ผมสงสัยว่าผมยังนับถือศาสนาพุทธอยู่ไม๊ครับ ?

กระทู้คำถาม
หลายปีหลังเริ่มสังเกตตัวเอง ว่าใส่บาตรน้อยลงมาก บางครั้งไม่แม้แต่อยากจะกราบไหว้พระสงฆ์ ยิ่งช่วงหลังนี้ยิ่งเป็นหนัก แทบไม่อยากไหว้เลยสักรูป บางทียังลามไปถึงเวลาอ่านเรื่องพระเกจิอาจารย์อะไรทั้งหลายที่มีเครื่องรางของขลังอะไรก็ตามที จะมีคำถามในใจตลอด  แต่ถ้าเป็นพระพุทธรูปยังรู้สึกเต็มใจ และอิ่มใจที่ได้กราบไหว้อยู่

ผมเกลียดพิธีรีตอง ขั้นตอนที่ยุ่งยาก ฉนั้นเรื่องกิจกรรมทางศาสนาเลยไม่ได้ข้องแวะมานานปี รวมไปถึงการเข้าโบสถ์แบบคริสต์ด้วยนะครับ (เคยเข้ากับแฟนเก่าอยู่พักนึง) ทั้งตัดอิสลามที่เต็มไปด้วยพิธีกรรมไปได้เลย

หลายปีก่อนเคยบวชให้ญาติผู้ใหญ่อยู่ 7 วันในวัดกลางกรุงเทพฯ ศรัทธาหลวงตาที่ไม่ยอมใส่รองเท้าเลยทั้งยามเดินบาตรและยามปกติ นอนพื้นกระดาน ไม่รับปัจจัยใดๆทั้งสิ้น และก็เคยเห็นพระในวัดเดียวกันนี้ไม่ยอมทำอะไรเลย ไม่เดินบาตร ไม่ทำวัตร ถึงเวลาก็ให้เด็กวัดไปซื้อข้าวมาให้  ตอนบวชวันแรกพระอาจารย์มาสอนตัวต่อตัว ท่านได้บอกว่า แววตาผมเต็มอยู่สอนอะไรเข้าไปเพิ่มไม่ได้  -_-?

เคยอ่านพระไตรปิฎกจนจบเล่ม จำไม่ได้ว่าของอะไรแต่เล่มแค่ 600กว่าหน้าน่าจะฉบับย่อ แต่อ่านแล้วรู้สึกว่ามีข้อความขัดกันเองในนั้นเต็มไปหมด ทั้งข้อเท็จจริงก็คือพระไตรปิฎกที่เราอ่านทุกวันนี้ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโดนสาวกแต่งเติมอะไรเพิ่มจากที่พระพุทธเจ้าสอนไว้จริงบ้าง ทำให้ผมรู้สึกไม่เชื่อในพระไตรปิฏก

หนังสือธรรมมะเล่มแรกที่เคยอ่านคือหนังสือของพุทธทาส จากนั้นก็ได้อ่านพวกนิทานเซ็นอีกหลายเล่ม รู้สึกอ่านแล้วเข้าใจ อ่านแล้วได้คิดมากกว่า หนังสือศาสนาพุทธแบบอื่น

ผมพอจะสรุปให้ตัวเองได้ว่าจริงๆแล้วผมนับถือ Zen เชื่อในเรื่อง สุญญตา เรื่อง Zen ผมเคยอ่านหนังสือฝรั่งเล่มนึง บอกว่า กับดักของผู้ศึกษาเซ็นคือ มักจะยึดติด "ความไม่ยึดติด" จนไม่ได้เกิดภาวะ สุญญตา ที่แท้จริง ผมตอนนี้ก็ติดกับดักนั้นด้วยรึเปล่า ?  Zen ก็เป็นนิกายหนึ่งของพุทธแบบมหายาน แต่ทำไมผมกลับชักรู้สึกห่างกับวิถีพุทธของคนทั่วไปเข้าทุกที -_-?  

