Mommy to Be...Baby Project
ตอนเด็กๆ เคยวางแผนชีวิตไว้ว่าอยากมีลูกตอนอายุ 25 อยากเป็นคุณแม่ยังสาว แต่งตัวทันสมัยไปรับ-ส่งลูกที่โรงเรียน วัยไม่ต่างกันมาก สามารถคุยกับลูกได้เหมือนเพื่อน...ในความเป็นจริง มารู้สึกตัวอีกที 30 แล้วจ้า ยังไม่ได้แต่งงานเล้ยยย..กว่าจะปักหลักชีวิตได้จริงๆ ก็ปาเข้าไป 33 ตายๆๆๆ นี่ชั้นใกล้หมดเวลาเจริญพันธุ์แล้วสิเนี่ย อีกปี 2 ปี ก็ต้องเจาะน้ำคร่ำซะแล้ว..ปฏิบัติการผลิตลูกต้องเริ่มด่วน!!!
แรกๆ เราก็ลองแบบธรรมชาติ ซึ่งโกรธการศึกษาเพศศึกษาที่บ้านเรามากกกก ไหนสอนกันมาว่าระยะปลอดภัยคือหน้า 7 หลัง 7 ซึ่งอนุมานได้ว่าถ้าไม่อยู่ในช่วงหน้า 7 หลัง 7 นี่ คือโอกาสตั้งครรภ์ทั้งสิ้นงั้นสิ?!?! เปล่าเลยค่า เด็กวัยใสทั้งหลายโดนหลอกแล้วจ้า จริงๆ แล้วมันมีวันไข่ตกแค่วันเดียว มีอายุ 24 ชั่วโมงถ้วน ต่อ 1 รอบเดือน เต็มที่ให้เวลาพี่อสุจิเค้าอยู่ในร่างกายผู้หญิงบวกลบไม่เกิน 2-3 วัน ที่จะมีโอกาสผสมกับไข่ได้..งั้นรอบเดือนชั้น 40 วันเนี่ยชั้นมีโอกาสแค่ 2-3 วันใน 40 วันนี้ เฉลี่ยปีละ 9-10 รอบเท่านั้นสิ..OMG..ไหนจะช่วงที่ต้องกินยาคุม 3-4 เดือนเนื่องจากฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน ไหนจะตรวจเจอซีสที่รังไข่อีก ไหนสามีจะเดินทางบ่อย แล้วล่าสุดตรวจเจอว่าพี่อสุจิเค้าวิ่งช้า น้อยกว่ามาตรฐานเล็กน้อย และไม่ค่อยสวยอีก...โอกาสการตั้งครรภ์ของชั้นช่างริบหรี่เหลือเกิน..ช่างน่าสงสัยจริงๆ ว่าทำไมดาราเค้าท้อง (ก่อนแต่ง) กันเยอะจริง!!
เคยได้ยินเรื่องเด็กหลอดแก้ว หรือวิธีทำลูกทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มามากมาย แต่ก็รู้แบบผิวเผิน และไม่คิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้...ในวันที่วิทยาศาสตร์มาไกลมาก ผู้คนรอบตัวในวัยใกล้เคียงเริ่มพึ่งพิงสิ่งนี้มากขึ้น อัตราการประสบผลสำเร็จที่ดูดีขึ้น พัฒนาการของเครื่องไม้เครื่องมือ ข้อจำกัดทางกายภาพที่ดูเหมือนวิธีนี้จะเป็นวิธีเดียวที่จะได้ผล ความพร้อมของเราทั้งคู่ เงิน และที่สำคัญที่สุด ความอยากมี “ลูก” เพื่อเติมเต็มครอบครัวเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มขึ้นของเรา เราจึงตัดสินใจเริ่มกระบวนการ Intracytoplasmic Sperm Injection (ICSI) !!!
