สวัสดีพ่อแม่พี่น้องทุกท่านนนน พอดีเราอ่านกระทู้นักเรียนแลกเปลี่ยนมาหลายอันมาก รวมถึงเพื่อนหลายคนก็ขอให้เขียน... ไหนๆก็ไหนๆแล้ว วันนี้ว่างๆเลยจะขอมาแชร์ประสบการณ์บ้างละกัน... พร้อมแล้วก็เลื่อนลงไปอ่านเลยค่าาาา วู้วววว!
ปล. เราพิมพ์ในโทรศัพท์อาจจะอ่ายยากนิดหน่อย ขออภัยด้วย
ขออนุญาตเกริ่นก่อนละกัน เราชื่อ'เฟื่อง' เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกับโครงการ AFS รุ่นที่55 มาแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ ตอนนี้ก็อยู่มาได้ 7 เดือนกว่าแล้วมั้ง (พอเริ่มเกินเดือนที่5แล้วไม่อยากนับ ยังไม่อยากกลับบ้าน 5555555) เราได้โฮสต์ตอนประมาณ1อาทิตย์ก่อนวันบินค่ะ หลังจากเรารอโฮสต์มาแสนยาวนาน บ่นแล้วบ่นอีก จนหลายๆคนก็บอกว่าไม่ได้ไปแล้วมั้ง จำได้ว่าก่อนวันที่รู้ว่าจะได้โฮสต์ เรากับแม่ก็เข้ากรุงเทพ(เราเป็นคนระยองค่ะ เกิดและโตที่ระยองนี่แหละ 55555)ไปซื้อของฝากให้โฮสต์ ซึ่งที่ซื้อเนี่ยก็ซื้อแบบสุ่มล้วนๆ เพราะยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโฮสต์เลย เช้าวันต่อมา จำได้ว่าเป็นวันอาทิตย์ เราตื่นสายมากๆวันนั้น ตื่นมาก็เช็คโทรศัพท์ตามฉบับมนุษย์ติดโซเชี่ยลทั่วไป แล้วเราก็เห็นว่ามีแจ้งเตือนจากเฟสบุ๊ค มีฝรั่ง2คนแอดเฟสเรามา ตอนนั้นแบบ เอาแล้ว... แน่ๆ ชัวๆแล้วฮะงานนี้ แล้วก็มีเมลเข้ามา3ฉบับ 1ในนั้นคือจากโฮสต์ส่งมาทักทาย จุดนั้นแบบปริ่มมาก ได้โฮสต์แล้วเว้ย แบบกรี๊ดลั่นบ้าน วิ่งลงบันไดมาบอกพ่อกับแม่ว่าได้โฮสต์แล้ว ทักเฟสไปบอกเพื่อน อวดชาวบ้านชาวช่องไปหมด จุดนั้นแบบตื่นเต้นมาก แถลงการณ์ผ่านทีวีได้คงทำไปแล้ว 5555555
เมืองที่เราได้ไปอยู่ชื่อ Cottonwood เป็นเมืองเล็กๆ(มากๆ)ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐ Minnesota ตอนนั้นก็กรี๊ดมาก เพราะเพื่อนสนิทเรา(นางไปแลกเปลี่ยนกับYFU)ก็ได้โฮสต์อยู่
MN พอมาถึงเมกา ก็จะมีอาสาสมัครเอเอฟเอสมารับที่สนามบิน แล้วก็ต้อน(?)เหล่านรลป.ทั้งหลายขึ้นบัส จากนั้นเขาก็แบ่งเราเป็นบัสๆอีกทีตามเขตที่เราจะได้ไปอยู่ ของเราตอนนั้นต้องนั่งบัสจาก Chicago ไป Bloomington, MN (มีปฐมนิเทศก่อนที่โฮสต์จะมารับเราจากโรงแรมไปบ้าน) ก็นั่งบัสประมาณ6ชม. ในบัสเรามีนรลป.5คน (ไทย3 สวิสเซอร์แลนด์1 บราซิล1) มาถึงที่โรงแรมที่จัดปฐมนิเทศ(ฟีลคล้ายๆเข้าค่ายเตรียมความพร้อมไรงี้มากกว่า) ก็เจอเพื่อนอีก2คน (จากแทนซาเนียกับตูนีเซีย) สรุปในค่ายก็มีนรลป.ทั้งหมด7คน (อาสาสมัครเอเอฟเอสบอกว่าค่ายวันก่อนมี20กว่าคน ส่วนวันนี้มีแค่7คน ก็แตกต่างกันดี 55555) หลังจากเข้าค่ายมาทั้งวัน ช่วงบ่ายๆโฮสต์ก็จะมารับค่ะ แต่โฮสต์เราติดงานแต่งงานของเพื่อนเลยมารับไม่ได้ เราเลยต้องไปนอนบ้านอาสาสมัครเอเอฟเอสก่อนคืนนึง เช้าวันต่อมาโฮสต์ก็มารับ
