ใครอยากไปเที่ยวต่างประเทศแบบชิคๆ ไปคนเดียวแต่ได้หนุ่มกลับมาเพียบ ตามรอยได้เลยจ้าาาาา!!
ฮานอย 4 วัน 3 คืน นอนรถไฟ 2 คืนกับโฮมสเตย์อีก 1 คืน
รีวิวทริปการเดิน Trekking 2 วัน 1 คืนที่ Sapa พร้อมสอดแทรกเรื่องราวเล็กน้อยของผู้ชายที่เจอ
เที่ยวคนเดียวมันก็ต้องมีหนุ่มๆมาให้ชุ่มชื่นหัวใจนิดนุงง
เ ริ่ ม ! !
-------------------------------------------------------------- Part | รีซ หนุ่มผู้ดีอังกฤษ ----------------------------------------------------------
หลังเครื่องบินลงจอดที่สนามบินฮานอยตอนเช้า เราก็ไปจองตั๋วรถไฟนอนที่ Information
เพื่อประหยัดค่าโรงแรมและต่อไปยังซาปาวันรุ่งขึ้นได้
(ราคาพอกับไปซื้อที่สถานีเลยนะ เช็คแล้ว) หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อยก็หารถเมล์เข้าเมืองเพื่อเดินเล่นรอเวลารถไฟออก
รถเมล์แอร์สีเหลืองสดใสจอดรออยู่ด้านหน้าสนามบินรอให้เราขึ้นไป แต่! เธอรู้จักคนงกไหม? คนงกหน่ะ? 555
หารถหวานเย็นสิคะ เวลาก็มีจนถึงตอนเย็น สรุปมาจบลงที่รถสาย 17 ที่จอดรับส่งคนแทบทุกป้ายคล้ายรถเมล์ฟรีบ้านเราเลย
ว่าแต่เราต้องลงป้ายไหนนะ? เหมือนเขาได้ยินความคิด หนุ่มฝรั่งคนเดียวในรถที่ดูแล้วอยู่ผิดที่ผิดทางก็หันหลังกลับมาตะโกนข้ามหัวเราไปหาคนเวียตนาม
" ใกล้ถึงยัง? "
"ยังๆ ป้ายสุดท้ายเลย "
เฮ้ย นั่นใช่จุดหมายเดียวกันรึเปล่าหน่ะ
" ยูๆ เข้าเมืองๆ ลงป้ายไหน ? "
" ห้ะ อะไร? เธอเป็นใคร?"
" จะเข้าเมืองเหมือนกันไง = = ต้องลงป้ายไหน? "
" อ๋อ ฟอลโล่มีๆ "
" โอ้เย่ กู้ดดดด! "
สนามบินฮานอย
เดินออกจากประตูด้านขวาจะมีรถแอร์จอดอยู่
แต่ถ้าไปแบบเราต้องเดินไปทางซ้ายเพื่อขึ้นรถระหว่างแอร์พอร์ตอันนี้ไปลงป้ายรถเมล์ข้างหน้า
หน้าตาตั๋วรถเมล์ 9,000 ดงเวียตนามประมาณ 15 บาทนะรวมกับรถระหว่างสนามบินอีก 7,000 เราว่าเธอขึ้นรถแอร์เถอะ 555
หลังลงจากรถเราก็แนะนำตัวกันและกัน แล้วคนเวียตนามคนนั้นก็ทิ้งพวกเรา 2 คนไว้ในเมือง
ได้ความว่ารีซมาเที่ยวคนเดียวที่นี่เหมือนกันและก็ขึ้นรถหวานเย็นมาแบบงงๆ พวกเราเลยตัดสินใจเดินเที่ยวด้วยกันในเมืองซะเลย
เริ่มจากมื้อเที่ยงแชร์อาหารเวียตนามในถนนกลางเมืองแต่คนขายกลับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ทำให้เราได้เมนูหน้าตาประหลาดซ้ำยังกินไม่ลง รีซเลยวางตะเกียบยอมแพ้ แล้วชวนไปเดินเล่นพร้อมแผนที่ 1 อันในมือ
" เราว่าสะพานแดงไปทางขวานะ เนี่ยข้ามทางรถไฟไป.. "
" ไม่ใช่ๆ ดูป้ายถนนสิ มันต้องไปทางซ้าย.. "
" เอ้ย นี่มันแยกนี้ไม่ใช่หรอ? ดูสิ.. "
...
