[Kimberley] รวมบทสัมภาษณ์ล่าสุดของคิมมี่ ทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัว การงานและความรัก

รวบรวมสัมภาษณ์ของน้องคิมล่าสุดในหลายประเด็นที่เคยรู้และไม่เคยรู้มาก่อน

ขอตัดมาเฉพาะบางประเด็นนะคะ

...ประเด็นแรกเรื่องคาแรคเตอร์ที่คล้ายเดิมกับบทคุณหนูขี้วีน คิมบอกเราจะเบื่อบทไม่ได้เพราะมันเป็นหน้าที่ แต่จริงๆ ก็อยากลองเล่นบทอื่นดูบ้าง...

ดูคาแร็กเตอร์จะคล้ายเดิม แบบนี้ตอนที่ได้รับการติดต่อมารู้สึกยังไง?

คิม - "ป้าแจ๋ว(ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์) โทร.มาหาบอกว่าอยากให้เราเล่นเรื่องนี้ คือเราเพิ่งเล่นเรื่อง นางร้ายที่รัก จบไป ซึ่งชื่อตัวละครก็ชื่อ พิมพ์ เหมือนกัน เรื่องบ่วงหงส์นี้ก็ชื่อ พิมพ์ อีก ก็ถามป้าแจ๋วว่าจะทำยังไงให้เปลี่ยนดี ป้าก็บอกว่าเราเคยตัดผมหน้าม้า งั้นครั้งนี้แปะผมม้าปลอมไหม พอมาลองฟิตติ้งมันดูไม่ธรรมชาติ เราเลยตัดจริงให้เลยจะได้เปลี่ยน และก็ตัดยาวมาจนตอนนี้" (ข่าวสด 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

เบื่อไหม ได้รับแต่บทแนว คุณหนูขี้วีน?

คิม - "ในฐานะที่เป็นนักแสดง เราจะเบื่อกับบทของเราไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของเราในการถ่ายทอดออกมาเป็นชีวิตของตัวละครตัวนั้น ก็ไม่เบื่อ เราทำเต็มที่ตามบท จริงๆ ก็อยากลองเล่นบทอื่นๆ บ้าง อยากเล่นแบบเรียบร้อยหรือไม่ก็โรคจิตไปเลย คือใส่ได้เต็มที่ หัวเราะดังๆ กรี๊ดสุดเสียง อยากปล่อยบ้างค่ะ(ยิ้ม) และเล่นเป็นคนจนก็ยังไม่เคย ต้องรอดูในอนาคต" (ข่าวสด 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

...ประเด็นที่สอง เรื่องคนเปรียบเทียบบ่วงหงส์กับละครเวอร์ชั่นเก่า คิมบอกว่าเล่นรีเมคมาเยอะก็เลยปล่อยวาง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็พอ...

“คิมโดนละครรีเมกเกือบทุกเรื่อง เรื่องนี้ไม่หนักใจขนาดนั้น คิมปล่อยวางเพราะเราเล่นละครรีเมกมาเยอะ เราคิดว่าเราทำดีที่สุดในหน้าที่ของเราแล้ว แล้วปีนี้ 2017 ผู้ใหญ่ตั้งใจมารีเมกแล้วก็ไม่อยากให้ใครเปรียบเทียบ ทำให้เหมือนเดิมทำไมล่ะ” (ไทยรัฐ 1 เม.ย. 2560)


...อาชีพนักแสดงคือความใฝ่ฝันของคุณพ่อ...

คิม - " ใช่ค่ะ พ่อแปลกมาก เหมือนชี้ชะตาเลยนะ พ่อบอกว่า โตมายูต้องเป็นดาราเลยนะ ได้เป็นแน่ๆ เราก็แบบจริงเหรอ คือตอนเด็กๆ ไม่ได้คิดอะไร จนได้รับโอกาสไปแคสติ้งโฆษณานู้นนี่ เดินแบบตั้งแต่เด็ก ก็คงมีแววตามที่พ่อเห็น (หัวเราะ) เริ่มฉายแววจริงๆ ตอนไหนไม่รู้นะ คือไม่เคยรู้สึกว่าเราน่ารัก เราสวย ด้วยความที่เราเป็นลูกครึ่ง สมัยนั้นคนอาจไม่ได้ฮิตลูกครึ่ง มันก็เลยแปลกเฉยๆ " (เดลินิวส์ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

...เป็นลูกครึ่งที่มีความเป็นไทยหรือฝรั่งมากกว่ากัน...

