หญิงสาว กว่าจะรู้ว่าเขาแสนสำคัญ เธอก็ตัดสัมพันธ์กับเขาเสียแล้ว
แม้เธอจะอ้างว่าคือเรื่องคอขาดบาดตาย ต้องตัดสินใจในวันนั้นทั้งจำใจก็ตาม
แต่เธอย่อมรู้อยู่แก่ใจ การตัดเขาออกจากชีวิต นั่นคือ การตัดส่วนประกอบชีวิตชิ้นสำคัญ
มือที่กดลบเพื่อนในเฟส ปากที่เอ่ยคำลา คือมีดที่กรีดหัวใจตัวเอง
เมื่อไร้ส่วนประกอบชีวิต ก็มิอาจใช้ชีวิตสมบูรณ์ได้ ตาเธอไร้แวว ปากเธอไร้รอยยิ้ม ใจเธอเจ็บปวด ถ้าย้อนเวลาได้ จะรักษาเขาไว้ แม้ต้องเผชิญกับอะไรก็ตาม
หลายเดือนผ่าน ภัยที่พ้องพบค่อยห่างตัว หญิงสาวยังคิดถึงเขาเสมอ แม้ไม่มีน้ำตา แต่ลึกๆเธอหม่นเศร้า
เธอจะสร้างชีวิตใหม่ จะต้องได้สิ่งที่สูญเสียกลับคืนมา เธอต้องการเขา ผู้นำทางชีวิต
ผ่านไปอีกกว่าสองเดือน ความอดทนถึงที่สุด หญิงสาวพร้อมเผชิญหน้ากับเขา เป็นไงเป็นกัน
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหน้าเขาคือหญิงสาวที่เขารู้ว่ารักบูชาเขาอย่างยิ่ง แววตาคู่นั้นฉายแววศรัทธาเชื่อมั่นล้ำลึก
ตั้งแต่วันที่เขารู้ว่า หญิงสาวตรงหน้าต้องดิ้นรนจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดนั้น ต้นเหตุเป็นเพราะเขา เขาเอง คือผู้ที่ทำลายชีวิตเธอ
เขาก็หยุดทุกอย่าง ปิดตัวเองจากโลก ไม่มีใครได้อ่านทัศนะทางสังคมของเขาจากบทความที่เคยเขียนประจำอีกเลย
เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะไปพบหน้าหญิงสาว จึงพยายามหลีกเร้นเสมอมา จนวันนี้ วันที่หญิงสาวตรงหน้าทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อมาพบเขา ถึงที่นี่
ที่ๆอันตรายสำหรับเธอ หญิงสาวผู้เอาชนะความหวาดกลัวทุกประการเพื่อเขา
มือของหญิงสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้นพนมขึ้น เธอก้มลงกราบ "หนูขอโทษค่ะครู หนูมันขลาดเขลา เจอปัญหาอุปสรรคก็คิดแต่จะเอาตัวรอด
เป็นศิษย์อกตัญญู ทำให้ครูเสียใจ หนูมากราบขอ..."
เธอชะงัก ชายที่เธอรักเคารพสูงสุดเป็นคนไร้ศาสนา เธอจะกล่าวคำนี้กับเขาได้หรือไม่หนอ
"หนูกราบขออโหสิกรรมค่ะ และกราบขอโอกาส อีกครั้ง อีกเพียงครั้งเดียวก็พอ หนูจะรักษาโอกาสนี้ด้วยทั้งหมดชีวิตของหนูค่ะ"
หญิงสาวกราบลงกับพื้น น้ำตาที่สะกดกั้นไว้กว่าห้าเดือนไหลพราก เธอจะหมอบอยู่อย่างนี้จนกว่าครูของเธอจะให้อภัย
ชายวัยกลางคนบนเก้าอี้มองภาพตรงหน้าด้วยความพร่าเบลอ เขาไม่เคยน้ำตาไหล แม้ในวันที่รู้ว่าศิษย์รักพ้องพาลภัย เขาเลือกที่จะเมามาย ใช้สุรากลบความรู้สึกมากว่าห้าเดือน เขาเป็นอศาสนิก หากแต่วันนี้เขาปลอบใจตนว่าคงเป็นชะตากรรม
หลายครั้ง เขาเกือบจะยกมือไหว้วอนต่ออะไรก็ได้ให้คุ้มครองศิษย์รัก แต่ก็สะกดไว้
วันนี้ เหมือนฝัน ศิษย์รักอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หากเขาจะไม่มีวันเข้าไปทำลายชีวิตของเธออีก หญิงสาวต้องเติบโตงดงาม หาควรไม่ที่ต้องเสี่ยงชีวิตไปกับอุดมคติของเขา
