กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม....แต่มีเสียง.........
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกัน
แล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
เธออย่าหยุดความฝัน ห้องเพลง 2 ปี (เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรี ขับร้อง โดย MC มาริโอ้)
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป
ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพส
สิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลง
จึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สุขสันต์เย็นวันพุธนะคะ .... สวัสดีเพื่อนๆ ห้องเพลง
พี่สาวเหลือน้อยรับหน้าที่ MC ค่ะ
29 มีนาคม เป็นวันเกิดของ บรมครูเพลงท่านหนึ่ง เรามาทำความรู้จักท่านกันหน่อย
"พรานบูรพ์"
วงการเพลงและละครเป็นหนี้บุญคุณบุรุษผู้หนึ่ง ท่านเป็นชายร่างเล็กแต่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจเป็นผู้ปฏิรูปแนวทาง
เพลงไทยคนแรก จากท่วงทำนองเพลงไทยเดิม ที่แพรวพราวด้วยลูกเอื้อนให้ใกล้ลักษณะสากลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผลงาน
บทละคร บทภาพยนตร์ บทพากษ์ และอื่นๆอีกสารพัดที่เป็นผลงานของท่านก็ได้สร้างความสุขให้แก่ผู้ชม และยังสร้างอาชีพ
ให้กับผู้เกี่ยวข้องในวงการบันเทิงอีกมากมาย
ท่านผู้นี้ใช้นามปากกาว่า
“พรานบูรพ์” ซึ่งมีความหมายถึง
“ดวงอาทิตย์”
"ผลจากการบุกเบิกเพลงไทยในรูปแบบใหม่ของพรานบูรพ์ได้สืบทอดต่อมายังนักเพลงรุ่นหลังๆจนทุกวันนี้ ดังนั้นจะถือว่า
พรานบูรพ์ คือผู้ริเริ่มเพลงไทยสากลก็ไม่ผิดนัก"
สำหรับคนรุ่นใหม่นาม “พรานบูรพ์” อาจไม่เป็นที่รู้จัก เพลงของพรานบูรพ์อาจไม่คุ้นหู แต่สำหรับผู้สูงวัยแล้ว
ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักอย่างดี และบทเพลงของท่านก็เป็นอมตะที่ยังให้อารมณ์ความรู้สึกได้อย่างดีแม้วันเวลาจะ
ผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด
พรานบูรพ์เริ่มแต่งเพลงแบบสากลมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๑-๒๔๗๒ แต่เพลงของท่านเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างกว้างขวาง
ในปี พ.ศ.๒๔๗๕ เมื่อห้างแผ่นเสียง ต.เง็กชวนอัดเพลงของพรานบูรพ์ออกจำหน่าย
นอกจากอัจฉริยะในการประพันธ์คำร้องและทำนองเพลงแล้ว ท่านยังมีเอกลักษณ์ในการใส่เนื้อและทำนอง ไม่เหมือนใคร
ความหมายของเนื้อร้องกับทำนองเพลง กลมกลืนกันอย่างดีเยี่ยม...ไม่ว่าจะเป็นเพลงแบบรักหวาน เพลงแบบกระทบ
กระเทือนสังคม หรือเพลงประเภทปลุกใจรักชาติ ก็สามารถโน้มน้าวให้ผู้ร้องผู้ฟัง ร้องได้อย่างชื่นชมและจดจำไปนาน
พรานบูรพ์มีชื่อจริงว่า จวงจันทร์ จันทร์คณา เป็นบุตรของหลวงราชสมบัติ(จันทร์) และนางสร้อย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม
2444 ที่ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากบิดาเป็นข้าราชการ ซึ่งต้องโยกย้ายไปรับราชการตามจังหวัดต่างๆ เมื่อเติบโตถึง
วัยที่จะเข้าศึกษาได้ บิดาได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดราชบุรี จึงได้เข้าเรียนที่วัดสัตนาถ เรียนอยู่ได้ไม่นาน บิดาถึงแก่กรรม ขณะนั้นมี
