ทีโอที ยิ้มสรรหาคู่ค้า 2300 MHz มาได้ครึ่งทาง หลัง 6 บริษัทรุมจีบ ส่งแผนชิงบิวตี้ คอนเทสต์ คาด พ.ค.นี้รู้ผลผู้ชนะ
นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สาย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันนี้ (27 มี.ค.) เป็นวันที่ ทีโอที เปิดให้บริษัทที่สนใจยื่นข้อเสนอ เกี่ยวกับแผนธุรกิจรายละเอียดการขยายโครงข่ายและผลตอบแทนที่จะให้กับทีโอทีในการเป็น
คู่ค้าในการให้บริการไร้สายคลื่นความถี่ 2300 MHz จำนวน 60 MHz
ปรากฏว่ามีบริษัทที่สนใจยื่นแผนธุรกิจเข้า จำนวน 6 บริษัท จาก 13 บริษัทที่สนใจมารับรายละเอียด ได้แก่
1.บริษัท ทานตะวัน เทเลคอม จำกัด
2. บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือเอดับบลิวเอ็น
3.บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จํากัด
4.TUC RMV for 2300 MHz Consortium กลุ่มทรูฯ
5.บริษัท ไฮมีเดีย เทคโนโลยี จำกัด
6. บริษัท โมบาย แอลทีอี จำกัด
จากนั้น 2 บริษัทที่ปรึกษา ได้แก่ บริษัท เดเทคอน เอเชีย-แปซิฟิค จำกัดที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม และบริษัท ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ จำกัดที่ปรึกษาด้านการเงิน จะใช้เวลา 60 วันในการพิจารณาและจะสามารถประกาศผลการคัดเลือกแบบบิวตี้ คอนเทสต์ ในรอบแรกได้ภายในวันที่ 12 เม.ย.นี้ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนขั้นตอนต่อไป ได้แก่ การเจรจากับคู่ค้าในรายการที่ได้รับการคัดเลือกหลังจากนั้นคือระหว่างวันที่ 18-28 เม.ย.ได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ จากนั้นจะส่งสัญญาให้คณะกรรมการบริษัทรับรองและส่งให้สำนักงานอัยการสูงสูดดู คาดว่าจะไม่มีปัญหาและสามารถเซ็นสัญญาได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4 ปีนี้
"การที่ กสทช.มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลการบริหารคลื่น 2300 MHz ของทีโอที เป็นสิ่งดี ซึ่งหากเราทำตามกรอบของมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.กสทช. เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนสัญญาเราจะส่งให้อัยการตรวจสอบเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องให้ กสทช.ตรวจ แต่จะเป็นการรายงานผลให้กสทช.ดู ตามการให้บริการเอ็มวีเอ็นโออยู่ด้วย"
สำหรับการจัดเก็บเอกสารข้อเสนอ มีรายละเอียด คือ
1. เอกสารจะถูกเก็บไว้ในห้องประชุม 8 ชั้น 3 อาคาร 9 บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ โดยจะอยู่ภายในห้องที่จัดไว้ตลอดเวลา ไม่สามารถนำเอกสารข้อเสนอออกจากห้องดังกล่าวได้
2. หน้าห้องที่ทำการจัดเก็บเอกสารข้อเสนอจะมีเจ้าหน้าที่ รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
3. ในการเข้าห้องจัดเก็บเอกสารได้ล็อก 3 ชั้น ซึ่งต้องทำการไขทุกชั้นจึงสามารถเปิดเข้าห้องดังกล่าวได้ โดยกุญแจชั้นที่ 1 คือประตูห้อง ดูแลรักษาและรับผิดชอบโดยบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กุญแจชั้นที่ 2 ดูแลรักษาและรับผิดชอบโดย บริษัท เดเทคอน เอเชีย-แปซิฟิค จำกัดและกุญแจชั้นที่ 3 ดูแลรักษาและรับผิดชอบโดย 2 บริษัทที่ปรึกษา ซึ่งกุญแจ 2 ชั้นหลังนี้เป็นกุญแจโซ่คล้องมือจับประตูแน่นหนา