ระหว่างเริ่มกระบวนการ เราเลยหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำลูกด้วยวิธีต่างๆ จากบทความทางการแพทย์ และสรุปแบบบ้านๆ ได้ดังนี้
1. IVF = เด็กหลอดแก้ว (เอาไข่ออกมาเลี้ยง แล้วเอาอสุจิใส่ ให้เจาะเข้าไปผสมเอง) (โอกาส 15-35%)
2. GIFT = นำไข่ + อสุจิ ไปใส่ไว้ในท่อนำไข่ เพื่อให้ผสมเองตามธรรมชาติ
3. ZIFT = เจาะดูดไข่ออกมาผสมภายนอกแล้วเลี้ยงตัวอ่อน 1-2 วัน แล้วเจาะหน้าท้องเอาไปฝังที่ท่อนำไข่
4. ICSI = เอาไข่มาผสมกับอสุจินอกร่างกาย โดยคัดอสุจิที่ดีที่สุด 1 ตัว ผสมกับไข่ 1 ใบ โดยเจาะไข่ใส่เข้าไปโดยตรง
วิธี ICSI เหมาะกับคู่สมรสที่
• ฝ่ายชายมีอสุจิที่อ่อนแอ ทั้งทางด้านรูปร่าง ความสามารถในการเคลื่อนที่ รวมถึงจำนวน
• คู่สมรสที่เคยไม่ประสบความสำเร็จจากวิธี IVF
• คู่สมรสที่ต้องการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมด้วยวิธี PCR
• คู่สมรสที่ต้องการเลือกเพศ
วิธี ICSI สรุปดังนี้
1. โอกาสตั้งครรภ์ 30-40%
2. ถ้าเลี้ยงตัวอ่อนถึงวันที่ 5 (Blastocyst) โอกาสจะเพิ่มขึ้นเป็น 80%
3. โอกาสที่จะผิดปกติ หรือแท้งเท่ากับตั้งครรภ์ธรรมชาติ
4. ทารกมีโอกาสจะตัวเล็กกว่าตั้งครรภ์ธรรมชาติเล็กน้อย
5. ค่าใช้จ่ายสูง ประมาณ 150,000 – 400,000
6. ไม่ควรใช้ยากระตุ้นไข่เยอะ เสี่ยงต่อผลข้างเคียง
ปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ในวิธี ICSI
• ตัวอ่อน 45% (อสุจิ+ไข่+การเลี้ยงตัวอ่อน)
• ผนังมดลูก 45%
• โชคชะตา 10%
เอาหละค่ะ..มาเริ่มกระบวนการกันเลย ก่อนอื่นใดเลยคืออย่าลืมเตรียมเงินนะคะ ค่าใช้จ่ายจะไม่ได้จ่ายครั้งเดียวเมื่อเริ่มดำเนินการหรือดำเนินการเสร็จ แต่ทยอยจ่ายตามขั้นตอนของการรักษาเหมือนรักษาร่างกายทั่วไป ตามอาการ ตามจำนวนยา ตามค่าหมอ ค่าพยาบาล ค่าอุปกรณ์เป็นรายครั้ง ไม่มีเป็นคอร์สเหมือนทำหน้าสวยค่ะ
ขั้นตอนในการทำคร่าวๆ คือ 1. ใช้ยากระตุ้นให้มีไข่ตกหลายๆ ใบและให้ไข่สุกพร้อมๆ กัน 2. เก็บไข่ออกมาเพื่อรอการผสม 3. เอาอสุจิมาผสมกับไข่ในห้องปฏิบัติการเพื่อให้ได้ตัวอ่อน ด้วยวิธีเจาะไข่ใส่เข้าไปโดยตรง 4. เลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการจนถึงระยะที่ตัวอ่อนสามารถฝังตัวได้ 3-5 วัน 5. ย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่มดลูก 6. แช่แข็งตัวอ่อนส่วนที่เหลือ
การกระตุ้นไข่
เมื่อมีประจำเดือนวันแรกของรอบที่คุณหมอนัดแนะไว้ รีบโทรแจ้งคุณหมอเลยค่ะ คุณหมอจะกำหนดวันเข้ามาเจาะเลือด ซึ่งจะเป็นวันที่ 2-3 ของการมีประจำเดือน เพื่อดูค่า FSH (Follicle Stimulating Hormone) (เป็นค่าฮอร์โมนที่มีหน้าที่กระตุ้นไข่ที่มีอยู่ในรังไข่ให้เจริญขึ้น – ต้องมีค่าน้อยกว่า 10 จึงจะเหมาะแก่การเข้าสู่กระบวนการ) เราตรวจในวันที่ 3 ได้ FSH 8 ซึ่งถือว่าโอเค สามารถดำเนินการต่อได้เล้ย!