อายุได้ 7ปี มารดาได้พาไปอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เรียนหนังสือต่อจนอายุ 11 ปี จึงได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนั้น นอกจากได้เข้ารับเลือกเล่นฟุตบอลในทีมโรงเรียนแล้ว ยังสามารถเล่นไวโอลิน
ได้อีกด้วย
เมื่อจบจากสวนกุหลาบฯ "จวงจันทน์ จันทร์คณา" ได้เข้าศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในคณะรัฐประศาสน์ (รัฐศาสตร์)
ต่อมาย้ายไปเรียนคณะวิศวะกรรมศาสตร์ตามคำแนะนำของอาจารย์ แต่ก็เรียนไม่จบเนื่องจากมารดาเสียชีวิต จึงขาดผู้สนับสนุน
หลังจากไปเป็นลูกมือคุณหลวงนักสำรวจท่านหนึ่งอยู่หลายปี ก็เข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์ และการประพันธ์
ระยะนี้เป็นระยะที่ละครราตรีพัฒนา เดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา จึงเริ่มใช้ชีวิตละครด้วยการบอกบทอยู่หลังฉาก ขณะเดียวกัน
ก็เขียนบทกวีในนาม"อำแดงขำ"เรื่องอ่านเล่นในนามปากกา“รักร้อย” ลงในหนังสือยุคนั้นและนามปากกา "ศรี จันทร์งาม"
ในหนังสือเนตรนารี
ต่อมาได้แต่งบทละครเรื่อง "ทะแกล้วทหารสามเกลอ" ขึ้นเป็นเรื่องแรก ก็ได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดี จนได้เป็นผู้แต่งบทละครเอง
กำกับการแสดงเอง และได้ใช้นามปากกา "พรานบูรพ์" เป็นครั้งแรก เมื่อเขียนเรื่อง "เหยี่ยวทะเล"
เนื่องจากบทละครของเขาเป็นที่นิยมของคนดู พรานบูรพ์จึงได้ดัดแปลงเพลงไทยเดิมที่มีลูกคู่ร้องรับ มาสู่แบบสากล
โดยที่ทำนองเพลงที่ใช้กับบทละครร้องยุคนั้น มีลูกคู่ยืดยาดเกินควร จึงใส่เนื้อร้องเต็มแทนลูกคู่ใช้ดนตรีคลอ ฟังทันหูทันใจ จึงเป็นที่นิยมของประชาชนคนดูมาก
ต่อมาได้จัดตั้งละครคณะหนึ่งใช้ชื่อว่า "ศรีโอภาส" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "จันทโรภาส" ละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
คือ
"เรื่องจันทร์เจ้าขา"ซึ่งแสดงที่ไหน ก็มีแฟนละครตามไปดูแน่นทุกรอบทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
ต่อมา"จันทร์เจ้าขา"ได้ถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ โดยมีเจือ จักษุรักษ์ เป็นพระเอก สายสนม นางงามเพชรบุรีเป็นนางเอก และน้อย
(มารดาของ จงรัก จันทร์คณา เป็นนางรอง)
พรานบูรพ์ เป็นผู้ริเริ่มทำบทพากย์ภาพยนตร์ การพากย์ในยุคแรกนั้น เป็นการเล่าเรื่องหน้าจอให้คนฟัง ก่อนหนังฉาย ต่อมาก็เป็นการพากย์
แบบโขน ให้แก่หนังแขกเรื่องแรกที่เข้ามาฉาย คือเรื่องรามเกียรติ์ และต่อมาก็เป็นการพากย์แบบปัจจุบัน โดยมีดนตรีประกอบด้วย
ภาพยนตร์เรื่องแรกนั้น คืออาบูหะซัน มีทิดเขียว (สิน สีบุญเรือง) เป็นผู้พากย์เป็นคนแรก
ในด้านภาพยนตร์ พรานบูรพ์ ได้สร้างบทภาพยนตร์ ให้กับ บริษัทภาพยนตร์ศรีกรุง หลายเรื่อง เช่น ในสวนรัก อ้ายค่อม
ค่ายบางระจัน และบทภาพยนตร์ สนิมในใจ สามหัวใจ แผลเก่า ให้กับ บูรพาศิลป์ภาพยนตร์ และสร้างเอง เช่น วังหลวง วังหลัง ฯลฯ
บั้นปลายของชีวิต เมื่อภรรยาถึงแก่กรรมสุขภาพก็ทรุดโทรมลงเรื่อยมา แต่ก็ยังพยายามเขียนบทละครเก่าแก่
คือ เรื่องขวัญใจโจร ให้คณะละครคณะหนึ่งที่มาขอไว้ เพื่อจะนำไปแสดงทางโทรทัศน์ จนจบ
จวงจันทร์ จันทร์คณาถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2519 อายุได้ 74 ปี จังหวัดนครปฐมได้ปั้นหุ่นของ
พรานบูรพ์จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ไว้เพื่อเป็นเกียรติด้วย
