11-18 มีนาคมที่ผ่านมา ผมต้องไปดูงานที่โบโลญญ่า และอยากไปเยี่ยมครอบครัวเพื่อนในแคว้น North Rhine Westphalia เยอรมัน
นอกนั้นก็อยากวิ่งงานวิ่งต่างประเทศซักครั้งเป็นที่ระลึก เลยได้โปรแกรมเดินทางเป็น
Amsterdam - Den Haag - Dortmund - Luxembourg - Bologna - Milan ในแบบขอชะโงกเที่ยวนิดนึง
ผมไป Qatar Airways โดยชอบส่วนตัวเปรียบเทียบกับสายการบินอาหรับอื่นๆ
ซึ่งช่วงหลังสนามบินที่โดฮาทำใหม่ก็สะดวกขึ้นไม่ต้องต่อรถเหมือนสมัยก่อน
และราคาตั๋วปีนี้ก็ถูกกว่าการเดินทางครั้งก่อนๆ
ผมออกจากไทยคืนวันศุกร์บินไปต่อเครื่องรวมเวลาสิบกว่าชั่วโมงพอลบเวลาที่ช้ากว่าของยุโรป
ผมถึงสนามบิน Schiphol ที่ Amsterdam ประมาณ 11 โมงกว่า หลังจากนั้นนั่งรถไฟเข้ามาถึงเมือง(4.2ยูโร)
พอถึงเมืองดั้นเจอขบวนรณรงค์สิทธิสตรีพอดี เลยต้องเดินไปที่พัก
ระหว่างทางได้แวะกินเฟรนซ์ฟรายไปหลายร้าน(ดูจากรายการทูเดย์โชว์มาแต่จำร้านไม่ได้)
หลังจากเก็บกระเป๋าผมไป Rijks Museum ก่อนตั้งใจว่าจะรีบไปที่อื่นต่อ
แต่พอเข้าไปเหมือนโดนมนต์สะกด พิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานดีมาก
ผมไม่มีความรู้เรื่องศิลปะ แต่เดินอ่านดูป้ายไป และก็กดกูเกิลอ่านประวัติตาม รู้สึกเพลินมาก
ปรากฏกว่าหลังออกมาจากที่นี่ก็เย็น ตอนแรกจะไปบ้านแอนแฟรงก์แต่พอวันนั้นคิวยาวมากกก
เลยเปลี่ยนมาลงเรือดูวิว ไปเดินเล่นแถว red light และก็กลับที่พักไปนอนเอาแรงตอนสองทุ่ม
วันอาทิตย์ผมมีโปรแกรมไปวิ่งที่ Den Haag (หรือ เมืองเฮก) โดยไปรับ bib เพื่อวิ่งตอนบ่าย2ครึ่ง
ผมออกจาก Amsterdam ตอน 8 โมงเศษๆ โดยระหว่างทางแวะไปเที่ยวเมือง Harlem
แต่ไปเช้าเลยได้แค่เดินไปวนดูโบสถ์ ดูคลอง ดูเรือ จนเกือบ 11โมง ก็หาของกินก่อนต่อรถไฟไป Den Haag
(รถไฟที่เนเธอร์แลนด์ สามารถแวะเมืองระหว่างทางได้ครับโดยใช้ตั๋วเดิมได้)

ผมถึง Den Haag ก็รีบเข้าที่พักเก็บของแล้วไปลงทะเบียนที่งาน ตอนนั้นจะมีนักวิ่งรุ่น 5 - 10 กิโล กำลังวิ่งกันอยู่
(ผมวิ่งรุ่นสุดท้ายเป็น Half Marathon) งานนี้ชื่อ NN CPC DEN HAAG เป็นงานวิ่งระดับประเทศของเนเธอร์แลนด์
วันนั้นผู้ประกาศแจ้งว่ามีนักวิ่งร่วมสามหมื่นคนรวมทุกระยะ

