รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ทริปแก้ผ้าตะลุยออนเซ็น 7 บ่อ ที่เมือง Kinosaki Onsen
Pull yourself together babe !!! I'm just getting naked. Don't be nervous.
สวัสดีครับชาวพันทิปทุกคน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวเมือง Kinosaki Onsen เมืองสวรรค์ของคนรักการแช่น้ำพุร้อน เมือง Kinosaki Onsen แห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเมืองออนเซ็นที่ผมประทับใจที่สุดเลยก็ว่าได้ แนะนำให้ลองมาเที่ยวซักครั้ง รับรองว่าคุณต้องจะหลังรัก Kinosaki Onsen แน่นอนครับ
Kinosaki Onsen เป็นเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงและมีประวัติอันยาวนานของภูมิภาคคันไซ ตั้งอยู่ในเขต Toyooka จังหวัด Hyogo จุดเด่นของเมืองออนเซ็นแห่งนี้คือ การได้ใส่ชุดยูกาตะเดินรอบเมือง เพื่อตระเวนแช่บ่อออนเซ็นทั้ง 7 ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่ของเมืองนี้สามารถเยียวยาบาดแผลและบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้
08.00 ออกเดินทางด้วย subway จากสถานี Shinsaibashi มาลงที่สถานี Umeda จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที มายังสถานี Osaka เพื่อต่อรถไฟไปยังสถานี Kinosakionsen ( เริ่มเปิดใช้ JR Kansai WIDE area pass ที่สถานี Osaka ) เมือง Kinosaki Onsen ไปไม่ยากครับ ไม่ต้องนั่งรถไฟหลายต่อ แต่ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน ถ้าจากโอซาก้าก็ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ถึงแล้วครับสถานี Kinosaki Onsen พอเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ก็จะเจอกับเมืองที่มีบรรยากาศน่ารักและสวยงามแบบนี้ครับ
ของขึ้นชื่อของเมือง Kinosaki Onsen อีกหนึ่งอย่างก็คือ "ปูทะเลสด" นั่นเอง ในช่วงหน้าหนาวประมาณพฤศจิกายนเป็นต้นไป จะมีการจัดงานเทศกาลการกินปูด้วยครับ เพราะช่วงนี้เขาบอกเนื้อปูจะหวานและอร่อยเป็นพิเศษ ดังนั้นเราจะเห็นร้านขายปูทะเลสดเรียงรายตามสองฟากฝั่งถนน และปูยังถือเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองนี้อีกด้วยครับ ( แต่ราคาปูก็แพงใช้ได้ครับ )
เดินผ่านร้านซาลาเปา เห็นคนต่อคิวซื้อกันเยอะ เลยต้องลองจัดซักหน่อย รสชาติธรรมดา แต่ลูกใหญ่มากครับ
ร้านค้า ร้านขายอาหาร มักตกแต่งด้วยรูปปู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า ซึ่งก็ดูสวยงามและแปลกตาดีครับ
บรรยากาศย่านใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย แต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขนาด Mini fresh Mart ยังน่ารักกกกก !!!
