O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O



O หม่นมัวเงียบงันอยู่ ..ในตรู่สาง
หยดน้ำวางตัวเกลื่อน..ทั่วเถื่อนหน
ฟ้าสูง .. ภาพฝูงนก .. บินวก-วน
เมื่อสูรย์พ้นสิขรคล้อย .. ขึ้นลอยดวง
O หอมโกสุมกล่อมยาม .. เมื่อวามวับ-
ดวงวันทอลออระยับขึ้นรับช่วง
ลมเช้าชื่นเฉื่อยโชย .. ก็โดยรวง-
ช่อมาลย์ปวงเตรียบหอมรายล้อม .. รอ
O ตฤปความหอมรื่นล้ำ-แห่งธรรมชาติ
บำบวงภาษปรุงปอง .. พร่ำพร้องขอ
หมายโสตเทพเพลิดเพลิน .. คำเยินยอ
ดลฤทธิ์ต่อสายใย .. รัดใจนั้น
O ผูกมัดใจหนึ่งอยู่ .. อย่ารู้คลาย
เก็บสองปลาย .. ซ่อนไว้เพื่อไหวสั่น-
แห่งถวิลร้อนแรง .. จักแบ่งปัน-
โอบออขวัญ .. อบอุ่นเข้าหนุนทรวง
O ละคาบยามพ้นผ่าน .. แม้นนานเนิ่น
พึงจำเริญแนบแน่นด้วยแหนหวง
ดื่มด่ำรสวาบหวามถ้อยความปวง-
พร้อมความห่วงใยมี .. เต็มที่ทาง
O หมายทุกทุกอณูธาตุ .. ห้วงอากาศ
ยอโอภาสวับวาวทุกก้าวย่าง
ล้อมรูปแพงทองขวัญ .. ป้องสรรพางค์-
ถนอมร่างถนอมเนื้อ .. ไว้เอื้ออิง
O ทุกโอภาสแอบออ .. ร่ำรอถนอม
พึงแนบน้อมอาลัยสู่ใจหญิง
ทุกรอบวันลับดวง .. โปรดช่วงชิง-
ดวงใจมิ่งขวัญวาง .. ที่กลางใจ
O บำบวงถ้อยเทอดแถนทั้งแดนฟ้า
เพื่อก่อรูปพรรณนา .. หมายอาศัย-
สื่อความอุ่นอ่อนหวานจากด้านใน-
ดวงจิตให้สั่นเต้น .. ด้วยเอ็นดู
O เตรียบคำถ้อยเพื่อแถนทั้งแสนสรวง
ช่วยทาบทวงอาวรณ์ .. มอบย้อนสู่-
หัวใจเยาว์อบร่ำความดำรู-
ด้วยนัยชู้แห่งชาย .. ที่หมายชม
O หม่นมัวเงียบงันอยู่แห่งตรู่สาง
ก็เริดร้างด้วยระยับแสงทับถม
ตระการรูปปรารถนาในอารมณ์
ก็ห้อมห่มทรวงไว้ด้วยนัยเดียว
O เตรียบจินตาร่ำรอลออภาค
รับอาวรณ์ไหลหลากอันกรากเชี่ยว
เตรียมใจไว้ปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว-
เจ้าเอื้อมเหนี่ยวเด็ดวาง .. แนบหว่างใจ
O เตรียบอารมณ์ร่ำรอพะนอถวิล
ก็โดยจินตนาความ .. อันหวามไหว
กลางวงรอบเสน่หาความอาลัย
หวังหมุนให้เฝ้าหมาย .. แต่ชายเดียว
O ขวัญเจ้าเอย ..
ครั้งรูปเผยผ่านมาให้ตาเหลียว
เยื่อใยอย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว-
ม้วนสองปลายรัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวไว้
O สายใยแทนความแหนหวง
คือเงื่อนบ่วงโอบขวัญ .. เฝ้าฝันใฝ่
เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน
อุ่นอาลัยล้อมรุม .. เข้าสุมลน
O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย
แววตาฉายสบกันนับพันหน
ก็แต่นั้น .. หวั่นไหว .. และใจคน
จักหลุดพ้นพรากได้ .. เยี่ยงไรฤๅ ?
O เห็นมณีน้ำระยับงามจับตา
ควรคิดคว้าเอาไว้ .. มิใช่หรือ
ใครเล่าจะเหนี่ยวดึง .. ส่งถึงมือ
มีแต่ยื้อยึดครอง .. เป็นของตัว
O เหลื่อมแสงพร้อยพร่างอยู่ไม่รู้สิ้น
เชื่อมสองจินต์เผยออก .. นัยหยอก-ยั่ว
แววมณีแฝงเร้น .. คล้ายเต้น-รัว-
อยู่โดยทั่วดวงมณี .. ณ ที่นั้น
O จนเส้นช่วงโชติวิเชียร .. เริ่มเวียนว่าย
แววช่วงฉายจากไหน .. นะไหวสั่น
ดูเถิด-ที่ก่ำแก้ม .. ราวแต้ม-ปัน-
ด้วยหวามหวั่นจบพักตร์ .. จำหลักแล้ว
O รับรู้ความครวญคะนึง...
เมื่อแววซึ้งซ่านใจ .. นั้นไหวแผ่ว
มณีงามก็คล้ายดั่งจะปลั่งแวว-
และคล้ายแน่วแน่อยู่ .. ให้รู้นัย
O รับรู้ความอาวรณ์...
ที่เหมือนอ้อนออดอยู่ .. จนรู้ได้-
ที่เหมือนอ้อนออดรู้ .. เพื่อรู้ใจ
ที่เหมือนไล้โลมทั่วทั้งตัวตน
O ลมเหนือที่เหน็บหนาว ..
เมื่อโหมฝ่าห้วงหาวทุกคราวหน
เถิด-ทุกครั้งอวลหอม .. เข้าล้อมลน
ล้อมใจคนถวิลชู้อย่ารู้คลาย
O เจ้าดวงมณีเอย ..
ยิ่ง-รำเพยลมร่ำ .. เจ้ารำร่าย-
แววออดอ้อนฝ่าสมัย .. ยั่วใจชาย
เกรงว่า-สายเกินการณ์จักต้านแล้ว !


http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=07-2014&date=24&group=11&gblog=562
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่