4. นอกจากนี้ เอกสารข้อเสนอที่ได้รับมาทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ภายในห้องที่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม โดยเอกสารที่ถูกจัดเก็บไว้ภายในห้องดังกล่าวจะถูกใส่ไว้ในตู้เหล็กพร้อมกุญแจล็อกอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าเอกสารข้อเสนอของทุกบริษัทจะถูกจัดเก็บไว้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
5. ห้องที่จัดเก็บเอกสารมีการเก็บภาพจากระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั้งภายในและภายนอกห้อง ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีกล้อง CCTV จำนวน 4 ตัว โดยติดตั้งที่หน้าห้องจัดเก็บเอกสาร 2 ตัว และภายในห้องจัดเก็บเอกสาร 2 ตัว
นายรังสรรค์ กล่าวว่า การประเมินข้อเสนอประกอบด้วยการพิจารณาข้อเสนอที่ยื่นมาทั้ง 2 ส่วน ได้แก่ (1) ข้อเสนอด้านเทคนิค และ (2) ด้านการลงทุนและผลตอบแทน โดยพิจารณาทั้ง 2 ส่วนพร้อมกัน โดยข้อเสนอด้านเทคนิคมีน้ำหนัก 40 % และ ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนมีน้ำหนัก 60 %รวมเป็น 100%
คะแนนรวมจากการพิจารณาข้อเสนอทั้ง 2 ส่วนจะถูกนำมาพิจารณาเพื่อคัดเลือกผู้ข้อเสนอที่ได้คะแนนสูงสุดเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อไป กรณีที่มีจำนวนผู้ยื่นข้อเสนอที่ได้คะแนนสูงสุดใกล้เคียงกันมากกว่า 1 ราย ทาง บริษัทอาจเรียกผู้ยื่นข้อเสนอมากกกว่า 1 รายเพื่อทำการเจรจาในขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตามแผนธุรกิจคู่ค้าจะเป็นผู้จัดให้มีโครงข่าย 4G/LTE ตลอดจนเทคโนโลยีอื่นในอนาคต เพื่อรองรับทั้งอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สายแบบประจำที่ (Fixed Wireless Broadband) และโมบายบรอดแบนด์ บนย่านความถี่ 2300 MHz เต็มทั้ง 60 MHz โดยมีเป้าหมายในการวางแผนการใช้งานโครงข่ายที่สามารถรองรับลูกค้า คาดว่าจะสามารถติดตั้งและเปิดให้บริการภายในปีแรกไม่น้อยกว่า 1,800 แห่ง และติดตั้งโครงข่ายให้ครอบคลุมเมืองหลักสำคัญภายใน 2 ปี
จากนั้นจะเพิ่มจำนวนไปตามประมาณการผู้ใช้งานที่คาดการณ์ไว้ คาดว่าภายใน 5 ปี จะสามารถขยายโครงข่ายได้ครอบคลุมตามแผน ซึ่งหากความจุไม่เพียงพอ หรือ ยังมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ทีโอที คาดว่าจะสามารถขยายความจุและเวลาในการให้บริการได้ จากเดิมที่คลื่นจะต้องหมดอายุในปี 2568 ก็ตาม
สำหรับรูปแบบการให้บริการนั้น ทีโอที จะนำความจุไปให้บริการ ในบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สาย (Wireless Broadband : WBB) 20% ตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าครัวเรือนในชานเมือง และพื้นที่ห่างไกลเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐในการให้ประชาชนคนไทยทุกภาคได้มีโอกาสในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างเท่าเทียม โดยจะใช้แบนด์วิดธ์ทั้ง 60 MHz ของคลื่น 2300 MHz บริการโมบายบรอดแบนด์ (Mobile Broadband : MBB) 20% เป้าหมายคือกลุ่มลูกค้าทีโอที โดยจะให้บริการในเขตเมือง และเขตชานเมืองผ่านอุปกรณ์ดองเกิล (Dongle) สำหรับลูกค้าใหม่ และซิมการ์ดเสริม สำหรับลูกค้าบรอดแบนด์เดิมและบริการขายส่ง (Wholesale) ให้กับผู้ประกอบการโมบายล์ จำนวน 60%
ที่มา