มาเมืองปูทั้งที เมนูที่พลาดไม่ได้ก็คือ ข้าวขาปูสดราดไข่ปลาแซลมอน เสริ์ฟพร้อมชาเขียวร้อนเพื่อช่วยตัดความเลี่ยนของไข่ปลา เนื้อขาปูหวาน และอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆครับ แต่ถ้าใครไม่ชอบอะไรที่เลี่ยนๆ ก็ลองเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นได้ครับ
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว ผมก็เข้าโรงแรมเพื่อเช๊คอิน เก็บของและสัมภาระ จากนั้นก็เตรียมตัวตระเวนแช่ออนเซ็น ซึ่งคืนนี้ผมพักที่โรงแรม kawaguchiya kinosaki riverside โรงแรมนี้มีคูปองให้สำหรับแช่ออนเซ็นฟรีด้วยนะครับ และใครแช่เกิน 5 บ่อขึ้นไป โรงแรมก็จะมีของที่ระลึกมอบให้ด้วยครับ
| Credit - Picture from Booking.com |
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ถึงเวลาที่จะต้องตะลุยบ่อออนเซ็นทั้ง 7 แล้วครับ ผมเก็บภาพบรรยากาศของเมือง Kinosaki Onsen ระหว่างทางเดินไปบ่อออนเซ็นมาฝาก บอกได้คำเดียวว่า สวยงามและโรแมนติกมากครับ
ตามถนนของเมือง Kinosaki Onsen จะเห็นคนใส่ชุดยูกาตะเดินรอบเมือง เพื่อตระเวนแช่ออนเซ็น บ้างก็มาแบบคู่รัก บ้างก็มาแบบครอบครัว ช่างเป็นภาพที่มีสเน่ห์และหาดูได้ยากมากครับ
มาเมือง Kinosaki Onsen ทั้งที ผมก็ไม่พลาดที่จะใส่ชุดยูกาตะเช่นกัน 555 ชุดน่ารักและสดใสมากครับ ช่วงที่ผมเดินมีฝนตกปรอยๆด้วย บรรยากาศช่างเป็นใจที่สุดครับ
อย่างที่บอก Kinosaki Onsen โด่งดังด้วยชื่อเสียงของบ่อออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง และก็ถึงเวลาแล้วครับที่เราจะมาแก้ผ้าท้าตะลุยออนเซ็น !!! แผนที่ตามภาพด้านล่าง จะเริ่มจากบ่อไหน เลือกได้ตามใจครับ
เริ่มกันที่บ่อที่ 1 ชื่อ Goshono Yu เป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุด และผมชอบบ่อนี้ที่สุด เพราะมีบ่อ outdoor ริมน้ำตกด้วยครับ อากาศเย็นๆ แช่ออนเซ็นอุ่นๆ หิมะเริ่มโปรยลงมาบางๆ มันเป็นอะไรที่สุดจะบรรยายจริงๆครับ และออนเซ็นบ่อนี้ยังได้รับความนิยมสูงสุดจากนักท่องเที่ยวอีกด้วยครับ
บ่อที่ 2 ของวันนี้ชื่อ Satono Yu ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟเลยครับ บ่อนี้มีออนเซ็นกลางแจ้ง อยู่ชั้นบนของตึก ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของหมู่บ้านได้ด้วยครับ บ่อนี้บรรยากาศค่อนข้างดี ให้ความรู้สึกเหมือนบ่ออาบน้ำญี่ปุ่นสมัยเก่า และน้ำก็ไม่ร้อนจนเกินไปครับ
บ่อที่ 3 ชื่อ Ichino Yu มีทั้งบ่อ indoor และบ่อกลางแจ้งที่มีหินเรียงกันเหมือนถ้ำ ซึ่งบ่อนี้ก็บรรยากาศดีเช่นกันครับ บ่อถ้ำหินอุณหภูมิของน้ำก็กำลังดีครับ ไม่ร้อนจนเกินไป แต่อาจจะแคบไปหน่อยช่วงที่คนแช่เยอะ ที่สำคัญบ่อนี้เด่นในเรื่องของการบำบัดผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยครับ
บ่อที่ 4 ชื่อ Jisou Yu เป็นบ่อออนเซ็น 3 ชั้น ชั้นบนมีบ่อกลางแจ้งและมีห้องนวด แต่ห้องนวดต้องจ่ายตังค์เพิ่มนะครับ ส่วนชั้นล่างมีบ่อเเช่ขนาดใหญ่ จุดเด่นของที่นี่คือ มีออนเซ็นบ่อเย็นซึ่งผมชอบมาก และยังมีบ่อออนเซ็นสำหรับเด็กอีกด้วยครับ น้ำออนเซ็นบ่อนี้ก็โอเคนะครับ ไม่ร้อนมาก
บ่อที่ 5 ชื่อ Yanagiyu บ่อนี้เป็นบ่ออนเซ็นแบบ indoor ขนาดเล็กครับ น้ำออนเซ็นบ่อนี้ร้อนมากครับ น่าจะร้อนสุดแล้วในบรรดาทั้ง 7 บ่อ ผมลองจุ่มขาลงไปในบ่อ ถึงกับต้องสะดุ้งเลยทีเดียว เพราะร้อนจริงอะไรจริง บ่อนี้ผมแช่แค่ขานะครับ เพราะถ้าแช่ทั้งตัว หนังเปื่อยแน่นอน 555 แต่จุดเด่นของบ่อนี้คือ มีกลิ่นเหมือนอโรม่าเทอราปีด้วย ซึ่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายดีครับ
บ่อที่ 6 ชื่อ Mandara Yu บ่อนี้จะมีแยกเป็นสองส่วนนะครับ คือบ่อปกติกับบ่อไม้ hinoki ขนาดเล็ก ซึ่งตรงบ่อไม้นี้ เขาจะจำลองเหมือนเป็นบ่อกลางหุบเขา ผมว่าน้ำบ่อ Mandara Yu ค่อนข้างร้อนเหมือนกัน เลยแช่ได้ไม่นานมากครับ
หลังจากแช่เสร็จ 6 บ่อ เวลาก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆแล้วครับ เหลืออีก 1 บ่อไว้แช่ต่อพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้บ่อที่ 7 ปิดครับ เสร็จจากนี้ผมก็หาข้าวกินและกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน คืนนี้คงหลับฝันดีเพราะสบายเนื้อ สบายตัวและรู้สึกว่าเลือดลมสูบฉีดดีมากครับ
ตื่นเช้ามาผมก็ไปรอเช้า ตรงดิ่งไปยังบ่อที่ 7 ที่ชื่อว่า Kouno Yo ซึ่งบ่อนี้เป็นออนเซ็นบ่อแรกของ เมือง Kinosaki Onsen และยังเป็นบ่อต้นตำรับตำนานอันเก่าแก่ของเมืองนี้ ภายในมีทั้งบ่อ indoor และบ่อ outdoor กลางสวนญี่ปุ่น อากาศเย็นยามเช้า ช่างเหมาะสมกับการแช่ออนเซ็นอุ่นๆ เป็นความแตกต่างที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว แต่บ่อนี้เดินไกลสุดเลยนะครับ ถ้ามาจากโรงแรมที่ผมพัก
หลังจากแช่ออนเซ็นครบ 7 บ่อ บอกเลยว่าประทับใจมากครับ เพราะรู้สึกได้เลยว่าผิวลื่นและนุ่มมากครับ ชักติดใจการแช่ออนเซ็นเข้าแล้ว ออนเซ็นแต่ละบ่อจะมีตราให้ประทับเพื่อเป็นที่ระลึกด้วยครับ แต่บางบ่อผมก็ลืมประทับตราไปบ้าง และที่สำคัญสามารถนำใบนี้ไปแลกรับของรางวัลจากโรงแรมได้ถ้าแช่ออนเซ็น 5 บ่อขึ้นไป
แช่ออนเซ็นเสร็จก็เดินเล่นรอบๆ เมือง Kinosaki Onsen ต่อ ช่วงเช้าอากาศดีมาก นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบสงบ มีบ่อน้ำพุร้อนบ่อเล็กๆให้ดูด้วยครับ
พอเดินซักพัก ท้องเริ่มเรียกร้องหาอาหาร ผมจึงหาข้าวเช้ากินก่อน จากนั้นก็กลับไปยังโรงแรมเพื่อเก็บของ แล้วก็เช๊คเอาท์ครับ เพราะมีแผนที่จะเดินทางต่อไปยังเมือง Himeji (โรงแรมมีรถบริการไปส่งที่สถานีรถไฟ Kinosakionsen ฟรีด้วยนะครับ )
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ลาก่อน Kinosaki Onsen ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้า สัญญาว่าจะมาอีกแน่นอน บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้ตกหลุมรักเมืองนี้มากเลยครับ