คิม - " ไทยค่ะ คุณพ่อเลี้ยงลูก 4 คน เค้าจะเลี้ยงต่างกัน ลูกชายเค้าจะสอนให้เป็นลูกผู้ชาย ห้ามเอาเปรียบผู้หญิง ห้ามทำร้ายผู้หญิง ต้องดูแลน้องอย่างดี แต่กลับกัน ลูกผู้หญิงจะสอนให้เป็นกุลสตรี สอนแม้กระทั่งการดูแลตัวเอง พ่อจะสอนเรื่องมารยาททางสังคมทุกอย่าง คือที่บ้านเป็นคนเยอรมัน ปู่กับย่าจะเนี้ยบมากเรื่องมารยาทการวางตัว พอมาอยู่เมืองไทย พอได้เห็นคนไทย พ่อชอบคนไทย พ่อรักคนไทย แม่ก็เป็นคนไทย เค้าก็เห็นว่ามันต่างจากฝรั่ง เขาก็เลยปรับนิสัยเอามาสอนลูกสาวตรงนี้ เราก็เลยมีความเป็นไทยมาก เราเองก็รู้สึกนะว่าเป็นคนไทยมากกว่า แต่ก็ผสมผสานกับฝรั่ง เพราะคุณพ่อเป็นฝรั่ง"
(เดลินิวส์ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

...ช่วงหลังๆ จะเห็นคิมใส่ใจ เรื่องออกกำลังกายมากขึ้น...

“คิมเป็นภูมิแพ้ตอนเด็ก ป่วยบ่อย เป็นหวัดบ่อย พอออกกำลังกายไม่ค่อยเป็นหวัดเลย ก็รู้สึกว่าเราอยากดูแลสุขภาพตัวเองด้วย แน่นอนเราวาดฝันเราอยากมีลูก อยากมีลูก อยากอยู่กับลูกให้นานที่สุด” (ไทยรัฐ 1 เม.ย. 2560)

"คิมเริ่มจริงจังกับการออกกำลังกายมา 3 ปี แต่อยากลงอีกสัก 2 โล คือก็มีคนทักบ้างนะ เพราะเราเป็นคนน้ำหนักขึ้นลงง่ายมาก ลงแค่ 5 ขีดคนก็ทักว่าผอมลง แต่ถ้าขึ้นแค่ 5 ขีดคนก็บอกว่าอ้วนขึ้นหรือเปล่าเนี่ย(หัวเราะ) อาจจะเพราะเสื้อผ้าด้วย" (ข่าวสด 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

พอหุ่นดีขึ้น ทำให้ชอบแต่งตัวมากขึ้นไหม นางเอกสาวกล่าวว่า "คิมชอบแต่งตัวอยู่แล้ว แต่อาจจะกล้าเปิดขึ้น มีเปิดเอวลอยบ้าง แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนให้เซ็กซี่ขึ้น อาจดูเป็นงานๆ ไปมากกว่า" (ข่าวสด 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

...คิมเบอร์ลี่ โดนว่าอ้วน! แอบกินยาลด วูบสลบคาห้องน้ำ...

" คิมเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีสำหรับการลดน้ำหนักมาก่อนค่ะ ตอนนั้นคิมอยากเป็นนักแสดง และคิมอ้วนมาก ตอนนั้นน้ำหนักประมาณ 50 กิโลฯ ได้ คนก็บอกว่าเราเป็นดาราไม่ได้หรอก เพราะอ้วน ก็เลยตัดสินใจกินยาลดความอ้วนค่ะ เพราะว่าเพื่อนๆ ชวน กินแล้วน้ำหนักลดลงเร็วมาก ซึ่งมันเป็นวิธีที่ผิดมากนะ กินแล้วมันทำให้ไม่อยากกินอาหาร และเข้าห้องน้ำตลอดเลย เพราะอย่างนี้มันทำให้คิมหน้ามืดในห้องน้ำค่ะ ล้มใส่ข้าวของตกแตกกระจายไปหมดเลย ตอนนั้นคิมอายุประมาณ 14-15 เอง (ยิ้ม) คุณพ่อต้องพังประตูเข้ามาช่วยเลยค่ะ หลังจากนั้นก็เลยเข็ด ไม่เอาแล้ววิธีลดน้ำหนักแบบทางลัด ก็หันมาออกกำลังกายค่ะ " (ไทยรัฐ 28 มี.ค. 2560)

...ประเด็นเรื่องเรียน คิมบอกจะเรียนจบแล้ว ในเดือนมิ.ย.นี้ กำลังฝึกงานกับบริษัทคุณแอน...

“เดือน มิ.ย. นี้ก็จบแล้วค่ะ ตอนที่เลือกเรียนด้านนี้ เพราะเราคิดว่ามันจะง่าย เพราะเราเป็นนักแสดงอยู่แล้ว เรารู้การทำงานของทุกฝ่ายอยู่แล้ว แต่เอาเข้าจริง ๆ มันยากมาก ไม่ง่ายเลย อย่างตอนที่ต้องทำหนังสั้นก็คิดหนักมาก ปัญหากองก็เยอะ เรื่องนี้เราก็กำกับเอง เขียนบทเอง เล่นเองด้วย พี่หมากก็มาช่วยเล่น เวลาก็ไม่พอ มีปัญหาเรื่องการถ่ายทำจุกจิกเยอะมาก เลยคิดว่าพักก่อน ยังไม่อยากทำงานเบื้องหลังตอนนี้ แต่พี่หมากพอเขาเห็นเหมือนกับเขาอยากเป็นผู้กำกับ ตอนนั้นเขามาเป็นนักแสดงให้ แล้วก็ช่วยดูหน้ามอนิเตอร์ พอถึงฉากเราเล่น เขาก็ช่วยดู” (เดลินิวส์ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

ช่วงที่เรียนต้องทำงานด้วยเรียนด้วย แบ่งเวลาอย่างไร?

“ก็ต้องแบ่งเวลามาเรียน มาเข้าสอบ บางวิชาสอบไม่ทันก็ต้องขอสอบนอกรอบ ก็เรียนตามเกณฑ์ปกติค่ะ นี่ก็เรียน 4 ปีพร้อมกับเพื่อน ๆ แต่จะยากตรงที่ต้องทำรายงาน อย่างตอนนี้ก็ต้องทำเล่มส่งจบ ฝึกงานอีก ก็ไปฝึกกับบริษัทพี่แอน ทองประสม ก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับงานเบื้องหลังเยอะเหมือนกัน คือเราปกติเราจะเห็นแค่การแสดงของเรา เราไม่รู้หรอกว่า ผู้จัด ผู้กำกับ เขาคิดยังไง แต่ตอนนี้เราก็รู้แล้ว ว่าการเป็นผู้จัดนี่มันเหนื่อยมาก หัวหงอกเลย ต้องคิดเยอะมาก และการเป็นผู้กำกับ ก็มีทั้งอะไรที่ได้ดั่งใจและไม่ได้ดั่งใจ ก็ต้องปล่อยวาง ตอนนี้คิดว่าคงไม่อยากเป็นผู้กำกับ แต่ว่าผู้จัดก็เอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตก่อน เพราะเรายังไม่ได้เก่งถึงขั้นนั้น ด้วยความที่เราสนิทกับผู้จัดเยอะ ทั้งพี่จ๋า-ยศสินี พี่แอน ทองประสม เราก็เห็นการทำงานของเขาว่ามันเหนื่อยมาก เลยเอาตรงนี้ให้รอดก่อนกับการเป็นนักแสดง” (เดลินิวส์ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

...เป้าหมายในชีวิตของคิม คงจะทำงานแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่จริงพ่ออยากให้เรียนด้านกฏหมายแต่ทำงานตรงนี้ก็เรียนด้านนี้ดีกว่าและความฝันอีกอย่างนอกจากเป็นนักแสดง คือ อยากเป็นดีไซเนอร์...

