ขอพื้นที่แสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับ ปัญหาTaxi vs Grab & Uber

ใช้บริการ Grab , Uber และ ไม่อยากเรียกTaxi บนท้องถนนอีกเลย
จากเหตุการณ์ช่วงนี้มีข่าวสารปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการใช้บริการรถโดยสาร Taxi เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งทางฝั่งลูกค้าคือประชาชนทั่วไป หรือทางฝั่งผู้ให้บริการคือ คนขับรถแท็กซี่ ฟังข่าวตอนเช้าระหว่างขับรถไปทำงานจนอยากจะลองพูดถึงปัญหาที่เป็นประเด็นหลักและแนวทางการแก้ปัญหา ลองอ่านดูและช่วยกันออกความเห็นในเรื่องนี้ได้เต็มที่เลยนะคะ
ปัญหาแรก Grab Uber ผิดกฎหมาย สมาคมคนขับTaxi ต่างออกมาร้องเรียนว่า โดนแย่งงาน โดนแย่งรายได้ แล้วทำไมถึงกระทบกระเทือนได้ขนาดนี้ละ ? อมยิ้ม23
อมยิ้ม11 -คำตอบจากเราเองซึ่งเป็นบุคคลทั่วไป ใช้รถใช้ถนน ทั้งรถส่วนตัวและสาธารณะ เราก็ไม่รู้หรอกว่ามัน ผิดกฎหมายยังไงแต่เราจะขอตอบว่าทำไมเราถึงใช้ ก็เพราะ Grab, Uber มีความปลอดภัยกว่า เราจะเห็นรายละเอียดคนขับเลยว่าใครกำลังจะมารับเราเมื่อเรากดเรียกรถ และบริเวณที่เราอยู่มีรถไหมมีกี่คัน ใน appก็จะมี record ไว้ในระบบแบบละเอียดเลย ว่าเราใช้บริการคนขับท่านไหน ทะเบียนรถอะไร ระยะทางที่ขึ้นจากไหนไปไหน ค่าโดยสารเท่าไหร่ application นั้นได้คำณวนเอาไว้ให้เสร็จสรรพ และไม่มีการ เก็บค่านู้นนี่นั่นเพิ่ม ถามว่าแพงกว่าไหม ใช่แพงกว่า แต่ก็แตกต่างกว่าด้วยเช่นกัน ทั้งในเรื่องของความปลอดภัย ลืมของไว้ในรถก็สามารถตามของและได้คืน เพราะอย่างที่บอก มันมี record รายละเอียดไว้หมด ไหนจะเรื่องความสะอาด คุณภาพของรถ การบริการต่างๆ เช่น รถมารับเราตรงเวลา ความสะดวกสบายที่รถจะมารับเราถึงหน้าบ้าน แม้กระทั่งมารยาทต่างๆของคนขับรถทั้งในเรื่องของการขับรถบนท้องถนน และ มารยาทในรถที่คนขับพึงกระทำต่อผู้โดยสาร และในกรณีนี้อยากเน้นย้ำว่า ลูกค้าหรือคนทั่วไปอย่างเราๆนี่แหละเป็นคนเลือกใช้บริการเอง มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจเองได้ว่าจะเลือกใช้บริการอันไหน คนขับหรือ application ไม่ได้บังคับให้ทุกคนกดใช้บริการ ไม่มีการบังคับใดใด ทุกคนล้วนตัดสินใจทำด้วยความสมัครใจ เพราะแบบนี้คนถีงหันไปใช้บริการกับสิ่งนี้มากขึ้น จ่ายแพงกว่า แต่มันดีกว่า มันก็โอเคที่จะจ่ายตามสไตล์ไทยแลนด์