ระหว่างทางไป Himeji พอถึงช่วงสถานี Toyooka หิมะเริ่มโปรยปราย ภูเขาและบ้านเรือนเริ่มถูกปกคลุมด้วยหิมะ ดังนั้นวันนี้ขอลากันด้วยภาพวิวสวยๆจากสองฟากฝั่งทางรถไฟของเมือง Toyooka เลยแล้วกันครับ
[CR] [ Short Review ] รีวิวเที่ยวญี่ปุ่น ทริปแก้ผ้าตะลุยออนเซ็น 7 บ่อ ที่เมือง Kinosaki Onsen ( 2 วัน 1 คืน ) มันสุดยอดมากกก
สวัสดีครับชาวพันทิปทุกคน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวเมือง Kinosaki Onsen เมืองสวรรค์ของคนรักการแช่น้ำพุร้อน เมือง Kinosaki Onsen แห่งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเมืองออนเซ็นที่ผมประทับใจที่สุดเลยก็ว่าได้ แนะนำให้ลองมาเที่ยวซักครั้ง รับรองว่าคุณต้องจะหลังรัก Kinosaki Onsen แน่นอนครับ
Kinosaki Onsen เป็นเมืองออนเซ็นที่มีชื่อเสียงและมีประวัติอันยาวนานของภูมิภาคคันไซ ตั้งอยู่ในเขต Toyooka จังหวัด Hyogo จุดเด่นของเมืองออนเซ็นแห่งนี้คือ การได้ใส่ชุดยูกาตะเดินรอบเมือง เพื่อตระเวนแช่บ่อออนเซ็นทั้ง 7 ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่ของเมืองนี้สามารถเยียวยาบาดแผลและบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้
08.00 ออกเดินทางด้วย subway จากสถานี Shinsaibashi มาลงที่สถานี Umeda จากนั้นเดินต่ออีก 5 นาที มายังสถานี Osaka เพื่อต่อรถไฟไปยังสถานี Kinosakionsen ( เริ่มเปิดใช้ JR Kansai WIDE area pass ที่สถานี Osaka ) เมือง Kinosaki Onsen ไปไม่ยากครับ ไม่ต้องนั่งรถไฟหลายต่อ แต่ใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน ถ้าจากโอซาก้าก็ประมาณเกือบ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ถึงแล้วครับสถานี Kinosaki Onsen พอเดินออกมาจากสถานีรถไฟ ก็จะเจอกับเมืองที่มีบรรยากาศน่ารักและสวยงามแบบนี้ครับ
ของขึ้นชื่อของเมือง Kinosaki Onsen อีกหนึ่งอย่างก็คือ "ปูทะเลสด" นั่นเอง ในช่วงหน้าหนาวประมาณพฤศจิกายนเป็นต้นไป จะมีการจัดงานเทศกาลการกินปูด้วยครับ เพราะช่วงนี้เขาบอกเนื้อปูจะหวานและอร่อยเป็นพิเศษ ดังนั้นเราจะเห็นร้านขายปูทะเลสดเรียงรายตามสองฟากฝั่งถนน และปูยังถือเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองนี้อีกด้วยครับ ( แต่ราคาปูก็แพงใช้ได้ครับ )
เดินผ่านร้านซาลาเปา เห็นคนต่อคิวซื้อกันเยอะ เลยต้องลองจัดซักหน่อย รสชาติธรรมดา แต่ลูกใหญ่มากครับ
ร้านค้า ร้านขายอาหาร มักตกแต่งด้วยรูปปู เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า ซึ่งก็ดูสวยงามและแปลกตาดีครับ
บรรยากาศย่านใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย แต่ละร้านก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขนาด Mini fresh Mart ยังน่ารักกกกก !!!
