ทริปพม่า 3 วัน 2 คืน : ย่างกุ้ง-สิเรียม
ผมเคยมาที่พม่าแล้วหนึ่งครั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้วช่วงนี้ที่พม่ามีการจัดงานกีฬาซีเกมส์ปี 2012
ครั้งนั้นพม่าซึ่งเพิ่งเปิดประเทศยังคงบริสุทธิ์อยู่ หลายๆ อย่างที่ผมมาเห็นในครั้งนี้มันเปลี่ยนไปมาก
สนามบินก็สร้างใหม่ ห้างใหม่ๆ ก็ขึ้นมาเต็มไปหมด
ถนนจากที่เคยเป็นดินก็ลาดยางให้เรียบขึ้น ลองมาดูกันว่าพม่าในวันนี้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
ใครที่ยังไม่เคยมา อยากจะบอกว่ามาเที่ยวพม่าไม่ยาก ราคาตั๋วถูก
สายการบิน Low cost หลายๆ เจ้ามีมาลงที่ย่างกุ้งแล้ว เช่น Airasia, Nokair, Thai lion air
และเมื่อมาถึงอาจจะเช่ารถหรือเที่ยวเองต่อก็ได้ ไม่ได้ยากมีข้อมูลให้ไว้หมดแล้ว เพียงแค่ต้องขยันหาข้อมูลนิดหน่อยเท่านั้นเอง
4 เมษายน 2017 (Day1) :
เครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 12.05 น. มาถึงสนามบินมิงกลาดง 12.55 น. (เวลาที่พม่าช้ากว่าไทยประมาณ 30 นาที)
เมื่อออกมาจาก Immigration แล้ว ให้เราเอาเงินดอลล่าร์ห้ามยับที่เราแลกมาจากไทยมาแลกที่บูทธนาคารก่อน
แลกเป็นเงินพม่าที่เท่าเราคิดว่าเราจะใช้หมด เพราะถ้าเราเหลือเงินพม่ากลับไทย เราจะแลกกลับเป็นเงินไทยได้เรทไม่ค่อยดี
ส่วนเงินดอลล่าร์ที่เหลือก็เก็บไว้ก่อน แต่ในปัจจุบันการนำเงินไทยมาแลกเป็นเงินจ๊าดของพม่านั้นทำได้ง่ายขึ้นมากและก็ไม่เสียเปรียบค่าเงินมากด้วย
อย่างผมเอาเงินมาแลกในห้างพม่าโดยใช้เงินเท่า เราจะได้เรท 39.13 จ๊าด/1 บาท
ก็สรุปว่าต่อไป ถ้าเงินไม่พอเอาเงินไทยแลกเงินพม่าที่นี่เลยก็ได้
ส่วนข้างๆ ธนาคารแลกเงินก็จะเป็นบูทขายซิมโทรศัพท์มือถือ
มีทั้งหมดสามค่ายที่นี่คือ MPT, Ooredoo(สีแดง), Telenor(สีฟ้า) ผมเลือก Ooredoo
แบบใช้อินเตอร์เนทได้ 2 GB ราคา 4,500 จ๊าดก็ประมาณ 113 บาท (คิดจาก 1บาท/40จ๊าด) ใช้งาน 3-4 วันกำลังพอดี
ใครมาพม่าก็ใช้แบบนี้แหละคุ้มค่าดี
หลังจากนั้นก็นั่งรถเข้าเมือง ผมจ้างรถตู้ให้มารับและพาเราไปเที่ยวต่อทั้งวัน
แต่ถ้าใครไม่ได้จ้างรถตู้+คนขับก็นั่งรถแท็กซี่เข้าเมืองได้
สนามบินมิงกลาดงอยู่ห่างเมืองเกือบๆ 20 กิโลเมตร ราคาที่ต่อรองได้ก็ประมาณ 8,000-10,000 จ๊าด
คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะอีกทางนึงก็คือรถเมล์แต่คิดว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
หลังจากเข้าเมืองมาแล้ว เราก็จะเลือกแหล่งที่อยู่ ในย่างกุ้งจะมีแหล่งเมืองอยู่ 2 ที่
คือ 1. ย่าน Bahan แถวนั้นจะเป็นตึกอาคารสำนักงาน, เน้นความเจริญ ตึกสูงเป็นหลัก
