เราเรียนอยู่ปีสุดท้ายจะจบในอีก 1 เดือนค่ะ รู้จักกับเมทคนนี้มา 3 ปี เพิ่งมาอยู่ด้วยกันได้ 5 เดือน แล้วแม่ก็มาเยี่ยมที่หอ
ก่อนอื่นบอกก่อนนะคะ ค่าเทอมค่าหอ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างไม่ได้ใช้เงินของแม่นะคะ แม่มีครอบครัวใหม่ไปนานมากแล้ว เราก็ไม่อยากเป็นภาระแม่แล้วค่ะ แต่ก็ยังมีไปหาแม่อยู่เรื่อยๆ เรามีเหตุต้องออกจากหอเพราะจ่ายไม่ไหว เราบอกแม่ว่าจะย้ายหอแล้วนะ มีรูมเมท และพาไปเจอแม่ แม่ก็คุยดีค่ะ ไม่มีอะไร พอดีได้ย้ายมาอยู่กับรูมเมทคนนี้ ตอนแรกเรากังวลมาก เพราะซีเรียสเรื่องการอยู่กับต่างเพศก่อนแต่ง หรือ ง่ายๆคือ การอยู่กินกับแฟน แต่ในความรู้สึกเราคือ การที่อยู่กับแฟนนั้น อันตรายกว่าอยู่กับเพื่อน เพราะเพื่อนมามันจะไปสนใจอะไร แต่แฟนกันนี่ เขาคงจะต้องใกล้ชิดกัน จึงดูไม่เหมาะ เราจึงทำใจยอมรับการที่เราเมทคนนี้ได้บ้าง เพราะไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้น มันจึงไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจากการแชร์ห้องเฉยๆ แต่อย่างไรก็ไม่อยากให้คนรู้จักรับรู้เลยค่ะ แต่ก็เป็นคนไม่กล้าโกหก ไม่มีใครถาม เราก็ไม่บอก จนวันหนึ่ง น้องชายจะมาสอบแถวหอเรา แม่มาส่งน้อง และมาพักรอน้องสอบที่หอ แม่เริ่มรู้สึกไม่โอเค กลัวคนอื่นจะมองเราไม่ดี
เราก็ทราบดีค่ะ แต่อย่างหนึ่งเลยคือ เราไม่มีที่ให้ไป เราไม่มีที่อยู่เป็นหลักเลย เราต้องย้ายไปเรื่อย แล้วแต่ว่าทำงานที่ไหน เรามีความฝันอยากมีที่อยู่เป็นของตัวเองสักที แล้วสิ่งที่ทำได้คือการเก็บเงินให้มากพอ แต่ถ้าเราอยู่คนเดียว เราก็จะต้องเสียเงินไปเฉยๆ สองพันกว่าบาท แทนที่จะได้เก็บทุกเดือน เพราะสองพันสำหรับเราก็มีค่ามากค่ะ
มาต่อที่ประเด็นรูมเมท คนนี้เป็นคนที่มีบุญคุณกับเรา เคยช่วยเหลือในยามเดือดร้อนมาก และเป็นคนที่เราไว้ใจ และมีพื้นฐานครอบครัวที่น่าสงสารคือ ครอบครัวไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูามที่ควรจะเป็น แถมยังขอเงินด้วย ทำให้ตัวเมทเขาก็มีความลำบาก เราจึงรู้สึกว่า ถ้าจะเมท เมทกับคนที่เขาได้ประโยชน์ดีกว่า เขาก็ได้เก็บเงินมากขึ้น ทดแทนเขาไปในตัว เราก็ได้เก็บเงินมากขึ้นด้วย
แต่ตอนนี้เราแคร์แม่มากค่ะว่าแม่จะไม่ชอบใจ หรือเป็นกังวล ถึงเราจะอธิบายแล้ว แม่ก็โอเค เข้าใจแล้ว แต่ไม่รู้ว่าลึกๆแม่รู้สึกยังไงกันแน่