อย่างที่ใครเค้าว่ากัน เมื่อใดก็ตามที่นักหลงทางสองคนมาเดินด้วยกัน ปลายทางนั้นจะอยู่ไกลเพิ่มไปอีกหลายกิโล 555555
จนในที่สุดเรามาถึงสะพานแดงด้วยความเหนื่อยล้า รีซจัดแจงถอดถุงเท้าแล้วนั่งลงเอาเท้าจุ่มน้ำ วิวด้านหน้าเป็นเจดีย์พร้อมลมเย็นๆ
" โอ้ยยยย เมื่อยขามากๆเลย เธอก็มานั่งด้วยกันสิ "
" เอ่อ ได้ "
" เอ่าแล้วทำไมไม่ถอดถุงเท้า มาๆเดี๋ยวถอดให้ "
ไม่ทันพูดจบรีซก็เอื้อมมือทำท่าจะถอดถุงเท้าให้ เราจึงรีบถอดถุงเท้าด้วยความเร็วระดับสิบ แล้วรีซก็หัวเราะใหญ่
( เหอะ =.= แกล้งได้แกล้งไปนะรีซซซซ )
ใครรู้ชื่ออาหารนี้บอกเราด้วย ครั้งหน้าจะได้ไม่สั่งหรือจิ้มมั่วอีก
สะพานแดงอันเลื่องลือ บัตรนักเรียนลดราคานะ
นั่งเอาขาจุ่มน้ำ ด้านหน้าวิวเจดีย์ตั้งอยู่กลางน้ำ
แล้วเราก็เดินไปด้วยกันอีกหลายที่ด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
จนมาหยุดที่สุดท้าย ในพิพิธภัณฑ์แห่งนั้น..
ที่ซึ่งรีซหยุดเดินไปดื้อๆ จากนั้นก็ดึงเราเข้าหาตัว จ้องหน้าเรานิดนึง แล้วสักพักก็เลื่อนหน้าลงมาช้าๆ..
เหมือนเรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เราจึงพูดกับเค้าเสียงเบาพร้อมกับสะบัดหน้าหลายที
" No.."
รีซหน้าเสียไปนิดนึงเหมือนพึ่งรู้สึกตัว เค้าขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ บอกว่าอารมณ์มันพาไป
เธอคุยสนุก และเราอาจมีวัฒนธรรมที่ต่างกัน
จากนั้นเราเดินกันมาจนมาถึงทางแยก เค้าก็สวมกอดเรา ก่อนจะกล่าวคำลาพร้อมขอโทษอีกครั้ง
และหันหลังเดินจากไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่หันหลังกลับมามอง..
เราหวังเพียงสักวันคงจะได้พบกันอีกนะ
[CR] เที่ยวเวียตนามเหนือ ฮานอย - ซาปา ฉบับผู้ชายเต็มกระเป๋า :]
ใครอยากไปเที่ยวต่างประเทศแบบชิคๆ ไปคนเดียวแต่ได้หนุ่มกลับมาเพียบ ตามรอยได้เลยจ้าาาาา!!
ฮานอย 4 วัน 3 คืน นอนรถไฟ 2 คืนกับโฮมสเตย์อีก 1 คืน
รีวิวทริปการเดิน Trekking 2 วัน 1 คืนที่ Sapa พร้อมสอดแทรกเรื่องราวเล็กน้อยของผู้ชายที่เจอ
เที่ยวคนเดียวมันก็ต้องมีหนุ่มๆมาให้ชุ่มชื่นหัวใจนิดนุงง
เ ริ่ ม ! !
-------------------------------------------------------------- Part | รีซ หนุ่มผู้ดีอังกฤษ ----------------------------------------------------------
หลังเครื่องบินลงจอดที่สนามบินฮานอยตอนเช้า เราก็ไปจองตั๋วรถไฟนอนที่ Information
เพื่อประหยัดค่าโรงแรมและต่อไปยังซาปาวันรุ่งขึ้นได้
(ราคาพอกับไปซื้อที่สถานีเลยนะ เช็คแล้ว) หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อยก็หารถเมล์เข้าเมืองเพื่อเดินเล่นรอเวลารถไฟออก
รถเมล์แอร์สีเหลืองสดใสจอดรออยู่ด้านหน้าสนามบินรอให้เราขึ้นไป แต่! เธอรู้จักคนงกไหม? คนงกหน่ะ? 555
หารถหวานเย็นสิคะ เวลาก็มีจนถึงตอนเย็น สรุปมาจบลงที่รถสาย 17 ที่จอดรับส่งคนแทบทุกป้ายคล้ายรถเมล์ฟรีบ้านเราเลย
ว่าแต่เราต้องลงป้ายไหนนะ? เหมือนเขาได้ยินความคิด หนุ่มฝรั่งคนเดียวในรถที่ดูแล้วอยู่ผิดที่ผิดทางก็หันหลังกลับมาตะโกนข้ามหัวเราไปหาคนเวียตนาม
" ใกล้ถึงยัง? "
"ยังๆ ป้ายสุดท้ายเลย "
เฮ้ย นั่นใช่จุดหมายเดียวกันรึเปล่าหน่ะ
" ยูๆ เข้าเมืองๆ ลงป้ายไหน ? "
" ห้ะ อะไร? เธอเป็นใคร?"
