง เพราะอาหารจานอื่นมันไม่ได้แพงเท่ากับ ปลาไหล แต่ปัจจุบัน ราคาข้าวหน้า (ด้ง) ต่างๆ เริ่มมีราคาที่ไม่ได้ห่างกันนัก จึงทำให้ ความรู้สึกที่ว่าแพงมันเริ่มลดลง

คนญี่ปุ่นเค้ามีวัฒนธรรมการทานเข้าวหน้าปลาไหลกันมาหลายร้อยปี ทานกันทุกหน้า ร้อน (เดือนพฤษภาคม) โดยแต่ละพื้นที่ก็จะมีวิธีการปรุง และทานปลาไหลที่แตกต่าง กันออกไปแต่ที่ไทยที่ร้อนแทบทุกวันจึงสามารถใช้เหตุผลนี้ในการทานข้าวหน้าปลาไหล ได้หลายครั้ง หรือได้เกือบตลอดทั้งปีครับ


ที่แรก ขอเริ่มที่ร้าน Shokun (โชกุน) ก่อนเลยครับ ถือว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นร้านแรกๆ ของกรุงเทพฯ รองลงมาจากร้าน Hanaya ครับ จริงๆ แล้วร้านนี้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านแรกในชีวิตของผมเลยครับ เลยมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับร้านนี้เยอะมาก และร้าน นี้ก็กำลังจะถูกปิดในเวลาอันใกล้ ผมจึงขอลงร้านนี้ก่อนเพื่อให้เกียรติ (แต่จริงๆ ผมก็ยก ให้ร้านนี้เป็นอันดับหนึ่งในใจนะครับ)

มาในกล่องหรูดูแพง

ซุปใสใส่ไข่

ข้าวหน้าปลาไหลร้านโชกุนเสิร์ฟมาในรูปแบบกล่องสวยงามพร้อมซุปไข่หอมกรุ่น พอ เปิดฝาออกมากลิ่นเนื้อปลาไหลและน้ำซ้อสลอยออกมาสัมผัสจมูกอย่างไม่เกรงใจคนทาน เนื้อปลาไหลที่อวบอิ่มหนานุ่มแน่น ย่างพอหอมแล้วรวดด้วยซ้อสวางเรียงซ้อน 2 ชั้น จนแทบไม่เห็นข้าวด้านล่าง ร้านนี้ใช้ปลาไหลขนาดใหญ่ที่เทียบเท่ากับ ปลาไหลทั่ว ไปถึงสองตัวครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อิ่มเลยครับ ด้วยปลาไหลขนาดใหญ่ ที่มีเนื้อหนานุ่ม ทานกับข้าวหุงกล่องใหญ่ ทาน 2 คนยังอิ่มเลยครับ ยิ่งทานคู่กับซุปที่ เหมือนถูกปรุงมาเฉพาะข้าวหน้าปลาไหล เลยทำให้ช่วยขับรสอร่อยให้ออกมายิ่งขึ้น ครับ
หลายๆท่านคงคิดว่า อาหารโรงแรมจะต้องแพงแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วข้าวหน้าปลาไหล ชุดนี้ราคาเพียงแค่ 900บาท ครับ ถ้าทานสองคน ก็ตกลงคน 450บาท เองครับ ถือว่า อร่อยและถูกมากครับ
ให้คะแนน 9.5/10 กับราคาแค่ 900บาท ถือว่าถูกมากครับ ถ้าย่างปลาไหลให้หนังกรอบเท่าร้าน Utan-an Don ผมคงให้ 10/10 เลยหนะครับ