ซึ่งตนเองก็ไม่มั่นใจว่า มันจะเกิดเป็นจริงในวันหนึ่ง
หญิงสาวยังก้มกราบอยู่อย่างนั้น ผู้เป็นครูยังนั่งนิ่งราวกับรูปปั้น นานนับชั่วโมง เวลายังเดินผ่านไปอย่างช้าๆ
ภรรยาของชายวัยกลางคน ผู้ซึ่งแอบมองเหตุการณ์ด้วยน้ำตานองหน้า ค่อยๆเดินเข้ามาในห้องนั้น
เธอนั่งลงข้างหญิงสาว จับให้เธอเงิยหน้าขึ้น สายตาของศิษย์กับครูประสานกัน ต่างรอคอยการให้อภัยจากกันและกัน เงียบ ทุกอย่างหยุดนิ่ง
"ทั้งสองคน รอการยกโทษให้แก่กันอยู่ใช่ไหม" เสียงนั้น ทำให้น้ำตาของศิษย์กับครูไหลอาบแก้ม
"ไม่ต้องหรอก" เธอพูดต่อ พร้อมจับมือของคนทั้งคู่มาประสานกันไว้
"ไม่ต้องให้อภัยกันหรอก แค่ให้อภัยตัวเองกันก็พอ" สิ้นเสียงภรรยาของชายวัยกลางคน เหมือนโลกสว่างไสว
ความหนักหน่วงที่ทับถมจิตใจคนทั้งคู่มากว่าห้าเดือนคลายออก
"ผมให้อภัยตัวเองครับ" "หนูให้อภัยตัวเองค่ะ"
ความรักบริสุทธิ์ ระหว่างศิษย์กับครู คืนคงสิ่งที่สูญเสีย สิ่งที่ทั้งสองคนทำหายไป
ส่วนประกอบชีวิตนั้นคือ "ใจ"
......
..ส่วนประกอบชีวิต.. เขียนโดย ใจแก้ว "นักเขียนสาวผู้พิการทางสายตา
แม้เธอจะอ้างว่าคือเรื่องคอขาดบาดตาย ต้องตัดสินใจในวันนั้นทั้งจำใจก็ตาม
แต่เธอย่อมรู้อยู่แก่ใจ การตัดเขาออกจากชีวิต นั่นคือ การตัดส่วนประกอบชีวิตชิ้นสำคัญ
มือที่กดลบเพื่อนในเฟส ปากที่เอ่ยคำลา คือมีดที่กรีดหัวใจตัวเอง
เมื่อไร้ส่วนประกอบชีวิต ก็มิอาจใช้ชีวิตสมบูรณ์ได้ ตาเธอไร้แวว ปากเธอไร้รอยยิ้ม ใจเธอเจ็บปวด ถ้าย้อนเวลาได้ จะรักษาเขาไว้ แม้ต้องเผชิญกับอะไรก็ตาม
หลายเดือนผ่าน ภัยที่พ้องพบค่อยห่างตัว หญิงสาวยังคิดถึงเขาเสมอ แม้ไม่มีน้ำตา แต่ลึกๆเธอหม่นเศร้า
เธอจะสร้างชีวิตใหม่ จะต้องได้สิ่งที่สูญเสียกลับคืนมา เธอต้องการเขา ผู้นำทางชีวิต
ผ่านไปอีกกว่าสองเดือน ความอดทนถึงที่สุด หญิงสาวพร้อมเผชิญหน้ากับเขา เป็นไงเป็นกัน
ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหน้าเขาคือหญิงสาวที่เขารู้ว่ารักบูชาเขาอย่างยิ่ง แววตาคู่นั้นฉายแววศรัทธาเชื่อมั่นล้ำลึก
ตั้งแต่วันที่เขารู้ว่า หญิงสาวตรงหน้าต้องดิ้นรนจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดนั้น ต้นเหตุเป็นเพราะเขา เขาเอง คือผู้ที่ทำลายชีวิตเธอ
เขาก็หยุดทุกอย่าง ปิดตัวเองจากโลก ไม่มีใครได้อ่านทัศนะทางสังคมของเขาจากบทความที่เคยเขียนประจำอีกเลย
เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะไปพบหน้าหญิงสาว จึงพยายามหลีกเร้นเสมอมา จนวันนี้ วันที่หญิงสาวตรงหน้าทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อมาพบเขา ถึงที่นี่
ที่ๆอันตรายสำหรับเธอ หญิงสาวผู้เอาชนะความหวาดกลัวทุกประการเพื่อเขา
มือของหญิงสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้นพนมขึ้น เธอก้มลงกราบ "หนูขอโทษค่ะครู หนูมันขลาดเขลา เจอปัญหาอุปสรรคก็คิดแต่จะเอาตัวรอด
เป็นศิษย์อกตัญญู ทำให้ครูเสียใจ หนูมากราบขอ..."
