“หอพักใหม่มีอะไรแปลกๆ”
“ซอยนี้ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้”
“ถนนเส้นนี้ดูไม่ค่อยมีรถกล้าขับผ่าน”
“โรงเรียนนี้เคยเป็นอะไรมาก่อน?”
.
.
.
“ที่นี่มีผีรึเปล่า?”
หลายคนคงคุ้นเคยกับประโยคข้างต้นเป็นอย่างดี แน่นอนว่าถ้าทุกคนสามารถรู้ได้ว่าสถานที่แห่งไหน คือที่สิงสถิตของเหล่าวิญญาณ ก็คงไม่เลือกที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ ณ ที่ตรงนั้นเป็นอันขาด ด้วยเหตุผลที่นิยามออกมาเป็นคำพยางค์เดียวคือ.. “กลัว”
แต่ในเมื่อโลกนี้มีคนเพียงกลุ่มน้อยเท่านั้นที่มีความสามารถในการสัมผัสถึงสิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือไม่ก็ตาม ทำให้อีกหลายคนหมู่มากจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ต่างๆ ที่ไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าที่แห่งนั้นมีวิญญาณวนเวียนอยู่หรือเปล่า และถ้ามี เราจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นั้นได้อย่างไร? ในกระทู้นี้ DEVA Hellblazer จะพาผู้อ่านทุกท่าน ไปรู้จักกับโลกอีกใบ..โลกที่มี ‘ผู้อยู่อาศัย’ ที่ทับซ้อนอยู่กับโลกของเรา นั่นคือ ‘โลกของวิญญาณ’ โดยผู้อยู่อาศัยซึ่งเป็นวิญญาณประเภทหนึ่ง เรียกว่า ‘วิญญาณในความทรงจำ’ ครับ
เคยสงสัยมั้ยว่า “ทำไมผีบางตนถึงต้องกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ซ้ำๆ?” เช่น นักศึกษาคนหนึ่งฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกจากดาดฟ้าหอพัก ทำให้หลังจากนั้น จะต้องมีผู้โชคดีได้พบกับนักศึกษาคนหนึ่งกระโดดลงมาจากดาดฟ้าแห่งเดิมเพื่อฆ่าตัวตาย ก่อนจะปีนกลับขึ้นไป แล้วกระโดดลงมาอีกครั้ง วนเวียนอยู่อย่างนี้ ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ
หากจะให้เหตุผลจากที่ได้ยินมาหลายต่อหลายครั้ง ก็คงไม่พ้น “ยังไม่หมดอายุขัย” หรือ “ชดใช้กรรม” แต่ถ้ามันมีอะไรมากกว่านั้นล่ะ? ถ้าจะบอกว่า วิญญาณที่เราเห็นในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิญญาณธรรมดา.. เพราะมันคือวิญญาณที่ผูกติดอยู่กับความทรงจำ มีแต่การทำงานของระบบความทรงจำ ไม่มีจิตใจ เพราะความทรงจำคือรูปแบบการทำงานของสมองที่ส่งกระแสคลื่นวนเวียนไปมาในสมองของมนุษย์ มันทำให้วิญญาณตนนั้นจดจำเพียงเหตุการณ์ชั่วขณะสุดท้ายที่ยังมีชีวิต ไม่มีระบบอื่นๆ ในสมองที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของการกระทำ ทำให้วิญญาณประเภทนี้ ต้องกระทำบางอย่างอยู่ซ้ำๆ เป็นกิจวัตร ส่วนที่ใช้การได้จะเหลือเพียงแค่ส่วนของความทรงจำ กลายเป็นสิ่งที่วนลูปเหมือนเพลง/ภาพยนตร์/โฮโลแกรมที่เล่นซ้ำฉายซ้ำ ไม่มีใครที่สามารถบอกให้นักร้องในเพลงจากม้วนเทป ,แผ่นซีดี หรือไฟล์ MP3 เปลี่ยนสำเนียงหรือเนื้อร้องได้ ทำได้แค่ฟังเพลงที่เขาบันทึกลงเทป/แผ่นซีดี/แฟลชไดร์จนครบรอบแล้ววนอัลบั้มใหม่