กับ 2. ย่านริมแม่น้ำย่างกุ้ง ท่าเรือ มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะกว่า ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวแนะนำให้พักย่านท่องเที่ยวดีกว่า
มีทั้งร้านอาหาร, ห้าง, วัด-เจดีย์ดังๆ, ตลาด, สวน ให้เดินได้ ใช้เวลาประมาณ 2 วันก็น่าจะพอ
แล้วเราจะไปเมืองอื่นๆ ต่อก็ว่ากันไป เช่นเมืองสิเรียม, หงสาวดี, อินแขวน(ไคทิโย)
หรือจะขึ้นเหนือไปไกลหน่อยก็ไป พุกาม, มัณฑะเลย์ ได้เลย ไปด้วยการนั่ง Sleeping bus ไปได้
หลังจากขึ้นรถแล้วผมก็มุ่งหน้าไป สิเรียม ก่อน โดยมีจุดหมายอยู่ที่ เจดีย์กลางน้ำเยเลพญา
ถนนหนทางยังขรุขระ ระหว่างต้องจ่ายเงินค่าผ่านทางให้เจ้าถิ่นตลอด คันของผมต้องจ่ายถึงสามรอบกว่าจะถึงท่าเรือเพื่อข้ามไปเจดีย์
โดยกฏคือ ใครที่ขับรถทะเบียนต่างถิ่นแล้วต้องการเข้ามาในเมืองเค้าก็ต้องจ่ายเงินค่าผ่านทาง
เช่น ทะเบียน YGN (ย่างกุ้ง) ขับเข้าสิเรียมก็ต้องจ่าย หรือถ้าสิเรียมขับเข้าย่างกุ้งก็ต้องจ่าย แต่ถ้าสิเรียมขับอยู่ในสิเรียมไม่ต้องจ่าย
โดยถามว่าใครเป็นคนเก็บ เค้าบอกว่าคนสร้างถนนจะได้สัมปทานในการเก็บเงินนั้น
ครั้งนึงก็ประมาณ 5-10 บาท (แต่จ่ายเป็นเงินจ๊าด) วันนึงหลายร้อยหลายพันคันก็คงรวยกันเลย
มาถึงก็ลงเรือหางยาวข้ามฟาก เหมาเรือทั้งลำก็ประมาณ 5,000 จ๊าด ขึ้นได้ไม่เกิน 15 คน
ขึ้นไปแล้วก็ถอดรองเท้าไว้ในเรือแล้วเดินเท้าเปล่าขึ้นเจดีย์ไปเลย
ด้านในจะมีเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ให้เราไหว้บูชา ขอพรอะไรก็ว่ากันไป แล้วเดินเข้าไปข้างในสุดคือจุดพีค
เพราะเราจะได้ไหว “พระอุปคุต” พระอรหันต์ผู้ปราบมาร สามารถไหว้ขอพรได้เช่นกัน หลังจากนั้นก็ข้ามเรือกลับมา
ระยะทางของเจดีย์กลางน้ำกับตัวเมืองย่างกุ้งก็ประมาณ 30-40 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชั่วโมงก็เดินทางถึง
หลังจากนั้นผมก็กลับมาเชคอินที่โรงแรมในตัวเมืองย่างกุ้ง
ซึ่งผมเลือกโรงแรม Merchant art เป็นโรงแรมสี่ดาวที่ราคาไม่แพง ประมาณ 1500-2000 บาท/คืน แล้วแต่ห้องและฤดูกาล
โรงแรมนี้พนักงานบริการดี ดูแลเราตลอดตั้งแต่เราไปถึง เปิดประตู พูดคุย ถามความต้องการของเราตลอด
และ Location ก็ถือว่าดี เพราะใกล้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง (มองเห็นได้จากดาดฟ้าด้วย)
ตกเย็นเราไปต่อที่ พระมหาเจดีย์ชเวดากอง
ปกติความสวยงามของเจดีย์ช่วงพระอาทิตย์ยังไม่ตก กับพระอาทิตย์ตกแล้วก็ต่างกัน
ถ้าอยากไปเห็นทั้งสองบรรยากาศแนะนำให้ไปถึงซักประมาณ 5 โมงเย็น
แล้วอยู่จนถึงพระอาทิตย์ตก จนทางเจดีย์ได้เปิดไฟเราก็จะเห็นความสวยงามทั้งสองแบบที่ต่างกันไป
รายละเอียดในการไหว้หรือตำแหน่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ สามารถหาได้จากกระทู้อื่นๆ