http://returningwind.blogspot.com/2012/02/blog-post_09.html
หุ่นขี้ผึ้ง "พรานบูรพ์"ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง แสดงอิริยาบทที่ถนัด ขณะแต่งเพลง
ข้อมูล จาก หนังสืออนุสรณ์พรานบูรพ์ และข้อเขียนของ คีตา พญาไท
ผลงานของครู "พรานบูรพ์" มีทั้งบทภาพยนตร์ บทละคร งานกำกับภาพยนตร์ และบทเพลง
ที่ยังคงเป็นอมตะอยู่จนทุกวันนี้
กุหลาบร่วง นงลักษณ์ โรจนพรรณ
https://www.youtube.com/watch?v=yiOzUacAXY4
เนื้อร้อง / ทำนอง พรานบูรพ์
ขับร้องโดย นงลักษณ์ โรจนพรรณ
เพลง "กุหลาบร่วง" เป็นผลงานประพันธ์คำร้องและทำนองของ "พรานบูรพ์" ประกอบละครเรื่อง "บุปผชาตินคร"
ของคณะจันทโรภาส จัดแสดงที่วิกบ้านดอน อำเภอบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อ พ.ศ. 2476
ต่อมาเรื่องบุปผชาตินคร เปลี่ยนชื่อเป็น "แม่ศรีเวียง" จัดแสดงที่โรงพัฒนากร เมื่อ พ.ศ. 2478 จึงตัดเพลง
"กุหลาบร่วง" ออกมาร้องสลับฉาก ขับร้องโดย ชะอวบ ฟองกระแสสินธุ์
เพลงนี้มีการบันทึกเสียงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2478 ขับร้องโดย "ประทุม ประทีปะเสน"
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2525 "นงลักษณ์ โรจนพรรณ" ซึ่งเคยเป็นดาราละครทีวีของ
บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ช่อง 4 บางขุนพรหม นำมาขับร้องบันทึกเสียงใหม่เพลงนี้จึงกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง
รุ่นหลังก็มี "ไพจิตร อักษรณรงค์" เคยนำมาบันทึกเสียงด้วย
สำหรับ "คุณเล็ก" อรวี สัจจานนท์ เคยนำมาขับร้องในคอนเสิร์ต "ด้วยปีกแห่งรัก" ของ "คุณอาชรินทร์ เมื่อปี พ.ศ.2549
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม....มีแต่เสียง....29/3/2017... "พรานบูรพ์"
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกัน
แล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
เธออย่าหยุดความฝัน ห้องเพลง 2 ปี (เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรี ขับร้อง โดย MC มาริโอ้)
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป
ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพส
สิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลง
จึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สุขสันต์เย็นวันพุธนะคะ .... สวัสดีเพื่อนๆ ห้องเพลง
พี่สาวเหลือน้อยรับหน้าที่ MC ค่ะ
29 มีนาคม เป็นวันเกิดของ บรมครูเพลงท่านหนึ่ง เรามาทำความรู้จักท่านกันหน่อย "พรานบูรพ์"
วงการเพลงและละครเป็นหนี้บุญคุณบุรุษผู้หนึ่ง ท่านเป็นชายร่างเล็กแต่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจเป็นผู้ปฏิรูปแนวทาง
เพลงไทยคนแรก จากท่วงทำนองเพลงไทยเดิม ที่แพรวพราวด้วยลูกเอื้อนให้ใกล้ลักษณะสากลยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผลงาน
บทละคร บทภาพยนตร์ บทพากษ์ และอื่นๆอีกสารพัดที่เป็นผลงานของท่านก็ได้สร้างความสุขให้แก่ผู้ชม และยังสร้างอาชีพ
ให้กับผู้เกี่ยวข้องในวงการบันเทิงอีกมากมาย
ท่านผู้นี้ใช้นามปากกาว่า “พรานบูรพ์” ซึ่งมีความหมายถึง “ดวงอาทิตย์”
"ผลจากการบุกเบิกเพลงไทยในรูปแบบใหม่ของพรานบูรพ์ได้สืบทอดต่อมายังนักเพลงรุ่นหลังๆจนทุกวันนี้ ดังนั้นจะถือว่า