มาเมืองปูทั้งที เมนูที่พลาดไม่ได้ก็คือ ข้าวขาปูสดราดไข่ปลาแซลมอน เสริ์ฟพร้อมชาเขียวร้อนเพื่อช่วยตัดความเลี่ยนของไข่ปลา เนื้อขาปูหวาน และอร่อยสมคำร่ำลือจริงๆครับ แต่ถ้าใครไม่ชอบอะไรที่เลี่ยนๆ ก็ลองเปลี่ยนเป็นเมนูอื่นได้ครับ
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว ผมก็เข้าโรงแรมเพื่อเช๊คอิน เก็บของและสัมภาระ จากนั้นก็เตรียมตัวตระเวนแช่ออนเซ็น ซึ่งคืนนี้ผมพักที่โรงแรม kawaguchiya kinosaki riverside โรงแรมนี้มีคูปองให้สำหรับแช่ออนเซ็นฟรีด้วยนะครับ และใครแช่เกิน 5 บ่อขึ้นไป โรงแรมก็จะมีของที่ระลึกมอบให้ด้วยครับ
| Credit - Picture from Booking.com |
หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย ถึงเวลาที่จะต้องตะลุยบ่อออนเซ็นทั้ง 7 แล้วครับ ผมเก็บภาพบรรยากาศของเมือง Kinosaki Onsen ระหว่างทางเดินไปบ่อออนเซ็นมาฝาก บอกได้คำเดียวว่า สวยงามและโรแมนติกมากครับ
ตามถนนของเมือง Kinosaki Onsen จะเห็นคนใส่ชุดยูกาตะเดินรอบเมือง เพื่อตระเวนแช่ออนเซ็น บ้างก็มาแบบคู่รัก บ้างก็มาแบบครอบครัว ช่างเป็นภาพที่มีสเน่ห์และหาดูได้ยากมากครับ
มาเมือง Kinosaki Onsen ทั้งที ผมก็ไม่พลาดที่จะใส่ชุดยูกาตะเช่นกัน 555 ชุดน่ารักและสดใสมากครับ ช่วงที่ผมเดินมีฝนตกปรอยๆด้วย บรรยากาศช่างเป็นใจที่สุดครับ
อย่างที่บอก Kinosaki Onsen โด่งดังด้วยชื่อเสียงของบ่อออนเซ็นทั้ง 7 แห่ง และก็ถึงเวลาแล้วครับที่เราจะมาแก้ผ้าท้าตะลุยออนเซ็น !!! แผนที่ตามภาพด้านล่าง จะเริ่มจากบ่อไหน เลือกได้ตามใจครับ
เริ่มกันที่บ่อที่ 1 ชื่อ Goshono Yu เป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุด และผมชอบบ่อนี้ที่สุด เพราะมีบ่อ outdoor ริมน้ำตกด้วยครับ อากาศเย็นๆ แช่ออนเซ็นอุ่นๆ หิมะเริ่มโปรยลงมาบางๆ มันเป็นอะไรที่สุดจะบรรยายจริงๆครับ และออนเซ็นบ่อนี้ยังได้รับความนิยมสูงสุดจากนักท่องเที่ยวอีกด้วยครับ
บ่อที่ 2 ของวันนี้ชื่อ Satono Yu ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟเลยครับ บ่อนี้มีออนเซ็นกลางแจ้ง อยู่ชั้นบนของตึก ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของหมู่บ้านได้ด้วยครับ บ่อนี้บรรยากาศค่อนข้างดี ให้ความรู้สึกเหมือนบ่ออาบน้ำญี่ปุ่นสมัยเก่า และน้ำก็ไม่ร้อนจนเกินไปครับ
บ่อที่ 3 ชื่อ Ichino Yu มีทั้งบ่อ indoor และบ่อกลางแจ้งที่มีหินเรียงกันเหมือนถ้ำ ซึ่งบ่อนี้ก็บรรยากาศดีเช่นกันครับ บ่อถ้ำหินอุณหภูมิของน้ำก็กำลังดีครับ ไม่ร้อนจนเกินไป แต่อาจจะแคบไปหน่อยช่วงที่คนแช่เยอะ ที่สำคัญบ่อนี้เด่นในเรื่องของการบำบัดผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยครับ
บ่อที่ 4 ชื่อ Jisou Yu เป็นบ่อออนเซ็น 3 ชั้น ชั้นบนมีบ่อกลางแจ้งและมีห้องนวด แต่ห้องนวดต้องจ่ายตังค์เพิ่มนะครับ ส่วนชั้นล่างมีบ่อเเช่ขนาดใหญ่ จุดเด่นของที่นี่คือ มีออนเซ็นบ่อเย็นซึ่งผมชอบมาก และยังมีบ่อออนเซ็นสำหรับเด็กอีกด้วยครับ น้ำออนเซ็นบ่อนี้ก็โอเคนะครับ ไม่ร้อนมาก
