Your Name : Kimi no Na Wa - ลำนำปาฏิหารย์แห่งสังคมที่ซับซ้อน

กระทู้สนทนา

"ผมอยู่ในส่วนหนึ่งของโลกที่ขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีที่เกรี้ยวกราด ที่ที่นี้มีความเจริญมากมาย ทั้งทางเทคโนโลยี การคมนาคม และสิ่งอำนวยความสะดวก รวมแล้วนับไม่ถ้วนเลย แต่ดูเหมือนว่าในขณะที่ผมได้รับสิ่งเหล่านี้ มันเหมือนมีสิ่งแลกเปลี่ยนที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้คนในที่ๆนี้ มันคือ 'ความเป็นส่วนตัว' ที่พร้อมจะรั่วไหลไปหากเกิดพลาดขึ้นมา ผู้คน ณ ที่นี้ จึงได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า 'กรอบ' ที่จะรักษาสิทธิและความเป็นตัวตนของคนๆนั้นไว้ และไม่ยอมให้ใครมารุกล้ำโดยพละการ โดยที่ตนเองจะถือกฎไม่รุกล้ำคนอื่นๆ ด้วยภาระการงานที่เวลาอาจยังไม่สามารถปันส่วนให้ได้ในแต่ละวันแล้ว แทบทุกชีวิต ณ ที่นี้ จึงเป็นความเร่งรีบ และผู้คนมากมากมายเดินไปจุดหมายในแต่ละวันพร้อมกับกรอบของตนเหมือนฝูงปลาที่แน่นขนัดไหลไปตามกระแสน้ำ ช่างตลกร้ายเหลือเกินที่ผมเป็นหนึ่งในนั้น แต่ผมกลับไม่รู้จักใครเลย ถึงจะมีบางคนมาแวะเวียนบ้าง แต่ก็ลืมไปเพราะหน้าที่ของแต่ละคนต่างกัน ผมรู้สึกว่ากระแสเหล่านี้ทำให้จิตใจผมหวั่นไหวขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่พ่อของผมเองก็เริ่มห่างเหิน เพราะต่างมีหน้าที่จนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย มีเพียงเพื่อนที่สนิทที่สุดอยู่สองคนที่ผมจะปล่อยความอัดอั้นตันใจมาได้บ้าง แต่หลายๆครั้งผมต้องหักห้ามไม่ให้ไปใส่อารมณ์กับลูกค้าที่ไม่ได้ความในร้านที่ทำงานประจำ จนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของฝูงปลาที่ไหลไปตามน้ำ มีชีวิตปรุงแต่ง แต่ไร้พื่นที่ๆจะแสดงตัวตนอยากที่ผมอยากจะเป็นไปเรื่อยๆ ตลอดชีวิตเลยเหรอเนี่ย?"

ทาคิ
ขยายจากคำกล่าวบทหนึ่งในเพลง Sparkle


"ฉันอยู่ในซีกหนึ่งของของโลกที่ช่างไกลปืนเที่ยงเหลือเกิน ที่นี่มีแต่ป่า แทบไม่มีร้านค้าอะไรเลย ผู้คนในเมืองนี้ก็รู้จักกันหมดแทบทุกคน ก่อนหน้านั้นฉันไม่เคยรู้จักโลกภายนอกเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งฉันมีโทรศัพท์เป็นของตนเองเลยได้เห็นความเจริญในเมืองใหญ่ที่แสนทึ่ง ในขณะที่ฉันต้องสืบทอดประเพณีที่ฉันไม่ค่อยอยากจะทำ(จริงๆไม่อยากทำเลย) เพราะหลายๆครั้งโดนพวกเพื่อนร่วมชั้นหัวสูงเย้ยหยันแล้วก็ล้อเลียนจนแทบอยากจะมุดหน้าหนี ฉันมีเพื่อนสนิทที่สุดสองคน เพราะทั้งสองมีปมด้อยแบบเดียวกับฉัน คนนึงดูป้ำๆเป๋อๆ แต่น่ารักและจริงใจ อีกคนนึงชอบพล่ามเรื่องลี้ลับแต่เป็นคนเปิดเผยและกล้าได้กล้าเสีย ลึกๆฉันเกรงใจคุณยายที่เลี้ยงฉันกับน้องสาว ตั้งแต่แม่จากไป และพ่อก็แยกตัวไปทำตามฝันของตนเอง ตั้งแต่นั่นมา พ่อก็มีท่าทางกระด้างกระเดื่องกับฉันมาตลอด ฉันเคยรู้สึกเกลียดพ่อที่พ่อเป็นแบบนี้(แต่ก็อยากขอบคุณที่ซื้อโทรศัพท์ให้ฉัน) และสงสารคุณยายที่ต้องแบกรับปัญหาหลังจากที่แม่เสียไป แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร บางที ฉันอาจต้องตอบแทนด้วยการออกไปจากที่ๆแสนแคบที่นี่แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองเลยละมั้ง?"
มิตสึฮะ
ขยายจากเนื้อร้องส่วนหนึ่งของ Dream Lantern