ขั้นตอนแรกในการทำคือการกระตุ้นไข่ เพื่อให้ได้ไข่เยอะๆ ซึ่งถ้าไม่กระตุ้น ปกติผู้หญิงเราจะผลิตไข่รอบเดือนละ 1 ใบ เมื่อใช้ยากระตุ้นไข่ ร่างกายก็จะผลิตไข่ได้มากกว่า 1 ใบ ตามความสามารถในการผลิตของแต่ละคน และขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่คุณหมอกำหนดให้ใช้กระตุ้น โดยคุณหมอเราสั่งยาให้คือ Puregon 250 iu เริ่มฉีดเป็นเวลา 5 วัน (วันที่ 3-7)แล้วมาพบคุณหมอเพื่อตรวจดูขนาดและจำนวนไข่ เพื่อวิเคราะห์ วางแผนต่อไป..ยา Puregon เป็นตัวยา Follitropin มีผลกระตุ้นให้รังไข่สร้างไข่ มาในรูปแบบเข็มปากกา หมุนเพื่อกำหนดปริมาณยาตามที่หมอสั่ง เป็นยาที่ต้องฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ฉีดวันละครั้ง ควรเป็นเวลาใกล้เคียงเดิมทุกวัน ยาต้องเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา พยาบาลจะเป็นผู้แนะนำการฉีดยาให้ พยาบาลที่สอนเราแอบสอนเร็วมวากกก ขั้นตอนเยอะ แอบยาก ซับซ้อนเชียว ก่อนฉีดเองจริง เลยไปหาข้อมูลในเน็ต หาดู Youtube จะมีวิธีการที่ชัดเจนกว่า รวมทั้งอ่านเพิ่มเติมจากเอกสารประกอบกล่องยาได้..การฉีดยาสำหรับคนใจไม่ถึง แนะนำให้ไปหาสถานพยาบาลใกล้บ้านคุณให้เค้าฉีดให้ก็ได้ค่ะ..สำหรับเรา คาดเอาเองว่าจะฉีดเองได้อยู่หน่า..เลยลองดู! เราฉีดเข้าหน้าท้องบริเวณใต้สะดือประมาณ 1-2 นิ้ว เฉียงไป 45⁰ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ค่อยเจ็บ เวลาฉีดให้บีบเนื้อตัวเองขึ้นมา แล้วทิ่มเข็มลงไปให้มิดเลย..ชิลล์ๆ โชคดีจริงๆ พูดเลย ที่เรามีพุงให้บีบ นี่ถ้าผอมๆ หน้าท้องลีนๆ เนี่ย บีบไม่ขึ้น เจ็บน่าดูนะจ๊ะ (ค่ายาหลอดละ 6,000 ปริมาณ 300 iu ค่า Lab 2,700 รวม 33,400)
เพื่อกันลืม เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ในโทรศัพท์ทุกวันตอน 2 ทุ่ม เพื่อฉีดยาค่ะ พอดู Youtube จนชำนาญ ความเหี้ยมเริ่มครอบงำ เราก็ปักเข็มเข้าพุงตัวเองได้อย่างเมามัน ตอนยาเดินจะแสบๆ นิดหน่อย พอทนได้ ออกไปข้างนอก ก็แบกยาใส่กระเป๋าเก็บความเย็นไปด้วย ไปฉีดนอกสถานที่ชิลล์ๆ..อ่อ สำหรับใครที่มีพ่อบ้านใจกล้า แนะนำให้ใช้สามีฉีดค่ะ จะได้มีความรู้สึกร่วมกัน ส่วนเราเนื่องจากว่าวันเริ่มฉีด สามีเดินทาง เราเลยฉีดเองไป 2-3 วันแล้ว สามีกลับมาเราก็ชำนาญจนเกินกว่าจะให้เค้าฉีดให้ซะแล้ว
วันที่ 8 ของรอบเดือน คุณหมอนัดเพื่อ Ultrasound ดูขนาดและจำนวนไข่ที่ผลิตได้ แอบตื่นเต้นว่าผลจะเป็นยังไง ปรากฏว่าพบไข่ 18 ใบ ข้างขวามี 10 ใบ ซ้ายมี 8 ใบ ใหญ่สุดมีขนาด 14 มม. ซึ่งเป็นขนาดที่โตตามวัยดี มีใบใหญ่ๆ คือ 12 – 11 – 10 – 9 มม. ผนังมดลูกหนาไปหน่อยคือ 12 มม. คุณหมอบอกว่าถ้ามีไข่เยอะ จะไม่เสี่ยงเอาตัวอ่อนใส่ในรอบนี้ เพราะรังไข่จะบวมจากการกระตุ้น และจะมีภาวะเสี่ยงอื่นๆ และนัดให้มาตรวจขนาดอีกครั้งในวันที่ 11 ของรอบเดือน และแนะนำให้กินไข่ขาววันละ 3 ฟอง กินเนื้อสัตว์และโปรตีนเพิ่มเพื่อลดอาการท้องอืดและช่วยเสริมโปรตีนในการสร้างไข่ และระหว่างนี้ ใช้ยาดังนี้
1. ให้ฉีดยากระตุ้นไข่ Puregon ต่อ โดยใช้ปริมาณเท่าเดิม อีก 3 วัน (วันที่ 8-10)
2. ฉีดยา Orgalutran 0.25 iu ป้องกันไข่ตกวันละ 1 เข็ม 3 วัน เวลาเดียวกันทุกวัน (เป็นแบบเข็มฉีดยา หัวทู่หน่อย เวลาฉีดให้ใช้นิ้วกดผิดหนังให้ขยายตัว) เนื่องจากมีไข่หลายใบ ถ้าไม่มียากันไข่ตก ไข่จะตกก่อนที่จะเก็บได้ (วันที่ 8-10)
สำหรับยา Puregon ในเอกสารประกอบยาบอกว่ามีปริมาณ 300 iu แต่จริงๆ แล้วมีเผื่อฉีดพลาดอีก รวมคือมีทั้งหมด 400 iu ถ้าเราฉีดไปวันละ 250 iu x 5 จะเหลือหลอดละ 150 iu X 5 = 750 iu แบ่งฉีดต่อได้อีก 3 วัน โดยพยาบาลจะรวมยาให้ เลยไม่ต้องซื้อยาเพิ่ม ส่วนยา Orgalutran เข็มละ 2,200 มีทั้งหมด 3 เข็ม = 6,600 หัวเข็มทื่อจริง เจ็บจริง ตัวยาหนืด ยาเดินแล้วเจ็บ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 7,820 และได้ยากลับบ้านมาฉีดเองเพิ่มเป็นวันละ 2 เข็มจ้า!
