เงิบทั้งประเทศ! กระบะแค็บนั่ง2คน ดีลเลอร์บอกไม่หมด คนซื้อประยุกต์ใช้เอง?

กระทู้ข่าว
7 เม.ย. 2560 05:30

ยังคงต้องถกเถียงกันต่อ! ประเด็นรถกระบะห้ามนั่งแค็บและท้าย เพราะหากกวดขันและดำเนินการตามกฎหมายจริงๆ อาจกระทบกับชีวิต “วิถีแบบไทย” ก็เป็นได้

เรื่องนี้ความจริงจะโทษชาวบ้านตาดำๆ ที่หาชาวกินค่ำ หรือคนซื้อรถมาใช้งานก็ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครเคยบอกมาก่อน!

ดังนั้น จึงเป็นที่มาของรายงานพิเศษชิ้นนี้ ที่ตั้งใจปอกเปลือกเบื้องหลัง ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของกระบะมีแค็บ จากผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ประสบการณ์ 25 ปี “บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์” ซึ่งกูรูยานยนต์ผู้นี้จะเป็นผู้ไขคำตอบ ว่าเหตุใดคนไทยทั่วไปจึงใช้รถผิดประเภทกันครึ่งค่อนประเทศ รวมถึงไปฟังจากปากดีลเลอร์รถกระบะว่า หากกฎหมายนี้บังคับใช้ขึ้นมาจริงๆ พวกเขาจะได้รับผลกระทบหรือไม่

เปิดประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ กระบะแค็บ เริ่มต้นคือ รถบรรทุกขนาดเล็ก แต่ถูกใช้แบบขยิบตารู้กัน

บอย วรพล กล่าวว่า หากจะพูดถึงประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของรถกระบะนั้น ต้องย้อนกลับไปสมัยก่อน ก็จะเห็นว่ารถกระบะสมัยก่อนจะมีอยู่ตอนเดียว ไม่มีแค็บแต่อย่างใด เพราะที่มาคือมันเป็น “รถบรรทุก” เพื่อการพาณิชย์ เครื่องอำนวยความสะดวก ไม่มีรูปทรงก็ออกแบบทื่อๆ วัตถุประสงค์การใช้งานก็เพื่อใช้บรรทุกของ ไม่ได้บรรทุกคน ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Light truck”

แต่ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เราใช้งานมันในลักษณะของรถเอนกประสงค์ ขนของบ้าง ขนคนบ้าง จึงทำให้เกิด “แค็บ” ขึ้น เพื่ออยากให้เป็นแบบ “ลูกผสม” เพิ่มการขนของในห้องโดยสาร และให้คนนั่งได้ในบางโอกาส กล่าวอย่างเป็นทางการคือ ให้ขนของ กล่าวอย่างไม่เป็นทางการ คือ ให้คนนั่งไปได้บ้าง!

สำหรับในเมืองไทย กระบะแค็บ ไม่ได้มีไว้ขนคน เนื่องจากกฎหมายไม่เอื้ออำนวย เราจดทะเบียนเป็นรถขนของ แต่เรื่องนี้กลายเป็นเรื่อง “สมยอมกัน” ระหว่างผู้ผลิตกับคนใช้รถ เพราะคนไทยมองว่าเป็นรถสำหรับขนคนเป็นหลัก บริษัทรถจะบอกว่า “นี่เอาไว้ขนของนะ” แต่ลึกๆ คือเขาไม่เคยบอกว่า “เอาไว้ขนคน” และประชาชนทั่วไปเขาก็นำไปใช้ “ขนคนจริงๆ” ส่วนที่ใช้ขนของเป็นจริงจังไม่มาก


นั่งยัน นอนยัน บริษัทขายรถไม่เคยบอกว่านั่งตรงแค็บได้ แต่กลับพยายามขยายให้กว้างขึ้นเรื่อยๆ เพื่อ..!?