ซึ่งการที่เราสามารถพบเจอวิญญาณประเภทนี้ได้ คือการที่เราอาจจะเอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่มีความเกี่ยวพันธ์โดยตรงอย่างไม่มากก็น้อยกับผู้ตายแบบที่เราไม่รู้ตัว และช่วงเวลาที่เราพบเจอนั้นก็ประจวบเหมาะพอดี เช่น.. ถนนช่วงโค้งหักศอกสายหนึ่ง ในคืนวันพฤหัส เวลา 4 ทุ่ม จะต้องมีผู้โชคดีที่บังเอิญผ่านไปแถวนั้น แล้วได้พบกับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่แหกโค้งจนผู้ขับขี่เสียชีวิตคาที่ เป็นแบบนี้อยู่ทุกคืนวันพฤหัส และเปลี่ยนผู้โชคดีที่พบเจออยู่ไม่ซ้ำหน้า
เพราะฉะนั้น บางคนที่ตัดสินใจทำพิธีเพื่ออันเชิญดวงวิญญาณออกจากสถานที่ใดๆ เช่น โรงหนัง ห้องเรียน ห้องพัก หรือบ้าน อาจจะไม่ใช่วิธีที่ได้ผล 100% เพราะบางคนก็ยังพบว่า วิญญาณตนนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ กระทำบางอย่างอยู่ซ้ำๆ
และเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีหนังสยองขวัญเรื่องใหม่จากค่ายสหมงคลฟิล์มที่หยิบยกเอาเรื่องราวของวิญญาณที่ต้องผู้ติดอยู่กับสถานที่แห่งหนึ่ง มาเล่าผ่านภาพยนตร์ ‘สยามสแควร์’ เล่าถึงสถานที่ที่เป็นที่แห่งการใช้ชีวิตสำหรับหลายๆ คนอย่าง ‘สยาม’ ซึ่งเป็นที่ที่สวยงามน่าอยู่ น่าเดิน น่าเที่ยวในเวลากลางวัน แต่ถ้าเป็นกลางคืนล่ะ..มันคือสถานที่ของอะไรกันแน่?
ร่วมค้นหาคำตอบที่รอการเฉลยในภาพยนตร์ว่า ‘สยามสแควร์’ จะมีการหยิบเอาแนวคิดของ ‘วิญญาณในความทรงจำ’ ไปเล่าผ่านภาพยนตร์มากน้อยแค่ไหน และร่วมพิสูจน์ความน่ากลัวของความทรงจำที่ต้องถูกผูกติดอยู่กับสถานที่บางแห่งได้ 30 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
#DevaHellblazer
ตัวอย่างภาพยนตร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ที่มีผีสิง..ที่นี่เป็นอะไรมาก่อน?
“ซอยนี้ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้”
“ถนนเส้นนี้ดูไม่ค่อยมีรถกล้าขับผ่าน”
“โรงเรียนนี้เคยเป็นอะไรมาก่อน?”
.
.
.
“ที่นี่มีผีรึเปล่า?”
หลายคนคงคุ้นเคยกับประโยคข้างต้นเป็นอย่างดี แน่นอนว่าถ้าทุกคนสามารถรู้ได้ว่าสถานที่แห่งไหน คือที่สิงสถิตของเหล่าวิญญาณ ก็คงไม่เลือกที่จะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ ณ ที่ตรงนั้นเป็นอันขาด ด้วยเหตุผลที่นิยามออกมาเป็นคำพยางค์เดียวคือ.. “กลัว”
แต่ในเมื่อโลกนี้มีคนเพียงกลุ่มน้อยเท่านั้นที่มีความสามารถในการสัมผัสถึงสิ่งเหนือธรรมชาติ ไม่ว่าจะเห็นได้ด้วยตาเปล่าหรือไม่ก็ตาม ทำให้อีกหลายคนหมู่มากจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ต่างๆ ที่ไม่สามารถจะรู้ได้เลยว่าที่แห่งนั้นมีวิญญาณวนเวียนอยู่หรือเปล่า และถ้ามี เราจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นั้นได้อย่างไร? ในกระทู้นี้ DEVA Hellblazer จะพาผู้อ่านทุกท่าน ไปรู้จักกับโลกอีกใบ..โลกที่มี ‘ผู้อยู่อาศัย’ ที่ทับซ้อนอยู่กับโลกของเรา นั่นคือ ‘โลกของวิญญาณ’ โดยผู้อยู่อาศัยซึ่งเป็นวิญญาณประเภทหนึ่ง เรียกว่า ‘วิญญาณในความทรงจำ’ ครับ