บ่อที่ 5 ชื่อ Yanagiyu บ่อนี้เป็นบ่ออนเซ็นแบบ indoor ขนาดเล็กครับ น้ำออนเซ็นบ่อนี้ร้อนมากครับ น่าจะร้อนสุดแล้วในบรรดาทั้ง 7 บ่อ ผมลองจุ่มขาลงไปในบ่อ ถึงกับต้องสะดุ้งเลยทีเดียว เพราะร้อนจริงอะไรจริง บ่อนี้ผมแช่แค่ขานะครับ เพราะถ้าแช่ทั้งตัว หนังเปื่อยแน่นอน 555 แต่จุดเด่นของบ่อนี้คือ มีกลิ่นเหมือนอโรม่าเทอราปีด้วย ซึ่งให้ความรู้สึกผ่อนคลายดีครับ
บ่อที่ 6 ชื่อ Mandara Yu บ่อนี้จะมีแยกเป็นสองส่วนนะครับ คือบ่อปกติกับบ่อไม้ hinoki ขนาดเล็ก ซึ่งตรงบ่อไม้นี้ เขาจะจำลองเหมือนเป็นบ่อกลางหุบเขา ผมว่าน้ำบ่อ Mandara Yu ค่อนข้างร้อนเหมือนกัน เลยแช่ได้ไม่นานมากครับ
หลังจากแช่เสร็จ 6 บ่อ เวลาก็ประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆแล้วครับ เหลืออีก 1 บ่อไว้แช่ต่อพรุ่งนี้ เนื่องจากวันนี้บ่อที่ 7 ปิดครับ เสร็จจากนี้ผมก็หาข้าวกินและกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน คืนนี้คงหลับฝันดีเพราะสบายเนื้อ สบายตัวและรู้สึกว่าเลือดลมสูบฉีดดีมากครับ
ตื่นเช้ามาผมก็ไปรอเช้า ตรงดิ่งไปยังบ่อที่ 7 ที่ชื่อว่า Kouno Yo ซึ่งบ่อนี้เป็นออนเซ็นบ่อแรกของ เมือง Kinosaki Onsen และยังเป็นบ่อต้นตำรับตำนานอันเก่าแก่ของเมืองนี้ ภายในมีทั้งบ่อ indoor และบ่อ outdoor กลางสวนญี่ปุ่น อากาศเย็นยามเช้า ช่างเหมาะสมกับการแช่ออนเซ็นอุ่นๆ เป็นความแตกต่างที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว แต่บ่อนี้เดินไกลสุดเลยนะครับ ถ้ามาจากโรงแรมที่ผมพัก
หลังจากแช่ออนเซ็นครบ 7 บ่อ บอกเลยว่าประทับใจมากครับ เพราะรู้สึกได้เลยว่าผิวลื่นและนุ่มมากครับ ชักติดใจการแช่ออนเซ็นเข้าแล้ว ออนเซ็นแต่ละบ่อจะมีตราให้ประทับเพื่อเป็นที่ระลึกด้วยครับ แต่บางบ่อผมก็ลืมประทับตราไปบ้าง และที่สำคัญสามารถนำใบนี้ไปแลกรับของรางวัลจากโรงแรมได้ถ้าแช่ออนเซ็น 5 บ่อขึ้นไป
แช่ออนเซ็นเสร็จก็เดินเล่นรอบๆ เมือง Kinosaki Onsen ต่อ ช่วงเช้าอากาศดีมาก นักท่องเที่ยวยังไม่เยอะ บรรยากาศจึงค่อนข้างเงียบสงบ มีบ่อน้ำพุร้อนบ่อเล็กๆให้ดูด้วยครับ
พอเดินซักพัก ท้องเริ่มเรียกร้องหาอาหาร ผมจึงหาข้าวเช้ากินก่อน จากนั้นก็กลับไปยังโรงแรมเพื่อเก็บของ แล้วก็เช๊คเอาท์ครับ เพราะมีแผนที่จะเดินทางต่อไปยังเมือง Himeji (โรงแรมมีรถบริการไปส่งที่สถานีรถไฟ Kinosakionsen ฟรีด้วยนะครับ )
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ลาก่อน Kinosaki Onsen ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้า สัญญาว่าจะมาอีกแน่นอน บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้ตกหลุมรักเมืองนี้มากเลยครับ
ระหว่างทางไป Himeji พอถึงช่วงสถานี Toyooka หิมะเริ่มโปรยปราย ภูเขาและบ้านเรือนเริ่มถูกปกคลุมด้วยหิมะ ดังนั้นวันนี้ขอลากันด้วยภาพวิวสวยๆจากสองฟากฝั่งทางรถไฟของเมือง Toyooka เลยแล้วกันครับ