http://m.manager.co.th/Cyberbiz/detail/9600000031264
6 บริษัทสนใจ คลื่น 2300 MHz (3 ค่ายใหญ่ มาครบ) คาด พ.ค.นี้รู้ผลผู้ชนะ
นายรังสรรค์ จันทร์นฤกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจสื่อสารไร้สาย บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วันนี้ (27 มี.ค.) เป็นวันที่ ทีโอที เปิดให้บริษัทที่สนใจยื่นข้อเสนอ เกี่ยวกับแผนธุรกิจรายละเอียดการขยายโครงข่ายและผลตอบแทนที่จะให้กับทีโอทีในการเป็น
คู่ค้าในการให้บริการไร้สายคลื่นความถี่ 2300 MHz จำนวน 60 MHz
ปรากฏว่ามีบริษัทที่สนใจยื่นแผนธุรกิจเข้า จำนวน 6 บริษัท จาก 13 บริษัทที่สนใจมารับรายละเอียด ได้แก่
1.บริษัท ทานตะวัน เทเลคอม จำกัด
2. บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือเอดับบลิวเอ็น
3.บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จํากัด
4.TUC RMV for 2300 MHz Consortium กลุ่มทรูฯ
5.บริษัท ไฮมีเดีย เทคโนโลยี จำกัด
6. บริษัท โมบาย แอลทีอี จำกัด
จากนั้น 2 บริษัทที่ปรึกษา ได้แก่ บริษัท เดเทคอน เอเชีย-แปซิฟิค จำกัดที่ปรึกษาด้านวิศวกรรม และบริษัท ไพร์มสตรีท แอดไวเซอรี่ จำกัดที่ปรึกษาด้านการเงิน จะใช้เวลา 60 วันในการพิจารณาและจะสามารถประกาศผลการคัดเลือกแบบบิวตี้ คอนเทสต์ ในรอบแรกได้ภายในวันที่ 12 เม.ย.นี้ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนขั้นตอนต่อไป ได้แก่ การเจรจากับคู่ค้าในรายการที่ได้รับการคัดเลือกหลังจากนั้นคือระหว่างวันที่ 18-28 เม.ย.ได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ จากนั้นจะส่งสัญญาให้คณะกรรมการบริษัทรับรองและส่งให้สำนักงานอัยการสูงสูดดู คาดว่าจะไม่มีปัญหาและสามารถเซ็นสัญญาได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยจะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 4 ปีนี้
"การที่ กสทช.มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดูแลการบริหารคลื่น 2300 MHz ของทีโอที เป็นสิ่งดี ซึ่งหากเราทำตามกรอบของมาตรา 46 แห่ง พ.ร.บ.กสทช. เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนสัญญาเราจะส่งให้อัยการตรวจสอบเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องให้ กสทช.ตรวจ แต่จะเป็นการรายงานผลให้กสทช.ดู ตามการให้บริการเอ็มวีเอ็นโออยู่ด้วย"
สำหรับการจัดเก็บเอกสารข้อเสนอ มีรายละเอียด คือ
1. เอกสารจะถูกเก็บไว้ในห้องประชุม 8 ชั้น 3 อาคาร 9 บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ แจ้งวัฒนะ โดยจะอยู่ภายในห้องที่จัดไว้ตลอดเวลา ไม่สามารถนำเอกสารข้อเสนอออกจากห้องดังกล่าวได้
2. หน้าห้องที่ทำการจัดเก็บเอกสารข้อเสนอจะมีเจ้าหน้าที่ รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
3. ในการเข้าห้องจัดเก็บเอกสารได้ล็อก 3 ชั้น ซึ่งต้องทำการไขทุกชั้นจึงสามารถเปิดเข้าห้องดังกล่าวได้ โดยกุญแจชั้นที่ 1 คือประตูห้อง ดูแลรักษาและรับผิดชอบโดยบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กุญแจชั้นที่ 2 ดูแลรักษาและรับผิดชอบโดย บริษัท เดเทคอน เอเชีย-แปซิฟิค จำกัดและกุญแจชั้นที่ 3 ดูแลรักษาและรับผิดชอบโดย 2 บริษัทที่ปรึกษา ซึ่งกุญแจ 2 ชั้นหลังนี้เป็นกุญแจโซ่คล้องมือจับประตูแน่นหนา