โฮสต์แฟมมิลี่เรามีทั้งหมด6คนค่ะ มัม,แด้ด,น้อง4คน(ชาย2 หญิง2) แล้วปีที่แล้วเขาก็โฮสต์นรลป.จากประเทศไทย นี่เลยแอบเครียดนิดหน่อย เพราะต้องมีเปรียบเทียบแน่ๆฮะงานนี้ แต่ทุกอย่างคือดีมาก เราไม่เคยมีปัญหาอะไรใหญ่โตกับโฮสต์เลย โฮสต์ใจดีแล้วก็ช่วยเราทุกอย่าง คอยให้คำแนะนำตลอด เอาจริงๆเรื่องโฮสต์ก็เหมือนที่หลายๆคนบอกเลย แบบขึ้นอยู่กับดวงด้วย แต่โดยส่วนตัว เราว่าก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยอ่ะ แบบเราก็ต้องปรับตัวด้วย ไม่ใช่ให้เขาปรับเข้าหาเราอย่างเดียว มีอะไรไม่พอใจก็พูดกันตรงๆงี้ แบบเคสเราคือเราแชร์ห้องนอนกับน้อง ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเรามีซ้อมเชียร์หลีดเดอร์เลยจะกลับบ้านเย็นมากๆ แล้วน้อง3คนก็ชอบเข้ามาเล่นในห้องเราแล้วไม่เก็บของ เรากลับมาทีไร ห้องจะรกมากๆ แล้วเราก็ต้องคอยเก็บตลอด สรุปเราก็ไปบอกมัม มัมก็คุยกับน้องๆให้ ก็โอเคดี ไม่มีทะเลาะกัน
ส่วนเรื่องโรงเรียน โรงเรียนเราเล็กมากกกก ก.ไก่ล้านตัว ตอนอยู่ไทย เราอยู่โรงเรียนประจำจังหวัด เด็ก4พันกว่าคน(ม.1-6) แต่มาอยู่นี่โรงเรียนมีแค่ 300กว่าคน(อนุบาล-ม.6) แต่เราชอบนะ คนน้อย เขาก็รู้จักๆกันหมด เราไปโรงเรียนโดยบัสค่ะ เจ้าschool busสีเหลืองที่ใครๆก็พูดถึงนั่นแหละ บัสจะมารับทุกวันตอนประมาณ 7.35 คือตอนเช้ามัมก็จะมาปลุกเราตอน 7โมง แล้วเราก็จะออกไปรอบัสกับน้องๆตอนประมาณ 7โมงครึ่ง (ชิวๆฮะ อยู่ไทย ตื่น6โมง ออกจากบ้าน 7โมง) ไปถึงโรงเรียน เราก็เอากระเป๋าไปเก็บที่ locker (ที่ใครๆก็พูดถึงเรื่องเปิดยาก แต่ล็อคเกอร์โรงเรียนเราไม่มีที่ล็อคค่ะ ว้ายยยย ไม่ได้แอ้มหรอกฮะจุดนี้) แล้ววันๆก็จะแบกแค่แฟ้ม ไอแพด(โรงเรียนแจกคนละเครื่อง) แล้วก็กล่องดินสอ เราชอบคือตารางเรียนที่นี่มันเหมือนกันทุกวันค่ะ เราเลยไม่ต้องงง อยู่ไทยนี่เรียนจะจบปีแล้วยังจำตารางเรียนไม่ได้ 555555555 แล้วคือเราสามารถลงวิชาเรียนอะไรก็ได้ แบบถ้าเป็นของเด็กเมกาเขาก็จะมีบังคับว่าแบบ ปีนี้ต้องลงวิชาอะไรหน่วยกิตเท่าไหร่อะไรแบบนี้ ส่วนเรา เปิดการ์ดนักเรียนแลกเปลี่ยนค่ะ ก็มีบังคับให้ลง อังกฤษ เลข แล้วก็ประวัติเมกา ที่เหลือก็ลงตามใจค่ะ เราลงศิลปะ, ทำอาหาร, แล้วก็มี study hall (ฟีลคล้ายๆคาบว่างบ้านเรา แต่ต้องอยู่ในห้องที่เขากำหนด แล้วก็จะมีครูคอยคุมงี้) พอหลังเลิกเรียน เราก็มีซ้อมเชียร์หลีดเดอร์ค่ะ ซ้อมทุกวัน (เราได้เพื่อนจากไอนี่โดยเฉพาะเลย) เราชอบมาก สนุก ทุกวันศุกร์ก็จะเป็นฟุตบอลเกมส์ เราก็ต้องไปเชียร์ค่ะ ถ้ามีแข่งที่โรงเรียนอื่น ก็จะนั่งschool busไป คือตัวติดกับฟุตบอลทีมอ่ะค่ะ (แล้วนักบอลหล่อด้วยประเด็น---) แต่ช้าก่อน... ดูเมกันฟุตบอลไม่เป็นค่ะที่รัก.. 55555555 คือตอนแรกแบบงงมาก เขาเฮ เราก็เฮ เพื่อนพยายามอธิบาย นี่ก็ยังไม่เข้าใจ มาส่องผู้อย่างเดียวค่ะ..(ไม่ชั่ยยยย) แต่เพื่อนในทีมเชียร์หลีดเดอร์คือ nice มาก พวกนางก็พยายามอธิบายให้เราฟังตลอด แล้วแบบยูนิฟอร์มเชียร์หลีดเดอร์คือกระโปรงสั้น(มาก) ช่วงนั้นก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศก็หนาว นี่ก็หนาวตลอดเวลา เพื่อนก็จะมาคอยกอด แบบพอนี่เริ่มสั่น เพื่อนก็จะหันมา group hug!!! แล้วทุกคนก็จะกรูกันมากอดนี่ รัก ฮื่อออออ
