บทสวดธรรมจักรกัปปวัตนสูตรนั้น...มิใช่คำอธิษฐาน..หรือคำกล่าวขอ.ไหว้วอน หรืออย่างหนึ่งอย่างใด แต่เป็นคำสอนอันทรงคุณค่าเป็นปฐมแห่งเทศนาการ ในการประกาศศาสนา ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์
/img]
คราเมื่อครั้งพุทธกาล...พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรา...ก็ได้ย่ำธรรมเภรี.หมุนกงล้อแห่งธรรมครั้งแรก...ที่ป่าอิสิตนมฤคทายวัน.ย่าน..อาณาเขต...กรุงพาราณสี.ให้แก่ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า..สดับ.(มีท่านอัญญาโกณทัญญะ , วัปปะ ,ภัททิยะ , มหานามะ, อัสสชิ).
ครั้งนั้น...ด้วยอานุภาพแห่งธรรม..ทำให้ท่านอัญญาโกณทัญญะ...สำเร็จธัมมจักขุ(คือได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน)..เป็นท่านแรก..พร้อมเหล่าเทวดาและเหล่าพหรม 18 โกฏิ
ท่านที่เคารพ..ผู้ที่เป็นเทวดา..บางท่านไม่เคยให้ทาน..ฟังธรรม..ก็มีนะ
จะเห็นได้จากนางเทพธิดา..ท่านหนึ่งได้วิมานอันวิจิตร..เพียง..เพราะรักษาสัจจ..ตลอดชีวิต..อันนี้จากประสบการณ์องค์ท่านพระโมคคัลลานะพระอรหันต์ขีณาสพท่าน..ไปเจอะเจอ..ไต่ถามมา
ด้วยเหตุประการฉะนี้จึงมีหมู่เทวดาจำนวนมหาศาลที่ต้องการสดับธรรมเป็นจำนวนมาก เกินจะคณนานับ
อนึ่งองค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ก็ยืนยัน ว่าสวดแล้วเหล่าเทวดาจะน้อมอนุโมทนา...สาธุการ...เป็นจำนวนมาก.
ด้วยเหตุนี้ขอเชิญอ่านประสบการณ์ทางธรรมแห่งองค์ท่านครั้งวิเวกจิตธุดงค์รอนแรม ตามไพรป่ามาแสดงสักนิดหน่อย
ครั้งหนึ่ง องค์ท่านหลวงปู่ ได้สวดมนต์ตาม..ตามปกติ..แต่พอมาถึงบทสวดธัมจักกัปปวัตนสูตรเท่านั้นแหละขอรับท่านผู้ฟังที่เคารพ เกิดเสียงกระหึ่มกัมปนาท.มาแต่ไกลสั่นไหวสะท้านสะเทือน.ไปทั่วทั้งกระต๊อบ องค์ท่านหลวงปู่..ต้องหยุดสวดไปเป็นระยะองค์ท่านบอกว่าขนหัวลุกเย็นวูบวาบ ๆ หมายถึงขนหัวลุกชูชันไปทั่วสรรพางค์กายหลังเสร็จกิจองค์ท่านจึงกำหนดใจ กำหนดจิตพิจารณา จึงรู้ว่าเหล่าทั่วทวยเทพแห่งวิมานแดนสวรรค์..มาแซ่ซ้องอนุโมทนา.สาธุการ.สนั้นลั่นทั่วไพร.