วันที่ 11 ของรอบเดือน คุณหมอนัดตรวจขนาดไข่ ได้เพิ่มจากเดิม 18 ใบเป็น 21 ใบ ได้ขนาดดังนี้
ขวา : 11 ใบ ขนาด 22, 14x5, 12x3, 13, 15 ซ้าย : 10 ใบ ขนาด 16x2, 15, 11x2, 8, 6x4
เยอะมาก..สบายใจ กระตุ้นได้ผลดี คุณหมอจะดูขนาดไข่ ซึ่งขนาดที่เหมาะสมจะเก็บคือประมาณ 18 มม. เป็นต้นไป คุณหมอจึงสั่งยาเพิ่ม ให้กระตุ้นไข่อีก 1 วัน โดยเปลี่ยนยี่ห้อยาเพื่อประหยัดเงินเนื่องจากยี่ห้อนี้มีแบบบรรจุ 225 iu (Menopur เป็นกระเปาะแก้ว ต้องหัก ดูดยา ยุ่งยาก เลยให้พยาบาลฉีดให้ไปเลย) และสั่งยาเพิ่มดังนี้
1. ฉีดยา Orgalutran 0.25 iu ป้องกันไข่สุกวันละ 1 เข็ม 3 วัน เวลาเดียวกันทุกวัน ในวันที่ 11 กับ 12
2. เวลา 21.00 ของวันที่ 12 ฉีด Ovidrel 1 เข็ม – เวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากยานี้จะไปทำให้ไข่สุกพร้อมๆ กัน และปลดขั้วไข่ให้ไข่ตก จะมีผลใน 36 ชั่วโมง คุณหมอจะคำนวณเวลาที่ฉีดกับเวลาที่นัดเก็บไข่ ถ้าช้า ไข่ก็ตก และใช้การไม่ได้ หากเร็วไป ไข่จะยังไม่หลุดจากขั้ว ทำให้เก็บไข่ยาก ต้องใช้น้ำฉีดให้ไข่หลุด
3. ยาแก้อับเสบ Amoxy 500 ใช้ 2 เม็ด เช้า เย็น เริ่มวันที่ 13 เพื่อป้องกันการอักเสบจากการเก็บไข่
และต้องงดน้ำ งดอาหารหลัง 24.00 ของวันที่ 13 แล้วมาเก็บไข่ เช้า วันที่ 14 เวลา 9.30 ระหว่างนี้ให้กินโปรตีนและไข่ต่อไป ช่วงนี้ท้องใหญ่มาก หน่วงๆ หนักๆ อ้วนมาก ค่าใช้จ่าย 10,800
วันที่ 12 ฉีดยา Orgalutran เวลาเดิม และฉีด Ovidrel ตอน 3 ทุ่มเป๊ง!!