มาพูดเรื่องความรักตะมุตะมิดีกว่า... 55555555 ตอนอยู่ไทยก็ติ่งฝรั่งอยู่แล้ว แล้วดันมาเป็นนรลป.ในดินแดนฝรั่งอีก อหห ตายสิฮะ แต่จะบอกคือ ฝรั่งก็ไม่ได้หล่อวัวตายความล้มทุกคนเหมือนในหนังค่ะ แบบแต่ละคนเขาก็จะมีสไตล์เป็นของตัวเอง นี่ก็ไปแอบปิ๊งนักบอลคนนึง คือนางอยู่ senior(ม.6) แล้วseniorที่นี่ก็ฟีลแบบม.6บ้านเราเลย แบบออกจากโรงเรียนได้ แบบบางคนก็มีเรียนแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็เรียนคลาสของมหาลัยที่บ้านไรงี้ เราเจอนางตอนวันแรกของฟุตบอลเกมส์ค่ะ ตอนนั้นเป็สคลาส study hallของเรา คือเราไปเข้าห้องสมุดวันนั้น แล้วนางยืนคุยกับเพื่อนอยู่ เราก็เดินผ่านนางมา แล้วแบบรับรู้ได้ถึงออร่าความหล่อ... อื่ม แบบถึงกับเหลียวหลังไปมอง แบบหล่อจริงๆ แม่คะ หนูอยากได้ แล้วก็เจออีกทีตอนฟุตบอลเกมส์ นางเป็นกัปตันทีมอีก อหหหหหห ตายยย หล่อวัวตายควายล้ม กลับบ้านมาก็แสนปไปถามเพื่อนค่ะ ว่ายูรู้จักนักฟุตบอลเบอร์นี้มั้ย แล้วเราก็ได้ข้อมูลนางมา.. 555555555555 (ด้วยพลังแห่งความโรงเรียนเล็กแล้วทุกคนรู้จักกันก็งี้) แต่นั่นแหละค่ะ ด้วยความเป็นหญิงไทยใจงาม จีบผช.ไม่เป็น แถมคลาสด้วยกันก็ไม่มี เราก็ได้แต่ส่องนางไปวันๆ แล้วแอบไปสกรีมลงทวิตเตอร์คนเดียว.. 555555555
ที่อ่านๆมา เหมือนชีวิตเราจะดีนะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่เคยโฮมซิค (มีแต่แอบคิดถึงอาหารไทย) ทุกคนก็niceกับเรา จนอยู่มาได้เกือบ2เดือนค่ะ จุดดิ่งของปีแลกเปลี่ยนเราอยู่ตรงนี้ คือวันนึงเรานั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะกินข้าว แล้วมัมก็เดินมาบอก 'เฟื่อง ไอขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม' นี่แบบ เอาแล้วววว ทำอะไรผิดรึเปล่าวะ กลัวไปหมด แล้วมัมก็บอก 'ยูรู้ใช่มั้ยว่าพวกไอเป็นแค่เวลคั่มโฮสต์(จะรับแค่ช่วงแรก จนกว่าเอเอฟเอสจะหาโฮสต์ปีให้ได้)ของยู แล้วตอนนี้มีโฮสต์อีกเมืองเขาจะรับยูนะ น่าจะต้องย้ายประมาณอาทิตย์หน้า' ช็อคข่าาา คือเราเคยคุยกับมัมเรื่องนี้แล้วแหละ แบบตอนแรกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นแค่เวลคั่มโฮสต์เพราะเอเอฟเอสบอกว่าเป็นโฮสต์ปี(ซึ่งน่าจะเป็นข้อผิดพลาดนิดหน่อย แต่เราไม่ได้โทษเอเอฟเอสนะ เพราะพวกพี่ๆเขาก็ทำงานหนักกัน) แล้วเราก็คิดว่ามัมจะโฮสต์เราต่อ แบบโฮสต์ยาวเลย แต่เราก็ไม่ได้ถาม สรุปเราเข้าใจผิด (ดังนั้นฝากถึงนรลป.