คำถามก็คือ ผมยังนับถือศาสนาพุทธอยู่รึเปล่า ? รึผมก็แค่เป็นคนพุทธในเมืองปกติทั่วไปที่ห่างวัด  ? อาจจะเรื่องมากสักหน่อยแต่ขอคำตอบที่ไม่ได้ copy & paste พระไตรปิฎกมานะครับ ดังเหตุผลข้างต้น ^^;
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
1. คุณเป็นเหมือนคนรุ่นใหม่นี้หลายๆคน ที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้า การศึกษาในโรงเรียนสอนให้เรียนรู้ด้วยการ อ่าน การคิด  เลยศึกษาศาสนาพุทธด้วยวิธีการแบบเดียวกัน คือ อ่าน แล้วก็คิดพิจารณา

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่แปลก คือ ยิ่งอ่านมาก ยิ่งคิดมาก ยิ่งไกลความเป็นพุทธะมากยิ่งขึ้น  ครั้นเลิกอ่าน เลิกคิด  กลับเข้ามาดูการทำงานของกายใจตนเอง  ก็ยิ่งใกล้ศาสนาเข้ามาทุกที

ยิ่งมองออกไปจากตนเอง ดูพิธีกรรม ดูการกระทำของคนอื่นๆ  ก็ยิ่งปรุง   เห็นคนทำดีก็ปรุงศรัทธา เห็นศาสนิกทำไมดี  ก็ปรุงเสื่อมศรัทธา

2. ผมไม่รู้ว่าคุณยังนับถือศาสนาพุทธอยู่หรือไม่  แต่คุณยังไม่เข้าใกล้คำสอนของพระพุทธเจ้าเลยครับ

3. หัวใจของศาสนาพุทธคือ การมีสติรู้กายใจตนเอง   พิธีกรรม สิ่งก่อสร้าง รูปเคารพ ปาฏิหาริย์ เป็นแค่ส่วนประกอบเพื่อดึงคนส่วนใหญ่ให้มานับถือเท่านั้นเอง   การเข้าถึงพุทธะ ต้องใช้การรู้   รู้กายและใจตนเอง ที่เรียกว่า สติปัฏฐาน ครับ

ถ้าคุณบอกว่า อ่านพระไตรปิฏกมาแล้ว  ให้กลับไปอ่าน มหาสติปัฏฐานสูตร ซ้ำอีกหลายๆรอบ  พระสูตรนี้ บทเดียวก็ช่วยให้คุณทราบว่า พระพุทธเจ้าสอนอะไรแล้ว  แต่การอ่านจบ ก็แค่นั้น ถ้าไม่ลงมือปฏิบัติ

แค่เปลี่ยนการรู้ในสิ่งอื่นๆ  กลับมารู้กายใจตนเอง คุณก็เข้าถึงการเป็นพุทธะได้ครับ

4.  ไม่ต้องนิยามว่าคุณนับถือศาสนาพุทธหรือไม่   ถ้าคุณยังไม่รู้สึกว่าชีวิตมีความทุกข์ และต้องการพ้นทุกข์   ศาสนาพุทธจะมีหรือไม่ ไม่ได้สำคัญอะไรกับคุณหรอกครับ   แต่ผมไม่อยากให้เสียเวลาของชีวิตไปเปล่าๆ  เพราะตอนนี้ คุณอาจจะยังอายุไม่มาก เลยยังไม่เข้าใจถึงทุกข์ในชีวิต ถ้าคุณไปรู้ถึงความทุกข์ ตอนอายุมากๆ  แล้วค่อยกลับมาเจริญสติ   ก็จะเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ

5.

แด่เธอผู้มาใหม่
http://03.wimutti.net/pramote/books/newcomer_thai.pdf

ธรรมมะสำหรับผู้มาใหม่
http://www.dhammada.net/newcomer/
http://www.wimutti.net/pramote/BeginToEnlightenment.php
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่