วันที่ 13 เริ่มกิน Amoxy แล้วงดน้ำ งดอาหารหลัง 24.00
(ปล. วันที่อ้างถึงก่อนการตั้งครรภ์ คือวันที่นับจากวันที่มีประจำเดือนวันแรก)
**ติดตามกันได้ที่ Facebook : babyprojectsite
(รีวิว) แชร์ประสบการณ์การทำลูก (ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์) ขั้นลึก...กว่าจะมาเป็นแม่ มันไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ..ลึกทุกขั้นตอน IVF
ตอนเด็กๆ เคยวางแผนชีวิตไว้ว่าอยากมีลูกตอนอายุ 25 อยากเป็นคุณแม่ยังสาว แต่งตัวทันสมัยไปรับ-ส่งลูกที่โรงเรียน วัยไม่ต่างกันมาก สามารถคุยกับลูกได้เหมือนเพื่อน...ในความเป็นจริง มารู้สึกตัวอีกที 30 แล้วจ้า ยังไม่ได้แต่งงานเล้ยยย..กว่าจะปักหลักชีวิตได้จริงๆ ก็ปาเข้าไป 33 ตายๆๆๆ นี่ชั้นใกล้หมดเวลาเจริญพันธุ์แล้วสิเนี่ย อีกปี 2 ปี ก็ต้องเจาะน้ำคร่ำซะแล้ว..ปฏิบัติการผลิตลูกต้องเริ่มด่วน!!!
แรกๆ เราก็ลองแบบธรรมชาติ ซึ่งโกรธการศึกษาเพศศึกษาที่บ้านเรามากกกก ไหนสอนกันมาว่าระยะปลอดภัยคือหน้า 7 หลัง 7 ซึ่งอนุมานได้ว่าถ้าไม่อยู่ในช่วงหน้า 7 หลัง 7 นี่ คือโอกาสตั้งครรภ์ทั้งสิ้นงั้นสิ?!?! เปล่าเลยค่า เด็กวัยใสทั้งหลายโดนหลอกแล้วจ้า จริงๆ แล้วมันมีวันไข่ตกแค่วันเดียว มีอายุ 24 ชั่วโมงถ้วน ต่อ 1 รอบเดือน เต็มที่ให้เวลาพี่อสุจิเค้าอยู่ในร่างกายผู้หญิงบวกลบไม่เกิน 2-3 วัน ที่จะมีโอกาสผสมกับไข่ได้..งั้นรอบเดือนชั้น 40 วันเนี่ยชั้นมีโอกาสแค่ 2-3 วันใน 40 วันนี้ เฉลี่ยปีละ 9-10 รอบเท่านั้นสิ..OMG..ไหนจะช่วงที่ต้องกินยาคุม 3-4 เดือนเนื่องจากฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน ไหนจะตรวจเจอซีสที่รังไข่อีก ไหนสามีจะเดินทางบ่อย แล้วล่าสุดตรวจเจอว่าพี่อสุจิเค้าวิ่งช้า น้อยกว่ามาตรฐานเล็กน้อย และไม่ค่อยสวยอีก...โอกาสการตั้งครรภ์ของชั้นช่างริบหรี่เหลือเกิน..ช่างน่าสงสัยจริงๆ ว่าทำไมดาราเค้าท้อง (ก่อนแต่ง) กันเยอะจริง!!
เคยได้ยินเรื่องเด็กหลอดแก้ว หรือวิธีทำลูกทางวิทยาศาสตร์การแพทย์มามากมาย แต่ก็รู้แบบผิวเผิน และไม่คิดว่าเราจะมาถึงจุดนี้...ในวันที่วิทยาศาสตร์มาไกลมาก ผู้คนรอบตัวในวัยใกล้เคียงเริ่มพึ่งพิงสิ่งนี้มากขึ้น อัตราการประสบผลสำเร็จที่ดูดีขึ้น พัฒนาการของเครื่องไม้เครื่องมือ ข้อจำกัดทางกายภาพที่ดูเหมือนวิธีนี้จะเป็นวิธีเดียวที่จะได้ผล ความพร้อมของเราทั้งคู่ เงิน และที่สำคัญที่สุด ความอยากมี “ลูก” เพื่อเติมเต็มครอบครัวเล็กๆ ที่เพิ่งเริ่มขึ้นของเรา เราจึงตัดสินใจเริ่มกระบวนการ Intracytoplasmic Sperm Injection (ICSI) !!!