ที่จะมาค่ะ มีอะไรถามเขาตรงๆเนอะ อย่าคิดเองเออเอง) อ่ะต่อ จุดนั้นเราก็ช็อคมากๆ ไม่รู้จะพูดไร เราก็ถามมัมว่า งั้นก็ต้องย้ายโรงเรียนด้วยใช่มั้ย มัมก็บอกใช่ คือจุดนั้นเราแบบจะร้องไห้แล้ว คือเรากลัว เราไม่อยากเริ่มทุกอย่างใหม่ มัมบอกว่าจริงๆก็มีทางนะ ถ้าแบบมีใครในเมืองนี้ หรือใครในโรงเรียนโฮสต์ยู ยูก็อาจจะไม่ต้องย้ายโรงเรียน เราก็ text ไปหาเพื่อนทุกคนที่เรารู้จัก เราคิดว่าถ้าคนรู้ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี อย่างน้อยเราก็ยังมีหวังแหละน่า เราเครียดมากช่วงนั้น ร้องไห้ทุกคืน เราก็ถามมัมนะว่าเราทำอะไรผิดรึเปล่า ทำไมถึงไม่อยากโฮสต์เราต่องี้ มัมบอกว่ามัมแพลนว่าจะรับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่เขาทำผิดแล้วติดคุกงี้ตั้งแต่แรกแล้ว ทีนี่เอเอฟเอสติดต่อมาว่าอยากให้ช่วยเป็นโฮสต์ให้หน่อย มัมก็เลยโอเคแต่ขอเป็นแค่โฮสต์ระยะสั้น เราก็โอเคค่ะ คือมันก็เป็นความตั้งใจของเขาแต่แรกแล้วเนอะ แค่เขารับเราถึงจะแค่ระยะสั้น ก็ดีแค่ไหนแล้ว จนมาถึงวันที่27ก.ย.ค่ะ เราก็ยังหาคนในเมืองที่จะรับโฮสต์เราไม่ได้ เราก็ไปโรงเรียนแล้วก็ไปซ้อมหลีดปกติ แล้ววันนั้นตอนซ้อม เขาก็แบ่งกันเป็น2กลุ่มให้ไปคุยกับโคช(มีโคช2คน) แบบว่าให้คุยเรื่องปัญหาในทีม หรือว่าถ้าไม่ชอบใครในทีมก็แบบคุยกับโคชได้ไรงี้ แล้วอยู่ๆโคชที่คุยอยู่กับอีกกลุ่มนึงก็ตะโกนมาหาเราว่า 'เฟื่องงง!! ไอจะโฮสต์ยูนะ' คือเหมือนเพื่อนกลุ่มนั้นจะบอกโคชว่าเราอาจจะต้องย้ายอะไรงี้ เราตอนนั้นแบบมีความหวังมาก ก็ไปคุยกับโคชเรื่องรายละเอียดต่างๆ ว่าต้องติดต่อใครอะไรงี้ ที่ซึ้งคือตอนนั้นเพื่อนก็บอกแบบ 'เฟื่อง พวกเราจะไม่ทิ้งยูนะ ทุกอย่างมันจะโอเค ยูก็ห้ามทิ้งพวกเรา เข้าใจมั้ย'
แล้วเย็นวันนั้นเรามีนัดกินข้าวเย็นที่บ้าน liaison (หรือที่โครงการอื่นเรียกว่า contact person ป้ะ คืออาสาสมัครที่อยู่ในพื้นที่ ที่จะดูแลเรา ถ้าเรามีปัญหากับโฮสต์ก็คุยกับเขาได้) พอซ้อมเสร็จเราก็กลับบ้านกับเพื่อนในทีม(เป็นลูกของliaisonเรา) แล้วก็กินข้าวเย็นกัน liaisonก็โทรไปถามอาสาสมัครเอเอฟเอสที่เป็นคนดูแลเรื่องโฮสต์อะไรงี้ให้ ตอนนั้นเราลุ้นมากๆ มีความหวังแบบสุดๆ แต่สรุปก็ไม่ได้... คือโฮสต์ใหม่เราเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว คือไม่ทันแล้วครับคุณผู้ชม จุดนั้นแบบกลับมาเคว้งเหมือนเดิม ก็แบบ เออไม่เป็นไร ยังไงก็พยายามถึงที่สุดแล้วเนอะ แล้วliaisonก็ขับรถกลับมาส่งนี่ที่บ้าน แล้วก็เข้ามาคุยกับมัมเรา คุยไปคุยมา ก็ได้ความว่า โฮสต์ใหม่เราจะมารับเราพรุ่งนี้ตอนเย็นๆจ้าา แบบ ห้ะ? ช็อคอีกแล้ว เราแบบปล่อยโฮตรงนั้นเลย ร้องไห้หนักมากๆ มีเวลาแค่วันเดียวบอกลาเพื่อนอ่ะนะ
ต่อในคอมเม้นท์นะคะ ตัวอักษรเกินแหล่ว
ประสบการณ์นรลป.ในสหรัฐอเมริกา (โรงเรียน? เพื่อน? ย้ายโฮสต์? ใครว่ามาเป็นนรลป.แล้วมันง่าย หืม?)
