สวัสดีครับ ผมอยากให้ทุกๆท่านสละเวลา อ่านเรื่องที่ผมเขียนต่อไปนี้ มันอาจไม่ใช่เรื่องสนุกหรือเป็นเรื่องบันเทิง แต่มันคือเรื่องจริง ของสังคม และชีวิตหนึ่งชีวิต ที่ยังหายใจ และมีความรู้สึก...
ครั้งหนึ่งเมื่อตอนผมยังเป็นเด็ก ผมก็เหมือนทุกๆคนแหละครับ มีความฝัน มีเป้าหมาย และมีแนวทางของชีวิต แน่นอนครับเป้าหมายและความฝันของทุกคนต้องสวยและต้องดี ผมเองก็เช่นกัน....
จนวันหนึ่งพายุลูกใหญ่ได้โหมกระหน่ำใส่ชีวิตของผม พัดพาเอาทั้งเป้าหมายและความฝันพังหมดสิ้นไปเพียงชั่วข้ามคืน ใครจะเชื่อว่าตัวอักษรภาษาอังกฤษเพียงสามตัว H I V นี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตผมไปอย่างสิ้นเชิง แน่นอนครับว่าคงไม่มีใครดีใจหรอกที่ติดเชื้อมา ผมร้องไห้ เสียใจหลายวันกลายเป็นคนซึมเศร้าปล่อยชีวิตให้ไรค่าจนบางครั้งก็หลงที่จะอดคิดสั้นไม่ได้
“แต่เมื่อพายุพัดผ่านไปท้องฟ้าย่อมสดใส แต่ยังคงทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้” หลายวันผ่านไปผมได้ตั้งสติ คิดหาทางที่จะรักษา แน่นอนอินเตอร์เน็ตมีข้อมูลให้ค้นหามากมายทั้งเรื่องยา และแนวทางการรักษา เมื่อได้ข้อมูลมากพอแล้วก็เดินหน้ารับยาต้านฯ และรักษาเรื่อยมา จนในที่สุดสุขภาพร่างกายทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ รวมทั้งความฝันที่เคยพังทลายก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง
“โลกนี้เหมือนจะสวยงาม...” ร่างกายผมแข็งแรง สุขภาพดี ไม่ต่างอะไรกับคนปกติ ผมเริ่มทำตามความฝัน....
แต่แล้ว...!!! ความฝันก็คือความฝัน ในโลกของความเป็นจริง คนที่ติดเชื้ออย่างผม แทบจะไม่มีที่ยืนในสังคม ผมจะทำตามความฝันที่อยากจะเป็นทหารอย่างที่ตั้งใจมาโดยตลอดก็ไม่ได้ เพราะเค้าไม่รับผู้ติดเชื้อ... ไปสมัครงานเค้าก็ตรวจเลือดหา HIV ที่ทำงานเอกชนหลายแห่งรวมทั้งงานราชการ ต่างให้เหตุผลที่แทบไม่ต่างกันคือ “ต้องการคนที่ร่างกายแข็งแรงเข้าทำงาน” ทำไมหลายคนจึงตอบแบบนี้ เพราะพวกเค้าเข้าใจว่า
“คนติดเชื้อ HIV = คนป่วยที่น่ารังเกียจใกล้ตายควรอยู่ให้ห่างดีที่สุด”
ผมอยากจะบอกครับว่า ถ้าอยากตรวจความแข็งแรงก็ตรวจหาปริมาณไวรัส หรือไม่ก็ตรวจหาค่า CD4 กันไปเลย มีเชื้อ HIV ไม่ใช่เอดส์ มันรักษาได้ แข็งแรงได้ ติดเชื้อแล้วไม่ได้ใกล้ตาย กินยาต่อเนื่องก็ชีวิตปกติแล้ว อย่ารังเกียจกีดกันและตีตราพวกเรา ทำเหมือนพวกเราไม่ใช่คน เรามีลมหายใจ มีทุกอย่างเหมือนๆกับทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจจริงๆ อย่างที่ผมเคยบอกโลกนี้เหมือนจะสวยงาม...