ระหว่างเริ่มกระบวนการ เราเลยหาข้อมูลเกี่ยวกับการทำลูกด้วยวิธีต่างๆ จากบทความทางการแพทย์ และสรุปแบบบ้านๆ ได้ดังนี้
1. IVF = เด็กหลอดแก้ว (เอาไข่ออกมาเลี้ยง แล้วเอาอสุจิใส่ ให้เจาะเข้าไปผสมเอง) (โอกาส 15-35%)
2. GIFT = นำไข่ + อสุจิ ไปใส่ไว้ในท่อนำไข่ เพื่อให้ผสมเองตามธรรมชาติ
3. ZIFT = เจาะดูดไข่ออกมาผสมภายนอกแล้วเลี้ยงตัวอ่อน 1-2 วัน แล้วเจาะหน้าท้องเอาไปฝังที่ท่อนำไข่
4. ICSI = เอาไข่มาผสมกับอสุจินอกร่างกาย โดยคัดอสุจิที่ดีที่สุด 1 ตัว ผสมกับไข่ 1 ใบ โดยเจาะไข่ใส่เข้าไปโดยตรง
วิธี ICSI เหมาะกับคู่สมรสที่
• ฝ่ายชายมีอสุจิที่อ่อนแอ ทั้งทางด้านรูปร่าง ความสามารถในการเคลื่อนที่ รวมถึงจำนวน
• คู่สมรสที่เคยไม่ประสบความสำเร็จจากวิธี IVF
• คู่สมรสที่ต้องการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมด้วยวิธี PCR
• คู่สมรสที่ต้องการเลือกเพศ
วิธี ICSI สรุปดังนี้
1. โอกาสตั้งครรภ์ 30-40%
2. ถ้าเลี้ยงตัวอ่อนถึงวันที่ 5 (Blastocyst) โอกาสจะเพิ่มขึ้นเป็น 80%
3. โอกาสที่จะผิดปกติ หรือแท้งเท่ากับตั้งครรภ์ธรรมชาติ
4. ทารกมีโอกาสจะตัวเล็กกว่าตั้งครรภ์ธรรมชาติเล็กน้อย
5. ค่าใช้จ่ายสูง ประมาณ 150,000 – 400,000
6. ไม่ควรใช้ยากระตุ้นไข่เยอะ เสี่ยงต่อผลข้างเคียง
ปัจจัยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์ในวิธี ICSI
• ตัวอ่อน 45% (อสุจิ+ไข่+การเลี้ยงตัวอ่อน)
• ผนังมดลูก 45%
• โชคชะตา 10%
เอาหละค่ะ..มาเริ่มกระบวนการกันเลย ก่อนอื่นใดเลยคืออย่าลืมเตรียมเงินนะคะ ค่าใช้จ่ายจะไม่ได้จ่ายครั้งเดียวเมื่อเริ่มดำเนินการหรือดำเนินการเสร็จ แต่ทยอยจ่ายตามขั้นตอนของการรักษาเหมือนรักษาร่างกายทั่วไป ตามอาการ ตามจำนวนยา ตามค่าหมอ ค่าพยาบาล ค่าอุปกรณ์เป็นรายครั้ง ไม่มีเป็นคอร์สเหมือนทำหน้าสวยค่ะ
ขั้นตอนในการทำคร่าวๆ คือ 1. ใช้ยากระตุ้นให้มีไข่ตกหลายๆ ใบและให้ไข่สุกพร้อมๆ กัน 2. เก็บไข่ออกมาเพื่อรอการผสม 3. เอาอสุจิมาผสมกับไข่ในห้องปฏิบัติการเพื่อให้ได้ตัวอ่อน ด้วยวิธีเจาะไข่ใส่เข้าไปโดยตรง 4. เลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการจนถึงระยะที่ตัวอ่อนสามารถฝังตัวได้ 3-5 วัน 5. ย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่มดลูก 6. แช่แข็งตัวอ่อนส่วนที่เหลือ
การกระตุ้นไข่
เมื่อมีประจำเดือนวันแรกของรอบที่คุณหมอนัดแนะไว้ รีบโทรแจ้งคุณหมอเลยค่ะ คุณหมอจะกำหนดวันเข้ามาเจาะเลือด ซึ่งจะเป็นวันที่ 2-3 ของการมีประจำเดือน เพื่อดูค่า FSH (Follicle Stimulating Hormone) (เป็นค่าฮอร์โมนที่มีหน้าที่กระตุ้นไข่ที่มีอยู่ในรังไข่ให้เจริญขึ้น – ต้องมีค่าน้อยกว่า 10 จึงจะเหมาะแก่การเข้าสู่กระบวนการ) เราตรวจในวันที่ 3 ได้ FSH 8 ซึ่งถือว่าโอเค สามารถดำเนินการต่อได้เล้ย!