4. นอกจากนี้ เอกสารข้อเสนอที่ได้รับมาทั้งหมดจะถูกจัดเก็บไว้ภายในห้องที่มีการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม โดยเอกสารที่ถูกจัดเก็บไว้ภายในห้องดังกล่าวจะถูกใส่ไว้ในตู้เหล็กพร้อมกุญแจล็อกอีกชั้นหนึ่ง ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าเอกสารข้อเสนอของทุกบริษัทจะถูกจัดเก็บไว้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
5. ห้องที่จัดเก็บเอกสารมีการเก็บภาพจากระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั้งภายในและภายนอกห้อง ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีกล้อง CCTV จำนวน 4 ตัว โดยติดตั้งที่หน้าห้องจัดเก็บเอกสาร 2 ตัว และภายในห้องจัดเก็บเอกสาร 2 ตัว
นายรังสรรค์ กล่าวว่า การประเมินข้อเสนอประกอบด้วยการพิจารณาข้อเสนอที่ยื่นมาทั้ง 2 ส่วน ได้แก่ (1) ข้อเสนอด้านเทคนิค และ (2) ด้านการลงทุนและผลตอบแทน โดยพิจารณาทั้ง 2 ส่วนพร้อมกัน โดยข้อเสนอด้านเทคนิคมีน้ำหนัก 40 % และ ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนมีน้ำหนัก 60 %รวมเป็น 100%
คะแนนรวมจากการพิจารณาข้อเสนอทั้ง 2 ส่วนจะถูกนำมาพิจารณาเพื่อคัดเลือกผู้ข้อเสนอที่ได้คะแนนสูงสุดเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเจรจาต่อไป กรณีที่มีจำนวนผู้ยื่นข้อเสนอที่ได้คะแนนสูงสุดใกล้เคียงกันมากกว่า 1 ราย ทาง บริษัทอาจเรียกผู้ยื่นข้อเสนอมากกกว่า 1 รายเพื่อทำการเจรจาในขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตามแผนธุรกิจคู่ค้าจะเป็นผู้จัดให้มีโครงข่าย 4G/LTE ตลอดจนเทคโนโลยีอื่นในอนาคต เพื่อรองรับทั้งอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สายแบบประจำที่ (Fixed Wireless Broadband) และโมบายบรอดแบนด์ บนย่านความถี่ 2300 MHz เต็มทั้ง 60 MHz โดยมีเป้าหมายในการวางแผนการใช้งานโครงข่ายที่สามารถรองรับลูกค้า คาดว่าจะสามารถติดตั้งและเปิดให้บริการภายในปีแรกไม่น้อยกว่า 1,800 แห่ง และติดตั้งโครงข่ายให้ครอบคลุมเมืองหลักสำคัญภายใน 2 ปี
จากนั้นจะเพิ่มจำนวนไปตามประมาณการผู้ใช้งานที่คาดการณ์ไว้ คาดว่าภายใน 5 ปี จะสามารถขยายโครงข่ายได้ครอบคลุมตามแผน ซึ่งหากความจุไม่เพียงพอ หรือ ยังมีผู้ใช้งานจำนวนมาก ทีโอที คาดว่าจะสามารถขยายความจุและเวลาในการให้บริการได้ จากเดิมที่คลื่นจะต้องหมดอายุในปี 2568 ก็ตาม
สำหรับรูปแบบการให้บริการนั้น ทีโอที จะนำความจุไปให้บริการ ในบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไร้สาย (Wireless Broadband : WBB) 20% ตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าครัวเรือนในชานเมือง และพื้นที่ห่างไกลเพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐในการให้ประชาชนคนไทยทุกภาคได้มีโอกาสในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างเท่าเทียม โดยจะใช้แบนด์วิดธ์ทั้ง 60 MHz ของคลื่น 2300 MHz บริการโมบายบรอดแบนด์ (Mobile Broadband : MBB) 20% เป้าหมายคือกลุ่มลูกค้าทีโอที โดยจะให้บริการในเขตเมือง และเขตชานเมืองผ่านอุปกรณ์ดองเกิล (Dongle) สำหรับลูกค้าใหม่ และซิมการ์ดเสริม สำหรับลูกค้าบรอดแบนด์เดิมและบริการขายส่ง (Wholesale) ให้กับผู้ประกอบการโมบายล์ จำนวน 60%
ที่มา http://m.manager.co.th/Cyberbiz/detail/9600000031264