ตกค่ำเราออกไปหาร้านอาหารนั่งชิวๆ แวะไปสองร้านคือ ไปกินมื้อเย็นที่ร้าน Gekko เราหาจากใน Tripadvisor
ก็เป็นร้านนั่งกินข้าวมีเครื่องดื่มด้วยแต่เราไม่ได้สั่ง สั่งแต่ข้าว โดยสั่ง Salmon roll กับ Risotto Salmon ประมาณนี้ น่าตาก็ตามที่เห็น
ซึ่ง Salmon roll เราจ่ายน่าจะหลายพันจ๊าด แต่รสชาติแบบซูชิ 5 บาท สรุปว่าไม่ค่อยอร่อย
ส่วน Risotto น่าจะ 10,000 กว่าจ๊าด รสชาติโอเค ปลาย่างมาดี
หลังจากนั้นไปนั่งชิวต่อที่ร้าน “The Blind tiger” ที่ต้องเน้นเลยเพราะร้านนี้ถูกใจมาก
ไม่มีคนนั่งเลยทั้งร้าน เราเป็นลูกค้าคนเดียว ร้านดูมืดๆ ลึกลับๆ หน่อย
มี Signature ประมาณ 7-8 เมนูเป็น cocktails ให้เลือกสั่ง หรือจะสั่งเครื่องดื่มอย่างอื่นก็มี
ชอบการตกแต่งของร้าน เพดานสูง พนังมีรูปผู้หญิงพม่าปะทานาคา ก็ดูมีเรื่องราวดี สรุปว่าร้านนี้ชอบ แนะนำให้ไป !!!
5 เมษายน 2017 (Day 2) :
ตื่นเช้ากินข้าวที่โรงแรมให้เสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวไปไหว้เทพทันใจที่เจดีย์โบตะทาวน์
เจดีย์นี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก เข้าไปเจอคนไทยซ้ายขวาหน้าหลัง เชื่อว่าขออะไรก็มักจะได้สมหวังดังตั้งใจ
ฝั่งตรงข้ามจะมีเทพกระซิบ ไกด์เล่าว่าท่านเป็นผู้ปกป้องขุมทรัพย์ เวลาขอพรจากเทพกระซิบจึงมักจะขอเรื่องเงินๆ ทองๆ
คืนนี้เปลี่ยนโรงแรมมานอนโฮสเทล ที่มีชื่อว่า 30TH corner boutique hostel ในย่านเจดีย์สุเล ราคาคืนละ 300 บาท
มี Wifi เดินเข้าไปถึงมีน้ำเปล่าให้คนละ 1 ขวด มีผ้าเช็ดตัวให้ยืม มีน้ำอุ่นให้อาบ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วก็คุ้มค่ากับราคาแล้ว
ถึงเวลาหิวข้าว เดินจากโรงแรมไปแถวๆ ตลาดสก็อตแต่รอบนี้เราไม่ได้เข้าไปเดินในตลาดสก็อต
เพราะมีห้างเปิดใหม่ เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2017
ห้างใหม่ที่เพิ่งเปิดคือ "Junction city" ผมเชื่อว่าห้างนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงการบริโภคของชาวพม่าในย่างกุ้งไปมากเลยทีเดียว
เหมือนตอนที่เซนทรัล, เดอะมอลเข้ามาให้คนไทยได้เดินใหม่ๆ อะไรอย่างงั้น
คนพม่านิยมเข้ามาเดินนะ เข้ามานั่งตากแอร์ ถ่ายรูป เดินดู แต่ไม่ค่อยมีเงินซื้อ
ร้านกาแฟแพงๆ ร้านรองเท้ากระเป๋า คนจะไม่ค่อยเดินเข้า คนจะเข้าร้าน Breadtalk, j'donut, Mini so เพราะซื้อไหว
คนพม่าที่มาที่นี่พยายามแต่งตัวสวยหล่อ ไม่ค่อยเห็นคนใส่เสื้อกล้าม ใส่โสร่งเหมือนที่เดินกันข้างนอก
ที่พม่า Mcdonald และ Starbucks ซึ่งเป็นบริษัทระดับโลกที่ยังไม่เข้ามา
ส่วน KFC, Ippudo ramen, Lotteria, Pizza hut, Fuji เข้ามาแล้ว
เดินสำรวจห้างจนรอบ ระหว่างทางผมก็ถ่ายรูปแนว Street ไปเรื่อยๆ เน้นบรรยากาศของเมืองย่างกุ้งเป็นหลัก