ปล. เราพิมพ์ในโทรศัพท์อาจจะอ่ายยากนิดหน่อย ขออภัยด้วย
ขออนุญาตเกริ่นก่อนละกัน เราชื่อ'เฟื่อง' เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกับโครงการ AFS รุ่นที่55 มาแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาค่ะ ตอนนี้ก็อยู่มาได้ 7 เดือนกว่าแล้วมั้ง (พอเริ่มเกินเดือนที่5แล้วไม่อยากนับ ยังไม่อยากกลับบ้าน 5555555) เราได้โฮสต์ตอนประมาณ1อาทิตย์ก่อนวันบินค่ะ หลังจากเรารอโฮสต์มาแสนยาวนาน บ่นแล้วบ่นอีก จนหลายๆคนก็บอกว่าไม่ได้ไปแล้วมั้ง จำได้ว่าก่อนวันที่รู้ว่าจะได้โฮสต์ เรากับแม่ก็เข้ากรุงเทพ(เราเป็นคนระยองค่ะ เกิดและโตที่ระยองนี่แหละ 55555)ไปซื้อของฝากให้โฮสต์ ซึ่งที่ซื้อเนี่ยก็ซื้อแบบสุ่มล้วนๆ เพราะยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโฮสต์เลย เช้าวันต่อมา จำได้ว่าเป็นวันอาทิตย์ เราตื่นสายมากๆวันนั้น ตื่นมาก็เช็คโทรศัพท์ตามฉบับมนุษย์ติดโซเชี่ยลทั่วไป แล้วเราก็เห็นว่ามีแจ้งเตือนจากเฟสบุ๊ค มีฝรั่ง2คนแอดเฟสเรามา ตอนนั้นแบบ เอาแล้ว... แน่ๆ ชัวๆแล้วฮะงานนี้ แล้วก็มีเมลเข้ามา3ฉบับ 1ในนั้นคือจากโฮสต์ส่งมาทักทาย จุดนั้นแบบปริ่มมาก ได้โฮสต์แล้วเว้ย แบบกรี๊ดลั่นบ้าน วิ่งลงบันไดมาบอกพ่อกับแม่ว่าได้โฮสต์แล้ว ทักเฟสไปบอกเพื่อน อวดชาวบ้านชาวช่องไปหมด จุดนั้นแบบตื่นเต้นมาก แถลงการณ์ผ่านทีวีได้คงทำไปแล้ว 5555555
เมืองที่เราได้ไปอยู่ชื่อ Cottonwood เป็นเมืองเล็กๆ(มากๆ)ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐ Minnesota ตอนนั้นก็กรี๊ดมาก เพราะเพื่อนสนิทเรา(นางไปแลกเปลี่ยนกับYFU)ก็ได้โฮสต์อยู่
MN พอมาถึงเมกา ก็จะมีอาสาสมัครเอเอฟเอสมารับที่สนามบิน แล้วก็ต้อน(?)เหล่านรลป.ทั้งหลายขึ้นบัส จากนั้นเขาก็แบ่งเราเป็นบัสๆอีกทีตามเขตที่เราจะได้ไปอยู่ ของเราตอนนั้นต้องนั่งบัสจาก Chicago ไป Bloomington, MN (มีปฐมนิเทศก่อนที่โฮสต์จะมารับเราจากโรงแรมไปบ้าน) ก็นั่งบัสประมาณ6ชม. ในบัสเรามีนรลป.5คน (ไทย3 สวิสเซอร์แลนด์1 บราซิล1) มาถึงที่โรงแรมที่จัดปฐมนิเทศ(ฟีลคล้ายๆเข้าค่ายเตรียมความพร้อมไรงี้มากกว่า) ก็เจอเพื่อนอีก2คน (จากแทนซาเนียกับตูนีเซีย) สรุปในค่ายก็มีนรลป.ทั้งหมด7คน (อาสาสมัครเอเอฟเอสบอกว่าค่ายวันก่อนมี20กว่าคน ส่วนวันนี้มีแค่7คน ก็แตกต่างกันดี 55555) หลังจากเข้าค่ายมาทั้งวัน ช่วงบ่ายๆโฮสต์ก็จะมารับค่ะ แต่โฮสต์เราติดงานแต่งงานของเพื่อนเลยมารับไม่ได้ เราเลยต้องไปนอนบ้านอาสาสมัครเอเอฟเอสก่อนคืนนึง เช้าวันต่อมาโฮสต์ก็มารับ