เคยสงสัยมั้ยว่า “ทำไมผีบางตนถึงต้องกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ซ้ำๆ?” เช่น นักศึกษาคนหนึ่งฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกจากดาดฟ้าหอพัก ทำให้หลังจากนั้น จะต้องมีผู้โชคดีได้พบกับนักศึกษาคนหนึ่งกระโดดลงมาจากดาดฟ้าแห่งเดิมเพื่อฆ่าตัวตาย ก่อนจะปีนกลับขึ้นไป แล้วกระโดดลงมาอีกครั้ง วนเวียนอยู่อย่างนี้ ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ
หากจะให้เหตุผลจากที่ได้ยินมาหลายต่อหลายครั้ง ก็คงไม่พ้น “ยังไม่หมดอายุขัย” หรือ “ชดใช้กรรม” แต่ถ้ามันมีอะไรมากกว่านั้นล่ะ? ถ้าจะบอกว่า วิญญาณที่เราเห็นในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิญญาณธรรมดา.. เพราะมันคือวิญญาณที่ผูกติดอยู่กับความทรงจำ มีแต่การทำงานของระบบความทรงจำ ไม่มีจิตใจ เพราะความทรงจำคือรูปแบบการทำงานของสมองที่ส่งกระแสคลื่นวนเวียนไปมาในสมองของมนุษย์ มันทำให้วิญญาณตนนั้นจดจำเพียงเหตุการณ์ชั่วขณะสุดท้ายที่ยังมีชีวิต ไม่มีระบบอื่นๆ ในสมองที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของการกระทำ ทำให้วิญญาณประเภทนี้ ต้องกระทำบางอย่างอยู่ซ้ำๆ เป็นกิจวัตร ส่วนที่ใช้การได้จะเหลือเพียงแค่ส่วนของความทรงจำ กลายเป็นสิ่งที่วนลูปเหมือนเพลง/ภาพยนตร์/โฮโลแกรมที่เล่นซ้ำฉายซ้ำ ไม่มีใครที่สามารถบอกให้นักร้องในเพลงจากม้วนเทป ,แผ่นซีดี หรือไฟล์ MP3 เปลี่ยนสำเนียงหรือเนื้อร้องได้ ทำได้แค่ฟังเพลงที่เขาบันทึกลงเทป/แผ่นซีดี/แฟลชไดร์จนครบรอบแล้ววนอัลบั้มใหม่
ซึ่งการที่เราสามารถพบเจอวิญญาณประเภทนี้ได้ คือการที่เราอาจจะเอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่มีความเกี่ยวพันธ์โดยตรงอย่างไม่มากก็น้อยกับผู้ตายแบบที่เราไม่รู้ตัว และช่วงเวลาที่เราพบเจอนั้นก็ประจวบเหมาะพอดี เช่น.. ถนนช่วงโค้งหักศอกสายหนึ่ง ในคืนวันพฤหัส เวลา 4 ทุ่ม จะต้องมีผู้โชคดีที่บังเอิญผ่านไปแถวนั้น แล้วได้พบกับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่แหกโค้งจนผู้ขับขี่เสียชีวิตคาที่ เป็นแบบนี้อยู่ทุกคืนวันพฤหัส และเปลี่ยนผู้โชคดีที่พบเจออยู่ไม่ซ้ำหน้า
เพราะฉะนั้น บางคนที่ตัดสินใจทำพิธีเพื่ออันเชิญดวงวิญญาณออกจากสถานที่ใดๆ เช่น โรงหนัง ห้องเรียน ห้องพัก หรือบ้าน อาจจะไม่ใช่วิธีที่ได้ผล 100% เพราะบางคนก็ยังพบว่า วิญญาณตนนั้นก็ยังวนเวียนอยู่ กระทำบางอย่างอยู่ซ้ำๆ
และเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีหนังสยองขวัญเรื่องใหม่จากค่ายสหมงคลฟิล์มที่หยิบยกเอาเรื่องราวของวิญญาณที่ต้องผู้ติดอยู่กับสถานที่แห่งหนึ่ง มาเล่าผ่านภาพยนตร์ ‘สยามสแควร์’ เล่าถึงสถานที่ที่เป็นที่แห่งการใช้ชีวิตสำหรับหลายๆ คนอย่าง ‘สยาม’ ซึ่งเป็นที่ที่สวยงามน่าอยู่ น่าเดิน น่าเที่ยวในเวลากลางวัน แต่ถ้าเป็นกลางคืนล่ะ..มันคือสถานที่ของอะไรกันแน่?
ร่วมค้นหาคำตอบที่รอการเฉลยในภาพยนตร์ว่า ‘สยามสแควร์’ จะมีการหยิบเอาแนวคิดของ ‘วิญญาณในความทรงจำ’ ไปเล่าผ่านภาพยนตร์มากน้อยแค่ไหน และร่วมพิสูจน์ความน่ากลัวของความทรงจำที่ต้องถูกผูกติดอยู่กับสถานที่บางแห่งได้ 30 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
#DevaHellblazer
ตัวอย่างภาพยนตร์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้