เดินจนเหนื่อย หาข้อมูลใน Tripadvisor หาร้านนวด เจอร้านนี้ Sapel Massage spa ร้านนวดอันดับหนึ่งในย่างกุ้ง
ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 จ๊าด แต่คนที่ร้านจะเชียรให้เลือกแพคเกจ 20,000-25,000 จ๊าด เราเลยเลือกแพคเกจ Head to toe 24,000 จ๊าด
นวดดีนะ ไล่ตั้งแต่หัวลงมาจนถึงเท้า ชอบ แต่ว่าพอเดินออกมา เจอร้านข้างๆ นวดเวลาเท่ากันราคา 7,000 จ๊าด
ผมนี่อยากจะร้องจ๊ากกกก! ทำไมราคามันต่างกันขนาดนี้
หลังจากนวดเสร็จเดินตัวเบาๆ ไปนั่งเล่น ถ่ายรูปที่ Maha Bandula park เป็นสวนที่คนพม่านิยมมานั่งเล่นยามเย็น
รอบๆ บริเวณมีสถานที่สวยๆ หลายแห่ง เช่น เจดีย์, โบสถ์และมัสยิด ที่แสดงถึงการอยู่ร่วมกันของสามศาสนาได้เป็นอย่างดี
[CR] [Traveller's trade] ย่างกุ้ง-สิเรียม ใกล้ๆ ไปมารึยัง... 2 วันก็เที่ยวได้
ผมเคยมาที่พม่าแล้วหนึ่งครั้งเมื่อ 5 ปีที่แล้วช่วงนี้ที่พม่ามีการจัดงานกีฬาซีเกมส์ปี 2012
ครั้งนั้นพม่าซึ่งเพิ่งเปิดประเทศยังคงบริสุทธิ์อยู่ หลายๆ อย่างที่ผมมาเห็นในครั้งนี้มันเปลี่ยนไปมาก
สนามบินก็สร้างใหม่ ห้างใหม่ๆ ก็ขึ้นมาเต็มไปหมด
ถนนจากที่เคยเป็นดินก็ลาดยางให้เรียบขึ้น ลองมาดูกันว่าพม่าในวันนี้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง
สายการบิน Low cost หลายๆ เจ้ามีมาลงที่ย่างกุ้งแล้ว เช่น Airasia, Nokair, Thai lion air
และเมื่อมาถึงอาจจะเช่ารถหรือเที่ยวเองต่อก็ได้ ไม่ได้ยากมีข้อมูลให้ไว้หมดแล้ว เพียงแค่ต้องขยันหาข้อมูลนิดหน่อยเท่านั้นเอง
เครื่องออกจากสนามบินดอนเมือง เวลา 12.05 น. มาถึงสนามบินมิงกลาดง 12.55 น. (เวลาที่พม่าช้ากว่าไทยประมาณ 30 นาที)
เมื่อออกมาจาก Immigration แล้ว ให้เราเอาเงินดอลล่าร์ห้ามยับที่เราแลกมาจากไทยมาแลกที่บูทธนาคารก่อน
แลกเป็นเงินพม่าที่เท่าเราคิดว่าเราจะใช้หมด เพราะถ้าเราเหลือเงินพม่ากลับไทย เราจะแลกกลับเป็นเงินไทยได้เรทไม่ค่อยดี
ส่วนเงินดอลล่าร์ที่เหลือก็เก็บไว้ก่อน แต่ในปัจจุบันการนำเงินไทยมาแลกเป็นเงินจ๊าดของพม่านั้นทำได้ง่ายขึ้นมากและก็ไม่เสียเปรียบค่าเงินมากด้วย
อย่างผมเอาเงินมาแลกในห้างพม่าโดยใช้เงินเท่า เราจะได้เรท 39.13 จ๊าด/1 บาท
ก็สรุปว่าต่อไป ถ้าเงินไม่พอเอาเงินไทยแลกเงินพม่าที่นี่เลยก็ได้
มีทั้งหมดสามค่ายที่นี่คือ MPT, Ooredoo(สีแดง), Telenor(สีฟ้า) ผมเลือก Ooredoo
แบบใช้อินเตอร์เนทได้ 2 GB ราคา 4,500 จ๊าดก็ประมาณ 113 บาท (คิดจาก 1บาท/40จ๊าด) ใช้งาน 3-4 วันกำลังพอดี
ใครมาพม่าก็ใช้แบบนี้แหละคุ้มค่าดี
แต่ถ้าใครไม่ได้จ้างรถตู้+คนขับก็นั่งรถแท็กซี่เข้าเมืองได้