ขั้นตอนแรกในการทำคือการกระตุ้นไข่ เพื่อให้ได้ไข่เยอะๆ ซึ่งถ้าไม่กระตุ้น ปกติผู้หญิงเราจะผลิตไข่รอบเดือนละ 1 ใบ เมื่อใช้ยากระตุ้นไข่ ร่างกายก็จะผลิตไข่ได้มากกว่า 1 ใบ ตามความสามารถในการผลิตของแต่ละคน และขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่คุณหมอกำหนดให้ใช้กระตุ้น โดยคุณหมอเราสั่งยาให้คือ Puregon 250 iu เริ่มฉีดเป็นเวลา 5 วัน (วันที่ 3-7)แล้วมาพบคุณหมอเพื่อตรวจดูขนาดและจำนวนไข่ เพื่อวิเคราะห์ วางแผนต่อไป..ยา Puregon เป็นตัวยา Follitropin มีผลกระตุ้นให้รังไข่สร้างไข่ มาในรูปแบบเข็มปากกา หมุนเพื่อกำหนดปริมาณยาตามที่หมอสั่ง เป็นยาที่ต้องฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ฉีดวันละครั้ง ควรเป็นเวลาใกล้เคียงเดิมทุกวัน ยาต้องเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา พยาบาลจะเป็นผู้แนะนำการฉีดยาให้ พยาบาลที่สอนเราแอบสอนเร็วมวากกก ขั้นตอนเยอะ แอบยาก ซับซ้อนเชียว ก่อนฉีดเองจริง เลยไปหาข้อมูลในเน็ต หาดู Youtube จะมีวิธีการที่ชัดเจนกว่า รวมทั้งอ่านเพิ่มเติมจากเอกสารประกอบกล่องยาได้..การฉีดยาสำหรับคนใจไม่ถึง แนะนำให้ไปหาสถานพยาบาลใกล้บ้านคุณให้เค้าฉีดให้ก็ได้ค่ะ..สำหรับเรา คาดเอาเองว่าจะฉีดเองได้อยู่หน่า..เลยลองดู! เราฉีดเข้าหน้าท้องบริเวณใต้สะดือประมาณ 1-2 นิ้ว เฉียงไป 45⁰ ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่ค่อยเจ็บ เวลาฉีดให้บีบเนื้อตัวเองขึ้นมา แล้วทิ่มเข็มลงไปให้มิดเลย..ชิลล์ๆ โชคดีจริงๆ พูดเลย ที่เรามีพุงให้บีบ นี่ถ้าผอมๆ หน้าท้องลีนๆ เนี่ย บีบไม่ขึ้น เจ็บน่าดูนะจ๊ะ (ค่ายาหลอดละ 6,000 ปริมาณ 300 iu ค่า Lab 2,700 รวม 33,400)
เพื่อกันลืม เราตั้งนาฬิกาปลุกไว้ในโทรศัพท์ทุกวันตอน 2 ทุ่ม เพื่อฉีดยาค่ะ พอดู Youtube จนชำนาญ ความเหี้ยมเริ่มครอบงำ เราก็ปักเข็มเข้าพุงตัวเองได้อย่างเมามัน ตอนยาเดินจะแสบๆ นิดหน่อย พอทนได้ ออกไปข้างนอก ก็แบกยาใส่กระเป๋าเก็บความเย็นไปด้วย ไปฉีดนอกสถานที่ชิลล์ๆ..อ่อ สำหรับใครที่มีพ่อบ้านใจกล้า แนะนำให้ใช้สามีฉีดค่ะ จะได้มีความรู้สึกร่วมกัน ส่วนเราเนื่องจากว่าวันเริ่มฉีด สามีเดินทาง เราเลยฉีดเองไป 2-3 วันแล้ว สามีกลับมาเราก็ชำนาญจนเกินกว่าจะให้เค้าฉีดให้ซะแล้ว
วันที่ 8 ของรอบเดือน คุณหมอนัดเพื่อ Ultrasound ดูขนาดและจำนวนไข่ที่ผลิตได้ แอบตื่นเต้นว่าผลจะเป็นยังไง ปรากฏว่าพบไข่ 18 ใบ ข้างขวามี 10 ใบ ซ้ายมี 8 ใบ ใหญ่สุดมีขนาด 14 มม. ซึ่งเป็นขนาดที่โตตามวัยดี มีใบใหญ่ๆ คือ 12 – 11 – 10 – 9 มม. ผนังมดลูกหนาไปหน่อยคือ 12 มม. คุณหมอบอกว่าถ้ามีไข่เยอะ จะไม่เสี่ยงเอาตัวอ่อนใส่ในรอบนี้ เพราะรังไข่จะบวมจากการกระตุ้น และจะมีภาวะเสี่ยงอื่นๆ และนัดให้มาตรวจขนาดอีกครั้งในวันที่ 11 ของรอบเดือน และแนะนำให้กินไข่ขาววันละ 3 ฟอง กินเนื้อสัตว์และโปรตีนเพิ่มเพื่อลดอาการท้องอืดและช่วยเสริมโปรตีนในการสร้างไข่ และระหว่างนี้ ใช้ยาดังนี้