กูรูยานยนต์อย่าง คุณบอย ยังกล่าวอย่างหนักแน่นว่า บริษัทรถไม่เคยพูดเรื่องนี้อย่างเป็นทางการเลย เพราะมันพูดไม่ได้ จะถามว่าบริษัทรถหลอกลวงประชาชนหรือไม่ คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะในโบรชัวร์ขายรถ จะไม่มีที่นั่งหลังแค็บรถเลย บริษัทรถไม่เคยหลอกลวง แต่...ไม่เคยบอกว่า “ห้ามนั่ง” เพราะมันไม่มีเบาะ

ประเด็นอยู่ที่ว่า ดีลเลอร์ หรือ เซลส์ มักจะแถมเบาะ หรือ เสนอให้ซื้อเบาะเพิ่ม ผมท้าเลยให้ลองกางโบร์ชัวร์ดู รถมีแค็บทุกยี่ห้อไม่มีเบาะ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่อง “เลี่ยงบาลี” แต่เขาเป็นพ่อค้าที่อยากจะขายของ ซึ่งแค็บไม่ได้มีไว้นั่งก็ทำแค็บให้กว้างขึ้นมาโดยตลอด จนกระทั่งทางราชการเขากำหนดว่ารถโดยสารที่มีแค็บ ห้ามยาวเท่าไร ซึ่งเรื่องนี้มีกฎหมายควบคุมอยู่จึงทำให้เป็นที่นั่งไม่ได้

“ผมอยากให้ไปลองถามคนไทยทั่วไปเลยว่า ถ้ากระบะแค็บไม่มีเบาะแต่แรก ผมเชื่อว่าหน้าเหวอเกือบทุกคน ทางการก็ไม่ได้บอก ทั้งที่มีกฎหมายมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2520 กว่าๆ ซึ่งบริษัทรถเองเขารู้ เขาถึงไม่ใส่เบาะมาให้ เขาจึงพยายามพัฒนาให้แค็บมันกว้างขึ้น เพื่อให้นั่งสบายขึ้น แต่เขาจะอ้างว่าไว้ใส่ของได้มากขึ้น! ซึ่งเขาพยายามทำจนแค็บสามารถเปิดได้ ผมถามว่า ทำให้เปิดได้เพื่อใส่ของง่ายขึ้นหรือ..? เพื่อให้คนขึ้นลงได้ง่ายขึ้นหรือไม่ แต่เขาก็ไม่เคยบอกว่าห้ามเขาไปนั่ง”

แต่...มีรถอยู่ยี่ห้อหนึ่ง คือ นิสสัน เขาทำเบาะไว้ให้นั่ง รวมเป็น 4 ที่นั่ง พร้อมมีเข็มขัดนิรภัย ซึ่งรุ่นนี้ผลิตในเมืองไทยแต่เขามีไว้เพื่อส่งออก เพราะขายในเมืองไทยไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่อนุญาต หากจะจดทะเบียนก็ต้องจดเป็น 4 ประตู ซึ่งก็จะแพงและเสียภาษีรายปีแพงกว่า


ทางออกแบบไทยๆ ควรอนุโลม ย้ำเตือน ใช้กฎหมายพอประมาณ

ในฐานะที่คร่ำหวอดในวงการนี้มาอย่างยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ นายวรพล แนะนำทางออกว่า...สำหรับผม คิดว่าควรจะเจอกันครึ่งทาง คือ ควรให้ใช้นั่งหลังแค็บกันต่อไป แต่...รัฐบาลจะต้องเตือนประชาชนว่า การนั่งด้านหลังแค็บต้องระมัดระวังนะ เนื่องจากตรงนี้ไม่ใช่ที่นั่งสำหรับคนนะ นั่งตรงนี้แล้วไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร รัฐมีหน้าที่ป่าวประกาศให้ผู้คนได้รับทราบ จะได้ระมัดระวังในการนั่ง หากเลี่ยงได้ให้เลี่ยงซะ

ในมุมกฎหมาย คุณก็แก้ไปเลยว่านั่งแค็บได้ ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งเราก็เข้าใจว่ามีประเด็นเรื่องความปลอดภัย แต่ก็มีกันออกมาแบบนี้แล้ว เราก็ต้องยอมแบบวิถีไทย ถ้ามิเช่นนั้นก็จะมีดราม่ากันอีก เช่น มา 4 คน จะให้ไปยังไง ขี่คอกันไปหรือ จะให้ซื้อรถใหม่หรือ เป็นต้น สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้คือต้องจำใจแล้ว ใช้แบบไทยๆ รถสมัยเก่าไม่มีเข็มขัดนิรภัย ยังอนุโลมเลย