สนามบินมิงกลาดงอยู่ห่างเมืองเกือบๆ 20 กิโลเมตร ราคาที่ต่อรองได้ก็ประมาณ 8,000-10,000 จ๊าด
คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เพราะอีกทางนึงก็คือรถเมล์แต่คิดว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่
คือ 1. ย่าน Bahan แถวนั้นจะเป็นตึกอาคารสำนักงาน, เน้นความเจริญ ตึกสูงเป็นหลัก
กับ 2. ย่านริมแม่น้ำย่างกุ้ง ท่าเรือ มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะกว่า ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวแนะนำให้พักย่านท่องเที่ยวดีกว่า
มีทั้งร้านอาหาร, ห้าง, วัด-เจดีย์ดังๆ, ตลาด, สวน ให้เดินได้ ใช้เวลาประมาณ 2 วันก็น่าจะพอ
แล้วเราจะไปเมืองอื่นๆ ต่อก็ว่ากันไป เช่นเมืองสิเรียม, หงสาวดี, อินแขวน(ไคทิโย)
หรือจะขึ้นเหนือไปไกลหน่อยก็ไป พุกาม, มัณฑะเลย์ ได้เลย ไปด้วยการนั่ง Sleeping bus ไปได้
ถนนหนทางยังขรุขระ ระหว่างต้องจ่ายเงินค่าผ่านทางให้เจ้าถิ่นตลอด คันของผมต้องจ่ายถึงสามรอบกว่าจะถึงท่าเรือเพื่อข้ามไปเจดีย์
โดยกฏคือ ใครที่ขับรถทะเบียนต่างถิ่นแล้วต้องการเข้ามาในเมืองเค้าก็ต้องจ่ายเงินค่าผ่านทาง
เช่น ทะเบียน YGN (ย่างกุ้ง) ขับเข้าสิเรียมก็ต้องจ่าย หรือถ้าสิเรียมขับเข้าย่างกุ้งก็ต้องจ่าย แต่ถ้าสิเรียมขับอยู่ในสิเรียมไม่ต้องจ่าย
โดยถามว่าใครเป็นคนเก็บ เค้าบอกว่าคนสร้างถนนจะได้สัมปทานในการเก็บเงินนั้น
ครั้งนึงก็ประมาณ 5-10 บาท (แต่จ่ายเป็นเงินจ๊าด) วันนึงหลายร้อยหลายพันคันก็คงรวยกันเลย
ขึ้นไปแล้วก็ถอดรองเท้าไว้ในเรือแล้วเดินเท้าเปล่าขึ้นเจดีย์ไปเลย
ด้านในจะมีเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ให้เราไหว้บูชา ขอพรอะไรก็ว่ากันไป แล้วเดินเข้าไปข้างในสุดคือจุดพีค
เพราะเราจะได้ไหว “พระอุปคุต” พระอรหันต์ผู้ปราบมาร สามารถไหว้ขอพรได้เช่นกัน หลังจากนั้นก็ข้ามเรือกลับมา
ระยะทางของเจดีย์กลางน้ำกับตัวเมืองย่างกุ้งก็ประมาณ 30-40 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1-1.30 ชั่วโมงก็เดินทางถึง
ซึ่งผมเลือกโรงแรม Merchant art เป็นโรงแรมสี่ดาวที่ราคาไม่แพง ประมาณ 1500-2000 บาท/คืน แล้วแต่ห้องและฤดูกาล
โรงแรมนี้พนักงานบริการดี ดูแลเราตลอดตั้งแต่เราไปถึง เปิดประตู พูดคุย ถามความต้องการของเราตลอด
และ Location ก็ถือว่าดี เพราะใกล้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพระมหาเจดีย์ชเวดากอง (มองเห็นได้จากดาดฟ้าด้วย)
ปกติความสวยงามของเจดีย์ช่วงพระอาทิตย์ยังไม่ตก กับพระอาทิตย์ตกแล้วก็ต่างกัน
ถ้าอยากไปเห็นทั้งสองบรรยากาศแนะนำให้ไปถึงซักประมาณ 5 โมงเย็น
แล้วอยู่จนถึงพระอาทิตย์ตก จนทางเจดีย์ได้เปิดไฟเราก็จะเห็นความสวยงามทั้งสองแบบที่ต่างกันไป