1. ให้ฉีดยากระตุ้นไข่ Puregon ต่อ โดยใช้ปริมาณเท่าเดิม อีก 3 วัน (วันที่ 8-10)
2. ฉีดยา Orgalutran 0.25 iu ป้องกันไข่ตกวันละ 1 เข็ม 3 วัน เวลาเดียวกันทุกวัน (เป็นแบบเข็มฉีดยา หัวทู่หน่อย เวลาฉีดให้ใช้นิ้วกดผิดหนังให้ขยายตัว) เนื่องจากมีไข่หลายใบ ถ้าไม่มียากันไข่ตก ไข่จะตกก่อนที่จะเก็บได้ (วันที่ 8-10)
สำหรับยา Puregon ในเอกสารประกอบยาบอกว่ามีปริมาณ 300 iu แต่จริงๆ แล้วมีเผื่อฉีดพลาดอีก รวมคือมีทั้งหมด 400 iu ถ้าเราฉีดไปวันละ 250 iu x 5 จะเหลือหลอดละ 150 iu X 5 = 750 iu แบ่งฉีดต่อได้อีก 3 วัน โดยพยาบาลจะรวมยาให้ เลยไม่ต้องซื้อยาเพิ่ม ส่วนยา Orgalutran เข็มละ 2,200 มีทั้งหมด 3 เข็ม = 6,600 หัวเข็มทื่อจริง เจ็บจริง ตัวยาหนืด ยาเดินแล้วเจ็บ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 7,820 และได้ยากลับบ้านมาฉีดเองเพิ่มเป็นวันละ 2 เข็มจ้า!
วันที่ 11 ของรอบเดือน คุณหมอนัดตรวจขนาดไข่ ได้เพิ่มจากเดิม 18 ใบเป็น 21 ใบ ได้ขนาดดังนี้
ขวา : 11 ใบ ขนาด 22, 14x5, 12x3, 13, 15 ซ้าย : 10 ใบ ขนาด 16x2, 15, 11x2, 8, 6x4
เยอะมาก..สบายใจ กระตุ้นได้ผลดี คุณหมอจะดูขนาดไข่ ซึ่งขนาดที่เหมาะสมจะเก็บคือประมาณ 18 มม. เป็นต้นไป คุณหมอจึงสั่งยาเพิ่ม ให้กระตุ้นไข่อีก 1 วัน โดยเปลี่ยนยี่ห้อยาเพื่อประหยัดเงินเนื่องจากยี่ห้อนี้มีแบบบรรจุ 225 iu (Menopur เป็นกระเปาะแก้ว ต้องหัก ดูดยา ยุ่งยาก เลยให้พยาบาลฉีดให้ไปเลย) และสั่งยาเพิ่มดังนี้
1. ฉีดยา Orgalutran 0.25 iu ป้องกันไข่สุกวันละ 1 เข็ม 3 วัน เวลาเดียวกันทุกวัน ในวันที่ 11 กับ 12
2. เวลา 21.00 ของวันที่ 12 ฉีด Ovidrel 1 เข็ม – เวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากยานี้จะไปทำให้ไข่สุกพร้อมๆ กัน และปลดขั้วไข่ให้ไข่ตก จะมีผลใน 36 ชั่วโมง คุณหมอจะคำนวณเวลาที่ฉีดกับเวลาที่นัดเก็บไข่ ถ้าช้า ไข่ก็ตก และใช้การไม่ได้ หากเร็วไป ไข่จะยังไม่หลุดจากขั้ว ทำให้เก็บไข่ยาก ต้องใช้น้ำฉีดให้ไข่หลุด
3. ยาแก้อับเสบ Amoxy 500 ใช้ 2 เม็ด เช้า เย็น เริ่มวันที่ 13 เพื่อป้องกันการอักเสบจากการเก็บไข่
และต้องงดน้ำ งดอาหารหลัง 24.00 ของวันที่ 13 แล้วมาเก็บไข่ เช้า วันที่ 14 เวลา 9.30 ระหว่างนี้ให้กินโปรตีนและไข่ต่อไป ช่วงนี้ท้องใหญ่มาก หน่วงๆ หนักๆ อ้วนมาก ค่าใช้จ่าย 10,800
วันที่ 12 ฉีดยา Orgalutran เวลาเดิม และฉีด Ovidrel ตอน 3 ทุ่มเป๊ง!!
วันที่ 13 เริ่มกิน Amoxy แล้วงดน้ำ งดอาหารหลัง 24.00
(ปล. วันที่อ้างถึงก่อนการตั้งครรภ์ คือวันที่นับจากวันที่มีประจำเดือนวันแรก)
**ติดตามกันได้ที่ Facebook : babyprojectsite