“หากมีการบังคับใช้จริงๆ คงมีคนเดือดร้อนจำนวนมาก จากการคาดการณ์คาดว่ามีรถในลักษณะนี้วิ่งอยู่บนท้องถนนมากกว่า 3 ล้านคัน รถตอนเดียวขายไม่ดีเพราะนั่งไม่ได้ รถ 4 ประตู ขายไม่ดีเพราะมันแพง แค็บขายดีเพราะนั่งได้”

นอกจากนี้ กูรูยานยนต์คนเดิม ยังกล่าวลากเสียงแบบมีอารมณ์เล็กน้อยว่า ที่ผ่านมามีบางสื่อเขียนว่า “เขาสมัครใจที่จะเจ็บตาย...เขียนแบบนี้ไม่ได้ เพราะหากมีผู้บาดเจ็บ โรงพยาบาลที่แน่นอยู่แล้ว หากพูดแบบบ้านๆ คือ มันเปลืองทรัพยากรโรงพยาบาล นอกจากนี้ รัฐบาลก็ยังต้องช่วยจ่ายอีก หากตายไปก็ต้องไปวัดอีก เราทุกคนเป็นทรัพยากรของประเทศ จะปล่อยให้ตายๆ ไปหรือ จะมาอ้างว่าเป็น “ชีวิตกู” ไม่ได้”


ส่วนทางออก “การนั่งหลังกระบะ” คุณบอย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยครึ่งไม่เห็นด้วยครึ่ง คือ หากจะนั่งหลังกระบะนั้นสามารถนั่งได้ แต่ควรนั่งในพื้นที่สวน ไร่ นา ชุมชน หรือถนนขนาดเล็กที่วิ่งช้า แต่ทางหลวงก็ไม่ควร เพราะหากเกิดอุบัติเหตุเทกระจาดก็ตายกันเยอะ เมื่อพูดแบบนี้คนก็จะค้าน บอกต้องการกลับบ้าน วิธีแก้คือ

1. กำหนดวันที่สามารถวิ่งบนถนนทางหลวงได้
2. จำกัดความเร็ว ความคิดตน ควรไม่เกิน 60 กม./ชั่วโมง (วิ่ง 60 ก็ตายได้แล้ว)
3. วันธรรมดาห้ามวิ่ง แต่ถ้าวิ่งในถนนชนบท ไม่ควรเกิน 60 กม./ชั่วโมง

นี่คือไอเดีย...แต่ในทางปฏิบัติ ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ เพราะเชื่อว่าจะมีชาวบ้านลักไก่วิ่งบนถนนหลวงอีก ถามว่าตำรวจจะมีมาจับหรือ ซึ่งมันปฏิบัติได้ยาก บางครั้งทางชนบทก็เป็นถนนใหญ่ คงขับกันเร็วอีก อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาบางรัฐ เขาก็อนุญาตให้นั่งท้ายกระบะวิ่งบนถนนเล็กได้

“การใช้กฎหมายหากว่าห้ามหมดเลยทุกกรณีแบบนี้จะเดินไปได้อย่างไร รถทหารที่ขนทหาร จะทำอย่างไร นักการเมืองจะขึ้นหาเสียงได้ไหม งานบวชที่ต้องแห่นาคจะทำอย่างไร” นี่คือสิ่งที่ บอย วรพล ตั้งคำถามทิ้งท้ายฝากไปถึงรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง


ดีลเลอร์ แจง ไม่เคยแนะนำลูกค้านั่งแค็บ เชื่อรู้อยู่แล้วกฎหมายห้ามนั่ง!