พรานบูรพ์ คือผู้ริเริ่มเพลงไทยสากลก็ไม่ผิดนัก"
สำหรับคนรุ่นใหม่นาม “พรานบูรพ์” อาจไม่เป็นที่รู้จัก เพลงของพรานบูรพ์อาจไม่คุ้นหู แต่สำหรับผู้สูงวัยแล้ว
ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักอย่างดี และบทเพลงของท่านก็เป็นอมตะที่ยังให้อารมณ์ความรู้สึกได้อย่างดีแม้วันเวลาจะ
ผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด
พรานบูรพ์เริ่มแต่งเพลงแบบสากลมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๑-๒๔๗๒ แต่เพลงของท่านเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างกว้างขวาง
ในปี พ.ศ.๒๔๗๕ เมื่อห้างแผ่นเสียง ต.เง็กชวนอัดเพลงของพรานบูรพ์ออกจำหน่าย
นอกจากอัจฉริยะในการประพันธ์คำร้องและทำนองเพลงแล้ว ท่านยังมีเอกลักษณ์ในการใส่เนื้อและทำนอง ไม่เหมือนใคร
ความหมายของเนื้อร้องกับทำนองเพลง กลมกลืนกันอย่างดีเยี่ยม...ไม่ว่าจะเป็นเพลงแบบรักหวาน เพลงแบบกระทบ
กระเทือนสังคม หรือเพลงประเภทปลุกใจรักชาติ ก็สามารถโน้มน้าวให้ผู้ร้องผู้ฟัง ร้องได้อย่างชื่นชมและจดจำไปนาน
พรานบูรพ์มีชื่อจริงว่า จวงจันทร์ จันทร์คณา เป็นบุตรของหลวงราชสมบัติ(จันทร์) และนางสร้อย เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม
2444 ที่ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากบิดาเป็นข้าราชการ ซึ่งต้องโยกย้ายไปรับราชการตามจังหวัดต่างๆ เมื่อเติบโตถึง
วัยที่จะเข้าศึกษาได้ บิดาได้ย้ายมาอยู่ที่จังหวัดราชบุรี จึงได้เข้าเรียนที่วัดสัตนาถ เรียนอยู่ได้ไม่นาน บิดาถึงแก่กรรม ขณะนั้นมี
อายุได้ 7ปี มารดาได้พาไปอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เรียนหนังสือต่อจนอายุ 11 ปี จึงได้เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนั้น นอกจากได้เข้ารับเลือกเล่นฟุตบอลในทีมโรงเรียนแล้ว ยังสามารถเล่นไวโอลิน
ได้อีกด้วย
เมื่อจบจากสวนกุหลาบฯ "จวงจันทน์ จันทร์คณา" ได้เข้าศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในคณะรัฐประศาสน์ (รัฐศาสตร์)
ต่อมาย้ายไปเรียนคณะวิศวะกรรมศาสตร์ตามคำแนะนำของอาจารย์ แต่ก็เรียนไม่จบเนื่องจากมารดาเสียชีวิต จึงขาดผู้สนับสนุน
หลังจากไปเป็นลูกมือคุณหลวงนักสำรวจท่านหนึ่งอยู่หลายปี ก็เข้าสู่วงการหนังสือพิมพ์ และการประพันธ์
ระยะนี้เป็นระยะที่ละครราตรีพัฒนา เดินทางกลับมาจากสหรัฐอเมริกา จึงเริ่มใช้ชีวิตละครด้วยการบอกบทอยู่หลังฉาก ขณะเดียวกัน
ก็เขียนบทกวีในนาม"อำแดงขำ"เรื่องอ่านเล่นในนามปากกา“รักร้อย” ลงในหนังสือยุคนั้นและนามปากกา "ศรี จันทร์งาม"
ในหนังสือเนตรนารี
ต่อมาได้แต่งบทละครเรื่อง "ทะแกล้วทหารสามเกลอ" ขึ้นเป็นเรื่องแรก ก็ได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดี จนได้เป็นผู้แต่งบทละครเอง
กำกับการแสดงเอง และได้ใช้นามปากกา "พรานบูรพ์" เป็นครั้งแรก เมื่อเขียนเรื่อง "เหยี่ยวทะเล"
เนื่องจากบทละครของเขาเป็นที่นิยมของคนดู พรานบูรพ์จึงได้ดัดแปลงเพลงไทยเดิมที่มีลูกคู่ร้องรับ มาสู่แบบสากล
โดยที่ทำนองเพลงที่ใช้กับบทละครร้องยุคนั้น มีลูกคู่ยืดยาดเกินควร จึงใส่เนื้อร้องเต็มแทนลูกคู่ใช้ดนตรีคลอ ฟังทันหูทันใจ จึงเป็นที่นิยมของประชาชนคนดูมาก