พระพุทธองค์ทรงตรัสสรรเสริญ...การแสดงธรรมเป็นเอนกอนันต์สมดังพุทธวาจา.ว่า สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ..การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง. บทสวดนี้จึงเป็นบทแห่งธรรมทาน..อันวิจิตร..ชนิดต่ออายุได้ ไม่ต้องไปสะเดาะเคราะห์ที่ไหนเลย
จึงขอกราบเรียนเชิญท่านผู้ไม่เคยสวดให้ลองสวดดู ถึงจะยาวหน่อยและนาน ก็คิดเสียว่าปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ หากสวดทุกวัน จนชำนาญ ก็จะรู้สึกว่าไม่นานเลย
อนึ่ง ขึ้นชื่อว่าบทสวดมนต์ บทไหนหากสวดเป็นประจำก็ดีหมดขอรับ แต่ก็ยังอยากให้ทุกท่านลองสวดบทธัมจักรกัปปวัตตนสูตรเพราะเป็นการเผยแผ่ธรรมในแดนเทวดา ที่มีอานุภาพง่ายสะดวกไม่ยุ่งยาก ไม่เสียเงิน
เรือนธรรมแสงทางแห่งปัญญา
ธรรมทาน - วิทยาทาน - PaLungJit.com
อานุภาพสวดธรรมจักร โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร
อานุภาพสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร (2)
ธรรมราชากับนางฟ้า สมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
ครั้งหนึ่งองค์ท่านหลวงปู่..จันทา ถาวโร..ได้ไปจำพรรษา...ร่วมกับองค์ท่านหลวงปู่ขาว.อนาลโย.และ องค์ท่านหลวงปู่หลุย..จันทสาโร..ที่วัดถ้ำกองเพล..จ.อุดรธานี
.ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ท่านกำลังเร่งรัด..ภาวนา...ไม่นอนสามไตรมาส...อดนอน..ผ่อนอาหาร...เจริญสติมิได้ว่างเว้น
วันหนึ่งคืนแสงแห่งศศิธร..คือพระจันทร์วันเพ็ญ...ขอรับ..องค์ท่านได้ดำเนินวิถีจิต...เข้าสู่ภวังคภพ..แห่ง..อุปจารสมาธิ...และทันไดนั้นเอง...ได้ปรากฏแสงโอภาส..โชติช่วง...สว่างราวกับว่าเป็นแสงแห่ง....ทิวากาล
คือประมาณว่า..เฉกเช่นเวลากลางวันก็มิปาน..
ได้มีหมู่ฝูงอมร..ทิพยอัปสร...จากแดนเทวดา..เหาะละล่อง.ลอยละลิ่ว..ปลิวว่อนมา..ดุจใยสำลี...ในมือมี...ธงแดง...และธูป.
พอมาถึงก็สำแดง...อาการนอบนพ..กราบซบ.น้อม..วันทนาการ....ปักธงจุดธูป.
ต่อจากนั้น...ก็สวดสรรเสริญ...พระพุทธคุณ..พระธรรมคุณ...พระสังฆคุณ..ทำวัตรเย็น.
ลำดับต่อมา..ท่านผู้มาเยือน.ได้สวดธรรมราชา...คือธรรมจักกัปวัตตนสูตร...และตามติดด้วย..อนัตลักขณสูตร..และอาทิตตปริยายสูตร...ทั้งสามสูตรนี้...เขาเรียกว่า
ราชาธรรม...คือเป็นธรรม...อันยิ่งใหญ่ของชาวพุทธ (โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง)..เขาผู้มาจากเทวพิภพว่าคือ...พระธรรมทั้ง ๘,๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์มารวมกันอยู่ที่นี้ทั้งหมด
เมื่อสวดมนต์เสร็จ..แล้ว..ท่านเหล่านั้นก็ได้เจริญพระกรรมมัฏฐานภาวนา.หลับตาเพ่งพิศ..สงบจิต..สำรวมเนตร..ราวๆประมาณว่า..สามชั่วโมง เมื่อเสร็จ.การก่อ.กิจอันเป็นกุศล..ก็แสดงทีท่า..ว่าจะจรลี..จากจร
องค์ท่านหลวงปู่ก็เลยกำหนดจิต...ไต่ถามว่าคุณโยมมาจากสถานห้องแห่งที่ใด.....? ท่านผู้รูปงาม.ก็.ตอบว่าเป็นชาวฟ้า..ชาวสวรรค์ องค์ท่านหลวงปู่ก็ไต่ถามต่อไปว่า...ท่านมาที่นี้เพื่อประโยชน์อันใด...ท่านทั้งหลายเหล่านั้น..ตอบว่า...มาบูชาแก้วสามประการนะท่าน..
องค์ท่าน..ถามอีกว่า...บูชาเพื่อประโยชน์อันใด?