ร้านที่ 2 ผมขอกระชากอารมณ์ลงมาที่ร้าน โมเระ ซูชิทูโก ครับ

ตอนแรกกะสั่งมาทานเล่นๆ เป็นอาหารเที่ยง แต่ที่ไหนได้ ข้าวหน้าปลาไหลร้านนี้ให้ ความรู้สึกเดียวกับร้านโชกุนเลยครับ เห็นชามเล็กๆ แต่จริงๆ แล้วมีเนื้อปลาไหลวางทับ กันถึง 2 ชั้นครับ ปลาไหลตัวใหญ่เนื้อหนาหนังบาง ถูกย่างจนหนังกรอบ ไม่เหนียว วางบนข้าวหุงที่ไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้ข้าวหน้าปลาไหลจานนี้ อิ่มจุใจกำลังพอดีสำหรับ 1 คนเลยครับ น้ำซ้อส มีความหอมหวานคล้ายร้านโชกุน จริงๆ แล้วรสชาติ และขนาด ปลามันเหมือนกันจนเกินไป จนอดคิดไม่ได้ว่า หรือว่าการที่โรงแรมดุสิตจะปิด แล้วร้าน โชกุนจะไม่มีแล้ว บรรดาเชฟเค้าแอบย้ายมาร้านนี้รึเปล่า ราคาชามละ 550บาท (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) แต่ ให้พอๆเท่าร้านโชกุน คุ้มมากครับ

เทียบกับขนาดมือครับ

ขนาดปลาและปริมาณข้าวที่ให้มา

คะแนน 9/10 แพ้ร้านโชกุน เพราะไม่มีซุปมาให้ แต่พอเป็นบริการแบบส่งถึงที่ (ไม่มีหน้าร้าน) ทำให้ความกรอบของหนังปลามันหายไป แต่รสชาติก็ไม่ได้อร่อยน้อยลงนะครับ

ไหนๆ ก็เกี่ยวกับปลาไกลแล้ว ขอเพิ่ม ข้าวกดหน้าปลาไหล อีก 1 ละกันครับ สั่งมาพร้อมกับข้าวหน้าปลาไหลเพราะในรูปมันดูชามเล็กจนตอนแรกคิดว่าไม่น่าอิ่ม เลยสั่งข้าวกดมาเพิ่ม


สำหรับกลุ่มเน้นแนวคีบเข้าปากในคำเดียวหมด (ถ้าปากกว้างมากพอนะครับ) เนื้อปลา ชิ้นหนาหนังบางเหมือนข้าวหน้าปลาไหล แต่มาในรูปแบบข้าวกดครับ ผมสั่งมาเพราะ กลัวว่าข้าวหน้าปลาไหลที่สั่งมาจะชามเล็ก (เพราะเห็นราคาไม่แพง) แต่ที่ไหนได้ ทั้ง ข้าวหน้าปลาไหล และข้าวกดหน้าปลาไหลให้มาเยอะมากครับ (แต่ผมก็ทาน) ทานไป ทำงานไป ทานเยอะไปหน่อย ช่วงบ่ายๆ ง่วงเลย  
ราคาข้าวหน้าปลาไหล (ประมาณ) 515บาท คะแนน 9/10
ราคาข้าวกดหน้าปลาไหล (ประมาณ) 330บาท คะแนน 8.0/10

ร้านที่ 3 ร้าน Uta-an Don สาขา Emporium

ร้านนี้เป็นร้านที่ผมมาทานบ่อยมาก ทานตั้งแต่ Emporium เปิดใหม่ๆ เลยครับ ถือว่า เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นคู่บุญกับ Emporium ก็ว่าได้ครับ
ร้านนี้ราคาแพงสุดในรีวิว แต่ไม่ได้แพงสุดในกรุงเทพฯ นะครับวันที่ผมไปทาน ผมไป คนเดียวและไม่ค่อยหิวมาก เลยสั่งข้าวหน้าปลาไหลมาชามเดียว ไม่ได้สั่งแบบเป็นเซ็ต ถ้าเป็นเซ็ตจะเสิร์ฟแบบ Nagoya ที่มาพร้อมซุป และเครื่องเคียงเพื่อให้ทานแบบแบ่ง 4รูปแบบ (จริงๆ น่าจะเรียกว่า 3+1มากกว่า เพราะเป็นการทานแบบ ทานเปล่าๆ , ทาน แบบโรยเครื่องเตียง, ทานแบบเทซุปและเครื่องเคียงใส่ + เลือกหนึ่งในสามแบบที่ชอบ)