" จะเข้าเมืองเหมือนกันไง = = ต้องลงป้ายไหน? "
" อ๋อ ฟอลโล่มีๆ "
" โอ้เย่ กู้ดดดด! "
แต่ถ้าไปแบบเราต้องเดินไปทางซ้ายเพื่อขึ้นรถระหว่างแอร์พอร์ตอันนี้ไปลงป้ายรถเมล์ข้างหน้า
หลังลงจากรถเราก็แนะนำตัวกันและกัน แล้วคนเวียตนามคนนั้นก็ทิ้งพวกเรา 2 คนไว้ในเมือง
ได้ความว่ารีซมาเที่ยวคนเดียวที่นี่เหมือนกันและก็ขึ้นรถหวานเย็นมาแบบงงๆ พวกเราเลยตัดสินใจเดินเที่ยวด้วยกันในเมืองซะเลย
เริ่มจากมื้อเที่ยงแชร์อาหารเวียตนามในถนนกลางเมืองแต่คนขายกลับพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
ทำให้เราได้เมนูหน้าตาประหลาดซ้ำยังกินไม่ลง รีซเลยวางตะเกียบยอมแพ้ แล้วชวนไปเดินเล่นพร้อมแผนที่ 1 อันในมือ
" เราว่าสะพานแดงไปทางขวานะ เนี่ยข้ามทางรถไฟไป.. "
" ไม่ใช่ๆ ดูป้ายถนนสิ มันต้องไปทางซ้าย.. "
" เอ้ย นี่มันแยกนี้ไม่ใช่หรอ? ดูสิ.. "
...
อย่างที่ใครเค้าว่ากัน เมื่อใดก็ตามที่นักหลงทางสองคนมาเดินด้วยกัน ปลายทางนั้นจะอยู่ไกลเพิ่มไปอีกหลายกิโล 555555
จนในที่สุดเรามาถึงสะพานแดงด้วยความเหนื่อยล้า รีซจัดแจงถอดถุงเท้าแล้วนั่งลงเอาเท้าจุ่มน้ำ วิวด้านหน้าเป็นเจดีย์พร้อมลมเย็นๆ
" โอ้ยยยย เมื่อยขามากๆเลย เธอก็มานั่งด้วยกันสิ "
" เอ่อ ได้ "
" เอ่าแล้วทำไมไม่ถอดถุงเท้า มาๆเดี๋ยวถอดให้ "
ไม่ทันพูดจบรีซก็เอื้อมมือทำท่าจะถอดถุงเท้าให้ เราจึงรีบถอดถุงเท้าด้วยความเร็วระดับสิบ แล้วรีซก็หัวเราะใหญ่
( เหอะ =.= แกล้งได้แกล้งไปนะรีซซซซ )
แล้วเราก็เดินไปด้วยกันอีกหลายที่ด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน
จนมาหยุดที่สุดท้าย ในพิพิธภัณฑ์แห่งนั้น..
ที่ซึ่งรีซหยุดเดินไปดื้อๆ จากนั้นก็ดึงเราเข้าหาตัว จ้องหน้าเรานิดนึง แล้วสักพักก็เลื่อนหน้าลงมาช้าๆ..
เหมือนเรารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เราจึงพูดกับเค้าเสียงเบาพร้อมกับสะบัดหน้าหลายที
" No.."
รีซหน้าเสียไปนิดนึงเหมือนพึ่งรู้สึกตัว เค้าขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ บอกว่าอารมณ์มันพาไป
เธอคุยสนุก และเราอาจมีวัฒนธรรมที่ต่างกัน
จากนั้นเราเดินกันมาจนมาถึงทางแยก เค้าก็สวมกอดเรา ก่อนจะกล่าวคำลาพร้อมขอโทษอีกครั้ง
และหันหลังเดินจากไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่หันหลังกลับมามอง..
เราหวังเพียงสักวันคงจะได้พบกันอีกนะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น