ผลเป็นอย่างที่เห็นครับเกือบบ๊วย55 (คนเค้าวิ่งกันเร็วมาก)
ระหว่างทางมีแจกน้ำทุกๆ 5 กิโล ถ้าผมเทียบงานวิ่งในไทยงานนี้จะเหมือนงานบางแสน21
ถ้าที่บางแสนมีชาวบ้าน วงกลองยาว ที่เฮกก็มีชาวเมืองมาเชียร์เรียกชื่อเราตลอด
มีวงดุริยางค์เป็นระยะๆ ชาวบ้านก็แจกขนมระหว่างทาง พอเสร็จจากงานวิ่ง
ผมก็เดินเล่นดูตึกในเมือง เฮกเป็นเมืองราชการก็จะมึตึกสวยๆ จนสักพักประมาณทุ่มนึง ร้านค้าก็ปิดเกือบหมดครับ
(ผมก็ลืมว่าวันอาทิตย์ด้วยคนเค้าปิดร้านกันเร็ว) พอกลับไปที่พักอาบน้ำสักแว้บก็หลับครับ
ตื่นมาวันจันทร์ (ตื่นเร็วเพราะโดนโทรศัพท์มาถามงานตั้งแต่ตีสามตีสี่ (9-10โมง ไทย)
ตั้งใจออกไปเดินเล่นคลายกรดในกล้ามเนื้อไปๆมาๆ(ผมพักแถวสถานี Den Haag HS)
ผมไปถามทางเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟเค้าเลยแนะนำว่ายูไปเที่ยว Delft สิใกล้ๆ
เราเลยจับรถไฟไป Delft จากนั้นก็ดูแผนที่เดินวนไปดูในเมือง (เหมือนเดิมครับไปเช้าเกิน ^^! ไม่มีอะไรเปิดเลย)
เลยได้แค่ถ่ายรูปโบสถ์และหาร้านกาแฟขนมปังรองท้องแล้วกลับเฮก
พอถึงเฮก ผมเก็บกระเป๋าหลังจากนั้นก็เดิน ดูเมือง ดูมหาลัย (แอบไปกินข้าวเที่ยง)
จนบ่ายสองกว่าๆก็นั่งรถไฟไปเยอรมัน หลังจากนั้นผมก็อาศัยกับเพื่อนจนถึงวันพุธครับ
วันพุธแล้วครับ วันนี้ผมมีโปรแกรมไปเดินงาน Creativa ที่ Dortmund และก็จะเดินทางกลางคืนวันที่ 16
โดยจะไปเช้าวันพฤหัสที่ Luxembourg
ผมเดินทางวันนี้โดยใช้ตั๋วแคว้น NRW ราคา 30 ยูโร โดยตั๋วแบบนี้จะสามารถเดินทางในแคว้นนี้ได้ทั้งวัน
เมืองเด่นๆในแคว้นนี้ก็ลงไปได้ถึง โคโลน ดุสเซลดอฟ อาเค่น เลย
พอถึงงานที่ดอตมุนต์ งานนี้ก็จะแนว BIG BIH บ้านเราครับ ของจะซ้ำๆกัน โดยเป็นงานหัตถกรรม งานผ้า งานเกษตรแปรรูป
ก็เดินเพลินๆครับ ค่าเข้า(10ยูโร) ผมสังเกตคนเดินงานก็จะเป็นแม่บ้านครับมากันเป็นรถเข็นแบบบ้านเราเลย
งานนี้ไม่ใช่งานหลักที่ผมสนใจ ก็เดินอยู่ครึ่งวันพอออกมาก็เดินไปทางสนามบอล SIGNAL IDUNA PARK
ไปถึงพอดีมีทัวร์สนามกำลังจะเริ่มก็เลยรีบไปซื้อตั๋ว (12ยูโร) เดินไปกับเค้าด้วย
เจ้าหน้าที่ทัวร์สนามพูดเยอรมันครับ เลยเดินตามไปเงียบๆ ผมเคยไปดูสนามแมนยู สนามอาเซน่อล