เธอชะงัก ชายที่เธอรักเคารพสูงสุดเป็นคนไร้ศาสนา เธอจะกล่าวคำนี้กับเขาได้หรือไม่หนอ
"หนูกราบขออโหสิกรรมค่ะ และกราบขอโอกาส อีกครั้ง อีกเพียงครั้งเดียวก็พอ หนูจะรักษาโอกาสนี้ด้วยทั้งหมดชีวิตของหนูค่ะ"
หญิงสาวกราบลงกับพื้น น้ำตาที่สะกดกั้นไว้กว่าห้าเดือนไหลพราก เธอจะหมอบอยู่อย่างนี้จนกว่าครูของเธอจะให้อภัย
ชายวัยกลางคนบนเก้าอี้มองภาพตรงหน้าด้วยความพร่าเบลอ เขาไม่เคยน้ำตาไหล แม้ในวันที่รู้ว่าศิษย์รักพ้องพาลภัย เขาเลือกที่จะเมามาย ใช้สุรากลบความรู้สึกมากว่าห้าเดือน เขาเป็นอศาสนิก หากแต่วันนี้เขาปลอบใจตนว่าคงเป็นชะตากรรม
หลายครั้ง เขาเกือบจะยกมือไหว้วอนต่ออะไรก็ได้ให้คุ้มครองศิษย์รัก แต่ก็สะกดไว้
วันนี้ เหมือนฝัน ศิษย์รักอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หากเขาจะไม่มีวันเข้าไปทำลายชีวิตของเธออีก หญิงสาวต้องเติบโตงดงาม หาควรไม่ที่ต้องเสี่ยงชีวิตไปกับอุดมคติของเขา
ซึ่งตนเองก็ไม่มั่นใจว่า มันจะเกิดเป็นจริงในวันหนึ่ง
หญิงสาวยังก้มกราบอยู่อย่างนั้น ผู้เป็นครูยังนั่งนิ่งราวกับรูปปั้น นานนับชั่วโมง เวลายังเดินผ่านไปอย่างช้าๆ
ภรรยาของชายวัยกลางคน ผู้ซึ่งแอบมองเหตุการณ์ด้วยน้ำตานองหน้า ค่อยๆเดินเข้ามาในห้องนั้น
เธอนั่งลงข้างหญิงสาว จับให้เธอเงิยหน้าขึ้น สายตาของศิษย์กับครูประสานกัน ต่างรอคอยการให้อภัยจากกันและกัน เงียบ ทุกอย่างหยุดนิ่ง
"ทั้งสองคน รอการยกโทษให้แก่กันอยู่ใช่ไหม" เสียงนั้น ทำให้น้ำตาของศิษย์กับครูไหลอาบแก้ม
"ไม่ต้องหรอก" เธอพูดต่อ พร้อมจับมือของคนทั้งคู่มาประสานกันไว้
"ไม่ต้องให้อภัยกันหรอก แค่ให้อภัยตัวเองกันก็พอ" สิ้นเสียงภรรยาของชายวัยกลางคน เหมือนโลกสว่างไสว
ความหนักหน่วงที่ทับถมจิตใจคนทั้งคู่มากว่าห้าเดือนคลายออก
"ผมให้อภัยตัวเองครับ" "หนูให้อภัยตัวเองค่ะ"
ความรักบริสุทธิ์ ระหว่างศิษย์กับครู คืนคงสิ่งที่สูญเสีย สิ่งที่ทั้งสองคนทำหายไป
ส่วนประกอบชีวิตนั้นคือ "ใจ"
......