โฮสต์แฟมมิลี่เรามีทั้งหมด6คนค่ะ มัม,แด้ด,น้อง4คน(ชาย2 หญิง2) แล้วปีที่แล้วเขาก็โฮสต์นรลป.จากประเทศไทย นี่เลยแอบเครียดนิดหน่อย เพราะต้องมีเปรียบเทียบแน่ๆฮะงานนี้ แต่ทุกอย่างคือดีมาก เราไม่เคยมีปัญหาอะไรใหญ่โตกับโฮสต์เลย โฮสต์ใจดีแล้วก็ช่วยเราทุกอย่าง คอยให้คำแนะนำตลอด เอาจริงๆเรื่องโฮสต์ก็เหมือนที่หลายๆคนบอกเลย แบบขึ้นอยู่กับดวงด้วย แต่โดยส่วนตัว เราว่าก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยอ่ะ แบบเราก็ต้องปรับตัวด้วย ไม่ใช่ให้เขาปรับเข้าหาเราอย่างเดียว มีอะไรไม่พอใจก็พูดกันตรงๆงี้ แบบเคสเราคือเราแชร์ห้องนอนกับน้อง ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเรามีซ้อมเชียร์หลีดเดอร์เลยจะกลับบ้านเย็นมากๆ แล้วน้อง3คนก็ชอบเข้ามาเล่นในห้องเราแล้วไม่เก็บของ เรากลับมาทีไร ห้องจะรกมากๆ แล้วเราก็ต้องคอยเก็บตลอด สรุปเราก็ไปบอกมัม มัมก็คุยกับน้องๆให้ ก็โอเคดี ไม่มีทะเลาะกัน
ส่วนเรื่องโรงเรียน โรงเรียนเราเล็กมากกกก ก.ไก่ล้านตัว ตอนอยู่ไทย เราอยู่โรงเรียนประจำจังหวัด เด็ก4พันกว่าคน(ม.1-6) แต่มาอยู่นี่โรงเรียนมีแค่ 300กว่าคน(อนุบาล-ม.6) แต่เราชอบนะ คนน้อย เขาก็รู้จักๆกันหมด เราไปโรงเรียนโดยบัสค่ะ เจ้าschool busสีเหลืองที่ใครๆก็พูดถึงนั่นแหละ บัสจะมารับทุกวันตอนประมาณ 7.35 คือตอนเช้ามัมก็จะมาปลุกเราตอน 7โมง แล้วเราก็จะออกไปรอบัสกับน้องๆตอนประมาณ 7โมงครึ่ง (ชิวๆฮะ อยู่ไทย ตื่น6โมง ออกจากบ้าน 7โมง) ไปถึงโรงเรียน เราก็เอากระเป๋าไปเก็บที่ locker (ที่ใครๆก็พูดถึงเรื่องเปิดยาก แต่ล็อคเกอร์โรงเรียนเราไม่มีที่ล็อคค่ะ ว้ายยยย ไม่ได้แอ้มหรอกฮะจุดนี้) แล้ววันๆก็จะแบกแค่แฟ้ม ไอแพด(โรงเรียนแจกคนละเครื่อง) แล้วก็กล่องดินสอ เราชอบคือตารางเรียนที่นี่มันเหมือนกันทุกวันค่ะ เราเลยไม่ต้องงง อยู่ไทยนี่เรียนจะจบปีแล้วยังจำตารางเรียนไม่ได้ 555555555 แล้วคือเราสามารถลงวิชาเรียนอะไรก็ได้ แบบถ้าเป็นของเด็กเมกาเขาก็จะมีบังคับว่าแบบ ปีนี้ต้องลงวิชาอะไรหน่วยกิตเท่าไหร่อะไรแบบนี้ ส่วนเรา เปิดการ์ดนักเรียนแลกเปลี่ยนค่ะ ก็มีบังคับให้ลง อังกฤษ เลข แล้วก็ประวัติเมกา ที่เหลือก็ลงตามใจค่ะ เราลงศิลปะ, ทำอาหาร, แล้วก็มี study hall (ฟีลคล้ายๆคาบว่างบ้านเรา แต่ต้องอยู่ในห้องที่เขากำหนด แล้วก็จะมีครูคอยคุมงี้) พอหลังเลิกเรียน เราก็มีซ้อมเชียร์หลีดเดอร์ค่ะ ซ้อมทุกวัน (เราได้เพื่อนจากไอนี่โดยเฉพาะเลย) เราชอบมาก สนุก ทุกวันศุกร์ก็จะเป็นฟุตบอลเกมส์ เราก็ต้องไปเชียร์ค่ะ ถ้ามีแข่งที่โรงเรียนอื่น ก็จะนั่งschool busไป คือตัวติดกับฟุตบอลทีมอ่ะค่ะ (แล้วนักบอลหล่อด้วยประเด็น---) แต่ช้าก่อน... ดูเมกันฟุตบอลไม่เป็นค่ะที่รัก.. 55555555 คือตอนแรกแบบงงมาก เขาเฮ เราก็เฮ เพื่อนพยายามอธิบาย นี่ก็ยังไม่เข้าใจ มาส่องผู้อย่างเดียวค่ะ..(ไม่ชั่ยยยย) แต่เพื่อนในทีมเชียร์หลีดเดอร์คือ nice มาก พวกนางก็พยายามอธิบายให้เราฟังตลอด แล้วแบบยูนิฟอร์มเชียร์หลีดเดอร์คือกระโปรงสั้น(มาก) ช่วงนั้นก็เป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศก็หนาว นี่ก็หนาวตลอดเวลา เพื่อนก็จะมาคอยกอด แบบพอนี่เริ่มสั่น เพื่อนก็จะหันมา group hug!!! แล้วทุกคนก็จะกรูกันมากอดนี่ รัก ฮื่อออออ