"ผมใกล้ตายไม่ใช่เพราะ HIV ในเลือดผมหรอกครับ แต่มันเป็น HIV ในความคิดของคนที่ไม่เข้าใจและไม่ยอมเปิดใจ... "
ผมใกล้ตาย... เพราะ HIV
ครั้งหนึ่งเมื่อตอนผมยังเป็นเด็ก ผมก็เหมือนทุกๆคนแหละครับ มีความฝัน มีเป้าหมาย และมีแนวทางของชีวิต แน่นอนครับเป้าหมายและความฝันของทุกคนต้องสวยและต้องดี ผมเองก็เช่นกัน....
จนวันหนึ่งพายุลูกใหญ่ได้โหมกระหน่ำใส่ชีวิตของผม พัดพาเอาทั้งเป้าหมายและความฝันพังหมดสิ้นไปเพียงชั่วข้ามคืน ใครจะเชื่อว่าตัวอักษรภาษาอังกฤษเพียงสามตัว H I V นี้ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตผมไปอย่างสิ้นเชิง แน่นอนครับว่าคงไม่มีใครดีใจหรอกที่ติดเชื้อมา ผมร้องไห้ เสียใจหลายวันกลายเป็นคนซึมเศร้าปล่อยชีวิตให้ไรค่าจนบางครั้งก็หลงที่จะอดคิดสั้นไม่ได้
“แต่เมื่อพายุพัดผ่านไปท้องฟ้าย่อมสดใส แต่ยังคงทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้” หลายวันผ่านไปผมได้ตั้งสติ คิดหาทางที่จะรักษา แน่นอนอินเตอร์เน็ตมีข้อมูลให้ค้นหามากมายทั้งเรื่องยา และแนวทางการรักษา เมื่อได้ข้อมูลมากพอแล้วก็เดินหน้ารับยาต้านฯ และรักษาเรื่อยมา จนในที่สุดสุขภาพร่างกายทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ รวมทั้งความฝันที่เคยพังทลายก็เริ่มกลับมาอีกครั้ง
“โลกนี้เหมือนจะสวยงาม...” ร่างกายผมแข็งแรง สุขภาพดี ไม่ต่างอะไรกับคนปกติ ผมเริ่มทำตามความฝัน....
แต่แล้ว...!!! ความฝันก็คือความฝัน ในโลกของความเป็นจริง คนที่ติดเชื้ออย่างผม แทบจะไม่มีที่ยืนในสังคม ผมจะทำตามความฝันที่อยากจะเป็นทหารอย่างที่ตั้งใจมาโดยตลอดก็ไม่ได้ เพราะเค้าไม่รับผู้ติดเชื้อ... ไปสมัครงานเค้าก็ตรวจเลือดหา HIV ที่ทำงานเอกชนหลายแห่งรวมทั้งงานราชการ ต่างให้เหตุผลที่แทบไม่ต่างกันคือ “ต้องการคนที่ร่างกายแข็งแรงเข้าทำงาน” ทำไมหลายคนจึงตอบแบบนี้ เพราะพวกเค้าเข้าใจว่า
ผมอยากจะบอกครับว่า ถ้าอยากตรวจความแข็งแรงก็ตรวจหาปริมาณไวรัส หรือไม่ก็ตรวจหาค่า CD4 กันไปเลย มีเชื้อ HIV ไม่ใช่เอดส์ มันรักษาได้ แข็งแรงได้ ติดเชื้อแล้วไม่ได้ใกล้ตาย กินยาต่อเนื่องก็ชีวิตปกติแล้ว อย่ารังเกียจกีดกันและตีตราพวกเรา ทำเหมือนพวกเราไม่ใช่คน เรามีลมหายใจ มีทุกอย่างเหมือนๆกับทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจจริงๆ อย่างที่ผมเคยบอกโลกนี้เหมือนจะสวยงาม...