สาเหตุละ มันต้องมีสาเหตุ ทำไมคนหันไปใช้ Grab , Uber กันเยอะ
-เริ่มจาก เรียกรถ รถไม่จอด ทั้งๆที่ไฟหน้ารถว่าง หรือบางคันอาจจะจอด แต่ไม่รับผู้โดยสาร เซ็ง  จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เช่น จุดหมายปลายทางไกลเกินไป หรือ ใกล้เกินไป หรือตรงนั้นมันรถติด แก๊สจะหมด จะไปส่งรถไม่ทัน ... เยอะแยะร้อยแปดไหนจะอันตรายจากคนขับที่ไม่ใช่คนดี เพราะมีข่าวการปล้นจี้ ข่มขืนผู้โดยการ หรือแม้กระทั่ง ขับรถอ้อม ไม่ไปตามเส้นทางที่ลูกค้าต้องการ มีการโกงมิเตอร์ หรือแม้กระทั่งเหตุยิบย่อยๆเช่น รถไม่สะอาด แอร์ไม่เย็น คนขับแต่งตัวไม่สุภาพ ขับรถไม่สุภาพ นั่งแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัย หรือคนขับอาจจะมีการใช้คำพูดหยาบคายขณะขับรถ  นี่แหละสาเหตุทั้งนั้น แต่หลักๆเลยก็คือการเรียกรถแล้วคุณคนขับไม่ไปไม่รับเรา หรือ การไม่กดมิเตอร์ต้องการให้เราจ่ายเหมานี่แหละเป็นการเอาเปรียบลูกค้าอย่างมาก และการโกงมิเตอร์ที่มาในรูปแบบหลากหลายต่างๆจนค่าโดยสารมันเยอะเกินจริงแบบนี้ไม่ผิดกฎหมายหรอ ? สยอง
คนขับแท็กซี่ออกมาร้องเรียน Grab, Uber ว่าผิดกฎหมาย แต่ไม่มีการปรัปเปลี่ยนมาตรฐานที่ตกต่ำย่ำแย่ของตัวเองให้มันดีเทียบเท่า หรือดีกว่า Grab, Uber มันก็ไม่น่ามีประโยชน์ เพราะคนที่ใช้บริการเค้าก็ยังไม่เลือกคุณแบบเดิม

กะพริบตา พูดถึงวิธีแก้ปัญหาแทกซี่ทั่วไปที่เราคิดอยากให้เค้าเปลี่ยนกันดีกว่า
เราคิดว่ารัฐบาลควรออกกฎหมายคุ้มครองผู้ใช้บริการรถโดยสาร Taxi ให้ชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ เช่น คนขับรถtaxi กว่าจะมาเป็นคนขับได้ ต้องผ่านขั้นตอนทดสอบต่างๆ เช่น

-    ควรมีการสอบใบขับขี่แยกสำหรับคนขับรถtaxi เมื่อผ่านขั้นตอนการสอบใบอนุญาติขับขี่รถtaxi ได้แล้วก็ควรมีชุดหรือแบบฟอร์มของคนขับที่ชัดเจน ที่คนทั่วไปเกิดอยากจะขับ ก็ทำไม่ได้ ให้ลูกค้าได้เห็นและรู้ได้ว่า เออ คนนี้แหละโอเคปลอดภัย ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องมานะ ขึ้นไปใช้บริการได้เลยปลอดภัยสบายใจหายห่วง พ่อแม่ที่บ้านไม่ต้องนั่งอมทุกข์รอว่าป่านนี้ลูกชั้นจะเป็นยังไงน้อ จะโดนแทกซี่ทำอะไรไม่ดีรึเปล่า บลา บลา บลา ....