เพื่อบำเพ็ญกุศลนะท่าน...เพราะแก้วพุทธโธ..แก้วธัมโม..แก้วสังโฆ..นั้นเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในการบูชาด้วยดอกไม้..ธูปเทียน..และของหอม.
และองค์ท่านหลวงปู่จันทา..ได้ถามอีกว่า...อยู่บนสวรรค์มิได้บำเพ็ญหรือโยม...
คำตอบต่อไปนี้..สำคัญ..ที่ทุกท่านทุกคน..จะต้องเงี่ยโสตะ.สดับหลาย ๆ รอบ.คือ
บำเพ็ญอยู่เหมือนกัน...แต่ได้รับผลน้อย...ไม่ได้มากเหมือนบำเพ็ญอยู่ในเมืองมนุษย์ ในเมืองมนุษย์ทำน้อยได้มาก..ทำมากยิ่งได้มาก...เพราะเป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญบุญกุศล....จะไปสวรรค์หรือพรหมโลก..ก็ต้องมาบำเพ็ญบุญในเมืองมนุษย์นี้ก่อน..จึงจะไปนิพพาน..พ้นทุกข์จากโลกสงสาร...ก็ต้องมาบำเพ็ญบุญ...ในศาสนาพุทธ..ในเมืองมนุษย์นี้เสียก่อน...จึงจะได้..นอกนั้นไม่มี....
วรรค..เขาได้เล่าว่าได้เกิดในสมัยพระพุทธเจ้านามว่ากัสสปะ ปฏิบัติภาวนามา สองหมื่นปี
และที่สำคัญเขาได้ฝากมายังมนุษยพิภพ ว่า ท่านอาจารย์ขอให้ได้โปรดแนะนำพร่ำสอนญาติโยมทั้งหลายให้พากันบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาถัดจากนั้น ท่านผู้มาเยือนก็เหาะหนหาย วับไปกับสายตา..ทะลุผ่านไปในกลีบเมฆา.
อ้างอิงจากหนังสือ..๘๐ ปี หลวงปู่จันทา ถาวโร แห่งวัดป่าเขาน้อย อ.ทรายมูลจังหวัดพิจิตร
พระเกจิดังเล่า:อมตะอานุภาพของปฐมบท(ธรรมจักร) : ธรรมราชากับนางฟ้า สมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ
คราเมื่อครั้งพุทธกาล...พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพวกเรา...ก็ได้ย่ำธรรมเภรี.หมุนกงล้อแห่งธรรมครั้งแรก...ที่ป่าอิสิตนมฤคทายวัน.ย่าน..อาณาเขต...กรุงพาราณสี.ให้แก่ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า..สดับ.(มีท่านอัญญาโกณทัญญะ , วัปปะ ,ภัททิยะ , มหานามะ, อัสสชิ).
ครั้งนั้น...ด้วยอานุภาพแห่งธรรม..ทำให้ท่านอัญญาโกณทัญญะ...สำเร็จธัมมจักขุ(คือได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน)..เป็นท่านแรก..พร้อมเหล่าเทวดาและเหล่าพหรม 18 โกฏิ
ท่านที่เคารพ..ผู้ที่เป็นเทวดา..บางท่านไม่เคยให้ทาน..ฟังธรรม..ก็มีนะ
จะเห็นได้จากนางเทพธิดา..ท่านหนึ่งได้วิมานอันวิจิตร..เพียง..เพราะรักษาสัจจ..ตลอดชีวิต..อันนี้จากประสบการณ์องค์ท่านพระโมคคัลลานะพระอรหันต์ขีณาสพท่าน..ไปเจอะเจอ..ไต่ถามมา
ด้วยเหตุประการฉะนี้จึงมีหมู่เทวดาจำนวนมหาศาลที่ต้องการสดับธรรมเป็นจำนวนมาก เกินจะคณนานับ
อนึ่งองค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ก็ยืนยัน ว่าสวดแล้วเหล่าเทวดาจะน้อมอนุโมทนา...สาธุการ...เป็นจำนวนมาก.