"จนกระทั่งที่ผมได้มาอยู่ในร่างของเด็กสาวรุ่นเดียวกับผม ที่ๆเธออยู่ในหมู่บ้านที่ผมไม่รู้จัก ทว่าหมู่บ้านนี้มีเสน่ห์ที่ตลอดทั้งชีวิตไม่เคยได้พบเจอ ที่แห่งนี้ช่างสวยงามและมีชีวิตชีวาเสียจนผมอยากจะรักษาหมู่บ้านแห่งนี้เอาไว้ อย่างน้อยก็ในความทรงจำ ที่นั่นผมได้ใช้ความสามารถและความทันสมัยที่ผมเคยทำมาแสดงออกในหลายๆครั้ง ซึ่งผมรู้สึกว่า สิ่งที่ผมทำนั้นเป็นสิ่งที่น่าทึ่งและแปลกใหม่มากในสายตาของพวกเขา ผมรู้สึกว่าที่นี่ทำให้ผมแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ ผิดกับที่เมืองของผมที่หลายๆคนทำจนโหลหมดละ"
ทาคิ


"ครั้งแรกที่ฉันตื่นมาในร่างเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกับฉัน ฉันตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งที่ออกมาจากห้องพัก ฉันแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าฉันได้อยู่ที่โตเกียวสมกับที่ปรารถนาไว้เมื่อคืน ฉันได้เจอกับเพื่อนสองคนที่ดูเป็นมิตร แต่ฉันอดคิดไม่ได้ว่าพวกเขาชอบความแปลก โดยเฉพาะกับเจ้าของร่างที่ฉันอยู่นี่ แล้วก็ได้กินของหรูๆแพงๆที่ฉันว่าราคาแบบนั้น ฉันใช้ทั้งอาทิตย์ยังไม่หมดเลย ดูเหมือนว่าเขาใช้ชีวิตตอนค่ำไปกับการทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน แม้จะเหนื่อย แต่เมื่อฉันได้พบกับหญิงสาวที่เขาเรียกกันว่ารุ่นพี่ และเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันแสดงฝีมือเย็บปักถักร้อยให้ ดูเหมือนว่านี่คือคนที่เจ้าของร่างชอบมาตลอดสินะ นี่สินะ ความสัมพันธ์ ระหว่างสาวๆ ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง"
มิตสึฮะ


"ตั้งแต่ที่ผมไม่ได้สลับร่างกับมิตสึฮะอีก ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมผมยังห่วงมิตสึฮะอยู่อีก ประกอบกับเช้าวันถัดมาหลังจากสลับร่างครั้งสุดท้าย อยู่ๆก็น้ำตาไหลมาโดยไม่รู้ตัว ผมพยายามติดต่อเธอ แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้ชอบมิตสึฮะคนเดียวแล้ว แต่ผมผูกพันกับหลายๆคนในเมืองของเธอไปแล้ว แม้ว่าจะจำอะไรเกี่ยวกับที่นั่นไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่ผมอยากจะไปหาพวกเขาด้วยตัวผมเอง สักครั้ง..."