-    ผู้ให้บริการเช่ารถtaxi ควรติดตั้ง meter ที่ได้รับมาตรฐานไว้ในรถ หรือรัฐบาลสั่งผลิตเองเลย รถTaxiทุกคันต้องติด meter ชนิดนี้เท่านั้นเลยก็ได้เอ้า! และจะต้องมีการตรวจเช็คคุณภาพการใช้งานของ meter ทุกคันทุกปีอะไรแบบนี้ ตรวจว่ายังอยู่ในการใช้งานที่แม่นยำหรือไม่ มีการคำณวนค่าโดยสารและเวลาในการโดยสารหากรถติดหรือขณะจอดนิ่งที่เป็นเรทที่ชัดเจนและตรงกันทุกคน สามารถออกกฎหมายวิธีการคำณวนค่าโดยสารออกมาเลยก็ได้

-    และควรมีใบเสร็จทุกครั้ง ประโยชน์มันมีหลายต่อ อย่างเช่น บางคนเป็นพนักงานบริษัท ใช้บริการรถTaxiในเวลางานที่เป็นเรื่องธุระในงาน ก็สามารถจะนำใบเสร็จนั้นมาเบิกค่าโดยสารตามจริงกับทางบริษัทได้ เช่นในต่างประเทศ ค่าบริการTaxi มีการ บวกภาษีเพิ่มเข้ามา มีหลักฐานชัดเจนในใบเสร็จว่าค่าโดยสารเท่าไหร่ ระยะทางเท่าไหร่ รถติดกี่นาที คำณวนเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ ภาษีเท่าไหร่ ลูกค้าเห็นรายละเอียดก็โอเคที่จะจ่ายตามนั้น และมีกฎหมายรับรองพวกตัวเลขนั้นๆอยู่แล้ว คนขับก็ไม่ต้องกลัวเสียเปรียบ คนนั้นก็ไม่ต้องกลัวโดนโกง ทำไมทำกันไม่ได้ และจะตัดปัญหาการให้จ่ายค่าโดยสารแบบเหมา หรือการโกงมิเตอร์ ได้อีกด้วย

-    เรื่องคุณภาพของรถ ทางองค์กรณ์ให้เช่ารถจะต้องถูกตรวจสอบ โดยรัฐบาลอาจจะตั้งกฎของการตรวจเช็ครถTaxiขึ้นมา และมีการตรวจแบบ ปีละ 1 ครั้ง 5 ปีตรวจ 1 ครั้งก็ได้ หรืออะไรก็ว่าไป ควรออกกฎหมายให้มีการตรวจสอบตามหัวข้อแบบเป็นทางการจากรัฐบาลเลยก็ได้ ถ้ารถคันไหนหมดสมรรถภาพถูกตัดสินว่าไม่สามารถนำมาให้ใช้ขับแล้ว รัฐบาลก็อาจจะมีการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถคันนั้นให้กับองค์กรณ์ เงินตรงนี้เอามาจากการเก็บค่าภาษีจากมิเตอร์ก็ยังได้

-    มารยาทบนท้องถนน ควรมีจัดบริการรับ-ส่งของTaxiที่ชัดเจนตามจุดต่างๆบนท้องถนน และตรงจุดนั้นจะต้องมีความปลอดภัยในการจอดรับผู้โดยสารา หรือออกรถหลังจากที่ผู้โดยนสารขึ้น เช่นในต่างประเทศ จะมีจุดเรียกรถTaxiโดยเฉพาะนะ มีเส้นถนนตีช่องสี่เหลี่ยมให้รถจอดชัดเจน เราไม่สามารถเดินๆอยู่แล้วคิดจะโบกรถก็หันไปโบกได้เลย เค้าไม่จอดรับเรานะถ้าจุดนั้นมันอันตรายหรือจอดรับไม่ได้เพราะมันกระทันหันกระชั้นชิดอะไรก็ตามแต่เลย บ้านเราอาจจะทำให้มันชัดเจนเป๊ะๆขนาดนั้นไม่ได้ เพราะท้องถนนเรารถติดมากๆ ก็อาจจะหาวิธีอื่นแก้ไขกันไป อาจจะ เน้นย้ำคนขับในระหว่างการสอบใบขับขี่มาเลย ว่าห้ามจอดรับในจุดไหนบ้างที่เป็นอันตรายมีความเสี่ยงอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุสูง และให้ความรู้กับประชาชนด้วยว่า ตรงจุดไหนไม่ควรไปยืนเรียกรถTaxi เช่นตรงสี่แยกไฟแดง หรือจุดที่เป็นทางโค้ง อะไรก็ว่าไป รณรงค์ให้ความรู้ ทำวีดีโอตัวอย่างให้ดูให้เห็นถึงความเสี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้น (เหมือนวิธีหลบรถพยาบาลหรือรถหวอต่างๆที่ทำคลิปออกมาแชร์ในsocial networkว่าควรหลบยังไง ช่วยกันแล้วประโยชน์มันดียังไง ซึ่งส่วนตัวก็คิดว่าได้ผลนะ)  ทั้งคนขับรถ และลูกค้าก็จะสามารถเข้าใจตรงกันได้ว่า ควรจอดรับตรงไหน ควรเรียกรถตรางไหน ปัญหาอุบัติเหตุก็จะลดลงได้แน่นอน

