คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ก่อนอื่นต้องเข้าใจ ธรรมชาติที่เรียกว่า นิพพาน ...
นิพพานเป็นธรรมที่พิเศษไม่เหมือนธรรมอื่นๆทั้งหมด .. ให้เข้าใจไว้คร่าวๆง่ายๆ คือ นิพพาน ไม่ใช่สังขาร ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ไม่ใช่ตัวตนของใคร มีลักษณะคงที่ไปตลอดกาล ไม่เคยเกิด ไม่เคยดับ ไม่อาจจะผสมกับอะไรได้ ไม่มีอะไรจะเข้าไปหรือออกมาจากนิพพานได้ ..
เมื่อใครฝึกตามหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ จนได้ระดับเข้มข้นเป็นวิปัสสนาญาณ จนได้โลกุตตรอริยมรรคเกิดขึ้น จิตก็จะเห็นนิพพาน เมื่อจิตเห็นนิพพาน ก็จะทำให้กิเลสชั้นลึกหรือชั้นอนุสัยหรือชั้นที่เรียกว่าสังโยชน์ ๑๐ ถูกทำลายไปตามลำดับของอริยมรรคนั้นๆ ตามแต่จะเป็นอริยมรรคขั้นไหน ซึ่งมี ๔ ขั้น...การเกิดขึ้นของอริยมรรคทุกๆขั้นทั้ง ๔ ขั้น นั้น นิพพานจะปรากฏโผล่มาให้จิตเห็นทุกๆครั้ง ...ถ้าได้อริยมรรคขั้นแรก จิตก็ได้เห็นนิพพานครั้งแรก ก็ทำลายสังโยชน์ไปส่วนหนึ่ง ได้ ๓ ตัว ..ผู้นั้นจะเป็นพระโสดาบัน ..ถ้าบรรลุอริยมรรคครั้งที่ ๒ ก็จะทำให้สังโยชน์เบาบางลงไปอีก ผู้นั้นก็จะเป็นพระสกทาคามี ...ถ้าบรรลุอริยมรรคครั้งที่ ๓ ก็จะทำลายสังโยชน์ได้อีก ๒ ตัว ผู้นั้นก็จะเป็นพระอนาคามี ... ถ้าได้บรรลุอริยมรรคอีกครั้ง เป็นครั้งที่ ๔ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก็จะทำลายสังโยชน์ที่เหลืออีก ๕ จนหมดสิ้น จิตของผู้นั้นก็จะเป็นจิตที่บริสุทธิ์จากกิเลส เรียกว่าเป็นพระอรหันต์ ... การบรรลุทุกๆขั้น จนมาถึงเป็นพระอรหันต์ ก็ตาม ..ยังไงๆผู้นั้นก็จะยังต้องรับผลของวิบากกรรมเก่าๆจากอดีตต่อไปเรื่อยๆๆ ... การได้บรรลุมรรคผลทุกๆขั้น ไม่อาจจะหลีกหนีกรรมได้พ้น ยังไงกรรมก็จะตามส่งผลไปเรื่อยๆๆ ตามปกติของกรรม ....แต่ถ้าได้เป็นพระอรหันต์แล้ว และตายไป ก็จะไม่เกิดอีก ก็จะไม่มีกรรมตามส่งผลได้อีก ..จบสิ้นที่ตรงนี้ กองทุกข์ก็หมดที่ตรงนี้.
เพราะฉะนั้น มีวิธีเดียวที่จะหลีกกรรมได้พ้น คือ ฝึกจิตให้บริสุทธิ์จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วตายไป ..หลังจากพระอรหันต์ตายแล้ว ก็จะหลุดพ้นจากทุกๆอย่าง และหลุดพ้นจากกรรมได้หมดสิ้น และที่สำคัญคือ หลุดพ้นจากตัวเองด้วย ไม่มีอะไรจะตามไปยุ่งเกี่ยวพัวพันได้อีก ไม่ต้องขึ้นอยู่กับอะไรอีก ไม่มีพลังหรืออิทธิพลใดๆจะมายุ่งมากำกับควบคุมได้อีก...เป็นอิสระ มีเสรีภาพ 100 %
นิพพานเป็นธรรมที่พิเศษไม่เหมือนธรรมอื่นๆทั้งหมด .. ให้เข้าใจไว้คร่าวๆง่ายๆ คือ นิพพาน ไม่ใช่สังขาร ไม่มีการปรุงแต่งใดๆ ไม่ใช่ตัวตนของใคร มีลักษณะคงที่ไปตลอดกาล ไม่เคยเกิด ไม่เคยดับ ไม่อาจจะผสมกับอะไรได้ ไม่มีอะไรจะเข้าไปหรือออกมาจากนิพพานได้ ..