คิดว่าควรอยู่ หรือย้ายออกคะ
เมทกับต่างเพศ แต่แม่รู้แล้วเหมือนจะไม่โอเค ย้ายออกกหรืออยู่ต่อคะ
ก่อนอื่นบอกก่อนนะคะ ค่าเทอมค่าหอ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างไม่ได้ใช้เงินของแม่นะคะ แม่มีครอบครัวใหม่ไปนานมากแล้ว เราก็ไม่อยากเป็นภาระแม่แล้วค่ะ แต่ก็ยังมีไปหาแม่อยู่เรื่อยๆ เรามีเหตุต้องออกจากหอเพราะจ่ายไม่ไหว เราบอกแม่ว่าจะย้ายหอแล้วนะ มีรูมเมท และพาไปเจอแม่ แม่ก็คุยดีค่ะ ไม่มีอะไร พอดีได้ย้ายมาอยู่กับรูมเมทคนนี้ ตอนแรกเรากังวลมาก เพราะซีเรียสเรื่องการอยู่กับต่างเพศก่อนแต่ง หรือ ง่ายๆคือ การอยู่กินกับแฟน แต่ในความรู้สึกเราคือ การที่อยู่กับแฟนนั้น อันตรายกว่าอยู่กับเพื่อน เพราะเพื่อนมามันจะไปสนใจอะไร แต่แฟนกันนี่ เขาคงจะต้องใกล้ชิดกัน จึงดูไม่เหมาะ เราจึงทำใจยอมรับการที่เราเมทคนนี้ได้บ้าง เพราะไม่ได้เป็นแฟนกัน ดังนั้น มันจึงไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจากการแชร์ห้องเฉยๆ แต่อย่างไรก็ไม่อยากให้คนรู้จักรับรู้เลยค่ะ แต่ก็เป็นคนไม่กล้าโกหก ไม่มีใครถาม เราก็ไม่บอก จนวันหนึ่ง น้องชายจะมาสอบแถวหอเรา แม่มาส่งน้อง และมาพักรอน้องสอบที่หอ แม่เริ่มรู้สึกไม่โอเค กลัวคนอื่นจะมองเราไม่ดี
เราก็ทราบดีค่ะ แต่อย่างหนึ่งเลยคือ เราไม่มีที่ให้ไป เราไม่มีที่อยู่เป็นหลักเลย เราต้องย้ายไปเรื่อย แล้วแต่ว่าทำงานที่ไหน เรามีความฝันอยากมีที่อยู่เป็นของตัวเองสักที แล้วสิ่งที่ทำได้คือการเก็บเงินให้มากพอ แต่ถ้าเราอยู่คนเดียว เราก็จะต้องเสียเงินไปเฉยๆ สองพันกว่าบาท แทนที่จะได้เก็บทุกเดือน เพราะสองพันสำหรับเราก็มีค่ามากค่ะ
มาต่อที่ประเด็นรูมเมท คนนี้เป็นคนที่มีบุญคุณกับเรา เคยช่วยเหลือในยามเดือดร้อนมาก และเป็นคนที่เราไว้ใจ และมีพื้นฐานครอบครัวที่น่าสงสารคือ ครอบครัวไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูามที่ควรจะเป็น แถมยังขอเงินด้วย ทำให้ตัวเมทเขาก็มีความลำบาก เราจึงรู้สึกว่า ถ้าจะเมท เมทกับคนที่เขาได้ประโยชน์ดีกว่า เขาก็ได้เก็บเงินมากขึ้น ทดแทนเขาไปในตัว เราก็ได้เก็บเงินมากขึ้นด้วย
แต่ตอนนี้เราแคร์แม่มากค่ะว่าแม่จะไม่ชอบใจ หรือเป็นกังวล ถึงเราจะอธิบายแล้ว แม่ก็โอเค เข้าใจแล้ว แต่ไม่รู้ว่าลึกๆแม่รู้สึกยังไงกันแน่
คิดว่าควรอยู่ หรือย้ายออกคะ