ต่อมาได้จัดตั้งละครคณะหนึ่งใช้ชื่อว่า "ศรีโอภาส" ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น "จันทโรภาส" ละครที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
คือ"เรื่องจันทร์เจ้าขา"ซึ่งแสดงที่ไหน ก็มีแฟนละครตามไปดูแน่นทุกรอบทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
ต่อมา"จันทร์เจ้าขา"ได้ถ่ายทำเป็นภาพยนตร์ โดยมีเจือ จักษุรักษ์ เป็นพระเอก สายสนม นางงามเพชรบุรีเป็นนางเอก และน้อย
(มารดาของ จงรัก จันทร์คณา เป็นนางรอง)
พรานบูรพ์ เป็นผู้ริเริ่มทำบทพากย์ภาพยนตร์ การพากย์ในยุคแรกนั้น เป็นการเล่าเรื่องหน้าจอให้คนฟัง ก่อนหนังฉาย ต่อมาก็เป็นการพากย์
แบบโขน ให้แก่หนังแขกเรื่องแรกที่เข้ามาฉาย คือเรื่องรามเกียรติ์ และต่อมาก็เป็นการพากย์แบบปัจจุบัน โดยมีดนตรีประกอบด้วย
ภาพยนตร์เรื่องแรกนั้น คืออาบูหะซัน มีทิดเขียว (สิน สีบุญเรือง) เป็นผู้พากย์เป็นคนแรก
ในด้านภาพยนตร์ พรานบูรพ์ ได้สร้างบทภาพยนตร์ ให้กับ บริษัทภาพยนตร์ศรีกรุง หลายเรื่อง เช่น ในสวนรัก อ้ายค่อม
ค่ายบางระจัน และบทภาพยนตร์ สนิมในใจ สามหัวใจ แผลเก่า ให้กับ บูรพาศิลป์ภาพยนตร์ และสร้างเอง เช่น วังหลวง วังหลัง ฯลฯ
บั้นปลายของชีวิต เมื่อภรรยาถึงแก่กรรมสุขภาพก็ทรุดโทรมลงเรื่อยมา แต่ก็ยังพยายามเขียนบทละครเก่าแก่
คือ เรื่องขวัญใจโจร ให้คณะละครคณะหนึ่งที่มาขอไว้ เพื่อจะนำไปแสดงทางโทรทัศน์ จนจบ
จวงจันทร์ จันทร์คณาถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2519 อายุได้ 74 ปี จังหวัดนครปฐมได้ปั้นหุ่นของ
พรานบูรพ์จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย ไว้เพื่อเป็นเกียรติด้วย
http://returningwind.blogspot.com/2012/02/blog-post_09.html
หุ่นขี้ผึ้ง "พรานบูรพ์"ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง แสดงอิริยาบทที่ถนัด ขณะแต่งเพลง
ข้อมูล จาก หนังสืออนุสรณ์พรานบูรพ์ และข้อเขียนของ คีตา พญาไท
ผลงานของครู "พรานบูรพ์" มีทั้งบทภาพยนตร์ บทละคร งานกำกับภาพยนตร์ และบทเพลง
ที่ยังคงเป็นอมตะอยู่จนทุกวันนี้
กุหลาบร่วง นงลักษณ์ โรจนพรรณ
https://www.youtube.com/watch?v=yiOzUacAXY4
เนื้อร้อง / ทำนอง พรานบูรพ์
ขับร้องโดย นงลักษณ์ โรจนพรรณ
เพลง "กุหลาบร่วง" เป็นผลงานประพันธ์คำร้องและทำนองของ "พรานบูรพ์" ประกอบละครเรื่อง "บุปผชาตินคร"
ของคณะจันทโรภาส จัดแสดงที่วิกบ้านดอน อำเภอบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อ พ.ศ. 2476
ต่อมาเรื่องบุปผชาตินคร เปลี่ยนชื่อเป็น "แม่ศรีเวียง" จัดแสดงที่โรงพัฒนากร เมื่อ พ.ศ. 2478 จึงตัดเพลง
"กุหลาบร่วง" ออกมาร้องสลับฉาก ขับร้องโดย ชะอวบ ฟองกระแสสินธุ์
เพลงนี้มีการบันทึกเสียงครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2478 ขับร้องโดย "ประทุม ประทีปะเสน"
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2525 "นงลักษณ์ โรจนพรรณ" ซึ่งเคยเป็นดาราละครทีวีของ
บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ช่อง 4 บางขุนพรหม นำมาขับร้องบันทึกเสียงใหม่เพลงนี้จึงกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง
รุ่นหลังก็มี "ไพจิตร อักษรณรงค์" เคยนำมาบันทึกเสียงด้วย
สำหรับ "คุณเล็ก" อรวี สัจจานนท์ เคยนำมาขับร้องในคอนเสิร์ต "ด้วยปีกแห่งรัก" ของ "คุณอาชรินทร์ เมื่อปี พ.ศ.2549