ด้วยเหตุนี้ขอเชิญอ่านประสบการณ์ทางธรรมแห่งองค์ท่านครั้งวิเวกจิตธุดงค์รอนแรม ตามไพรป่ามาแสดงสักนิดหน่อย
ครั้งหนึ่ง องค์ท่านหลวงปู่ ได้สวดมนต์ตาม..ตามปกติ..แต่พอมาถึงบทสวดธัมจักกัปปวัตนสูตรเท่านั้นแหละขอรับท่านผู้ฟังที่เคารพ เกิดเสียงกระหึ่มกัมปนาท.มาแต่ไกลสั่นไหวสะท้านสะเทือน.ไปทั่วทั้งกระต๊อบ องค์ท่านหลวงปู่..ต้องหยุดสวดไปเป็นระยะองค์ท่านบอกว่าขนหัวลุกเย็นวูบวาบ ๆ หมายถึงขนหัวลุกชูชันไปทั่วสรรพางค์กายหลังเสร็จกิจองค์ท่านจึงกำหนดใจ กำหนดจิตพิจารณา จึงรู้ว่าเหล่าทั่วทวยเทพแห่งวิมานแดนสวรรค์..มาแซ่ซ้องอนุโมทนา.สาธุการ.สนั้นลั่นทั่วไพร.
พระพุทธองค์ทรงตรัสสรรเสริญ...การแสดงธรรมเป็นเอนกอนันต์สมดังพุทธวาจา.ว่า สัพพทานัง ธัมมทานัง ชินาติ..การให้ธรรมะชนะการให้ทั้งปวง. บทสวดนี้จึงเป็นบทแห่งธรรมทาน..อันวิจิตร..ชนิดต่ออายุได้ ไม่ต้องไปสะเดาะเคราะห์ที่ไหนเลย
จึงขอกราบเรียนเชิญท่านผู้ไม่เคยสวดให้ลองสวดดู ถึงจะยาวหน่อยและนาน ก็คิดเสียว่าปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ หากสวดทุกวัน จนชำนาญ ก็จะรู้สึกว่าไม่นานเลย
อนึ่ง ขึ้นชื่อว่าบทสวดมนต์ บทไหนหากสวดเป็นประจำก็ดีหมดขอรับ แต่ก็ยังอยากให้ทุกท่านลองสวดบทธัมจักรกัปปวัตตนสูตรเพราะเป็นการเผยแผ่ธรรมในแดนเทวดา ที่มีอานุภาพง่ายสะดวกไม่ยุ่งยาก ไม่เสียเงิน
เรือนธรรมแสงทางแห่งปัญญา
ธรรมทาน - วิทยาทาน - PaLungJit.com
อานุภาพสวดธรรมจักร โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร
อานุภาพสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร (2)
ธรรมราชากับนางฟ้า สมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า
ครั้งหนึ่งองค์ท่านหลวงปู่..จันทา ถาวโร..ได้ไปจำพรรษา...ร่วมกับองค์ท่านหลวงปู่ขาว.อนาลโย.และ องค์ท่านหลวงปู่หลุย..จันทสาโร..ที่วัดถ้ำกองเพล..จ.อุดรธานี
.ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ท่านกำลังเร่งรัด..ภาวนา...ไม่นอนสามไตรมาส...อดนอน..ผ่อนอาหาร...เจริญสติมิได้ว่างเว้น
วันหนึ่งคืนแสงแห่งศศิธร..คือพระจันทร์วันเพ็ญ...ขอรับ..องค์ท่านได้ดำเนินวิถีจิต...เข้าสู่ภวังคภพ..แห่ง..อุปจารสมาธิ...และทันไดนั้นเอง...ได้ปรากฏแสงโอภาส..โชติช่วง...สว่างราวกับว่าเป็นแสงแห่ง....ทิวากาล
คือประมาณว่า..เฉกเช่นเวลากลางวันก็มิปาน..
ได้มีหมู่ฝูงอมร..ทิพยอัปสร...จากแดนเทวดา..เหาะละล่อง.ลอยละลิ่ว..ปลิวว่อนมา..ดุจใยสำลี...ในมือมี...ธงแดง...และธูป.
พอมาถึงก็สำแดง...อาการนอบนพ..กราบซบ.น้อม..วันทนาการ....ปักธงจุดธูป.