“คงทำงานแบบนี้ ขยันทำงานขึ้น เรียนจะจบแล้ว จบเดือน มิ.ย. ตอนนี้กำลังทำเรื่องจบ และฝึกกองละครพี่แอน ทองประสม กำลังเลือกว่าจะเป็นผู้ช่วยระดับไหนที่ง่ายสุด”หากเรียนจบแล้วเรียนต่อหรือพักก่อน “พักก่อนๆ ยังมีเวลาคิดแป๊บนึง ทำงานก่อน” การเรียนถือว่าเป็นความหวังของพ่อที่อยากให้ลูกเรียนจบ “ใช่ค่ะ แต่จริงๆ คุณพ่ออยากให้เรียนด้านกฎหมายมากกว่า แต่เราเข้ามาตรงนี้แล้วก็เรียนทางด้านนี้ดีกว่า พ่อคิมเป็นทนายแต่เรียนจบพ่อก็น่าจะแฮปปี้แล้วค่ะ” (ไทยรัฐ 1 เม.ย. 2560)

"ความจริง ความฝันอีกอย่างของคิมก็คือ อยากเป็นดีไซเนอร์ แต่ทุกวันนี้ไม่ได้มีโอกาสลองทำอะไรตรงนั้นเลย เพราะแค่งานทุกวันนี้เราก็เต็มไม้เต็มมือไปหมดแล้ว นอกจากงานแสดง ตอนนี้คงโฟกัสที่เรื่องครอบครัว และเรียนให้จบ" (คมชัดลึก 10 ธ.ค. 2559)

...จริงๆ คิมเป็นคนยังไง เป็นสาวหวาน หรือสาวเปรี้ยว...

คิม - "กลมกล่อมค่ะ (หัวเราะ) ชมตัวเองนะ คือไม่ใช่คนหวานมาก แต่ถ้าดูหวานเพราะเราเป็นคนชอบจัดดอกไม้ ชอบจัดบ้าน ทำกับข้าวบ้าง คนก็ชอบคิดว่าคิมเป็นสาวหวาน แต่ไม่นะ เพราะเราอยู่กับพี่ชาย 2 คน อยู่บ้านก็ตีกัน เอาหมอนตีกัน มีนิสัยเป็นผู้ชายเหมือนกัน คือเป็นคนชอบพูดตรงๆ ไม่ชอบใครอ้อมค้อม อย่าน้ำเยอะ มีอะไรให้พูดมาเลย ไม่ชอบคนโกหก แต่อาจจะด้วยเสียง ภาพที่ทุกคนเห็นอาจจะคิดว่าเราหวาน"

แล้วมุมเปรี้ยวๆ ของเราล่ะ "คือเรามีหน้าอก มีสะโพก บางทีเราใส่เสื้อผ้ามันก็จะดูเซ็กซี่ได้ง่าย แต่ไม่ได้โชว์เยอะขนาดนั้น มีลิมิตของตัวเองค่ะ" (ข่าวสด 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

...ประเด็นสุดท้ายเรื่องความรัก กับหมากทุกวันนี้มีอะไรต้องปรับอีกไหม และมองอนาคตความรักไปถึงไหน...

คิมพยักหน้า "ปรับทุกวัน ค่อยเป็นค่อยไป เรียนรู้กันไปเรื่อยๆ เพื่อให้บาลานซ์กัน"

ใครหวานกว่ากัน "หวานคนละแบบ เขาเป็นผู้ชาย เรื่องรายละเอียดจะไม่ค่อยเยอะเท่าเรา แต่เรื่องเซอร์ไพรส์เขาค่อนข้างมุ้งมิ้ง เมื่อก่อนเขาไม่ค่อยหวาน เขาบอกตั้งแต่ต้นว่าเขาเป็นผู้ชายไม่โรแมนติก เราก็เห็นเพราะเป็นเพื่อนกันมานาน เลยไม่คาดหวัง แต่อยู่ๆ เขาก็โรแมนติก ล่าสุดเซอร์ไพรส์เรากับดอกไม้ พอเขาทำให้ก็ปลื้มนิดนึง" (ข่าวสด 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