"นี่เหรอ.. นี่เหรอคือเมืองที่ผมได้สัมผัสกับความผูกพันของคนในหมู่บ้านนี้ ได้คุยกับเพื่อนของเธอ ได้ใกล้ชิดกับครอบครัวของเธอ มาตลอดเดือนที่แล้ว บัดนี้เหลือแต่เศษซากปรักหักพัง กับหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ ร่องรอยความสูญเสียปรากฎชัดเจนต่อหน้าผม และผมยิ่งสับสนไปอีก เมื่อได้รู้ว่าเมืองนี้ ถูกทำลายไปเมื่อสามปีก่อน ข้อความที่เธอเคยบอกว่าจะไปดูดาวตกนั่น บัดนี้เข้าใจแล้วว่ามันคือหายนะของที่นี่ ที่ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แล้วข้อความที่เธอบันทึกไว้ในเครื่องก็เริ่มเลือนหายไปหมด ผม .. ไม่ได้ฝันไปใช้มั้ย?"
ทาคิ
ในขณะที่เขาไปยังเมืองอิโตโมริที่ถูกทำลาย


"ผมตระหนักได้ทันทีว่า ผมเคยได้ยินบางคนพูดถึงสิ่งที่สำคัญว่า 'คนเรามักจะเห็นสิ่งที่สำคัญนั้นว่าสำคัญเหลือเกิน เมื่อสิ่งสำคัญนั้นสูญสิ้นไปแล้ว' ผมก็ได้รับรู้ถึงคุณค่าของชีวิตเป็นครั้งแรก ว่า แม้แต่บุคคลที่ไร้เสียงเรียงนาม และไม่รู้จักกันมาก่อนนั้น เขาก็เป็นคนที่พยายามเดินตามความหวังที่ดูเลือนลาง ที่ๆเขาไม่เต็มใจทำเพราะไม่รู้จุดหมาย เฉกเช่นกับมิตสึฮะ ที่เธอก็เหมือนกับคนธรรมดาที่อยากมีชีวิตทั่วๆไป แต่เธอกลับไม่ธรรมดาที่เธอมีผู้คนในหมู่บ้านที่มีจิตวิญญาณเปี่ยมล้น แม้เธอจะมีทุกข์เพียงใดก็ตาม ทุกคนไม่สมควรที่จะจากไปจนเหลือแต่ความทรงจำที่ไม่มีใครกล่าวถึง ไม่ว่ายังไง ผมก็จะต้องช่วยทุกคนจากหายนะนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรก็ตาม"
ทาคิ
หลังจากเวียนว่ายท่ามกลางความทรงจำของมิตสึฮะ


"ฉันได้ตระหนักแล้วว่า ทำไมฉันถึงรู้สึกผูกพันกับที่นี่ ที่ๆฉันอยากหลีกหนีไปจากหมู่บ้านเบื้องล่างนี่ หนีไปจากจากประเพณีที่ไม่เต็มใจอยากจะทำ หนีไปจากการเยาะเย้ยถากถางที่ฉันต้องทนรับ แต่บัดนี้ ฉันเหมือนสูญเสียทุกอย่าง สูญเสียยายและน้องสาว สูญเสียเพื่อนรัก สูญเสียบุคคลที่ใกล้ชิดมาตั้งแต่จำความได้ ฉันเข้าใจแล้วว่า นัยยะของประเพณีที่ทำไปนั้น มันคือความหวังที่ให้ใครก็ตามมาเหลียวแลหมู่บ้านที่ไกลปืนเที่ยงเช่นนี้ และตอนนี้ ทาคิ.. ทาคิ ก็รับรู้ถึงความสูญเสียของฉันได้แล้ว.."
มิตสึฮะ
เมื่อตื่นขึ้นมาในร่างทาคิ และได้เห็นหมู่บ้านที่ถูกทำลาย


"ผมไม่เคยเห็นเพื่อนที่กล้าได้กล้าเสียแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ไม่เคยเห็นเพื่อนที่จะยอมเสี่ยงตัวเองเพื่อพยายามป่าวประกาศให้หมู่บ้านที่ไม่เชื่อเรื่องดาวตกถล่มเมืองให้ทุกคนรับรู้ แม้ว่าการกระทำของพวกเขาเข้าข่ายจะโดนติดตารางได้เลย แต่ผมได้สัมผัสว่า หนุ่มสาวที่ยึดมั่นในอุดมการณ์อันแรงกล้าเพื่อเรียกร้องความจริง(ที่ไม่มีใครเชื่อ)ต่อพวกผู้ใหญ่ ยังไม่ได้เหลือแค่ในการ์ตูนหรือนิยายยุค '90 แน่นอน"
ทาคิ
เมื่อได้เห็นผลงานเรียกร้องความสนใจของซายากะและเทสซี่


"ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ฉันไม่เคยรับรู้ถึงเสี้ยวชั่วโมงที่อาจจะเป็นชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตมาก่อนเลย แต่หากสะเก็ดดาวหางนั่น หากมันคือหายนะจริงๆ ฉันจะไม่ยอมให้ทุกคนที่ไม่รู้เดียงสาในหมู่บ้านนี้ต้องเจอกับหายนะเด็ดขาด ถึงฉันไม่อาจรักษาหมู่บ้านนี้ได้ แต่ฉันต้องทำให้บุคคลที่เป็นตัวแทนของความทรงจำในหมู่บ้านนี้ คงอยู่เพื่อถ่ายทอดให้ทุกคนรู้ถึงจิตวิญญาณของหมู่บ้านของฉัน ไม่ว่าพ่อจะว่ายังไง ฉันจะต้องช่วย.. ทุกคน ไม่ให้... 'คนที่บอกรักฉัน' ต้องผิดหวังให้ได้.."
มิตสึฮะ
ที่ลุกขึ้นยืนมาได้หลังจากที่กลิ้งตกจากเนินเขา


"ผมกำลังเดินตามฝันที่จะเป็นสถาปนิก แต่หลังจากที่ผมได้ไปเมืองฮิดะเมื่อหลายปีก่อน(ไม่รู้ไปทำไม) ผมกลับรู้สึกผูกพันกับศิลปะของหมู่บ้านในต่างจังหวัดเหลือเกิน ชนิดที่ว่าเมื่อผมได้เป็นสถาปนิกจริงๆ ผมอยากพัฒนาที่เหล่านั้น โดยที่ไม่ไปรบกวนวิถีชีวิตของพวกเขามากนัก ที่ผ่านมา มีผู้คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาผ่านมามากมายกว่าแต่ก่อน ถึงผมไม่แน่ใจ แต่ผมมั่นใจอย่างเดียว คือ หลายคนมีความสุขหลังจากผ่านความทุกข์มาก่อนทั้งนั้น"
ทาคิ
หลังจากที่กลับมาจากคาเฟ่ในคืนหิมะโปรยปราย


"ฉันมาอยู่ที่โตเกียวมาหลายปีแล้วแหละ ฉันคิดถึงบ้านเกิดที่ถูกทำลายเมื่อ 8 ปีก่อน ที่ๆเคยเป็นอนุสรณ์ของความไกลปืนเที่ยงของพวกเรา
แม้จะรู้ว่าบ้านเกิดของฉันเหมือนเป็นอาถรรพ์ และไม่มีอะไรมารับรองความปลอดภัยในรุ่นหลานก็ตาม แต่ฉันก็จะต้องรักษาเรื่องราววัฒนธรรมและปาฏหารย์ของมุสึบิให้รุ่นหลังๆได้รับรู้ถึงความสำคัญของมัน และฉันจะส่งเสริมวัฒนธรรมอื่นๆในหลายๆที่ที่ญี่ปุ่นให้คงอยู่สืบไป
ไม่ให้อนุสรณ์ต้องเลือนหายไปแบบที่บรรพบุรุษของฉันต้องพานพบ แม้ว่าจะดูยากลำบากในเมืองที่แออัดเช่นนี้ก็ตาม
แต่เมื่อฉันได้เห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง คนที่คุ้นหน้าคุ้นตามากๆ คนที่เธอเคยเชื่อว่า เขาคือผู้ที่พยายามรักษาอนุสรณ์บุคคลทั้งหลายในเมืองของเธอโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ตอนนั้นแทบทุกไม่มีใครเชื่อ ฉันสงสัยมาตลอดทางที่ดั้นด้นตามหากัน และเกือบจะถอดใจ ทว่า เมื่อเขาหันมาและถามเธอ ความแน่ใจของฉันก็ได้รับการยืนยืนแล้ว และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น

- เราทั้งคู่ ต่างมีอุดมการณ์เดียวกัน นั่นคือจะทำให้โลกที่มีจิตวิญญาณอันน่าทึ่งนั้นสวยงามและคงอยู่อย่างยั่งยืน -"

มิตสึฮะ
กับความรู้สึกที่ได้เจอกับทาคิ ในอีก 8 ปี หลังจากที่พบกันในพลบค่ำครั้งนั้น

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่