ต่อจากนั้น...ก็สวดสรรเสริญ...พระพุทธคุณ..พระธรรมคุณ...พระสังฆคุณ..ทำวัตรเย็น.
ลำดับต่อมา..ท่านผู้มาเยือน.ได้สวดธรรมราชา...คือธรรมจักกัปวัตตนสูตร...และตามติดด้วย..อนัตลักขณสูตร..และอาทิตตปริยายสูตร...ทั้งสามสูตรนี้...เขาเรียกว่า
ราชาธรรม...คือเป็นธรรม...อันยิ่งใหญ่ของชาวพุทธ (โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง)..เขาผู้มาจากเทวพิภพว่าคือ...พระธรรมทั้ง ๘,๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์มารวมกันอยู่ที่นี้ทั้งหมด
เมื่อสวดมนต์เสร็จ..แล้ว..ท่านเหล่านั้นก็ได้เจริญพระกรรมมัฏฐานภาวนา.หลับตาเพ่งพิศ..สงบจิต..สำรวมเนตร..ราวๆประมาณว่า..สามชั่วโมง เมื่อเสร็จ.การก่อ.กิจอันเป็นกุศล..ก็แสดงทีท่า..ว่าจะจรลี..จากจร
องค์ท่านหลวงปู่ก็เลยกำหนดจิต...ไต่ถามว่าคุณโยมมาจากสถานห้องแห่งที่ใด.....? ท่านผู้รูปงาม.ก็.ตอบว่าเป็นชาวฟ้า..ชาวสวรรค์ องค์ท่านหลวงปู่ก็ไต่ถามต่อไปว่า...ท่านมาที่นี้เพื่อประโยชน์อันใด...ท่านทั้งหลายเหล่านั้น..ตอบว่า...มาบูชาแก้วสามประการนะท่าน..
องค์ท่าน..ถามอีกว่า...บูชาเพื่อประโยชน์อันใด?
เพื่อบำเพ็ญกุศลนะท่าน...เพราะแก้วพุทธโธ..แก้วธัมโม..แก้วสังโฆ..นั้นเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ในการบูชาด้วยดอกไม้..ธูปเทียน..และของหอม.
และองค์ท่านหลวงปู่จันทา..ได้ถามอีกว่า...อยู่บนสวรรค์มิได้บำเพ็ญหรือโยม...
คำตอบต่อไปนี้..สำคัญ..ที่ทุกท่านทุกคน..จะต้องเงี่ยโสตะ.สดับหลาย ๆ รอบ.คือ
บำเพ็ญอยู่เหมือนกัน...แต่ได้รับผลน้อย...ไม่ได้มากเหมือนบำเพ็ญอยู่ในเมืองมนุษย์ ในเมืองมนุษย์ทำน้อยได้มาก..ทำมากยิ่งได้มาก...เพราะเป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญบุญกุศล....จะไปสวรรค์หรือพรหมโลก..ก็ต้องมาบำเพ็ญบุญในเมืองมนุษย์นี้ก่อน..จึงจะไปนิพพาน..พ้นทุกข์จากโลกสงสาร...ก็ต้องมาบำเพ็ญบุญ...ในศาสนาพุทธ..ในเมืองมนุษย์นี้เสียก่อน...จึงจะได้..นอกนั้นไม่มี....
วรรค..เขาได้เล่าว่าได้เกิดในสมัยพระพุทธเจ้านามว่ากัสสปะ ปฏิบัติภาวนามา สองหมื่นปี
และที่สำคัญเขาได้ฝากมายังมนุษยพิภพ ว่า ท่านอาจารย์ขอให้ได้โปรดแนะนำพร่ำสอนญาติโยมทั้งหลายให้พากันบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนาถัดจากนั้น ท่านผู้มาเยือนก็เหาะหนหาย วับไปกับสายตา..ทะลุผ่านไปในกลีบเมฆา.
อ้างอิงจากหนังสือ..๘๐ ปี หลวงปู่จันทา ถาวโร แห่งวัดป่าเขาน้อย อ.ทรายมูลจังหวัดพิจิตร