ตั้งแต่หมากคบคิมดูเค้าเปลี่ยนแปลง ในทางที่ดีขึ้นชีวิตดูนิ่งไปจูนทัศนคติยังไง “ไม่ได้จูนอะไรเลยคือเราเป็นคนนิ่งๆไง ไม่เที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่ไปผับ ไม่สูบบุหรี่ เค้าอาจจะเห็นเป็นตัวอย่างไม่รู้สิ” เคยทะเลาะกันเรื่องนี้บ้างมั้ย “ก่อนหน้านี้ค่ะ มีเกเรบ้างตามประสาผู้ชายแต่ตอนนี้เค้าดีขึ้นมาก ก็ดีใจ ด้วยความที่เค้าโตขึ้นด้วยมั้งคะ ปีนี้ก็อายุ 27 อีก 3 ปีก็จะอายุ 30 เค้าน่าจะต้องคิดถึงอนาคตแล้ว นี่เค้าก็คิดเริ่มโตขึ้น” มองอนาคตคือคิดเรื่องแต่งงานหรือเปล่า “เกี่ยวกับวิธีการเก็บเงิน ทำธุรกิจเพื่อที่จะได้อยู่กินได้อีกนาน เค้าเริ่มคิด เริ่มลดไม่ค่อยซื้อรถแล้ว อยากได้คันนี้เราจะคอยเบรก” ความรักในวันนี้ถือว่าแฮปปี้ลงตัว “แฮปปี้ค่ะ ทะเลาะ งอนบ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่ไม่ใช่ประเด็นใหญ่”  ต้องปรับตัวเองเพื่อผู้ชายคนนี้ “เค้าไม่เคยบอกให้เราเปลี่ยนเป็นแบบไหนเลย ไม่เคยบอกช่วยทำตัวแบบนี้ได้มั้ย อย่าทำแบบนี้ๆ ไม่มีเลย  และเดี๋ยวนี้เค้าเริ่มชิลขึ้น กลายเป็นคนอยู่บ้าน ทำสวน อยู่กับหมา ค่อนข้างซัพพอร์ตเราในสิ่งที่เราเป็น เราเลยอยากซัพพอร์ตเค้าในแบบที่เค้าเป็นให้เป็นในทางที่ดีขึ้น”  (ไทยรัฐ 1 เม.ย. 2560)

มองอนาคตความรักไปถึงไหน

คิม - ดูกันไปเรื่อยๆ ค่ะ ไม่อยากให้มีปัญหาอะไรกัน แล้วก็ความรักนี่ก็ไม่ได้คาดหวังอะไร อยู่ให้มีความสุขในแต่ละวัน ทำดีๆ ให้กัน หัวเราะ ยิ้ม ดีกว่า เรื่องแต่งงานก็มีแอบคิดอยู่เหมือนกัน แต่ว่าเรายังเด็กกันอยู่ เขาก็ยังสนุกกับงาน เราก็สนุกกับงาน เลยรู้สึกว่าช่วยกันหาเงินก่อนดีกว่า ผู้หญิงอะเนอะ ก็มีความฝันเรื่องชุดแต่งงาน มีตั้งแต่ 3 ขวบแล้ว (หัวเราะ) อยากใส่มากชุดแต่งงานเนี่ย แต่ก็ไม่ได้รีบอะไรค่ะ เราไม่ได้คุยอะไรกันขนาดนั้น"  (เดลินิวส์ 26 มีนาคม พ.ศ. 2560)

ที่มา

https://www.dailynews.co.th/entertainment/564151
http://www.thairath.co.th/content/901035
http://daily.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TURObGJuUXdNVEkyTURNMk1BPT0=&sectionid=TURNeE1nPT0=&day=TWpBeE55MHdNeTB5Tmc9PQ==
http://www.thairath.co.th/content/897912
http://www.komchadluek.net/news/ent/251893

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่