มากันที่ฟากฝั่งของดีลเลอร์บริษัทรถกันบ้าง นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) มาร่วมพูดคุยถึงประเด็นร้อนนี้ด้วย

โดยในฐานะ ผอ.ฝ่ายการตลาดของรถยี่ห้อดัง กล่าวในมุมการตลาดของบริษัทขายรถว่า สำหรับการโปรโมตของมาสด้านั้น จะให้ข้อมูลในส่วนของพื้นที่ด้านหลังเป็นพื้นที่ใช้สอยที่เป็นประโยชน์ เป็นความเอนกประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งรถมาสด้าเองได้ถูกออกแบบมาให้ประตูตรงพื้นที่แค็บสามารถเปิดออก เพื่อความสะดวกได้ด้วย

“หลักๆ ถ้าจะเห็นในโฆษณา บริษัทจะแสดงให้เห็นเสมอว่า ในส่วนแค็บสามารถที่จะบรรจุของของสัมภาระที่จำเป็นค่อนข้างเยอะ แต่แน่นอนว่า เราไม่เคยแนะนำว่าจะให้ผู้โดยสารมานั่ง เพราะในฐานะผู้ผลิต เราเข้าใจในการออกแบบมาให้นั่งได้ 2 คน เพื่อความปลอดภัย แต่ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้บริโภคเอง ซึ่งผมคิดว่าเขาเข้าใจอยู่แล้วว่า จะให้ผู้โดยสารมานั่งในกระบะแค็บแบบไหนถึงจะเหมาะสม” ผอ.ฝ่ายการตลาด มาสด้า เซลส์ อธิบาย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ลูกค้าทราบหรือไม่ว่าตามกฎหมายห้ามนั่งบนแค็บ? นายธีร์ ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ผมเชื่อว่าลูกค้าทราบนะครับ เนื่องจากเวลาจดทะเบียนรถ ป้ายทะเบียนก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นรถกระบะ เพื่อการบรรทุก 2 ที่นั่ง เพราะฉะนั้น การจะโดยสารคนบนแค็บเป็นเรื่องของการบริหารจัดการของผู้ใช้เอง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตนเท่านั้น และในแง่ของผู้ผลิต ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องมานั่งบอกว่ารถคันนี้ใช้งานอย่างไร เพราะผู้ซื้อเองเขารู้ถึงความต้องการของตัวเองอยู่แล้ว”


ก.ม. ห้ามนั่งแค็บบังคับใช้ เชื่อ ไม่กระทบยอดขายกระบะ

หากกฎหมายห้ามนั่งแค็บมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง ในฐานะบริษัทผู้จำหน่ายรถมาสด้า มองว่า ไม่เกิดผลกระทบต่อยอดขายรถกระบะแค็บอย่างแน่นอน เนื่องจากก่อนที่จะซื้อรถ ลูกค้าทราบอยู่แล้วว่าตนเองมีวัตถุประสงค์ในการใช้งานในรูปแบบไหน คนที่มีความต้องการที่จะใช้กระบะแค็บ กับคนที่มีความต้องการใช้รถกระบะ 4 ประตู หรือ รถเก๋งอีโคคาร์ มีความเข้าใจในความต้องการของตัวเองอยู่แล้วว่า จะเลือกซื้อรถประเภทไหน เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองอย่างไร ดังนั้น จึงมองว่าขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานของลูกค้ามากกว่า

และรถกระบะยังมีจุดขายที่แข็งแรงอยู่ นั่นคือ สามารถใช้เป็นรถเดินทางประจำวันได้ สามารถเป็นรถที่ใช้เดินทางในพื้นที่ที่มีสภาพถนนสมบุกสมบัน และสามารถที่จะใช้ในการบรรทุก หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ ที่ต้องการได้ โดยเฉพาะประเภทกระบะแค็บ ค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้วว่าการมีผู้โดยสารด้านหลัง ด้วยระยะทางสั้นๆ ที่ไม่ใช่ถนนสายหลัก เป็นถนนในชุมชนสามารถทำได้ และมันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งจะมีผู้โดยสารนั่งแค็บ แต่มันมีมานานแล้ว ดังนั้นจุดขายของกระบะแค็บยังคงมีอยู่เยอะมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับสัดส่วนการขายรถกระบะของมาสด้า อยู่ที่ 40% ของยอดขายรถทั้งหมด โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 600,000 บาท ซึ่งในต่างจังหวัดถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่นิยมซื้อรถกระบะด้วย.


ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

โกหกประชาชนทั้งระบบ เงิบครับ เงิบ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่