มาพูดเรื่องความรักตะมุตะมิดีกว่า... 55555555 ตอนอยู่ไทยก็ติ่งฝรั่งอยู่แล้ว แล้วดันมาเป็นนรลป.ในดินแดนฝรั่งอีก อหห ตายสิฮะ แต่จะบอกคือ ฝรั่งก็ไม่ได้หล่อวัวตายความล้มทุกคนเหมือนในหนังค่ะ แบบแต่ละคนเขาก็จะมีสไตล์เป็นของตัวเอง นี่ก็ไปแอบปิ๊งนักบอลคนนึง คือนางอยู่ senior(ม.6) แล้วseniorที่นี่ก็ฟีลแบบม.6บ้านเราเลย แบบออกจากโรงเรียนได้ แบบบางคนก็มีเรียนแค่ช่วงเช้า ช่วงบ่ายก็เรียนคลาสของมหาลัยที่บ้านไรงี้ เราเจอนางตอนวันแรกของฟุตบอลเกมส์ค่ะ ตอนนั้นเป็สคลาส study hallของเรา คือเราไปเข้าห้องสมุดวันนั้น แล้วนางยืนคุยกับเพื่อนอยู่ เราก็เดินผ่านนางมา แล้วแบบรับรู้ได้ถึงออร่าความหล่อ... อื่ม แบบถึงกับเหลียวหลังไปมอง แบบหล่อจริงๆ แม่คะ หนูอยากได้ แล้วก็เจออีกทีตอนฟุตบอลเกมส์ นางเป็นกัปตันทีมอีก อหหหหหห ตายยย หล่อวัวตายควายล้ม กลับบ้านมาก็แสนปไปถามเพื่อนค่ะ ว่ายูรู้จักนักฟุตบอลเบอร์นี้มั้ย แล้วเราก็ได้ข้อมูลนางมา.. 555555555555 (ด้วยพลังแห่งความโรงเรียนเล็กแล้วทุกคนรู้จักกันก็งี้) แต่นั่นแหละค่ะ ด้วยความเป็นหญิงไทยใจงาม จีบผช.ไม่เป็น แถมคลาสด้วยกันก็ไม่มี เราก็ได้แต่ส่องนางไปวันๆ แล้วแอบไปสกรีมลงทวิตเตอร์คนเดียว.. 555555555
ที่อ่านๆมา เหมือนชีวิตเราจะดีนะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่เคยโฮมซิค (มีแต่แอบคิดถึงอาหารไทย) ทุกคนก็niceกับเรา จนอยู่มาได้เกือบ2เดือนค่ะ จุดดิ่งของปีแลกเปลี่ยนเราอยู่ตรงนี้ คือวันนึงเรานั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะกินข้าว แล้วมัมก็เดินมาบอก 'เฟื่อง ไอขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม' นี่แบบ เอาแล้วววว ทำอะไรผิดรึเปล่าวะ กลัวไปหมด แล้วมัมก็บอก 'ยูรู้ใช่มั้ยว่าพวกไอเป็นแค่เวลคั่มโฮสต์(จะรับแค่ช่วงแรก จนกว่าเอเอฟเอสจะหาโฮสต์ปีให้ได้)ของยู แล้วตอนนี้มีโฮสต์อีกเมืองเขาจะรับยูนะ น่าจะต้องย้ายประมาณอาทิตย์หน้า' ช็อคข่าาา คือเราเคยคุยกับมัมเรื่องนี้แล้วแหละ แบบตอนแรกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นแค่เวลคั่มโฮสต์เพราะเอเอฟเอสบอกว่าเป็นโฮสต์ปี(ซึ่งน่าจะเป็นข้อผิดพลาดนิดหน่อย แต่เราไม่ได้โทษเอเอฟเอสนะ เพราะพวกพี่ๆเขาก็ทำงานหนักกัน) แล้วเราก็คิดว่ามัมจะโฮสต์เราต่อ แบบโฮสต์ยาวเลย แต่เราก็ไม่ได้ถาม สรุปเราเข้าใจผิด (ดังนั้นฝากถึงนรลป.