การตามหาบุคคลต้องสงสัยหรือเด็กพลัดหลงในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นนั้นเป็นไปได้ยาก
และอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสู่การพัฒนา A.I. มาใช้ตามหาแทน (ภาพจาก AFP)
เป็นไปได้ว่า ในอนาคต การตามหาบุคคลต้องสงสัย หรือเด็กพลัดหลงในประเทศญี่ปุ่น อาจทำได้รวดเร็วขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที เมื่อบริษัทฮิตาชิ (Hitachi) ยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบได้นำระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : A.I.) เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์เอกลักษณ์บุคคลผ่านกล้องรักษาความปลอดภัยได้แบบเรียลไทม์แล้ว
โดยระบบอัจฉริยะดังกล่าวเป็นการทำงานของกล้องรักษาความปลอดภัยร่วมกับเทคโนโลยี A.I. ที่สามารถวิเคราะห์รายละเอียดของผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้มากกว่า 100 จุด โดยเป็นการสแกนตั้งแต่หัวจรดเท้า เพื่อเก็บข้อมูลของคนเหล่านั้น ทั้งในเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายว่า ใส่เสื้อผ้าสีอะไร เพศอะไร หิ้วกระเป๋าแบบไหน หรือใส่เครื่องประดับอะไร ยกตัวอย่างเช่น ผู้ดูแลระบบป้อนคำสั่งลงไปว่า ให้มองหาผู้ชายสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเขียว ระบบก็จะวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างรวดเร็วเพื่อหาบุคคลที่ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดให้
ซึ่งทันทีที่พบบุคคลตามเงื่อนไข ระบบจะเริ่มทำการติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลดังกล่าวโดยอัตโนมัติ และทำงานแบบเรียลไทม์ด้วย โดยใช้กล้องรักษาความปลอดภัยที่มีในเครือข่ายในการระบุตำแหน่งของคนเหล่านั้นว่า อยู่ที่จุดใด เช่น ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ
มากไปกว่านั้น ความเร็วของปัญญาประดิษฐ์ในการระบุบุคคลตามที่เงื่อนไขกำหนดพบว่า สามารถทำได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที แถมไม่เกี่ยงว่าคนๆ นั้น อยู่ในระยะใกล้ หรือไกลจากตำแหน่งที่กล้องถ่ายได้ หรือว่ามีวัตถุปิดบังใบหน้าเอาไว้หรือไม่ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฮิตาชิมีแผนจะเปิดใช้งานระบบดังกล่าวในเชิงพาณิชย์ในราวเดือนเมษายน 2018 หรืออีกหนึ่งปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะนำมาใช้ในท่าอากาศยาน หรือสถานีรถไฟ เพื่อติดตามบุคคลต้องสงสัย หรือใช้ตามหาเด็กที่พลัดหลงกับผู้ปกครองก่อนเป็นสำคัญ
ข่าวจาก : MGR Online
http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000031795
"ฮิตาชิ" เปิดตัว A.I. ตามหาบุคคลต้องสงสัย-เด็กพลัดหลงในฝูงชนได้ใน 1 วินาที
การตามหาบุคคลต้องสงสัยหรือเด็กพลัดหลงในเมืองที่มีประชากรหนาแน่นนั้นเป็นไปได้ยาก
และอาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสู่การพัฒนา A.I. มาใช้ตามหาแทน (ภาพจาก AFP)
เป็นไปได้ว่า ในอนาคต การตามหาบุคคลต้องสงสัย หรือเด็กพลัดหลงในประเทศญี่ปุ่น อาจทำได้รวดเร็วขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที เมื่อบริษัทฮิตาชิ (Hitachi) ยักษ์ใหญ่จากแดนปลาดิบได้นำระบบปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : A.I.) เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์เอกลักษณ์บุคคลผ่านกล้องรักษาความปลอดภัยได้แบบเรียลไทม์แล้ว
โดยระบบอัจฉริยะดังกล่าวเป็นการทำงานของกล้องรักษาความปลอดภัยร่วมกับเทคโนโลยี A.I. ที่สามารถวิเคราะห์รายละเอียดของผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้มากกว่า 100 จุด โดยเป็นการสแกนตั้งแต่หัวจรดเท้า เพื่อเก็บข้อมูลของคนเหล่านั้น ทั้งในเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายว่า ใส่เสื้อผ้าสีอะไร เพศอะไร หิ้วกระเป๋าแบบไหน หรือใส่เครื่องประดับอะไร ยกตัวอย่างเช่น ผู้ดูแลระบบป้อนคำสั่งลงไปว่า ให้มองหาผู้ชายสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเขียว ระบบก็จะวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างรวดเร็วเพื่อหาบุคคลที่ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดให้
ซึ่งทันทีที่พบบุคคลตามเงื่อนไข ระบบจะเริ่มทำการติดตามการเคลื่อนไหวของบุคคลดังกล่าวโดยอัตโนมัติ และทำงานแบบเรียลไทม์ด้วย โดยใช้กล้องรักษาความปลอดภัยที่มีในเครือข่ายในการระบุตำแหน่งของคนเหล่านั้นว่า อยู่ที่จุดใด เช่น ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ
มากไปกว่านั้น ความเร็วของปัญญาประดิษฐ์ในการระบุบุคคลตามที่เงื่อนไขกำหนดพบว่า สามารถทำได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที แถมไม่เกี่ยงว่าคนๆ นั้น อยู่ในระยะใกล้ หรือไกลจากตำแหน่งที่กล้องถ่ายได้ หรือว่ามีวัตถุปิดบังใบหน้าเอาไว้หรือไม่ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทฮิตาชิมีแผนจะเปิดใช้งานระบบดังกล่าวในเชิงพาณิชย์ในราวเดือนเมษายน 2018 หรืออีกหนึ่งปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะนำมาใช้ในท่าอากาศยาน หรือสถานีรถไฟ เพื่อติดตามบุคคลต้องสงสัย หรือใช้ตามหาเด็กที่พลัดหลงกับผู้ปกครองก่อนเป็นสำคัญ
ข่าวจาก : MGR Online
http://manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000031795