รายละเอียดในการไหว้หรือตำแหน่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ สามารถหาได้จากกระทู้อื่นๆ
ก็เป็นร้านนั่งกินข้าวมีเครื่องดื่มด้วยแต่เราไม่ได้สั่ง สั่งแต่ข้าว โดยสั่ง Salmon roll กับ Risotto Salmon ประมาณนี้ น่าตาก็ตามที่เห็น
ซึ่ง Salmon roll เราจ่ายน่าจะหลายพันจ๊าด แต่รสชาติแบบซูชิ 5 บาท สรุปว่าไม่ค่อยอร่อย
ส่วน Risotto น่าจะ 10,000 กว่าจ๊าด รสชาติโอเค ปลาย่างมาดี
ไม่มีคนนั่งเลยทั้งร้าน เราเป็นลูกค้าคนเดียว ร้านดูมืดๆ ลึกลับๆ หน่อย
มี Signature ประมาณ 7-8 เมนูเป็น cocktails ให้เลือกสั่ง หรือจะสั่งเครื่องดื่มอย่างอื่นก็มี
ชอบการตกแต่งของร้าน เพดานสูง พนังมีรูปผู้หญิงพม่าปะทานาคา ก็ดูมีเรื่องราวดี สรุปว่าร้านนี้ชอบ แนะนำให้ไป !!!
ตื่นเช้ากินข้าวที่โรงแรมให้เสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวไปไหว้เทพทันใจที่เจดีย์โบตะทาวน์
เจดีย์นี้ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก เข้าไปเจอคนไทยซ้ายขวาหน้าหลัง เชื่อว่าขออะไรก็มักจะได้สมหวังดังตั้งใจ
ฝั่งตรงข้ามจะมีเทพกระซิบ ไกด์เล่าว่าท่านเป็นผู้ปกป้องขุมทรัพย์ เวลาขอพรจากเทพกระซิบจึงมักจะขอเรื่องเงินๆ ทองๆ
มี Wifi เดินเข้าไปถึงมีน้ำเปล่าให้คนละ 1 ขวด มีผ้าเช็ดตัวให้ยืม มีน้ำอุ่นให้อาบ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วก็คุ้มค่ากับราคาแล้ว
เพราะมีห้างเปิดใหม่ เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2017
เหมือนตอนที่เซนทรัล, เดอะมอลเข้ามาให้คนไทยได้เดินใหม่ๆ อะไรอย่างงั้น
ร้านกาแฟแพงๆ ร้านรองเท้ากระเป๋า คนจะไม่ค่อยเดินเข้า คนจะเข้าร้าน Breadtalk, j'donut, Mini so เพราะซื้อไหว
คนพม่าที่มาที่นี่พยายามแต่งตัวสวยหล่อ ไม่ค่อยเห็นคนใส่เสื้อกล้าม ใส่โสร่งเหมือนที่เดินกันข้างนอก
ส่วน KFC, Ippudo ramen, Lotteria, Pizza hut, Fuji เข้ามาแล้ว
เดินจนเหนื่อย หาข้อมูลใน Tripadvisor หาร้านนวด เจอร้านนี้ Sapel Massage spa ร้านนวดอันดับหนึ่งในย่างกุ้ง
ราคาเริ่มต้นที่ 10,000 จ๊าด แต่คนที่ร้านจะเชียรให้เลือกแพคเกจ 20,000-25,000 จ๊าด เราเลยเลือกแพคเกจ Head to toe 24,000 จ๊าด
นวดดีนะ ไล่ตั้งแต่หัวลงมาจนถึงเท้า ชอบ แต่ว่าพอเดินออกมา เจอร้านข้างๆ นวดเวลาเท่ากันราคา 7,000 จ๊าด
ผมนี่อยากจะร้องจ๊ากกกก! ทำไมราคามันต่างกันขนาดนี้
หลังจากนวดเสร็จเดินตัวเบาๆ ไปนั่งเล่น ถ่ายรูปที่ Maha Bandula park เป็นสวนที่คนพม่านิยมมานั่งเล่นยามเย็น
รอบๆ บริเวณมีสถานที่สวยๆ หลายแห่ง เช่น เจดีย์, โบสถ์และมัสยิด ที่แสดงถึงการอยู่ร่วมกันของสามศาสนาได้เป็นอย่างดี
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น