ที่จะมาค่ะ มีอะไรถามเขาตรงๆเนอะ อย่าคิดเองเออเอง) อ่ะต่อ จุดนั้นเราก็ช็อคมากๆ ไม่รู้จะพูดไร เราก็ถามมัมว่า งั้นก็ต้องย้ายโรงเรียนด้วยใช่มั้ย มัมก็บอกใช่ คือจุดนั้นเราแบบจะร้องไห้แล้ว คือเรากลัว เราไม่อยากเริ่มทุกอย่างใหม่ มัมบอกว่าจริงๆก็มีทางนะ ถ้าแบบมีใครในเมืองนี้ หรือใครในโรงเรียนโฮสต์ยู ยูก็อาจจะไม่ต้องย้ายโรงเรียน เราก็ text ไปหาเพื่อนทุกคนที่เรารู้จัก เราคิดว่าถ้าคนรู้ยิ่งเยอะก็ยิ่งดี อย่างน้อยเราก็ยังมีหวังแหละน่า เราเครียดมากช่วงนั้น ร้องไห้ทุกคืน เราก็ถามมัมนะว่าเราทำอะไรผิดรึเปล่า ทำไมถึงไม่อยากโฮสต์เราต่องี้ มัมบอกว่ามัมแพลนว่าจะรับเลี้ยงเด็กที่พ่อแม่เขาทำผิดแล้วติดคุกงี้ตั้งแต่แรกแล้ว ทีนี่เอเอฟเอสติดต่อมาว่าอยากให้ช่วยเป็นโฮสต์ให้หน่อย มัมก็เลยโอเคแต่ขอเป็นแค่โฮสต์ระยะสั้น เราก็โอเคค่ะ คือมันก็เป็นความตั้งใจของเขาแต่แรกแล้วเนอะ แค่เขารับเราถึงจะแค่ระยะสั้น ก็ดีแค่ไหนแล้ว จนมาถึงวันที่27ก.ย.ค่ะ เราก็ยังหาคนในเมืองที่จะรับโฮสต์เราไม่ได้ เราก็ไปโรงเรียนแล้วก็ไปซ้อมหลีดปกติ แล้ววันนั้นตอนซ้อม เขาก็แบ่งกันเป็น2กลุ่มให้ไปคุยกับโคช(มีโคช2คน) แบบว่าให้คุยเรื่องปัญหาในทีม หรือว่าถ้าไม่ชอบใครในทีมก็แบบคุยกับโคชได้ไรงี้ แล้วอยู่ๆโคชที่คุยอยู่กับอีกกลุ่มนึงก็ตะโกนมาหาเราว่า 'เฟื่องงง!! ไอจะโฮสต์ยูนะ' คือเหมือนเพื่อนกลุ่มนั้นจะบอกโคชว่าเราอาจจะต้องย้ายอะไรงี้ เราตอนนั้นแบบมีความหวังมาก ก็ไปคุยกับโคชเรื่องรายละเอียดต่างๆ ว่าต้องติดต่อใครอะไรงี้ ที่ซึ้งคือตอนนั้นเพื่อนก็บอกแบบ 'เฟื่อง พวกเราจะไม่ทิ้งยูนะ ทุกอย่างมันจะโอเค ยูก็ห้ามทิ้งพวกเรา เข้าใจมั้ย'
แล้วเย็นวันนั้นเรามีนัดกินข้าวเย็นที่บ้าน liaison (หรือที่โครงการอื่นเรียกว่า contact person ป้ะ คืออาสาสมัครที่อยู่ในพื้นที่ ที่จะดูแลเรา ถ้าเรามีปัญหากับโฮสต์ก็คุยกับเขาได้) พอซ้อมเสร็จเราก็กลับบ้านกับเพื่อนในทีม(เป็นลูกของliaisonเรา) แล้วก็กินข้าวเย็นกัน liaisonก็โทรไปถามอาสาสมัครเอเอฟเอสที่เป็นคนดูแลเรื่องโฮสต์อะไรงี้ให้ ตอนนั้นเราลุ้นมากๆ มีความหวังแบบสุดๆ แต่สรุปก็ไม่ได้... คือโฮสต์ใหม่เราเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว คือไม่ทันแล้วครับคุณผู้ชม จุดนั้นแบบกลับมาเคว้งเหมือนเดิม ก็แบบ เออไม่เป็นไร ยังไงก็พยายามถึงที่สุดแล้วเนอะ แล้วliaisonก็ขับรถกลับมาส่งนี่ที่บ้าน แล้วก็เข้ามาคุยกับมัมเรา คุยไปคุยมา ก็ได้ความว่า โฮสต์ใหม่เราจะมารับเราพรุ่งนี้ตอนเย็นๆจ้าา แบบ ห้ะ? ช็อคอีกแล้ว เราแบบปล่อยโฮตรงนั้นเลย ร้องไห้หนักมากๆ มีเวลาแค่วันเดียวบอกลาเพื่อนอ่ะนะ
ต่อในคอมเม้นท์นะคะ ตัวอักษรเกินแหล่ว