เมื่อวันที่ 27-29 มีนาคมที่ผ่าน บริษัทได้ส่งตัวผมไปช่วยงานส่วนไอทีที่ออฟฟิศที่ย่างกุ้ง ประเทศเมียนม่าร์ วันที่ 27 เนี่ย ที่โน่นเป็นหยุด (วันกองทัพเมียนม่าร์ - Army Day) ไฟลท์ออกจากที่สุวรรณภูมิเกือบๆบ่ายสอง (ตามเวลาบนบอร์ดดิ้งพาสคือ 13:20น.) ลงจอดที่สนามบินย่างกุ้งบ่ายสองกว่าๆ ผ่าน ตม. และรับกระเป๋าปุ๊บ เดินไปแลกเงินก่อนเลน ใช้เงินไทยนี่แหล่ะแลก แลกไป 3,000 บาท ได้มาแสนหนึ่งนิดๆ (เรท 1 บาทต่อ 37 จ๊าด) เสร็จเดินไปซื้อซิมใกล้ๆแล้วเติมเงินเฉพาะดาต้า 2GB รวมแล้ว 4,500 จ๊าด (ค่าซิม 1,500)
รูปนี่ถ่ายตอนกลับนะครับ ตอนไปถึงไม่ได้ถ่าย (รูปนี้ถ่ายด้วย iPhone 6 แล้วอีดิทด้วย Snapseed
ได้เงินจ๊าดได้ซิมแล้วก็เดินกลับไปตรงทางออกเพื่อไปหาคนขับรถบริษัทที่มารอรับ ตอนเดินออกมายังไม่เห็น แต่ครานี้เจอละ จากสนามบินไปโรงแรม ibis Styles ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไปถึงเช็คอิน ขอเล่าความสะเหล่อซะหน่อย ตอนได้การ์ดแล้วจะขึ้นลิฟท์ไปห้อง พนักงานหน้าลิฟต์บอกให้ช่วยมั๊ย ตอบไปว่าไม่ต้อง ไม่เป็นไร (เพราะของน้อย พี่เกรงใจ) เข้าลิฟต์ปิดปุ๊บ นิ้วไปจิ้มชั้น (2) เอ๊ะ...ทำไมไฟไม่ติดฟระ หรือลิฟต์เสีย พลันสายตาเหลือบไปเห็นข้อความว่า ให้สแกนการ์ดแล้วกดชั้น แล้วมีลูกศรชี้ลงไปที่กล่องดำๆด้านล่างข้อความ พยายามเอาการ์ดจ่อไงก็ไม่ได้ แล้วลิฟต์มันก็อยู่ชั้นเดิมไง แล้วมันก็เปิดประตู พนักงานคนเดินหน้าลิฟต์โผล่พรวดเข้ามา แล้วเอาเอาบัตรในมือเราไป ไปสแกนที่หน้ากล่องดำๆที่ว่าแล้วกดชั้น ไฟติดครับ โห...หน้าชาไปนิ๊ส แต่ยังมีสติยิ้มให้แล้วนิ้วโป้งไปพนักงานแล้วบอก แธ้งค์กิ้วไป หูย...เขิลซะไม่มีอ่ะ
พักให้หายเขิล เอ๊ย หายเหนื่อยจากการเดินทาง (จริงๆไม่ได้เหนื่อยอะไรเล้ย เหมือนบินไปเชียงใหม่ยังไงยังงั้น) เก็บของแล้วก็สะพายกระเป๋ากล้องเดินลงไปหน้าโรงแรม รปภ. ถามว่าแท็กซี่มั๊ยครับ (ไม่ได้ถามเป็นไทยนะครับ นี่แปลมา
) เราก็พยักหน้าพร้อมปากพะงาบว่า Yes, พี่ รปภ. โบกคันแรกที่มาเลย ถามไถ่ว่าไปไหน ผมตอบไปว่า "Shwedagon Pagoda" คนขับบอก 2,500 จ๊าด ตกลงเลยครับ ไม่ต้องต่อ... แล้วผมก็นั่งรถแท็กซี่โอเพ่นแอร์เพื่อจะไปเจีย์ชเวดากอง
สังเกตในรูปดีๆจะเห็นมีคนเดินกลางถนนด้วย ผมนี่เสียวแทน แต่หน้าพี่แกเดินชิลๆมว๊ากกก
[CR] ถูกส่งไปทำงานชั่วคราวที่ย่างกุ้ง เลยได้มีโอกาสไปเที่ยวชมความงดงามของเจดีย์ชเวดากอง
รูปนี่ถ่ายตอนกลับนะครับ ตอนไปถึงไม่ได้ถ่าย (รูปนี้ถ่ายด้วย iPhone 6 แล้วอีดิทด้วย Snapseed
ได้เงินจ๊าดได้ซิมแล้วก็เดินกลับไปตรงทางออกเพื่อไปหาคนขับรถบริษัทที่มารอรับ ตอนเดินออกมายังไม่เห็น แต่ครานี้เจอละ จากสนามบินไปโรงแรม ibis Styles ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไปถึงเช็คอิน ขอเล่าความสะเหล่อซะหน่อย ตอนได้การ์ดแล้วจะขึ้นลิฟท์ไปห้อง พนักงานหน้าลิฟต์บอกให้ช่วยมั๊ย ตอบไปว่าไม่ต้อง ไม่เป็นไร (เพราะของน้อย พี่เกรงใจ) เข้าลิฟต์ปิดปุ๊บ นิ้วไปจิ้มชั้น (2) เอ๊ะ...ทำไมไฟไม่ติดฟระ หรือลิฟต์เสีย พลันสายตาเหลือบไปเห็นข้อความว่า ให้สแกนการ์ดแล้วกดชั้น แล้วมีลูกศรชี้ลงไปที่กล่องดำๆด้านล่างข้อความ พยายามเอาการ์ดจ่อไงก็ไม่ได้ แล้วลิฟต์มันก็อยู่ชั้นเดิมไง แล้วมันก็เปิดประตู พนักงานคนเดินหน้าลิฟต์โผล่พรวดเข้ามา แล้วเอาเอาบัตรในมือเราไป ไปสแกนที่หน้ากล่องดำๆที่ว่าแล้วกดชั้น ไฟติดครับ โห...หน้าชาไปนิ๊ส แต่ยังมีสติยิ้มให้แล้วนิ้วโป้งไปพนักงานแล้วบอก แธ้งค์กิ้วไป หูย...เขิลซะไม่มีอ่ะ
พักให้หายเขิล เอ๊ย หายเหนื่อยจากการเดินทาง (จริงๆไม่ได้เหนื่อยอะไรเล้ย เหมือนบินไปเชียงใหม่ยังไงยังงั้น) เก็บของแล้วก็สะพายกระเป๋ากล้องเดินลงไปหน้าโรงแรม รปภ. ถามว่าแท็กซี่มั๊ยครับ (ไม่ได้ถามเป็นไทยนะครับ นี่แปลมา ) เราก็พยักหน้าพร้อมปากพะงาบว่า Yes, พี่ รปภ. โบกคันแรกที่มาเลย ถามไถ่ว่าไปไหน ผมตอบไปว่า "Shwedagon Pagoda" คนขับบอก 2,500 จ๊าด ตกลงเลยครับ ไม่ต้องต่อ... แล้วผมก็นั่งรถแท็กซี่โอเพ่นแอร์เพื่อจะไปเจีย์ชเวดากอง
สังเกตในรูปดีๆจะเห็นมีคนเดินกลางถนนด้วย ผมนี่เสียวแทน แต่หน้าพี่แกเดินชิลๆมว๊ากกก