พอมาดูสนามนี้อารมณ์มันจะแนวมินิมอล ดูแข็งๆแกร่งๆ แต่ฟังก์ชั่นใช้งานครบ ไม่เหมือนของอังกฤษจะดูมีเคิฟโล่งๆกว่า
หลังจากนั้นตอนเย็นผมก็ใช้ตั๋วเดิมไปเยี่ยมเพื่อนอีกคนที่เมืองใกล้ๆ ก่อนจะมารอรถไฟตอนดึก
(แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้หญิงคนเดียวครับ ตอนดึกๆครั้งนี้สถานีรถไฟมีคนจรจัดอยู่มากถ้าต้องรอตีหนึ่งเที่ยงคืนดูน่ากลัวนิดนึง)
หลังจากหนาวสั่นซักแว้บรถไฟก็มาครับ ขึ้นไปสักพักก็หลับตื่นมาอีกทีตอนตีห้ากว่าๆเปลี่ยนรถไฟที่ Koblenz ก่อนไป Luxembourg
ถึงสถานีรถไฟ Luxembourg ประมาณ 8 โมงกว่า พอฝากกระเป๋าเสร็จ ก็เดินบวกรถบัสชมไปทั่วเมือง
Luxembourg เป็นประเทศขนาดเล็กครับ tourist center จะอยู่ตรงลานกลางเมืองเลย
ผมว่าประเทศนี้นอนค้างสักคืนได้ครับ ผมใช้เวลาแค่หกชั่วโมงแต่ก็ประทับใจเมืองนี้มาก
ชอบเมืองเก่า Pfaffenthal, Bock Casemates, Grund เป็นเมืองที่มี layer สูงต่ำ
ถ้าคนชอบถ่ายรูปน่าจะชอบมาก ผมเดินอยู่จนเย็นก็นั่งรถบัสมาเอากระเป๋าแล้วไปสนามบิน
(รถบัสที่นี่จะจ่ายครั้งละ 2ยูโร และใช้ได้ไม่จำกัดครั้งละ 2ชั่วโมงครับ)
เย็นวันนี้ผมต้องนั่งเครื่องไป Milan ต่อครับ ใช้ EasyJet จองได้ราคาไม่แพง
แต่ต้องระวังน้ำหนักกระเป๋าดีๆครับผมเห็นฝรั่งถือ carry-on หนักๆ โดนเรียกไปจ่ายค่าปรับกันหลายราย
ขนาดกระเป๋าสูทฝรั่งยังต้องถอดออกมาใส่ก่อนขึ้นเครื่อง เพราะนับเป็นอีก1ใบ
ไปถึงสนามบินเทอร์มินัล2 มีรถบัสเข้าเมืองอยู่ 2 เจ้าราคาไม่ต่างกันครับ ลองเลือกเอาเวลาสะดวกได้
ช่วงเย็นรถติดมากกว่าจะถึงที่พักเก็บของคืนนี้ เดินออกมาหาร้านอาหารกลับไปนอนก็ดึกแล้วครับ
วันศุกร์ ผมต้องไปดูงานที่โบโลญญ่าแล้วครับ ออกไปขึ้นรถไฟแต่เช้าใช้เวลาสองชั่วโมงก็ถึงโบโลญญ่า
จากนั้นก็ไปดูงานทั้งวัน จนบ่ายสี่ก็มาเดินเล่นในเมือง โบโลญญ่าเมืองไม่ใหญ่ครับเดินสักพักก็จะรอบแล้ว
สุดท้ายเย็นก็หาร้านของกินแถว Piazza Maggiore ก่อนไปรอรถไฟตอนทุ่มครึ่งกลับมิลาน
วันเสาร์วันสุดท้ายแล้วครับ ผมไปเข้าโบสถ์ดูโอโม พิพิธภัณฑ์แกรนด์พาเลซ เดินชมโบสถ์รอบเมือง
และไปซื้อของแถวย่านนั้น แถวดูโอโม่มีร้านค้าแบรนด์ยอดนิยมครบครับ
จากนั้นก็ไปสนามบินตอนเย็นเป็นอันจบทริปนี้ครับ ^^