เมนูชุดใหญ่ ที่ครล้างท้องมาก่อนทาน

มาที่ขนาดของชามที่เสิร์ฟครับ ให้ปริมาณข้าวเยอะแต่เนื้อปลาไหลน้อยกว่า 2 ร้านที่ เขียน แต่ที่แตกต่างกับร้านอื่นๆ คือ เนื้อปลาไหลที่ร้านนี้จะย่างไฟจนหนังกรอบจริงๆ ครับ ส่วนเนื้อก็ฟูนุ่มส่งกลิ่นหอมของเนื้อปลาไหล ราดซ้อสไม่ชุ่มเพื่อไม่ให้รสหวานของ ซ้อสกลบความอร่อยของเนื้อปลาไหล ผมว่าถ้าใครไม่ชอบทานซ้อส หรือต้องควบคุมเรื่ออาหาร ปลาไหลที่ร้านนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมนะครับ
ข้าวหน้าปลาไหล (ชุดปรกติ) 1,080บาท คะแนน 8/10 (เนื้อปลาน้อยไปนิด)

ร้านที่ 4 ร้าน Zen สาขา Mega บางนา


ข้าวหน้าปลาไหลขนาดพออิ่ม มาพร้อมซุปปลา และเครื่องเคียง เนื้อปลาไหลกับหนัง ปลาไหลหนาแทบไม่ต่างกัน ให้ความรู้สึกนึกถึงปลาไหลแช่งแข็งที่เอามาเข้า Micro wave แล้วราดซ้อสบางเบา
สำหรับราคา 550บาท กับคะแนน 6.5 ถือว่า OK  ทานพอหายอยาก พอให้รู้ว่าข้าวหน้าปลาไหลเป็นอย่างไรี

สำหรับผู้ที่อยากทานข้าวหน้าปลาไหลแบบขี้เกียจออกไปเสาะหาร้านต่างๆ ทานร้านนี้ ก็พอแก้ขัดได้ครับ แต่ถ้าชีวิตนี้ไม่เคยทานข้าวหน้าปลาไหล แล้วไม่อยากเสียความรู้สึก กับการทานครั้งแรก ผมก็ไม่แนะนำร้านนี้นะครับ

ร้านที่5 ร้าน Kaizen ซอยอารีย์

ร้านนี้ เป็นร้านที่ผมรู้สึกว่าเกรดของปลาไหลสู้ร้าน Zen ไม่ได้ เนื้อปลาบางประมาณ เนื้อไก่ต้มที่ถูกแล่บางๆ แล้วใช้มีดตบให้แบน ข้าวที่ให้มาน้อยเนื้อปลาก็น้อย และดัน ไม่อร่อยอีก

เอาเป็นว่าราคาประมาณ 500~600 แต่เอาคะแนนไปเลย 3/10 ครับ อย่าสั่งข้าวหน้าปลาไหลที่ร้านนี้เลยครับ ร้านนี้คงเหมาะแค่ Sashimi/Sushi แบบ Fancy มากกว่าครับ

จบการรีวิวร้านข้าวหน้าปลาไหลสำหรับ ไตรมาศแรกครับ ยังมีอีกหลายร้านที่ผมตั้งใจ ไป แล้วจะมาต่อภาค 2 นะครับ

ปล. ยังไงก็ดี ร้านโชกุนที่โรงแรมดุสิตกำลังจะปิดแล้ว ผมก็อยากจะขอแนะนำให้ไปลองทานกันดูครับ จะได้ทราบว่ามาตราฐานที่ดีของร้านแรกๆ ใน กทม มีรสชาติเป็นอย่างไรครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่