จบการแบ่งกันความคิด มีอะไรผิดพลาดก็ชี้แจง แนะนำ แก้ไข หรือ ติชมได้นะคะ ถ้าเห็นด้วยก็ช่วยกันแชร์ไปให้ถึงคนขับรถ Taxi ก็ได้น้า
ขอบคุณค่ะ
นานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณนานาขอบคุณ

edit มาเล่าเรื่อง ประสปการณ์เรียก grab taxi แล้วไม่ได้นั่ง แต่โดนตัดตังไปจากบัตรที่ลงทะเบียนไว้ใน app ค่ะ
ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าเงินโดนตัดไปเพราะไม่ได้ทำ sms alert แจ้งไว้กับทางบัตร แต่วันถัดมาเห็น email แจ้งการตัดค่าโดยสารไป เลยกดดูใน record เออ ตัดตังไปจริงๆด้วยแหะ !!! เราเลยกดโทรเข้าไปที่ grab (กดจากในappได้เลย) แจ้งว่าเมื่อวานเราได้ทำการเรียกรถ แต่ไม่ได้ขึ้นรถไป แต่มีการตัดตัง ซึ่งตัดค่าเรียกและค่าระยะทางโดยสาร เราไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมีรายละเอียดค่าโดยสารในส่วนของ ระยะทาง เพราะเราไม่ได้นั่ง ไม่ได้ขึ้นไปบนรถเลย ไม่ได้เห็นรถ หรือเห็นหน้ากับคนขับเลย แต่เรากดเรียกไปจริงๆ ถ้าจะตัดตังตัดไปแค่ค่าเรียกได้นะ เราโอเค แต่ระยะทางตัดไม่ได้ เราไม่ได้นั่งแปลว่า รถไม่ได้วิ่ง เค้าไม่ได้ไปส่งเรา จะมีระยะทางได้ยังไง งงมากๆ พนักงานอธิบายกับเราว่า เหตุการณ์แบบนี้เกิดได้เพราะ คนขับกดส่งงานไป ทั้งๆที่ไม่ได้รับผู้โดยสารจริง ทำให้ระบบตัดตังค์จากบัตรเราไป วันนั้นเราเลือกจ่ายผ่านบัตร (แต่จริงๆแล้วเราเลือกได้นะว่าจะจ่ายเป็น cash หรือว่า ตัดบัตร debit/credit) พนักงาน call center ขอหมายเลขการจองของเรา เราก็กดดูจาก record ใน app ละแจ้งเค้าไป เราแจ้งแค่เลขจอง แต่พนักงาน เอ่ยชื่อคนขับมาตรงกับที่ขึ้นใน record ของเรา เท่ากับว่า ระบบเค้าก็ใช้การได้ดีอยู่นะ ละหลังจากนั้น 3วันก็ได้ตังคืนเข้าบัญชีพร้อม email แจ้งให้ทราบและขอโทษเรา ซึ่งมันโอเคและดีมาก ตอนนี้เราก็ยังคงใช้บริการ grab ต่อไป
จบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่