เมื่อใครฝึกตามหลักอริยมรรคมีองค์ ๘ จนได้ระดับเข้มข้นเป็นวิปัสสนาญาณ จนได้โลกุตตรอริยมรรคเกิดขึ้น จิตก็จะเห็นนิพพาน เมื่อจิตเห็นนิพพาน ก็จะทำให้กิเลสชั้นลึกหรือชั้นอนุสัยหรือชั้นที่เรียกว่าสังโยชน์ ๑๐ ถูกทำลายไปตามลำดับของอริยมรรคนั้นๆ ตามแต่จะเป็นอริยมรรคขั้นไหน ซึ่งมี ๔ ขั้น...การเกิดขึ้นของอริยมรรคทุกๆขั้นทั้ง ๔ ขั้น นั้น นิพพานจะปรากฏโผล่มาให้จิตเห็นทุกๆครั้ง ...ถ้าได้อริยมรรคขั้นแรก จิตก็ได้เห็นนิพพานครั้งแรก ก็ทำลายสังโยชน์ไปส่วนหนึ่ง ได้ ๓ ตัว ..ผู้นั้นจะเป็นพระโสดาบัน ..ถ้าบรรลุอริยมรรคครั้งที่ ๒ ก็จะทำให้สังโยชน์เบาบางลงไปอีก ผู้นั้นก็จะเป็นพระสกทาคามี ...ถ้าบรรลุอริยมรรคครั้งที่ ๓ ก็จะทำลายสังโยชน์ได้อีก ๒ ตัว ผู้นั้นก็จะเป็นพระอนาคามี ... ถ้าได้บรรลุอริยมรรคอีกครั้ง เป็นครั้งที่ ๔ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย ก็จะทำลายสังโยชน์ที่เหลืออีก ๕ จนหมดสิ้น จิตของผู้นั้นก็จะเป็นจิตที่บริสุทธิ์จากกิเลส เรียกว่าเป็นพระอรหันต์ ... การบรรลุทุกๆขั้น จนมาถึงเป็นพระอรหันต์ ก็ตาม ..ยังไงๆผู้นั้นก็จะยังต้องรับผลของวิบากกรรมเก่าๆจากอดีตต่อไปเรื่อยๆๆ ... การได้บรรลุมรรคผลทุกๆขั้น ไม่อาจจะหลีกหนีกรรมได้พ้น ยังไงกรรมก็จะตามส่งผลไปเรื่อยๆๆ ตามปกติของกรรม ....แต่ถ้าได้เป็นพระอรหันต์แล้ว และตายไป ก็จะไม่เกิดอีก ก็จะไม่มีกรรมตามส่งผลได้อีก ..จบสิ้นที่ตรงนี้ กองทุกข์ก็หมดที่ตรงนี้.
เพราะฉะนั้น มีวิธีเดียวที่จะหลีกกรรมได้พ้น คือ ฝึกจิตให้บริสุทธิ์จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วตายไป ..หลังจากพระอรหันต์ตายแล้ว ก็จะหลุดพ้นจากทุกๆอย่าง และหลุดพ้นจากกรรมได้หมดสิ้น และที่สำคัญคือ หลุดพ้นจากตัวเองด้วย ไม่มีอะไรจะตามไปยุ่งเกี่ยวพัวพันได้อีก ไม่ต้องขึ้นอยู่กับอะไรอีก ไม่มีพลังหรืออิทธิพลใดๆจะมายุ่งมากำกับควบคุมได้อีก...เป็นอิสระ มีเสรีภาพ 100 %
แสดงความคิดเห็น
ถ้าเราบรรลุอรหันต์ แล้วจะต้องใช้กรรมไหมครับ